Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตอน 2 ติดต่อทีมงาน

เมื่อสนุกกับการกลั่นแกล้งคนแล้ว ภานุขับรถออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังอพาร์ตเมนต์ของลูกเกด แฟนสาวคนปัจจุบันของเขา เธอเพิ่งแต่งตัวเสร็จพอดี พอเจ้าหน้าที่ของอพาร์ตเมนต์โทรศัพท์ไปบอกว่ามีคนมาหา ลูกเกดจึงมองกระจกดูความเรียบร้อยของตนเองเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะลงไปข้างล่าง

“ว่าไงคะ รอลูกเกดนานไหม” เสียงหวานใสดังมาตั้งแต่ยังไม่ลงบันไดขั้นสุดท้าย ภานุหันไปมองร่างเพรียวในชุดเข้ารูปสีฟ้าเปิดไหล่ มองความสวยที่เธอเพียรแต่งแต้มมาเพื่อเขาในคืนนี้อย่างตะลึง ลูกเกดเป็นคนหน้าตาสะสวยมากคนหนึ่ง ผมยาวเหยียดตรงประบ่า ดวงตาโตคมเข้มด้วยเครื่องสำอางมาช่วยเสริม ริมฝีปากได้รูปแดงระเรื่อน่าสัมผัส

“ไม่นานหรอกจ้ะลูกเกด”

“ค่ะ คงไม่นานเท่าไหร่ ไม่เหมือนตั้มหรอก เช้าวันก่อนปล่อยให้ลูกเกดรอนานมากเลยรู้ไหม เกือบเข้าสอบไม่ทันแน่ะ” ลูกเกดไม่วายต่อว่า

“โอ๋ๆ อย่างอนสิลูกเกด ตั้มก็เล่าให้ฟังแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น” ภานุทำเสียงอ้อน ส่งสายตาเชื่อมหวานให้ แล้วเดินเข้าไปโอบไหล่หญิงสาว “เรารีบไปเถอะ เพื่อนๆมันรอจะเห็นหน้าแฟนตั้มแล้วนะ พวกมันอยากเห็นว่าลูกเกดของตั้มสวยแค่ไหน”

“จริงหรือคะ” รอยยิ้มของลูกเกดหวานหยาดเยิ้มน่ารักทันที เดินคลอเคลียชายหนุ่มไปที่รถ ไม่ได้สนใจต่อสายตาและเสียงซุบซิบนินทาของคนที่อยู่แถวนั้นสักนิด

เสียงดนตรีแว่วมาจากบ้านใหญ่หลังหนึ่งแถวชานเมือง โชคดีที่บ้านหลังนี้ตั้งห่างจากบ้านคนอื่นพอสมควร ไม่เช่นนั้นก็คงต้องมีใครสักคนลุกมาขว้างหินใส่บ้านด้วยเสียงที่รบกวน ยามด้านหน้าเปิดประตูให้รถของภานุเข้าไปในงาน

“บ้านของใครคะ กว้างขวางจังเลยค่ะ” ลูกเกดกวาดตาไปทั่วบริเวณ งานเลี้ยงที่ว่าคงจะอยู่ข้างหลัง เพราะเห็นแสงไฟและได้ยินเสียงดนตรีกับผู้คนมาจากตรงนั้น

“บ้านเพื่อนพี่เอง ชื่อไอ้สนน่ะ มันเป็นลูกนักการเมือง ก็อย่างที่เห็นว่ามันรวยแค่ไหน” พอรถจอดสนิท ภานุก็เดินมาเปิดประตูให้ลูกเกด โอบเอวหญิงสาวแนบตัว พาเดินเข้าไปข้างในงาน งานปาร์ตี้ริมสระน้ำ จัดงานลักษณะง่ายๆ มีโต๊ะนั่งเพียงไม่กี่ตัวและแขกไม่กี่คน ส่วนมากก็พวกเพื่อนสนิทของเจ้าของบ้าน ดูคล้ายจะเป็นงานสังสรรค์พบปะกันมากกว่า แต่ก็สร้างบรรยากาศได้โรแมนติก อาหารและเครื่องดื่ม เจ้าของงานก็สั่งตรงมาจากโรงแรมระดับห้าดาว

