Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เสน่หา...ปารีส ตอนที่2 ติดต่อทีมงาน

มาจะกล่าวบทไป...
ตั้งใจจะอัพวันละหนึ่งตอนไปจนครบตลอดสัปดาห์ค่ะ จากนั้จะกลายเป็นสัปดาห์ละหนึ่งตอนนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ(มีมั่งป่าวก็มิรู้ แต่ก็ตู่เอาเองแล้วกันนะว่ามีคนตามมาอ่าน)

 

บทนำ+ตอนที่1http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11561860/W11561860.html

Chapter2: The waiting is end

เรื่องใหญ่ขนาดนี้ มีหรือที่วิภาวีจะไม่รู้ ทันทีที่รับรู้ว่า’แฟน’ของเขาอยู่ปารีส ท่านผู้บริหารที่แสนจะเอาการเอางานก็นำพาตัวเองพร้อมกับ Bugatti veyron สี ดำมันปลาบคู่ใจ ขับฝ่าการจราจรที่ค่อนข้างพลุกพล่านของกรุงปารีสหลบออกมาแถบชานเมืองโดยไร้ ซึ่งผู้ติดตามเหมือนเช่นเคย จุดหมายปลายทางคือ บ้านของวิภาวี

          วิภาวี หรือที่เขามักจะเรียกสั้น ๆ ว่า วี ที่มาจากคำว่า Victoria เป็น เพื่อนสาวชาวไทยของริต้าที่เธอทั้งสองรู้จักกันในวิทยาลัยศิลปะ ในขณะที่เขารู้จักริตาสมัยที่เรียนเกรดหนึ่ง จึงได้รับอานิสงให้ได้รู้จักหญิงสาวชาวไทยผู้นี้ไปด้วย ด้วยความสามารถทางด้านการออกแบบที่ส่องประกายมาตั้งแต่อยู่วิทยาลัยศิลปะของ วิภาวี และมีเพื่อนอย่างเขาคอยสนับสนุนอยู่ห่าง ๆ จึงทำให้เธอกลายเป็นมือหนึ่งของ La Belle ได้ไม่ยาก...แต่น่าเสียดายที่เจ็ดปีก่อน เธอขอถอนตัว เพราะสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่เรียกว่า...คนดี ตอนนี้วิภาวีเลยเป็นดีไซเนอร์อิสระรับทำงานออกแบบเล็กๆน้อยๆอยู่ที่บ้านควบ คู่กับการเป็นซิงเกิลมัมเพื่อดูแลลูกสาววัยกำลังน่ารัก

          มือ เรียวของชายหนุ่มคลอเคลียแก้มยุ้ยของหลานสาววัยหกขวบที่กำลังขี่ตุ๊กตาปลา วาฬสีชมพูด้วยความเอ็นดู ถึงแม้ว่าจะเหมาของเล่นทั้งร้านมาให้เหมือนเช่นเคย แต่วันนี้ปาป็องเอเตียนมาแปลกอยู่นานเกินครึ่งชั่วโมง สาวน้อยแก้มกระติกครุ่นคิดอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการเล่นของเล่นที่ปาป็องเอเตียนขนมาให้ไปเรื่อย ๆ ละเลียดทีละชิ้นดื่มด่ำอย่างใจเย็น

          แปลก จริง ๆ ที่คนอย่างเขาจะมาหาเธอในเวลางานเช่นนี้ ด้วยเหตุผลแค่...เอาของเล่นมาให้หลาน แถมยังขอกินมื้อเย็นด้วยอีกต่างหาก ใครก็รู้ว่าเดี๋ยวนี้เขาบ้างานจะตาย...สงสัยจะไปรู้อะไรมา

          “ คนดีเอาใจปาป็องเอเตียนมาก ๆ นะคะ ปีนึงถึงจะมาทานข้าวเย็นกับเราซักครั้ง ” วิภาวีร้องแซวออกมาจากครัว ขณะที่สาวน้อยตัวจิ๋วคว้าหมับที่คอของคุณพ่ออุปถัมภ์ตัวใหญ่ในทันที

          “ เว่อร์น่าวี ผมก็ออกจะเข้ามาบ่อย ๆ ” เขาแย้งพลางลูบหัวสาวน้อยคนดีพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะก้มลงกระซิบถามหลานสาว “ คนดีช่วงนี้ที่บ้านมีแขกไหมจ๊ะ ”

          “ มีค่ะ ” เสียงเล็กสวนพร้อมกับรอยยิ้มสดใส เล่นเอาคุณพ่ออุปถัมภ์หัวใจพอโตจนคับอก ริต้าต้องฝากลูกสาวแสนสวยไว้ที่นี่แน่ ๆ เชื่อสิ

          “ เอ แล้วแขกของคนดีกลับบ้านไปแล้วหรือจ๊ะ ” สาว น้อยส่ายหัวก่อนที่จะหันเหความสนใจไปที่รถบังคับรุ่นใหม่ สุดยอดรถบังคับแห่งปี มัสแตงสีเหลืองมัสตาร์ดที่เธอชื่นชอบซะด้วย ฟิ้ว ๆ ฟ้าว ๆ อย่างนี้คนดีชอบสุด ๆ ขณะที่ร่างใหญ่ที่นั่งเล่นด้วยกอดปลาวาฬชมพูจนหัวบี้เลยทีเดียว ยังอยู่ด้วยเว้ยเฮ้ย

          “ แล้วไปไหนซะล่ะ แขกของคนดีน่ะ ” เขากระซิบถามหลานสาวอีกครั้ง ก่อนที่นิ้วอ้วนป้อมจะชี้มาที่เขา อย่างไม่ใส่ใจนัก

          ตุบ ! เอเตียนทิ้งตัวลงกับพื้น ในใจคิดอยากจะดิ้นพล่าน ๆ ให้ขาดใจตาย โดนเด็กหลอกประจำ ! เจ้าของผมหน้ามาเต่อและผมทรงกะลาครอบมองดูปาป็องเอเตียนอย่างงง ๆ ก่อนที่จะตะโกนเรียกแม่ที่อยู่ในครัว “ แม่ค้า ! ปาป็องเอเตียนม่องเท่งไปแล้ว ” ปา ป็องเอเตียนได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันลูกสาวอุปถัมภ์ของตัวเองอยู่ในใจ อยากจะเบิ๊ดกะโหลกยัยจิ๋วแรง ๆ ซักสี่ห้าทีข้อหาหลอกให้อยากแล้วจากไป แต่ก็เกรงใจแม่มัน

          อย่าบอกนะว่าอยู่กับไอ้เล ! เขาสบถลั่นในใจก่อนจะผุดตัวลุกขึ้นอย่างรีบร้อน :-)ได้ตายคาตีนกูแน่ ไอ้ตาเขียว เลี้ยงไม่เชื่องนะ:-) !

          “ จะไปไหน ไม่กินข้าวเย็นแล้วหรอ ” ร่างบางในชุดลำลองสบาย ๆ ซึ่งถูกคลุมทับด้วยผ้ากันเปื้อน ถือจานขนมมากาครอง (Macaron)กับ ถาดน้ำชาออกมาร้องถามพร้อมกับรอยยิ้ม หุนหันพลันแล่น และใจร้อนบ้าพลัง คือเอเตียนที่เธอรู้จักตั้งแต่เด็กจริง ๆ แม้ว่าเขาจะนิ่งขึ้นมากจากแต่ก่อนด้วยวัยและประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นตามอายุ แต่กับบางเรื่อง เขายิ่งอ่อนไหวง่าย เหมือนหนุ่มน้อยเลือดร้อน ที่ฮอร์โมนกำลังพุ่งพล่าน

          “ มีธุระ ” เขารีบตอบ ก่อนที่จะรีบถลาไปคว้าโค้ทที่แขวนอยู่

          “ ธุระเรื่องใยบัว ” วิภาเอ่ยเสียงเรียบ ขณะที่พ่อหนุ่มเลือดร้อนหันควับไปหาเพื่อนรักจนคอแทบหัก วีรู้ว่าเธอมา ! มันน่าโมโหตรงนี้ที่วีไม่เคยคิดจะบอก ทั้ง ๆ ที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขารักบัวบูชามายแค่ไหน

          “ วีผมไม่ชอบเพื่อนทรยศ ” เขาสวนเสียงเย็นพร้อมกับแววตาดุดัน ขณะที่วิภาวียังคงนิ่ง

          “ ฉันก็ไม่ชอบทรยศเพื่อน ” หญิง สาวตรงหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เอเตียนถึงกับเม้มเรียวปกบางจนแนบสนิทเมื่อได้ยินประโยคนี้ ชายหนุ่มรู้ดีว่าวิภาวีหมายถึงปาลิตา รู้ดีว่าวีอึดอัดที่ต้องอยู่ตรงกลางระหว่างเขาและริต้า อยู่ตรงกลางระหว่างความรักที่ไม่คู่ควรของเขากับใยบัวโดยที่ไม่คิดจะปริ ปากบอกปาลิตาเลยสักคำ

          “ ผมขอโทษ ” เขา ตอบกลับเสียงเศร้าสร้อย ในขณะที่หญิงสาวคลี่ยิ้มจาง ๆ ออกมา นับถือในความตั้งใจของเขา ที่อดทนรอบัวบัวชาลูกสาวสุดที่รักของปาลิตาอย่างใจเย็นมาถึงห้าปี เอเตียนคนนี้ทำให้เธอเชื่อว่าว่า รักแท้ยังมีอยู่จริง น่าสงสารขนาดนี้มีหรือที่คนขี้ใจอ่อนอย่างเธอจะไม่ช่วย แต่บางที่มันก็ต้องอยู่ในขอบเขต ในกรอบที่ถูกและที่ควร เพราะอีกฝั่งก็คือเพื่อนรักของเธอเช่นกัน

          “ มาเถอะเดี๋ยวชาจะเย็นเสียหมด ” วิภาวี เอ่ยพร้อมกับระบายรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนที่จะหันไปหาสาวน้อยตัวจิ๋วที่ตอนนี้เปลี่ยนไปสนใจปืนพลาสติกที่ยิง แล้วจะมีเสียงประหลาดและลำแสงสีเขียวออกมา โคตรจะน่าสนุก ร่างบางของผู้เป็นแม่กระตุกอยู่ครู่ เมื่อช่วงหลัง ๆ มานี้ลูกสาวคนดีของเธอเล่นตุ๊กตาไม่ได้นาน แถมเอเตียนยังเลือกของเล่นให้หลานสาวไม่เป็นเสียด้วย เด็กสมัยนี้เค้าต้องเล่นตุ๊กตาบลายธ์กันแล้วจ้ะ..

          มี เพียงแม่หนูคนดีเท่านั้นที่ชื่นชอบของว่างมื้อนี้ ในขณะที่แขกคนสำคัญยังคิดวกไปวนมาถึงใครบางคน จึงได้แต่นั่งเงียบ คำถามมากมายผุดขึ้นในสมองของเขาร้อยแปดพันเก้าแต่ก็ไม่รู้จะเริ่มถามคำถาม ไหนกับหญิงสาวตรงหน้าก่อนดี

          “ เธอมาทำไม ” วิภาวียิ้มพลางมองหน้าเพื่อนรักด้วยความเอ็นดู ถ้าเป็นเรื่องของบัวบูชาเขามักจะไปไม่เป็นทำอะไรไม่ถูก หงุดหงิดงุ่นง่านเสมอ

          “ มาเที่ยวมั้ง ” เธอตอบอย่างไม่ใส่ใจนักพลางจิบชาไปเรื่อย

 “ จบไฮสคูลคุณมิ่งก็เลยส่งให้มาเทคคอร์สสั้น ๆ ก่อนเรียนมหาลัยน่ะ ” เขา พยักหน้าช้า ๆ พลางนึกถึงเด็กผู้หญิงตัวอวบ ๆ นิ่ม ๆ ตาโตแก้มป่อง ที่เขาแอบปลื้มตั้งแต่เมื่อแรกเจอ ผ่านมาห้าปีเธอโตถึงขนาดจะเรียนมหาวิทยาลัยแล้วหรือนี่

          “ เธอจะมาเรียนที่นี่หรอวี “ เอเตียนเอ่ยอย่างร้อนรน อยากจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับเธอ เสียจนรู้สึกว่าตัวเองหมดมาดผู้บริหารสุดขรึมแห่ง La Belle ไปเลย

          “ เทคคอร์สสั้น ๆ ภาษาและศิลปะ ” แค่นี้ก็ชื่นใจแล้วจริง ๆ คิดไม่ผิดที่เป็นบัวบูชา เป็นแฟนผู้บริหารของ La Belle ก็ต้องเรียนรู้ภาษาและศิลปะขั้นพื้นฐานเป็นธรรมด๊า แค่นั้นก็พาลพาให้เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนแก้มปริ

          เอเตียนทำท่าเออเออก่อนจะซักต่อ “ มานานรึยัง แล้วอยู่ไหนซะละ ไปเรียนหรอ ”

          “ประมาณสัปดาห์นึงได้แล้วมั้ง ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ไหน ไม่รู้ว่าตอนนี้ทำอะไร” นัยน์ตาคมหรี่ลงด้วยความสงสัยจนเก็บอาการไว้แทบไม่อยู่

          “เธอไม่ได้อยู่กับคุณหรือวี”

          “เปล่า เธออยู่ในที่ ๆ ปลอดภัย” เอเตียนถึงกับลอบเบ้หน้าไม่ชอบใจอย่างแรง

          “แล้ว...มันที่ไหนอ่ะ” เขาแสร้งทำเป็นยกชาขึ้นจิบ เหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร...แต่อย่าให้รู้ !

          “ถ้าคุณรู้แล้วมันจะปลอดภัยหรอเอเตียน” คำ ตอบของวิภาวีเล่นเอาปารีเซียงหนุ่มถึงกับสำลักชาพรวดใหญ่ ๆ ถ้าโซฟาไม่มีพนักพิงป่านนี้เขาหน้าหงายไปแล้วล่ะ ขณะที่วิภาวีได้แต่ลอยหน้าลอยตาเล่นกับลูกสาวไปเรื่อย ไม่เป็นไรวีไม่บอกก็ไม่เป็นไร เพราะที่ ๆ ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ต้องไม่ใช่บ้านของเลโอเนลแน่นอน ไอ้ตาเขียวมันจะได้คืนทุนที่เขาเสียไปถึงห้าปี ก็คราวนี้ล่ะ เดี๋ยวก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า

          “ อยากสูบคริสป์มินท์ ” นัยน์ตา สีเขียวของเลโอเนลที่ถลึงแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า ปรกติก็ซื้อแบล็ก เมนทอลมาให้สูบเป็นประจำ แต่พอซื้อกลับมาปุ๊บเมอร์ซิเออร์ก็อยากจะ ไลท์เมลทอล ซะอย่างนั้น โอเคไม่เป็นไรเขาพอจะเข้าใจเลยเดินขาลากกลับไปซื้อมาให้ แล้วนี่พ่อรูปหล่อยังอุตส่าห์เกิดครึ้มอกครึ้มใจอยากจะสูบคริสป์มินท์อีก ตายห่ะ !

          “อย่าบอกนะเมอร์ซิเออร์” เลโอเนลโอดพร้อมกับมองหน้าผู้เป็นนายตาปริบ ๆ เพื่อขอความเห็นใจ

          “ไปซื้อมาไป” เสียงทุ้มกังวานตอบ ทั้ง ๆ ที่ไม่เงยหน้าขึ้นมาดูสารรูปของเขาเลยซักแอะ

“เร็วเข้าเลโอเนล ฉันต้องเข้าประชุมภายในสิบนาที มาให้ทันด้วย” เอเตียนทิ้งท้ายเสียงเรียบ ขณะที่จังคงจดจ่ออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์

          สิบนาที ! (เขา ร้องลั่นในใจ)ก่อนที่จะวิ่งกวดสี่คูณร้อยกลับไปที่ร้านตาบาอย่างไม่ลดละ เมอซิเออร์เห็นเขาเป็นตัวอะไร ที่มันแรงงานทาสชัด ๆ ถ้าไม่ติดที่จะต้องส่งบ้านส่งรถแล้วละก็ แน่นอนว่าเขาหอบผ้าหอบผ่อนหนีไปอยู่สวนทุเรียนกับมาดามริต้าไปแล้ว ฮึ่ย ! เลโอเนลตัวล่ำวิ่งไปก่นด่าโชคชะตาฟ้าดิน(รวมถึงเมอซิเออร์)ไป ด้วยหัวใจที่บอบช้ำ ขณะที่เมอซิเออร์เล่นเกมส์เรียงเพชรไปเรื่อยเปื่อย       

