Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
วิญญาณ...ความผูกพัน ตอนที่ ๑ : ใบหน้าปริศนาบนกระดานดำ (๑) ติดต่อทีมงาน

+++ ช่วงสมองตัน และลังเลนิดๆ ว่าจะจัดการตัวละครยังไงดี เลยพักมาลองเขียนเรื่องสั้นแบบหลอนๆ ดู ไม่รู้ว่าจะออกมาดีหรือเปล่านะคะ มือใหม่หัดขับค่ะ ติชมกันได้ตามสะดวกเลย ^^ +++


ตอนที่ ๑ : ใบหน้าปริศนาบนกระดานดำ ๑


เสียงออดบอกเวลาหมดคาบเรียนที่ ๘ ซึ่งเป็นวิชายุวกาชาดสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ดังยาวขึ้น อึดใจต่อมา เสียงฝีเท้าของเด็กหญิงกลุ่มหนึ่งก็วิ่งขึ้นบันไดตึกเรียนขึ้นมาพร้อมกับเสียงใสๆ ตามวัยของพวกเขา เด็กหญิงเหล่านั้นต่างเข้ามาวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้และ:-)รองเท้านักเรียนของตนเข้าไปไว้ใต้โต๊ะ ไม่ต้องกลัวว่าโต๊ะประจำของตนเองจะถูกใครแย่งไป เพราะต่างคนก็ต่างมีตำแหน่งประจำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะย้ายไปเรียนที่ห้องเรียนใดๆ ก็ตาม

“เล่นผีตะเกียบกันมั้ย พวกแก”

เสียงใครคนหนึ่งดังมาจากทางหลังห้อง แก้วกำลังวางสมุดหนังสือเรียนสำหรับการเรียนคาบสุดท้ายบนโต๊ะเสร็จพอดี จึงเหลียวมองไปทางต้นเสียง ก็เห็นร่างผอมกะหร่องของส้มยืนถือตะเกียบไม้อยู่ในมือแล้ว เธอยิ้มนิดๆ ดูเหมือนว่าระยะนี้การเล่นผีตะเกียบจะเป็นที่นิยมเสียจริงๆ เพราะไม่ว่าใครก็ต้องมีตะเกียบไม้แบบใช้แล้วทิ้งพกไว้ในกระเป๋านักเรียนไม่ต่างจากอุปกรณ์การเรียนกันคนละคู่สองคู่ แต่ไม่ใช่เธอ

คำร้องขอของส้มไม่ต้องรอคำสนองรับนานเลย แค่กะพริบตาเท่านั้น เด็กหญิงสามสี่คนก็เข้ามารุมล้อมคนต้นเสียงแล้ว ไม่นับรวมคนที่อยากขอมีส่วนร่วมด้วยการนั่งดูอีกเกือบทั้งห้อง ต้องพูดว่าเกือบ เพราะมีคนเดียวที่ไม่ขอเข้าร่วมวงไพบูลย์ด้วย  

“ไม่เล่นเหรอไอ้แก้ว” ส้มร้องถาม

“ไม่ล่ะ พวกแกเล่นเถอะ เดี๋ยวอาจารย์มาฉันจะบอก”

“เออ ขอบใจว่ะ”

แก้วส่ายหน้ายิ้มๆ เธอเคยชินกับการเป็นหน้าที่ยามประจำห้องไปแล้ว อย่างน้อยกว่าอาจารย์ประจำวิชาจะมา พวกนี้คงถามคำถามกับผีตะเกียบไปได้หลายข้อแล้วล่ะ เพราะคาบเรียนที่ต่อกับคาบยุวกาชาดอย่างนี้ อาจารย์สายสมมักมาช้ากว่าเวลาเริ่มเรียนจริงประมาณสิบนาทีเสมอ เพราะอาจารย์เห็นว่าเด็กๆ มักจะโอดครวญขอเวลาพักเหนื่อยเป็นประจำ แต่นั่นหมายความว่าอาจารย์ก็จะเลิกสอนช้าไปสิบนาทีเช่นกัน  

“ใครจะถามก่อน” เสียงส้มร้องถามอยู่กลางวง    

“ฉัน ฉันอยากรู้ว่าพี่มาร์ทชอบฉันบ้างไหม”