“เฮ้ย ว่าไงไอ้ตั้ม นึกว่าจะเบี้ยวซะแล้ว” ชายหนุ่มหน้าคม ผิวคล้ำ แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตธรรมดา แต่มีราคา ตะโกนทักทายเพื่อนทันทีที่เห็น

“เรื่องอะไรจะเบี้ยววะ รับปากแล้วยังไงก็ต้องมา นี่ลูกเกดแฟนฉันเอง ลูกเกดครับ นี่สนธยา ราชวรรณ หรือสนที่ตั้มเล่าให้ฟัง” ภานุแนะนำพวกเขาทั้งสองให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ

“สวัสดีค่ะพี่สน ขอบคุณมากนะคะสำหรับงานปาร์ตี้น่ารักๆแบบนี้”

“สวัสดีครับน้องลูกเกด ก็ไม่มีอะไรมาก เราจัดงานง่ายๆแบบนี้บ่อยจะตายไป แต่มักผลัดกันจัดในหมู่เพื่อนๆด้วยกันเอง” สนยิ้มกว้างเป็นกันเองกับหญิงสาว แอบขยิบตาไปทางภานุ แค่นี้ก็เป็นอันรู้กันว่าพวกเขาอยากแยกออกมาคุยส่วนตัวบางเรื่องที่ไม่อยากให้เธอได้ยิน

“เอ้อ ลูกเกด เดี๋ยวตั้มขอตัวไปเอาเครื่องดื่มมาให้ลูกเกดนะ” ภานุเดินผละจากเธอไป ทำทีจะไปทางมุมเครื่องดื่มพร้อมสน

“เฮ้ย เจ๋งนี่หว่า น้องลูกเกดของนายนี่ ว่าแต่นายได้ทำอย่างว่ายังวะ” สนกอดคอเพื่อนพลางกระซิบถาม

“น้องเขามีพ่อแม่ นายพูดจาแบบนี้ น้องเขาเสียหายนะโว้ย”

“แหม ไอ้สุภาพบุรุษ ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายไม่คิดจะทำแบบนี้ ฉันมีห้องว่างอยู่ห้อง สนใจไหมวะ ฮ่าๆๆ”

“จะดีเหรอ” ภานุถามหางเสียงสูง หันมายิ้มที่มุมปาก ดวงตาคมเป็นประกาย

“ตามใจนาย โดนทิ้งก่อนไม่รู้ด้วย”

“อืม ขอบใจว่ะสน” ชายหนุ่มตบบ่าเพื่อน เป็นอันว่าตกลง จากนั้นก็เดินไปหาเครื่องดื่มมาให้ตนเองกับแฟนสาว

เวลาล่วงเลยมาจนเกินครึ่งคืน บรรดาเพื่อนฝูงพากันเอ่ยลาเจ้าของงานทยอยกลับกันเป็นกลุ่มๆ คงเหลือแต่พวกเพื่อนที่สนิทกันมาก แต่ก็มีไม่ถึงสิบคนยังคงนั่งชนแก้วเมามายกันอยู่ บ้างก็เต้นรำร้องเพลงกันสนุกสนาน เช่นเดียวกับภานุที่ตอนนี้เมาจนพูดจาไม่ค่อยจะรู้เรื่อง แต่ก็ยังมีสติบ้าง ที่จริงเขาแกล้งเมามากกว่า เหล้าไม่กี่แก้วสำหรับคนคอแข็งอย่างเขายังดื่มได้อีกมากกว่าจะเมาจริง

“ตั้ม ฉันว่านายไม่ไหวแล้วว่ะ กลับก่อนเถอะ”

“กลับเหรอ เออ ลืมไปเลย เอิ๊ก นายไล่ฉันเหรอไอ้สน ฉันกลับก็ได้วะ”