         

          เฮือก ! นี่ มันกลั่นแกล้งกันชัด ๆ เขาเหลือเวลาแค่สามนาทีในขณะที่ลิฟต์ทุกตัวของออฟฟิศไม่สามารถใช้การได้ และด้วยเหตุนี้เองหนทางเดียวของการอยู่รอดของชีวิตเลโอเนลน้อย ๆ ก็คือบันไดหนีไฟ ในขณะที่ผู้บริหารระดับสูงทั้งหลายแหล่นั้นอยู่ชั้นบนสุดของตัวอาคาร ชั้นแปด ! ไม่มีเวลามาโอดครวญใด ๆ เสียแล้วเมื่อตอนนี้เขาเหลือเวลาอีกเพียงแค่ สองนาทีครึ่งเท่านั้น

          ยูเรก้า ! เลโอเนลคำรามลั่นในใจเมื่อเขากวดขึ้นบันไดแปดชั้นได้ภายในสองนาที พรึบ ! ไอ้หนูเลรีบเปิดประตูห้องทำงานของเมอซิเออร์พร้อมกับยิ้มร่าด้วยความเบิกบาน

 “ แป่ว ! หายไปไหนกันหมดอ่า ” เขาร้องขณะที่ยังหอบแฮ่ก ๆ ภายในห้องเงียบกริบไม่มีใครซักคน ไอ้คนที่อยากเป็นมะเร็งปอดตายใจจะขาดอยู่ไหนล่ะนั่น

          “ เมอซิเออร์รอคุณอยู่ในห้องประชุม นี่คือลิสต์รายการกาแฟทั้งหมดที่คุณต้องชง และนำส่งเข้าห้องประชุมผู้บริหาร ภายในสิบนาที ” เจ้า ป้าโซฟียัดกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับเขา พลางมองดูสภาพที่ยับเยินที่สุดของคุณบอดี้การ์ดหมายเลขสองของเมอซิเออร์เอ เตียน หน้าตามันก็ดีอยู่หรอก แต่สภาพนี่กุ๊ยได้อีก ไม่รู้ว่าเมอซิเออร์จะเลี้ยงมันไว้ให้เสียข้าวสุก เปลืองงบประมาณบริษัททำไม

          “ หา ! ” เลโอเนลร้องลั่น ขณะที่นัยน์ตาสีเขียวสดใสสั่นระริกด้วยความเจ็บปวด คราวนี้โดนเมอซิเออร์เล่นอ่วมแน่ ๆ เลโอเอ๊ย

          สอง สามวันที่ผ่านมาเขาไม่เป็นอันกินอันนอนเลยทีเดียวเมื่อโดนพ่อรูปหล่อจิกใช้ เยี่ยงทาสอย่างไม่ปราณีปราศรัย ในขณะที่ไอ้ตัวดำนิกกี้ยื่นดูอยู่ห่าง ๆ พลางหัวเราคิกคักอย่างชอบใจ ครั้งล่าสุดนี่ดราม่ายิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เมื่อยอดชายเอเตียนดันทำแหวนตกลงไปในโถส้วม ร้อนถึงเลโอน้อยที่ต้อง...ล้วง เอาของรักของหวง(แหวน)มาคืนให้พ่อกอลั่มรูปหล่อ สากกะเบือยันเรือบินก็ไอ้เลโอคนนี้แลที่ต้องไปตามหามาถวายให้เมอซิเออร์ ทุกอย่าง

          เอส เปรสโซ่ดำปี๋เหมือนนิกกี้ถูกวางไว้ด้วยมืออันสั่นเท่าของเลโอเนลผู้กำลังจะ หมดลม เอ๊ย หมดแรงในไม่ช้า บอบช้ำทั้งกายใจจนพูดอะไรไม่ออก ขณะที่เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินยังคงจดจ่ออยู่ที่กองเอกสารอย่างตั้งอกตั้งใจ

          “ขอบใจนะเลโอ” เขาปรายตามามองเลโอด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย เมื่อสบตาก็เล่นเอาไอ้หนุ่มตาเขียวใจหายวาบใหญ่ด้วยความหวาดกลัวที่ยังคงมีอยู่เต็มตื้น

“ช่วงนี้นายดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า” ร่าง สูงสง่าบนเก้าอี้มองดูบอดี้การ์ดหนุ่มด้วยท่าทีผ่อนคลายพร้อมกับระบายยิ้ม จาง ๆ ยิ้มแบบนี้ของเมอซิเออร์มันมักจะมาพร้อมกับหายนะอยู่เสมอ ๆ

          เล โอเนลกลืนน้ำลายลงคอเข้าไปอึกใหญ่ ๆ อย่างยากเย็น ขณะที่มือเริ่มสั่น ความเย็นสะท้านจากสายตาของเอเตียนค่อย ๆ ปกคลุมและแผ่กระจายเป็นวงกว้าง จนทำให้เลโอเนลรู้สึกน้าวหนาว ขณะที่เหงื่อเม็ดน้อยเม็ดใหญ่ยังคงผุดพรายอยู่บนใบหน้าและฝ่ามือ หูอื้อ หน้ามืด ตาลาย คล้ายจะเป็นลม

“ เอ่อ...ผมสบายดีครับ ” บอดี้การ์ดหนุ่มอ้อมแอ้มตอบ พลางก้มหน้างุด ๆ ไม่กล้าสบตากับตัวพ่ออย่างแรง

          “ก็ดี ฉันเป็นห่วงกลัวว่านายจะตายก่อนวัยอันควร” เล่นเอาเลโอเนลน้อยสะดุ้งเฮือกพร้อมกับสั่นเป็นเจ้าเข้า

          ครืด ! ครืด ! โทรศัพท์ สีขาวปลอดในสูทของเขาสั่นเป็นระยะพร้อมกับเสียงเพลงหนูมาลี เอเตียนกระตุกอยู่ครู่ก่อนที่จะหันกลับไปทำงานต่อโดยไม่มีท่าสนใจมากนัก แต่ในใจกลับกระวนกระวายอย่างหาที่สุดมิได้ ต้องเป็นใยบัวแน่ ๆ เชื่อสัญชาตญาณของคู่ชีวิตอย่างเขาสิ’แฟน’ของเขาแน่ ๆ ไม่ใช่ใคร

          “ข...ขอตัวนะครับ เมอซิเออร์” เลโอเนลเอ่ยเสียงสั่นก่อนที่จะเดินเลี่ยงออกไป

          นั่นไงยัยตัวเล็กชัวร์ ๆ เขาร้องในใจพลางนึกเขม่นไอ้ตาเขียวหัวขโมย มันรู้ทั้งรู้ว่าใยบัวเป็น’แฟน’เขา แต่มันหักหลังคนที่เลี้ยงดูปูเสื่อมันมากว่าห้าปีอย่างเลือดเย็น

          “แฟนเด็กโทรมาชัวร์” พรายดำเบื้องหลังออกความเห็นเรียงเรียบ

“เบื่อจริงพวกวิตถารกินเด็ก” ไอ้ประโยคหลังของนิโกลาส์ทำเอาคนที่หมายมั่นปั้นมือจะกินเด็กตั้งแต่เมื่อห้าปีที่แล้วกระตุกวูบ

          “มันรักของมันละมั้ง” เขายายามแก้ตัวแทน(ตัวเอง)ขณะที่นิโกลาส์ส่ายหัวช้า ๆ พร้อมกับเบะปากอย่างไม่ชอบใจนัก

          “มัน โรคจิต คนอะไรไม่รู้จักหักห้ามใจ ถ้าพ่อแม่เด็กผู้หญิงเขารู้ เค้าจะเสียใจมากแค่ไหนก็ไม่รู้นะเมอซิเออร์ ที่มีคนรุ่นราวคราวเดียวกันหวังจะเคลมลูกสาวตัวเอง” นิกกี้ออกความเห็นเสียยาวยืดพลางหายใจฟึดฟัด ด้วยความรู้สึกเห็นใจพ่อแม่ฝ่ายหญิงอยู่เต็มตื้น ทั้ง ๆ ที่เขาเองก็รู้จัก

          “...........”