เสียงนั้นไม่ค่อยเลย ไม่ใช่แค่คนที่ล้อมวงเล่นที่โห่ออกมาเท่านั้น แม้แต่แก้วที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเรียนหน้าห้องยังถึงกับหัวเราะก๊ากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เพราะคนที่ถามคือดิวเด็กหญิงตัวอ้วนกลม แต่ก็นั่นล่ะนะ สำหรับโรงเรียนที่เกือบจะเรียกได้เต็มปากว่าเป็นโรงเรียนหญิงล้วนอย่างที่นี่ มันจะมีสักกี่คำถามกันเชียว ยิ่งนักเรียนชายมีเฉพาะชั้นมัธยมปลาย แถมยังเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีไม่ถึงยี่สิบคนอย่างนี้ ถ้าผิดจากนี้ก็คือถามถึงพี่คนนั้นน้องคนนี้ ที่เจ้าตัวบอกว่าเป็นน้องสาวพี่สาว หรือความเป็นจริงก็คือแฟนนั่นล่ะ

“อ่ะๆ ก็ได้ งั้นแกมาเอาตะเกียบมาต่อกัน เอาล่ะนะ ขออัญเชิญวิญญาณที่อยู่ในตึกนี้เข้ามาสิงสถิตในตะเกียบ ถ้ามาแล้วขอให้หุบเข้า”

ความที่ตึกเรียนอาคารสามหลังนี้ มีเรื่องเล่าสยองขวัญมากกว่าตึกเรียนหลังอื่นๆ โดยเฉพาะชั้นสามและชั้นสี่ที่พอไม่มีคนเดินอยู่แล้ว จะรู้สึกวังเวงอย่างประหลาด จึงทำให้ตึกสามกลายเป็นสถานที่ลองของ เล่นผีถ้วยแก้ว ผีตะเกียบ และอีกสารพัดผีไปโดยปริยาย เสียงเฮหลังห้องบอกสถานการณ์ได้ดี แก้วยิ้มๆ พลางลุกออกไปที่นอกห้องเพื่อดูต้นทางอย่างที่เคยทำ  

“ถ้าพี่มาร์ทชอบไอ้ดิว ขอให้ตะเกียบกางออก ถ้าไม่ชอบขอให้หุบเข้า”

คราวนี้หลังห้องเงียบสนิท เหมือนทุกคนกำลังลุ้นกับคำตอบของท่านผีตะเกียบอย่างใจจดใจจ่อ ครู่เดียวเท่านั้นเสียงดิวก็ลั่นๆ ขึ้นกลางวง

“อะไรวะเนี่ย ไม่หุบไม่กาง หมายความว่าไงเนี่ย ไม่เล่นแล้วเว้ย”

ร่างอ้วนเตี้ยประหนึ่งตุ่มสามโคกทะลึ่งพรวดขึ้นยืน ปลายตะเกียบที่ต่อกันนั้นหลุดออกจากกันทันที ส้มหน้าเผือดลงนิดหนึ่งก่อนพยายามตั้งสติและบอกว่า

“ดิว เดี๋ยวก่อน แกนั่งลง เรายังไม่ได้เชิญผีออกนะแก”

“เชิญแชนอะไร ผีไม่มีหรอก ถ้ามีก็ต้องตอบคำถามฉันดิ”

“ตามธรรมเนียมนะแก มีไม่มีก็ต้องเชิญออก”

“ไม่เชิญ”

ดิวตวาดแว้ดอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนเดินกระแทกเท้าปึงๆ ไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง พลอยทำให้คนที่เหลือต่างเงียบกริบหมดสนุกโดยปริยาย ต่างคนต่างแยกย้ายกลับมาที่โต๊ะของตัวเอง แก้วมองอย่างไม่เข้าใจจึงเดินผละจากหน้าประตูห้องมาหาส้มที่หลังห้อง

“ทำไมไม่เล่นต่อล่ะ อีกตั้งห้านาทีกว่าอาจารย์จะมา”

ส้มเงียบ ได้แต่นั่งขัดสมาธิมองสิ่งหนึ่งบนพื้น แก้วก้มมองตามก็เริ่มเข้าใจเมื่อเห็นเศษตะเกียบคู่หนึ่งถูกหักครึ่งทิ้งอยู่ตรงนั้น เด็กสาวเงยหน้าซีดเผือดขึ้นมองหน้าเพื่อนพลางบอก

“ไอ้ดิวไม่เชิญออกยังพอว่า แต่นี่มันเล่นหักตะเกียบทิ้งเลย ฉันสังหรณ์ใจแปลกๆ ว่ะ แก้ว”

“คิดมากน่ะส้ม ดิวมันไม่เชิญออก เราก็เชิญแทน แล้วขอขมาก็แล้วกัน”

ส้มพยักหน้ารับแล้วทำตามที่เพื่อนแนะนำ แต่สีหน้าก็ยังไม่ดีขึ้นเลย พอสิ้นคำขอขมาคำสุดท้าย ไม่ทันที่สองสาวจะเก็บเศษตะเกียบหักไปทิ้งถังผงเสียด้วยซ้ำ ก็ต้องสะดุ้งขึ้นสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องของเพื่อนในห้อง ส้มทะลึ่งตัวขึ้นยืนพอมองเห็นต้นเหตุของเสียงกรีดร้อง เด็กสาวก็ยืนตัวแข็ง มือบีบมือของแก้วแน่น