“ฉันไม่ได้ไล่นาย ก็เห็นเมานี่ แบบนี้จะขับรถไปส่งน้องลูกเกดได้ไง ดูสิ น้องเขางอนแล้ว”

สนเหลือบไปทางหญิงสาวผมยาวคนสวย ตอนนี้เธอได้แต่นั่งเท้าคางมองออกไปที่สระน้ำ ดูท่าทางจะมึนๆอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้มากมายนัก เหมือนจะออกอาการเบื่อมากกว่าสนุก มางานเลี้ยงทั้งที แฟนตัวเองกลับเอาแต่สนุกกับเพื่อน

“ลูกเกดจ๋า มามะ กลับกันเถอะ” ภานุลุกขึ้นเดินตัวเซเข้าไปหาหญิงสาว ลูกเกดลุกขึ้นยืนรอรับร่างของชายหนุ่มที่โถมเข้ามาทั้งตัว

“นี่ตั้มไม่ไหวเลย แล้วนี่จะเอาไงคะ ลูกเกดก็ขับรถให้ตั้มไม่ไหวนะ ดื่มไปเยอะเหมือนกัน เดี๋ยวเจอด่าน ประวัติลูกเกดเสียพอดี” หล่อนเอือมระอา ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี

“ขืนเป็นแบบนี้คงไม่ไหวครับน้องลูกเกด เอางี้ เดี๋ยวพี่พาไปนอนห้องข้างบนก่อนไหม บ้านพี่มีตั้งหลายห้อง”

“จะดีหรือคะ ลูกเกดเกรงใจ”

“ไม่เป็นไรหรอก พ่อแม่พี่สนไปต่างประเทศ ขืนกลับไปแบบนี้ต้องโดนซิวเข้าไปสงบสติในตารางแน่ๆ ถึงพ่อแม่พี่อยู่ก็ไม่เป็นไรหรอก ไอ้ตั้มน่ะมันมานอนบ้านผมบ่อยไป เดี๋ยวผมช่วยแบกมันไปให้นะ”

“งั้นก็ดีเหมือนกันค่ะ รบกวนพี่สนหน่อยนะคะ”
ห้องนอนที่ตระเตรียมไว้อยู่ชั้นสองของบ้าน บ้านหลังนี้ก็กว้างขวางใหญ่โต แถมประดับตกแต่งได้หรูหราสมกับเป็นบ้านพวกนักการเมือง สนให้เพื่อนอีกคนช่วยกันแบกร่างของภานุเดินโซซัดโซเซไปจนถึงห้อง

“หนักจังว่ะไอ้บ้านี่ กว่าจะมาถึงเกือบตาย” สนบ่นอุบขณะโยนตัวภานุไปที่เตียงนอน “น้องลูกเกดดูตั้มมันไปก่อนนะ เดี๋ยวผมต้องลงไปข้างล่าง งานใกล้เลิกละ ต้องไปจัดการไอ้พวกที่เหลือก่อน”

พี่สนคะ...เอ่อ...” ยังไม่ทันบอกอะไร สนก็รีบออกจากห้องไปทันทีพร้อมเพื่อนอีกคน แถมกดล็อกให้อีกต่างหาก ลูกเกดไม่รู้จะจัดการกับแฟนหนุ่มของเธออย่างไรดี เมื่อเห็นเมาแบบนี้ก็คงต้องทำให้อาการดีขึ้น หญิงสาวหาผ้าผืนเล็กในตู้เสื้อผ้า เข้าไปชุบน้ำในห้องน้ำมาลูบไล้เนื้อตัวชายหนุ่ม เธอค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของเขา ลูบผ้าไปถึงอกกว้าง อดตื่นเต้นไม่ได้ที่เห็นแผงอกของเขา ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยทำให้ใครแบบนี้มาก่อน
เมื่อรู้ว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการ ภานุก็เริ่มแสดงสันดานเจ้าชู้ออกมา