เขา จำเป็นต้องข่มจิตข่มใจเอาไว้ไม่ให้เผลอใจเหลียวหลังไปกระทืบบอดี้การ์ดคู่ใจ ร่วมงานกันมากว่าสิบปี ซึ่งเขารู้ดีว่าลูกน้องคนนี้ของเขาเป็นคนที่เคร่งศาสนา ถึงขนาดเข้าโบสถ์ทุก ๆ กันอาทิตย์ และเป็นอาสาสมัครเข้าร่วมร้องเพลงประสานเสียงเพื่อขอรับบริจาคซ่อมแซมบำรุง โบสถ์และช่วยเหลือเด็กยากจนอยู่บ่อย ๆ แต่ไม่เข้าใจว่า รักเด็กมันผิดตรงไหน ใครห้ามได้ล่ะ ใครไม่เป็นเขาไม่มีวันรู้หรอก

          นัยน์ตาน้ำเงิน เป็นประกายวาวาบฉายแววหงุดหงิดสะท้อนออกมาทางแววตา ก่อนจะกลับมาเป็นสีน้ำเงินเข้มเหมือนผืนน้ำทะเลในคืนเดือนมืดที่ราบเรียบ นิ่งสนิทอีกครั้ง เมื่อร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นโดยไม่ได้รับเชิญ

          ปีแอร์ กาลาส ! ไอ้กากนี่มันมาทำไม

...........................................................................................................................................................  

 

     

“ไงองค์ชาย” เจ้าของนัยน์ตาสีสนิมเหล็กเอ่ยทักทายผู้บริหารหนุ่มน้อยพร้อมกับรอยยิ้มเป็นประกาย

          “องค์ชาย...รัชทายาท” เอเตียนต่อคำกับญาติผู้พี่ พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากคล้ายจะเย้ยหยันอีกคนหนึ่ง

          ปี แอร์ที่พิงประตูพยักหน้าเอออออย่างไม่ใส่ใจนัก พลางเพ่งพินิจชายหนุ่มร่างสูงสง่าออร่าเปล่งประกายบนเก้าอี้ผู้บริหารด้วย แววตาที่ยากจะคาดเดา ก็อยากจะเอ็นดูในฐานะน้องชายอยู่หรอกนะ แต่ดูท่ามันสิ หยิ่งเกิ๊น

          “มีธุระอะไรละคุณ...อัศวิน” สรรพนามเรียกขานเหมือนจะเล่นด้วยของหนุ่มกว่าตรงหน้า พาลให้ปีแอร์แอบหงุดหงิดเล็ก ๆ ในใจ อัศวินที่ซักวันจะโค่นบังลังก์แกไงล่ะไอ้หนู

           “แค่...จะมาชวนไปเที่ยวน่ะ” เจ้าของนัยน์ตาสีสนิมเหล็กนัยวัยสามสิบเจ็ดเอ่ยขึ้น พลางเดินชมโน่นชมนี่ในห้องของเอเตียนไปทั่ว “พอดีว่า...มีประชุมซีอีโอที่มิลานน่ะ” เล่นเอาคนที่จะขึ้นเป็นซีอีโอคนใหม่ถึงกับกระตุกวาบ

“ก็ไม่อยากจะข้ามหน้าข้ามตาหรอกนะ แต่พวกเขาขอร้องให้ฉันไป มันช่วยไม่ได้จริง จริ๊ง!!”  ปีแอร์ลอยหน้าลอยตาเอ่ย กวนอารมณ์ของเอเตียนให้ปั่นป่วน เอาอีกแล้ว ! ผู้ถือหุ้นพวกนั้นเล่นเขาอีกแล้ว

          “ไม่หรอก ผมใจกว้างพอ พยายามต่อไปเถอะ” เอเตียนตอบด้วยน้ำเสียงสดใส พลางเอนหลังพิงโซฟาด้วยท่าทีสบายอกสบายใจ “ว่าจะไปทำสปาสักหน่อย ไปด้วยกันไหม”

          “นาย...”  ปีแอร์พึมพำพลางมองรูปหล่อด้วยความรู้สึกสุดแสนจะหมั่นไส้ จะโดยสอยจนร่วงบัลลังก์อยู่แล้วยังมีหน้าไปทำสปาอีก

          “อ้อ! ลืมไปคุณต้องตั้งหน้าตั้งตาฮุบสมบัติผมนี่นา ” เอเตียนแสร้งทำหน้าเป็น ตอกปีแอร์กลับด้วยวาจาเชือดเฉือน “พยายามมากี่ปีแล้วล่ะคุณพี่”

          “ไม่รู้หรือไอ้น้อง ว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จมันก็อยู่ที่นั่นล่ะนะ” พูดแบบนี้แปลว่ามันล็อบบี้ผู้ถือหุ้นไว้เกือบจะหมดแล้ว เดินเกมเต็มสตรีมแล้วล่ะสิไอ้กาก

          “งั้นก็พยายามต่อไปก็แล้วกันนะครับ” เขายืดตัวขึ้นพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้กับอัศวินแห่ง La Belle ก่อนที่จะย่างเท้าผ่านไปด้วยท่าทีที่สง่าผ่าเผย โดยมีนิโกลาส์เป็นผู้คุ้มกันอยู่เบื้องหลัง

          ‘แฟน’บินไกลมาหาทั้งที ไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำกับพวกไร้สาระนานนักหรอก เสียสุขภาพจิต เอาเวลาไปทำสปาหน้าใสกิ๊งไว้คอยเจอใครบางคนดีกว่า

          ใน ขณะที่ใครบางคนที่เขาตู่ว่าเป็นแฟน รู้สึกเหงาจนแอบน้ำตาซึม เมื่อถูกปฏิเสธจากพี่ชายเป็นครั้งที่สาม เขางานยุ่งตลอดจนไม่มีเวลาแม้แต่จะคุยกับเธอเลยหรือ ไหนจะคุณลุงอีกคนที่วัน ๆ ทำงานไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บินเข้าบินออกต่างประเทศเป็นว่าเล่น ก็ยังดีที่ยังมีข้าว(ที่ไม่ใช่ข้าว)กินครบสามมื้อ แล้วคุณลุงก็โทรมาทุก ๆ สองทุ่มของทุกวัน แต่มันจะไม่ให้เธอเหงาได้อย่างไรเล่าก็ในเมื่อเขาโทรมาแค่...

          คุณหลานกินข้าวรึยัง...ฝันดีนะจ๊ะ...ลุงก็คิดถึงจ้า และสุดท้ายก็จบลงด้วย แค่นี้ก่อนนะจ๊ะลุงต้องไปทำงานแล้ว

          ร่าง บางบนโซฟาแบบเดย์เบดหนานุ่มที่เคยนอนดูทีวีกับคุณลุงบ่อย ๆ ถอนหายใจออกช้า ๆ ตอนนี้เธอเป็นที่เขาเรียกว่า โฮมซิก เสียแล้ว ถ้าโทรกลับไปบ้านแล้วร้องไห้ตอนนี้ ทุกคนคงจะผิดหวังกับใยบัวแหง ๆ อยากเป็นคนเข้มแข็ง ไม่ใช่คนที่อ่อนแอ ที่เอะอะก็จะร้องไห้หาแม่เหมือนแต่ก่อน ว่าแล้วน้ำตาของสาวน้อยก็ปริ่ม ๆ อยู่เหนือขอบตา สิ่งที่บัวบูชากลัวยิ่งกว่าสิ่งใด ก็คือการถูกเกลียด เธอไม่อยากให้แม่เกลียดที่เป็นลูกไม่เอาไหน แต่ตอนนี้เธอคิดถึงแม่เหลือเกิน คิดถึงจวนเจียนจะขาดใจ แล้วก็รู้ด้วยว่าแม่จะไม่โทรมา เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นเธอเองที่ดึงดันจะมาปารีส...