บนกระดานดำไม้ทาสีเขียวหน้าห้องนั้น ปรากฏใบหน้าปริศนาของหญิงสาวผมยาวรุงรังน่ากลัวประทับเด่นอยู่ตรงกลางกระดาน เป็นลายเส้นที่เหมือนมีใครสักคนวาดขึ้นด้วยชอล์ค ใช่ เหมือนวาดขึ้น ส้มอยากเชื่ออย่างนั้น ถ้าหากว่าตอนที่เข้ามาในห้องจะไม่มีรูปนั้นปรากฏอยู่ก่อนแล้ว และก็คงไม่มีใครบ้าพอที่จะวาดรูปนี้แน่ ยิ่งไปกว่านั้น ฝีมือของเพื่อนแต่ละคนยังไม่ถึงขั้นที่จะวาดภาพเหมือนได้ขนาดนี้

“มันร้องอะไรกันน่ะ ส้ม”

เสียงกระซิบแผ่วของแก้วถามขึ้น ถึงเธอจะมองอะไรไม่เห็นอย่างคนอื่น แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกเสียวสันหลังและขนคอลุกชันอย่างช่วยไม่ได้

“แกไม่เห็นเหรอแก้ว แกไม่เห็นรูปผู้หญิงบนกระดานจริงๆ เหรอ”

เด็กหญิงส่ายหน้า เธอไม่เห็นจริงๆ สิ่งเดียวที่เธอเห็นคือเพื่อนๆ ในห้องทุกคนต่างจ้องมองไปที่กลางกระดานเป็นจุดเดียวกันด้วยท่าทางหวาดกลัว ไม่เว้นแม้แต่คนที่เก่งกล้าไม่กลัวใครอย่างอ้อม ที่นั่งหน้าเผือดร้องกรี๊ดออกมาอย่างหมดท่าทอมบอย

“เอ้า เอะอะอะไรกันลูก”

เสียงอาจารย์สายสมที่มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ร้องถามมาจากหน้าประตู แต่ยังไม่ทันที่ใครจะตอบ อาจารย์ก็เหลียวไปมองที่กระดานอย่างไม่ตั้งใจ แก้วตาไม่ฝาดแน่ที่เห็นอาจารย์คนสวยขวัญใจของเธอชะงักยืนนิ่ง นัยน์ตาจ้องค้างไปที่จุดเกิดเหตุอย่างคนอื่นๆ ครู่เดียวเท่านั้น อาจารย์สายสมก็สูดลมหายใจลึกๆ เดินผ่านกระดานดำไปนั่งลงที่โต๊ะของอาจารย์ ก่อนบอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังออกว่าพยายามจะบังคับให้เป็นปกติที่สุดว่า

“อัจจิมา ไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดซะ ใครคงวาดทิ้งไว้นั่นแหละ”

อัจจิมา หรืออ้อม ทำหน้าตาเหยเก แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง ใครมันจะมาวาดทิ้งไว้ ในเมื่อคาบที่แล้วห้องนี้ไม่มีใครมาใช้ อีกอย่างห้องนี้ก็เรียกได้ว่าเฮี้ยนที่สุดในตึก ไม่มีใครกล้าเข้ามาคนเดียวหรอก ขนาดพวกเวรทำความสะอาดยังต้องเร่งมือทำให้เสร็จก่อนที่ห้องอื่นๆ จะลงจากตึกด้วยซ้ำ ร้ายไปกว่านั้น ประจักษ์พยานเกือบทุกคนในห้องล้วนรู้ดีแก่ใจ ภาพนั้นปรากฏขึ้นหลังจากที่ดิวหักตะเกียบไม่ถึงสองนาทีเท่านั้น เด็กสาวลุกจากโต๊ะเดินแกมวิ่งมาที่ตู้เก็บอุปกรณ์หลังห้อง ฉวยผ้าขี้ริ้วที่สะอาดที่สุดได้ผืนหนึ่งก็วิ่งปรู๊ดออกไป ระหว่างนั้นแก้วกับส้มต่างจูงมือกันกลับมานั่งที่โต๊ะของตนเอง ส้มเหลือบมองหน้าสาวปริศนาแวบหนึ่งก็หันมาถามแก้วอีกรอบ

“แก้ว แกไม่เห็นจริงๆ หรือ”