“อุ๊ย ตั้มนี่ ตื่นมาตอนไหนคะ”

ตั้มใช้ความไวของตนเองจับมือเธอ รวบต้นแขนดึงร่างบางเข้ามาแนบอกทันที “กลิ่นตัวลูกเกดหอมจังเลย ใช้น้ำหอมอะไรเหรอ”

“น้ำหอมอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้ปล่อยลูกเกดก่อนนะคะ”

“ไม่เอา” ว่าแล้วเขาก็พลิกตัวพาตนเองขึ้นไปทาบอยู่บนร่างบางที่ตอนนี้ตัวสั่นเทิ้ม เพราะไม่คิดว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ “ลูกเกดไม่รักตั้มแล้วหรือ”

“รักค่ะ แต่ตั้ม…” ลูกเกดดิ้นขัดขืนเล็กน้อย แต่เมื่อริมฝีปากระเรื่อของเธอถูกบดขยี้พร้อมได้กลิ่นลมหายใจปน
แอลกอฮอล์ของชายหนุ่มเข้า ก็ถึงกับใจสั่นวาบแทบหมดเรี่ยวแรง ภานุถอนริมฝีปากออกมา จ้องมองดวงตาคู่สวย

“ตั้มรักลูกเกดนะ อดใจไม่ไหวจริงๆ ตั้มรู้สึกว่าตัวเองผิดเหลือเกินที่ทำอะไรแบบนี้ แต่ทุกอย่างก็เพราะรักนะ”

“ตั้มคะ...ลูกเกด” หญิงสาวหน้าแดง หลงซื่อไปตามคำหวานของชายหนุ่ม หันหน้าเอียงข้างเขินอาย “ปล่อยลูกเกดเถอะค่ะ”

“ไม่ครับ เอาเป็นว่าคืนนี้ตั้มไม่อยากปล่อยลูกเกดไปไหน เราอยู่ด้วยกันทั้งคืนแบบนี้นะ” ภานุกระซิบผ่านข้างหูหญิงสาว ปล่อยลมหายใจรดเข้าไปในหูเธอ ลูกเกดสะดุ้งสุดตัว ทั้งจักจี้ทั้งสยิว เมื่อปลายจมูกของชายหนุ่มสัมผัสไปที่ลำคอของเธอก็เผลอครางออกมาเบาๆ

“อือ ตั้ม”

เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ฉากรักบนเตียงก็เริ่มละเลงบททีละตอน ชุดแส็คสีฟ้าของหญิงสาวถูกปลดออกจากร่างกาย เผยให้เห็นเรือนร่างเปลือยเปล่าขาวเนียนเมื่อสะท้อนจากแสงไฟ เช่นเดียวกับภานุที่ลุกขึ้นถอดเสื้อผ้าตนเองทีละชิ้นออก ลูกเกดอายรีบใช้ผ้าห่มคลุมเรือนร่าง

“ลูกเกดไม่กล้า ตั้มคะ ลูกเกดกลัว”

“ไม่ต้องกลัว ตั้มจะรับผิดชอบลูกเกดเองนะ” ภานุล่อหลอกหญิงสาวขณะพาตนเองมุดเข้าไปในผ้าห่ม เมื่อสักครู่แค่ภายนอกก็รู้สึกสัมผัสได้ถึงเนื้อนวลเต่งตึงของเธอ แต่พอได้มาเห็นชัดเจน อารมณ์กลัดมันก็มีมากขึ้น

“ลูกเกดสวยจังเลย” ภานุก้มลงโลมเลียเนินอก มือก็สาละวนลูบไล้ไปทั่วร่าง ลูกเกดขนลุกซู่ไปทั้งตัว เผลอกอดคอเขาโน้มใบหน้าให้แนบเนื้อเธอมากขึ้น