          ศิร การระบายลมหายใจออกช้า ๆ พลางมองภรรยาคนสวยที่ยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่ตรงระเบียงของบ้านด้วยความเป็น ห่วง ไม่บ่อยนักที่ปาลิตาจะนิ่งได้ขนาดนี้ มือเรียวของภรรยายังคงกำโทรศัพท์เคลื่อนที่ของบ้านไม่ยอมปล่อย เธอเหม่อเสียจนขนาดร่างสูงใหญ่ของเขาเข้ามานั่งข้าง ๆ ก็ยังไม่รู้ตัว

          “ คิดถึงทำไมไม่โทรหา ” เสียงทุ้มกระซิบถามเบา ๆ

          “ ไม่อยากร้องไห้ให้ลูกได้ยิน ” เธอตอบสามีเสียงเรียบ พลางซุกหน้าลงบนหัวเข่าอย่างหมดอาลัยตายอยาก ศิรการรู้สึกสงสารเสียจนต้องรวบมากอด

คิด ถูกหรือคิดผิดกันนะที่แยกสองแม่ลูกนี้ออกจากกัน ขนาดมีตาพุทธเป็นตัวเป็นตนมาได้ห้าปีแล้ว ปาลิตาก็ยังติดใยบัวไม่ยอมห่าง แต่ถ้ายังปล่อยให้สองแม่ลูกนี้ติดกันแจต่อไป มีหวังใยบัวก็คงไม่รู้จักโตเสียที ลิตาเองก็ต้องทำใจได้แล้วว่าใยบัวไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ ที่เธอจะต้องคอยดูแลปกป้องไปตลอดชีวิต สักวันใยบัวก็ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัย มีสังคม มีเพื่อน มีคนรัก มีโลกที่เป็นของ ๆ เธอ แล้วจะปล่อยให้ทุกลมหายใจของใยบัวมีแต่ปาลิตาได้อย่างไร หากต้องให้ลูกเผชิญความจริงอันโหดร้ายบนโลกใบนี้ได้อย่างเข้มแข็ง ใยบัวต้องไม่มีปาลิตา แม้จะรู้ว่าคนในอ้อมอกของเขาต่างหากที่จะเจ็บปวดมากกว่าใคร แต่เขาก็ต้องจำใจทำ เพื่ออนาคตของลูก

“ โตจนเป็นคุณแม่ลูกสองแล้วนะลิตา ” เขาบนอุบอิบพลางลูบเรือนผมสีน้ำตาลเข้มเบา ๆ

“ ถึงฉันไม่ได้เบ่งออกมา แต่ฉันก็รักของฉัน ” เสียงหวานร้องสวนทันควัน พร้อมกับมองหน้าสามีด้วยแววตาตำหนิ “ เพราะคุณแท้ ๆ เพราะคุณคนเดียว วุ่นวายไม่เข้าเรื่อง ” ปาลิตาร้องแหวใส่ศิรการทั้งน้ำตา

          ขณะ ที่นัยน์ตาคมเข้มของเขาได้แต่มองเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก พลางใช่โป้งนิ้วปาดน้ำตาแก้มใสไปเรื่อย...วัยทองรึเปล่า...เขาขบคิดภายในใจ แต่ก็เพิ่งจะฉุกคิดขึ้นมาได้ ว่าหญิงสาวตรงหน้าเพิ่งจะยี่สิบเก้าหมาด ๆ วัยทองมันก็ต้องประมาณสามสิบปลาย ๆ ไปจนถึงสี่สิบนี่นา แต่อย่างคุณลิตาอะไรก็เกิดขึ้นได้จริง ๆ

“เราคุยเรื่องนี้กันแล้วนี่นา” เขาโอด ขณะที่นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้มส่งสายตาที่เจือไปด้วยความปวดร้าวมาที่เขาไม่หาย

          “ คุณไม่รักฉัน รู้ทั้งรู้ว่าฉันเสียใจ คุณก็ยังทำ ” เสียงหวานตัดพ้อเล่นเอาร่างใหญ่ถึงกับใจหายวาบขึ้นมาทันที จะด่าจะว่ายังไงก็ได้ แต่อย่ามาหาว่าไม่รัก ฟังแล้ว(แอบ)อารมณ์เสีย

          “ โถแม่คุณ พูดไม่คิดนะเรา ” มือใหญ่เอื้อมมาบิดจมูกรั้น ๆ พร้อมกับส่งสายตาตำหนิเข้าสู้

            “รักสิจ๊ะ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น พลางกระชับวงแขนแน่นขึ้น ขณะที่ปาลิตาเองก็ซุกหน้าเข้ากับแผงอกกว้าง

“ถ้าไม่รักคงไม่ส่งไปปารีสหรอกน่า มีทั้งเพื่อนคุณทั้งเพื่อนผม ไม่เห็นต้องห่วงอะไรเลย”

          นั่น ล่ะยิ่งน่าห่วง...หญิงสาวในอ้อมอกต่อคำ พลางนึกถึงเอเตียนตัวแสบ ที่เมื่อห้าปีก่อนมันประกาศกร้าวอย่างชัดเจน ว่ามันจะแย่งใยบัวไปจากเธอให้ได้ เพื่อนรักเพื่อนแค้นคนนี้ ขนาดแม่มันยังไม่รู้จักมันดีเท่าเธอเลย ดอกบัวน้อยสีขาวบริสุทธิ์ของเธอ ต่อให้เป็นเอเตียนก็เถอะ ถ้าเธอไม่ยินยอม ใครก็เอาของ ๆ เธอไปไม่ได้ !

          ฮัดชิ่ว ! สาว น้อยชามเสียยกใหญ่จนน้ำหูน้ำตาไหล ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นไอค๊อก ๆ แค๊ก ๆ ปีแอร์ที่เพิ่งกลับมาจากบริษัทรีบถลามาดูอาการหลานสาวที่กำลังไอหน้าดำหน้า แดงไม่หยุดด้วยความเป็นห่วง เขาไม่เคยดูแลเด็กป่วยซะด้วย มันยิ่งน่ากลัวเมื่อสาวน้อยตรงหน้าตัวเล็กเกินวัยสิบเจ็ด บอบบางเสียจนเขาเริ่มไม่กล้าแตะ

          “ไป หาหมอเถอะ” คุณลุงเอ่ยอย่างร้องรนก่อนที่จะวิ่งไปรินน้ำอุ่น ๆ มาให้หลานสาว บัวบูชาส่ายหัวช้า ๆ พร้อมกับรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนที่รับแก้วน้ำอุ่นจากคนตรงหน้า

“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ไอเฉย ๆ ” เสียงใสตอบ พลางมองหน้าปีแอร์ซึ่งยังคงฉายแววเป็นห่วงหลานสาวตัวน้อยอยู่อย่างเต็มตื้น

          “โทษทีนะจ๊ะ ที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มีเวลาให้เลย” เจ้าของมือใหญ่ที่กำลังลูบหัวเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

          “ขอโทษแล้วใยบัวหายเหงามั้ยล่ะคะ” คุณหลานสาวเลิกคิ้วถาม พาลพาให้คุณลุงแอบสะดุด ตาย ๆ พรุ่งนี้ต้องบินไปมิลานแต่เช้าด้วยสิ

“ใยบัวไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว อยากออกไปเที่ยวบ้างค่ะ” สาวน้อยชี้แจงขณะที่นัยน์ตาสีสนิมเหล็กฉายแววครุ่นคิด

          “ก็ไปกับพี่ชายไงจ๊ะ”  คน ตัวเล็กตรงหน้าก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ๆ จะออกไปไหนต้องมีเขา หรือไม่ก็เลโอเนลไปด้วย แต่จะให้ทำยังไงในเวลาที่ทั้งคู่ไม่ว่างกันอย่างจริงจัง ดังเช่นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็เป็นเธอที่ต้องนอนแกร่วอ่านหนังสือนำเที่ยวอยู่แต่ในบ้าน ตลอดทั้งสัปดาห์ที่เธอได้เจอมนุษย์โลกเพียงสามคนเท่านั้นคือ เมด คนส่งอาหารของโรงแรม และคนส่งผลไม้

          เม ด ประจำบ้านเป็นพนักงานจากบริษัททำความสะอาด มีชื่อว่าเป็นหญิงวัยสาววัยยี่สิบต้นๆ ชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอฟริกัน มีชื่อว่า ฟรีเซีย รูปร่างท้วมเล็กน้อยแต่เวลาทำงานกลับคล่องแคล่วว่องไว แถมยังเป็นคนอารมณ์ดี สดใสร่าเริง และพูดคุยเก่ง แต่น่าเสียดายเหลือเกิน ที่เธอมักจะมาทำงานที่บ้านของคุณลุงสัปดาห์ละเพียงสองครั้ง ในแต่ละครั้งเธอจำเป็นต้องทำวามสะอาดทุกสิ่งอย่างให้หมดภายในสี่ชั่วโมง ซึ่งเป็นงานที่ไม่ง่ายเลยสำหรับบ้านหรูของปีแอร์ หลายครั้งที่สาวน้อยเสนอตัวเข้าให้ความช่วยเหลือแต่ก็ถูกตอบกลับมาพร้อมกับ รอยยิ้มและประโยคสั้น ๆ ว่า มันเป็นงานของฉันค่ะ แค่นี้ก็เล่นเอาสาวไทยน้ำใจงามอย่างบัวบูชาแทบจะทำอะไรไม่ถูกเลยจริง ๆ