“ไม่เห็น ไม่เห็นจริงๆ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพวกแกเห็นอะไร”

“หน้าผู้หญิงผมยาวอยู่บนกระดาน ตรงกลางเลย แกลองมองอีกที”

แก้วเพ่งมองตำแหน่งที่เพื่อนบอกอยู่อึดใจใหญ่ ขณะนั้นอ้อมกลับขึ้นมาถึงพอดี เจ้าหล่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกก่อนยกผ้าขึ้นเช็ดยังตำแหน่งที่ส้มเพิ่งกระซิบบอกเธอก่อนหน้านี้พอดี คราวนี้เธอรู้แน่แล้วว่าทุกคนในห้องเห็นรูปประหลาดนั่น เว้นเธอคนเดียว


“ม..ไม่ออกค่ะอาจารย์ ไม่ออกจริงๆ”

อ้อมบอกอาจารย์ด้วยสีหน้าจะร้องไห้ มือที่ถือผ้าสั่นจนเห็นได้ชัด อาจารย์สายสมมองภาพที่ไม่เพียงเช็ดไม่ออกเท่านั้น แต่ยังดูเหมือนจะยิ่งชัดเจนขึ้นกว่าเดิมอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทว่าความเป็นครูทำให้เธอไม่สามารถจะแสดงความกลัวให้เด็กๆ ยิ่งขวัญหนีดีฝ่อหนักไปกว่าเก่าได้    

“งั้นก็พอเท่านั้นแหละ อัจจิมา”

อาจารย์สาวมองเด็กๆ ที่นั่งตัวสั่นอยู่เวลานี้อย่างเข้าใจ เพราะเธอเองก็ไม่มีกะจิตกะใจจะสอนเหมือนกัน จะอุปาทานไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ เธอรู้สึกเหมือนกับว่านัยน์ตาของรูปนั้นมีชีวิตและจ้องเขม็งมาที่ทุกคนในห้องอย่างมุ่งร้าย ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจ

“เอาล่ะ ครูรู้ว่าถ้าสอนไปพวกเธอก็คงไม่มีสติจะฟังแล้ว คาบนี้ครูจะขอสลับเป็นคาบอิสระแทนแล้วกันนะ เอาล่ะ เลิกชั้นได้”

ออกไปได้เร็วเท่าไหร่ จะเป็นผลดีมากขึ้นเท่านั้น นี่คือสิ่งที่เธอบอกกับตนเอง เพียงพริบตาเดียวเด็กๆ ก็อยู่ในสภาพที่พร้อมจะออกจากห้อง  วันนี้ทุกคนยอมถูกอาจารย์ประจำชั้นดุที่ไม่ได้ทำเวร ใครจะอยากอยู่ในห้องที่มีผีแบบนี้ล่ะ


แก้วกับส้มเดินรั้งท้ายทุกคนเพื่อจะพูดคุยกับอาจารย์สายสมที่เดินออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย แก้วมองหน้าอาจารย์ที่ตนชอบและสนิทสนมด้วยนิดหนึ่งก่อนเอ่ยถามเบาๆ

“อาจารย์คะ หนูถามจริงๆ เถอะค่ะ อาจารย์กับเพื่อนๆ เห็นอะไรบนกระดานนั่นคะ”

“แก้ว เธอไม่เห็นหรอกหรือ”

ถ้าไม่ใช่เวลาสอนแล้ว หญิงสาวมักเรียกชื่อเล่นของลูกศิษย์คนนี้มากกว่า        

'อีกคนแล้วนะ มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย'

แก้วร้องถามตัวเองในใจ ในขณะที่ปากก็ตอบคำถามด้วยประโยคเดิม คำตอบที่ทำให้นัยน์ตาของผู้แก่วัยกว่ามีแววประหลาดใจ ส้มเองก็พยักหน้ายืนยันคำของเพื่อนสนิท หญิงสาวครุ่นคิดอยู่นิดหนึ่งก็ถามว่า

“เธอห้อยพระหรือเปล่าเนี่ย”

“คะ ก็ห้อยสิคะ หนูถอดสร้อยก็แต่ตอนอาบน้ำเท่านั้น เวลาอื่นๆ ก็สวมติดคอตลอด แต่หนูว่าไม่น่าเกี่ยวกันนา เพราะอ้อมก็ห้อยพระเหมือนกัน เขายังเห็นเลยนี่คะ”

“หรือว่า...” ส้มเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “แก้วเขาไม่ได้เล่นผีตะเกียบกับพวกเราค่ะ”

“หือ เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันนี่ เธอสองคนเล่าให้ครูฟังซิ”

 
                                                                          อริญชย์

แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 17:07:07

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 17:06:43




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com