          คน ที่สองก็คือพนักงานส่งอาหารจากภัตตาคารในโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งปิแอร์ได้ทำการผูกปิ่นโตไว้เป็นรายเดือน โดยเมนูอาหารก็จะสับเปลี่ยนหมุนเวียนไปในแต่ละวันโดยมาถึงมือเธอในรูปอาหาร กล่องพร้อมรับประทานเพียงแค่นำไปอุ่นร้อนในเตาไมโครเวฟ แต่ที่น่าเศร้าคือไม่มีอาหารไทย

 พนักงาน ส่งอาหารของโรงแรมจะมากดออดหน้าบ้านวันละครั้งตอนแปดโมงเช้า เขาเป็นชายหนุ่มวัยกลางสามสิบ รูปร่างสูงและผอมเก้งก้าง ผิวขาวผมสีน้ำตาลอ่อน ในขณะที่มีกระสีทองกระจายอยู่ทั่วทั้งใบหน้า ใบหน้าเขามักจะแดงเรื่อ ๆ ตลอดเวลาอาจจะเป็นเพราะสภาพอากาศ และยิ่งแดงจัดอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเจอเข้ากับรอยยิ้มของเธอ

          คน สุดท้ายสิแปลก กับอาชีพส่งผักผลไม้ที่เธอไม่เคยพบเคยเห็น โดยเฉพาะลูกสาวชาวสวนเช่นบัวบูชา สาวน้อยซึ่งมีพ่อเป็นเจ้าของสวนทุเรียนที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออก อีกทั้งยังมีสวนผลไม้นานาชนิดที่หยิบกินได้ตลอดเวลาอยู่ติด ๆ กัน ก็เป็นสวนของแม่เธออีก แถมคุณทวดยังชอบปลูกผักสวนครัวไว้กินเองอีกต่างหาก ผักผลไม้สำหรับบัวบูชาแล้วแทบจะเป็นอะไรที่ไม่ต้องหาซื้อ แต่ที่นี่ผักผลไม้ตีเป็นเงินบาทแล้วแพงหูฉี่จนแทบไม่อยากรู้ราคา แถมยังต้องจ่ายค่าบริการจัดส่งถึงบ้านให้เขาอีก ถ้าคิดในแง่ลบก็อยากจะบอกคุณลุงว่ามันเปลืองแสนเปลือง ถ้าอยากจะกินนัก ลูกสาวชาวสวนเช่นเธอปลูกให้คุณลุงกินเองได้อยู่แล้ว แต่ถ้าคิดในแง่บวก ก็คงจะเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนกระมัง เพราะคนที่มาส่งผักและผลไม้ให้เธอทุก ๆ สามวันเขาเป็นแค่เด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกับเธอนี่เอง เพราะความที่หน้าตากระเดียดไปทางตะวันออกกลางอยู่ครามครันสาวน้อยผู้มีความ คิดสร้างสรรค์เป็นเลิศจึงแอบตั้งชื่อให้เขาว่า อาบังน้อย

          ตลอดสัปดาห์ของใยบัวก็มีเพียงแค่สามคนนี้ ฟรีเซียผู้เอาการเอางาน หนุ่มส่งอาหารที่แสนจะขี้อาย และอาบังน้อยที่ไม่ยอมขายถั่ว

          “พี่ ชายไม่ว่างค่ะช่วงนี้” สาวน้อยตอบพร้อมกับนัยน์ตาเศร้าสร้อย ขณะที่คุณลุงก็แอบรู้สึกผิดขึ้นมาตงิด ๆ ที่ช่วงนี้โหมงานหนักมากมาย เพื่อให้ได้มาซึ่ง La Belle

          “สัปดาห์ หน้าสัญญาว่าจะพาไปเที่ยวดีไหมจ๊ะ” คุณลุงเสนอแผนปรองดองพร้อมกับยิ้มประจบ ขณะที่นัยน์ตาดำขลับฉายแววตำหนิอยู่ครามครัน ทำไมต้องปล่อยให้รอจนถึงสัปดาห์หน้าด้วยล่ะ

          “ออกไปคนเดียวไม่ได้หรือคะ” หลานสาวถามเสียงแผ่วพร้อมส่งสายตาออดอ้อน “ นั่งเมโทรไปสะดวกจะตาย ”

          “มัน อันตรายนะเด็กเล็ก ๆ ไปไหนมาไหนคนเดียว เดี๋ยวนี้ปารีสไม่เหมือนเมื่อก่อน พวกโฮมเลสเยอะแยะไปทั่วทุกหัวมุมถนน ไหนจะพวกมิจฉาชีพอีก” คุณลุงชี้แจง เล่นเอา “เด็กเล็ก ๆ” ถึงกับหน้าชาเลยทีเดียว คนแรกที่เธอจะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว ก็คือคนตรงหน้านี่แหละ ไม่ใช่ใครที่ไหน

          “โธ่คุณลุง ใยบัวเรียนจบมัธยมปลายแล้วนะคะ ดูแลตัวเองแค่นี้ทำไมจะทำไม่ได้” เสียงใสโอดครวญ

“ดู อย่างคุณคนที่ส่งผักและผลไม้สิคะ อายุพอ ๆ กับใยบัว เขายังทำงานพิเศษเลย แต่ใยบัวที่นอนอยู่บ้านเฉย ๆ แม้แต่ออกไหนคนเดียวยังทำไม่ได้ แบบนี้เมื่อไหร่จะโต” หลานสาวชี้แจงเสียยาวยืดขณะที่ในใจปิแอร์ชักจะหวั่น ๆ เมื่อยัยตัวน้อยเริ่มออกอาการดื้อให้เห็น

          “ลุงเป็นห่วงนะจ๊ะ พ่อกับแม่หนูก็ห่วง” เขาพยายามหาเหตุผลที่จะทดแทนคำว่า ไม่ ได้ดีที่สุดแค่นี้จริง ๆ

          “แต่ ใยบัวโตแล้วนะคะ” สาวน้อยแย้งเบา ๆ ในขณะที่นัยน์ตาสีนิลฉายอาการเศร้าสร้อยอย่างเห็นได้ชัด ปิแอร์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ๆ พลางมองหน้าสาวน้อยด้วยความสงสารจับใจ แวบหนึ่งในใจของเขา เป็นความรู้สึกที่เหมือนตัวเองได้มองเอเตียนในร่างของคนตรงหน้า

          ที่ สาวน้อยข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลแสนไกล ก็เพียงเพื่อ อยากที่จะโตเป็นผู้ใหญ่พอที่จะดูแลตัวเองได้ เช่นเดียวกับเอเตียนที่ทำทุกวิถีทางเพื่อพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนได้เห็นว่า เขาเป็นผู้ใหญ่พอที่จะจัดการกับทุกสิ่งอย่างใน La Belle ได้ อยากได้รับการยอมรับจากทุกคนว่าโตพอ ดีพอ และเก่งพอ คนหนึ่งที่ปิแอร์จะต้องคอยพยุงให้เติบโตและแข็งแกร่ง แต่ในทางกลับกันอีกคนหนึ่ง เขาต้องทำให้ดูเหมือนมันเป็นเด็กน้อย ๆ ที่แสนจะอ่อนหัดไร้น้ำยา สองอย่างในเวลาเดียวกัน แถมยังเป็นการกระทำที่แสนจะขัดแย้งเช่นนี้ มันเป็นเรื่องที่ทำให้ปิแอร์ กาลาส รู้สึกสับสนน่าดู...แต่ถึงอย่างไรก็ต้องทำ

เริ่มจาก...การปล่อยให้สาวน้อยได้เผชิญโลกกว้างตามลำพัง เป็นเวลาหนึ่งวัน

“อย่า ไปไหนไกลนักล่ะ แค่ในปารีสพอนะจ๊ะ ” เขาต่อรอง แม้ในใจลึก ๆ ยังคงเต็มไปด้วยความรู้สึกห่วงแสนห่วง เริ่มเข้าใจคุณแม่ของยัยคุณหลานขึ้นมาตงิด ๆ เลี้ยงเด็กนี่มันไม่ง่ายเลยจริง ๆบัวบูชามองหน้าคุณลุงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“แบบนี้แปลว่าอนุญาตใช่มั้ยคะเนี่ย” เสียงใสร้องพลางโผเข้ากอดร่างใหญ่ด้วยความดีอกดีใจ

คุณลุงจูบเบา ๆ ที่กระหม่อมของสาวน้อยด้วยความเอ็ดดูไปหนึ่งที ก่อนที่จะเอ่ยด้วยย้ำเสียงที่ยังคงเจือไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใยไม่หาย

 “หนูต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะใยบัว อย่าไปเดินคนเดียวในที่ๆมันไม่น่าไว้ใจรู้มั้ย”

“ไป ลูฟวร์เองค่ะ นั่งเมโทรไปแป๊บเดียวก็ถึง” บัวบูชาชี้แจง ถึงจะแค่นั้นก็เถอะแต่ก็รู้สึกห่วงยังไงก็ไม่รู้ ถ้าไม่ติดที่ต้องบินไปมิลานคงไม่พลาดที่จะแอบตามไปดูความเรียบร้อยของคุณ หลานเป็นแน่แท้ 

ปิแอร์ ออกไปทำงานแต่เช้าตรู่เช่นเคย ในขณะที่เช้าวันใหม่ของบัวบูชานั้นช่างสดใสกว่าวันก่อน ๆ หลายสิบเท่า นกร้องประสานเสียงปลุกเธอแต่เช้า แดดอ่อนๆ ที่แม้ว่าจะไม่ได้เสี้ยวของที่เมืองไทยลอดผ่านม่านสีขาวโปร่งเข้ามาช่วยให้ อากาศเย็นๆในตอนเช้าพอจะอุ่นขึ้นมาบ้าง พาลพาให้สาวน้อยอารมณ์ดี ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นใจ ให้เธอเริ่มทำตัวเป็นผู้ใหญ่โดยการออกจากบ้านไปเที่ยวเพียงลำพัง อะไรมันจะดีอะไรเช่นนี้ แค่คิดก็พาลพาให้สาวน้อยอดยิ้มกับตัวเองจนแก้มแทบปริไม่ได้ เป้าหมายของเธอในวันนี้ก็คือ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ (musée du Louvre)

บัว บูชาลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตั้งแต่ยังไม่แปดโมงเช้า ก่อนจะมานอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟาเดย์เบดในห้องรับแขกตัวโปรด มือบางเปิดหนังสือนำเที่ยวที่อ่านมาแล้วหลายรอบเพื่อเตรียมวางแผนการเดินทาง ในครั้งนี้โดยกะเวลาว่าจะไปถึงลูฟวร์ในตอนเที่ยงและรีบกลับมาถึงบ้านก่อนสอง ทุ่มให้ได้ เธอไม่อยากให้มีความผิดพลาดอย่างการหลงทางหรือขึ้นเมโทรผิดสาย การท่องเที่ยวในปารีสด้วยตัวเองเป็นครั้งแรกของเธอจะต้องเรียบร้อยและ ปลอดภัยที่สุด เพื่อจะได้เป็นการรับประกันให้คุณลุงไว้วางใจปล่อยเธอไปไหนมาไหนคนเดียวอีก ครั้ง สาวน้อยหยิบสมุดเช็คลิสต์สีฟ้าขึ้นมาจดสิ่งที่จะต้องทำในวันนี้ให้ได้ เริ่มจากดูภาพวาดโมนา ลิซ่า..มัมมี่อียิปต์..รูปปั้นวีนัสของมิโล และอะไรต่อมิอะไรอีกยืดยาวก่อนจะจบลงที่กาดอกจันตรง “มื้อกลางวันที่ เลอ กรองด์ ลูฟวร์”  ก่อนจะทบทวนชื่อสถานีเมโทรที่ต้องลงเพื่อเปลี่ยนสายและสถานีปลายทางให้ขึ้นใจเพื่อป้องกันความผิดพลาดอีกครั้ง

ร่าง บางอยู่ในชุดกระโปรงลายดอกแบบวินเทจสีมัสตาร์ดสั้นแค่เข่ากับถุงน่องสีดำ สนิท เท้าเล็กๆในรองเท้าหุ้มส้นทรงบัลเลย์สีดำซอยยิกๆเพื่อเร่งฝีเท้าไปตามทาง เดินในสถานี Église d'Auteuil ด้วยความเร่งรีบ ตอนนี้บัวบูชาอยากจะเป็นลม หัวใจของเธอเต้นเร็วกว่าครั้งไหนๆด้วยความระทึก ก็จะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงล่ะก็เธอกำลังทำสิ่งที่คล้ายๆกับการทำผิดกฎหมาย อยู่ในขณะนี้ ร่างเล็กได้แต่ภาวนาในใจ หวังว่าการทำเรื่องไม่ดีครั้งนี้ของเธอจะผ่านไปได้ด้วยดี

ย้อน ไปก่อนหน้านี้ประมาณครึ่งชั่วโมง บัวบูชาเดินชมนกชมไม้ออกจากบ้านมาขึ้นเมโทรเพื่อมุ่งหน้าสู่ลูฟวร์ตามที่ได้ วางแผนไว้อย่างดิบดี แต่แล้วโชคชะตาก็เล่นตลกเมื่อพบว่าลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่บ้าน แม้จะโชคดีที่มีเศษเงินติดในกระเป๋ามาเล็กน้อย คำนวณแล้วก็พอจะซื้อตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์แล้วเหลือพอทานมื้อกลางวันได้ แต่ไม่พอแน่หากต้องซื้อตั๋วรถไฟไปกลับด้วย อันที่จริงลุงปิแอร์พาเธอไปทำตั๋วแบบรายสัปดาห์ไว้ใช้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่อะไรๆคงดีกว่านี้หากเธอไม่สอดมันไว้ในกระเป๋าสตางค์ที่นอนแอ้งแม้งอยู่บน โต๊ะเครื่องแป้งในเวลานี้ ครั้นจะให้เดินกลับไปเอากระเป๋าสตางค์และเดินกลับมาคงไปไม่ถึงไหนกันพอดีบัว บูชาเลยตัดสินใจ ลักไก่ แอบใช้เมโทรแบบไม่มีตั๋วอย่างที่เคยเห็นมีคนทำอยู่บ่อยๆ

แต่ เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เวรกรรมอะไรของเธอที่พอลอดผ่านเครื่องสอดตั๋วเข้ามาโดยนึกว่าจะไม่มีใครเห็น ก็ต้องมาเจอกับเจ้าหน้าที่ของเมโทรที่วันดีคืนร้ายก็จะมายืนสุ่มตรวจตั๋วผู้ โดยสารอยู่ตรงอุโมงค์ชานชาลา แล้วทำไมต้องเป็นวันนี้ตอนนี้ที่เธอคิดจะขึ้นรถไฟแบบไม่มีตั๋วด้วยเนี่ย!! สาว น้อยจากเมืองไทยกระชับกระเป๋าสะพายก่อนจะเร่งฝีเท้าผ่านเจ้าหน้าที่ชายสองคน ที่กำลังขอดูตั๋วโดยสารของนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางคนหนึ่งอยู่ และแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเรียกให้หยุดจากเจ้าหน้าที่ที่ตะโกนไล่หลังมา ติดๆ ก่อนจะเร่งฝีเท้ายิกๆหนีเจ้าหน้าที่อยู่ในขณะนี้ ด้วยความกลัวพอรู้ตัวอีกทีเธอเธอก็ทำตัวเหมือนคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองแบบ นี้ไปเสียแล้ว

“หยุดก่อนมิส ขอพวกเราตรวจตั๋วคุณด้วยครับ”  เจ้า หน้าที่เมโทรเปลี่ยนมาพูดภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่นกับเธอ เขาเร่งฝีเท้าตามมาติดๆ ส่งผลให้คนทำผิดเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งแบบไม่คิดชีวิตก่อนจะโดนเจ้าหน้าที่ อีกคนที่ยืนดักอยู่ตรงปลายอุโมงค์รวบตัวไว้ได้

“ฉันมีตั๋วนะคะ..ตะ..แต่ลืมมันไว้ที่บ้าน ส่วนหนังสือเดินทางไม่ได้เอาติดตัวมาจริงๆค่ะ  ฉัน เป็นนักท่องเที่ยว ไม่ได้เป็นคนหลบหนีเข้าเมืองอะไรทั้งนั้น” บัวบูชาเปิดปากเป็นครั้งแรกหลังจากโดนเจ้าหน้าที่คุมตัวมาไว้ในห้องทำงานของ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

ตอน นี้บัวบูชาน้ำตาคลอจนกลบเบ้าตาไปหมด ตอนแรกก็เหมือนจะคุยกันรู้เรื่องอยู่หรอก แต่ไปๆมาๆจากที่ไม่มีตั๋วเมโทรอย่างเดียวกลายเป็นว่าเธอเป็นคนหลบหนีเข้า เมืองอย่างจริงจังเพราะไม่มีพาสปอร์ตหรือเอกสารที่จะมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ ว่าเธอเป็นนักท่องเที่ยวได้ แม้ว่าจะอธิบายต่างๆนาๆก็ไม่เป็นผล แล้วมันเซ็งตรงที่เพราะเธอเป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชียที่ดันพูดฝรั่งเศสรู้ เรื่องก็เลยถูกสงสัยว่าอาจเป็นพวกเดียวกับขบวนการค้าประเวณีที่ถูกส่งมาขาย ตัวตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆอีก..ฮือๆ อยากจะเป็นบ้าคนมีการศึกษาไม่ใช่เรื่องดีหรือนี่

“เราคงต้องส่งคุณให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง” เขาหมายถึงตำรวจใช่รึเปล่าเนี่ย

“คุณ ทำแบบนั้นไม่ได้นะคะ” สาวน้อยถึงกับร้องไห้โฮออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นเธออาจติดแบล็กลิสต์หรือติดประวัติอาชญากรรมเลยก็เป็นได้

ที นี้จะทำยังไงดี ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่ที่จับเธอมาใจดีมากๆ ถึงขนาดยอมให้เธอใช้โทรศัพท์มือถือของเขาโทรหาคุณลุง แต่เธอโทรไปเป็นล้านรอบแล้วในเวลาไม่ถึงชั่วโมงก็มีแต่ให้ฝากข้อความ ฝากข้อความ กว่าคุณลุงจะได้ข้อความที่เธอฝากไว้แบบไม่เป็นภาษามนุษย์เพราะพูดไปร้องไห้ ไป บัวบูชาคงถูกจับไปขังหรือไม่ก็ถูกส่งกลับประเทศไทยไปแล้ว

 

 

เป็น อีกวันที่เอเตียนโหมงานหนักไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ยิ่งคิดยิ่งแค้นไอ้กาก กาลาสที่อุตส่าห์ใจดีไปประชุมแทนให้ เขายิ่งหยุดไม่ได้ที่จะตั้งอกตั้งใจทำงานเพื่อกอบกู้ความไว้เนื้อเชื่อใจของ ผู้ถือหุ้นในบริษัทกลับมา ปีแอร์ กาลาส เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเสียจนเขาหาจุดอ่อนไม่เจอจริง ๆ สิ่งที่ทำได้ก็เพียงแต่ใช้ความมานะอุตสาหะเข้าสู้ ใช้กำลังทั้งหมดที่มีอยู่โหมเข้าชนสุดพลัง วันนี้เลโอเนลน้อยคนบาปแห่งปารีสเลยรอดตัวไปอย่างหวุด ๆ หวิด ๆ ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน...

“หา ! น้อง สาวโดนจับ” เลโอเนลผู้ตื่นกลัวในทุกสถานการณ์ร้องเสียงสั่นอยู่ภายในห้องน้ำพนักงาน ยิ่งได้ยินเสียงอธิบายปนสะอื้นของบัวบูชาด้วยแล้วนั้น เขายิ่งอยากจะร้องไห้ไปกันใหญ่

ลักลอบ เข้าเมือง...และค้าประเวณีเด็กหญิง ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ จริง ๆ แล้วไอ้บอดี้การ์ดหางแถวผู้ไม่มีเส้นมีสายใด ๆ ในชีวิตจะไปช่วยเหลืออะไรสาวน้อยได้ ร่างใหญ่เบะปากทำท่าจะร้องไห้เสียให้ได้ เมอซิเออร์ปิแอร์ผู้ปกครองตัวจริงกระทิงแดงของสาวน้อยก็ไม่อยู่เสียด้วย ในเวลาที่ต้องการเส้นสายและความไว้เนื้อเชื่อใจเช่นนี้ เขาควรจะพึงใครนอกเสียจาก...แค่คิดถึงนัยน์ตาสีน้ำเงินเวลาที่เป็นประกายวาว วับด้วยแรงโกรธ แบบที่เคยเจอแล้วนั้น หัวใจดวงน้อย ๆ ของเลโอเนลก็กระตุกวูบเหมือนโดนช็อตด้วยไฟฟ้าแสนโวลท์ เขาตายแน่ ๆ ถ้าหากเมอซิเออร์รู้ ไม่ต้องคิดว่าจะมีวันพรุ่งนี้เลยจริง ๆ แต่ถ้าไม่สารภาพบาปออกไป น้องสาวของเขาก็จะต้องแย่แน่ ๆ สัญญาที่เคยให้ไว้ว่าจะปกป้องบัวบูชาสุดที่รักของมาดามริต้า มีอันต้องตระบัดสัตย์เพราะความขี้ขลาดไม่เข้าท่าเช่นนั้นหรือ...มันไม่ใช่หน ทางของคนกล้านามว่าเลโอเนลเลยจริง ๆ

ไม่ มีเวลาที่เขาจะมาใส่ใจกับท่าทีของเลโอเนลที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง มันหายไปนานเสียจนเขาต้องใช้ให้นิโกลาส์วิ่งไปชงกาแฟ ที่คาดว่ารสชาติน่าจะห่วยเยี่ยงน้ำล้างเท้า เพราะตอนนี้เขารู้สึกว่าเพลียเหลือเกิน สปาหน้าใสกิ๊งเมื่อคืน ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเมื่อในเช้าวันต่อมาของเขานั้นเต็มไปด้วยสารพิษ จากนิโคตินและคาเฟอีนที่จัดหนักเต็มสตรีมตั้งแต่ลืมตาตื่น

“เมอซิเออร์” ไอ้ล่ำตาเขียวที่ชอบแอบไปเดทกับแฟนชาวบ้านเรียกเขาเสียงอ่อย

“มี อะไร” เมอซิเออร์รูปหล่อบนเก้าอี้ผู้บริหารถามเบา ๆ ขณะที่ยังคงจับจ้องอยู่กับตัวเลขบัญชีการสั่งซื้ออัญมณีในไตรมาสที่แล้ว เลโอเนลเงียบอยู่ครู่ จนเขาเริ่มจะหงุดหงิดเข้าไปทุกที

“ผมมีเรื่องจะสารภาพกับคุณ” ...

 

สาว น้อยชาวเอเชียหน้าตาสะสวยยังคงสะอึกสะอื้นเสียน่าเวทนา พลอยทำให้เจ้าหน้าที่รู้สึกสงสารแม่หนูคนนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่จะให้เชื่อได้อย่างไร ว่าเธอคือหลานสาวของ ปิแอร์ กาลาส นักธุรกิจหนุ่มระดับท้อปแห่งภาพพื้นทวีปยุโรป ง่ายที่จะพูด แต่มันยากที่จะทำใจให้เชื่อจริง ๆ ก็เพราะไม่มีอะไรมายืนยันความเป็นตัวเธอสักอย่าง หากเป็นหลานสาวของปิแอร์ กาลาสจริงคงได้อึ้งไปตาม ๆ กันแน่ล่ะทีนี้

แต่ ที่ต้องอึ้งเสียยิ่งกว่าอึ้ง เมื่อคนที่ย่างเท้าเข้ามาในสำนักงานด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย นั้นคือ เอเตียน โบวิเย่ร์ ทายาทแบรนดังระดับโลกสัญชาติฝรั่งเศสอย่าง La Belle !!!  

 




แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 22:46:57

แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 22:30:38

แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 22:30:08

แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 22:27:33

แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 22:22:44

แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 22:20:00

แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 22:18:27

จากคุณ : พบพร
เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 22:15:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com