“เป็นของตั้มเถอะนะลูกเกด ทำตัวน่ารักๆแบบนี้ ตั้มรักลูกเกดตายเลย” คนมากเล่ห์ยึดตัวลูกเกดไว้แน่น ปากก็ขยันซุกไซ้ลากจากบนลงล่าง ล่างขึ้นบนไม่หยุดหย่อน ร่างอรชรสะดุ้งเฮือก พลิ้วไหวโยกส่ายไปมาพร้อมครวญครางอย่างไม่อาย ระหว่างกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับลูกเกดอย่างมีความสุข ชายหนุ่มก็พลันนึกถึงใครอีกคนขึ้นมาเมื่อตอนหัวค่ำ

บทพิศวาสปิดฉากลงด้วยเสียงหวีดร้องสุดท้ายของลูกเกด สักพักต่างก็หมดแรงนอนหลับไปทั้งคู่ ในอีกชั่วโมงต่อมา ภานุก็ลุกขึ้นไปเข้าไปห้องน้ำ กลับมาอีกทีก็ยังเห็นลูกเกดนอนหลับตาพริ้มอยู่ ชายหนุ่มก้มหน้าลงมาใช้ริมฝีปากกดที่แก้มเธอเบาๆ

“ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงไม่ใช่รินนะ” เขาล้มตัวลงนอนข้างหญิงสาว พลางยกแขนก่ายหน้าผาก นึกจินตนาการไปว่าคนที่นอนข้างตัวเป็นระรินตา แต่จากสายตาจงเกลียดจงชังที่เขาได้รับมา มันไม่มีทางจะเป็นไปได้เลย

กาลเวลาหรือว่าเพราะตัวเขากัน ทุกอย่างถึงได้เปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทั้งที่ต่างก็เติบโตมาด้วยกัน ดื่มนมจากอกแม่แผ้วเหมือนกัน ต่างกันตรงที่คนหนึ่งเป็นลูกในไส้กับอีกคนให้ด้วยความเมตตาในฐานะแม่นม มาจนบัดนี้ เขาแทบไม่เห็นแววตาที่ผูกพันกันเหมือนเมื่อครั้งที่ทั้งเธอและเขาเป็นเพื่อนเล่นกันอีกแล้ว เขายังจำได้แม่นยำไม่เคยลืม ไม่ว่าจะไปตรงไหน อยู่ที่ใด เวลาใด เมื่อมีภานุก็ต้องมีระรินตาอยู่คู่กัน กระทั่งวันสุดท้ายที่ระรินตาจะอยู่บ้านอังคกุล ตัวเองยังจับมือเธอแน่น ร้องไห้ไม่ยอมปล่อย

‘ตั้มไม่ให้น้าแผ้ว ไม่ให้รินไป ถ้าไปแล้วตั้มจะเล่นกับใคร’

‘รินต้องไปแล้วพี่ตั้ม ย่ารินป่วยมาก ไม่มีใครดูแล รินไปไม่ไกลหรอก สัญญาว่าจะกลับมาเล่นกับพี่ตั้มบ่อยๆ’

‘สัญญาจริงๆนะริน’

‘จริงสิ รินจะไม่ผิดสัญญากับพี่ตั้มหรอก’

ภานุพยายามข่มตาให้หลับ สัญญาแบบเด็กๆเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วหมดความหมายไปโดยสิ้นเชิง เมื่อเวลาผ่านไปต่างคนต่างมีชีวิตของตนเอง ชายหนุ่มเปลี่ยนเพื่อนกลุ่มใหม่ รู้จักคบเพศตรงข้ามแบบฉันชู้สาวมากขึ้น และเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามแต่ความพอใจของตน

ถึงตอนนั้นระรินตาก็เริ่มห่างเหินเขาไปไกลจนแทบจะเป็นแค่คนเคยรู้จักกัน พักหลังกิตติศัพท์ในเรื่องความเจ้าชู้ของเขาเริ่มลือหนาหู เธอก็ยิ่งเอาแต่หลบหลีกที่จะเจอหน้ากัน ภานุรู้สึกหัวใจเจ็บแปลบแปลกๆ สิ่งที่เขาแสดงออกมาก็เหมือนเด็กเอาแต่ใจคนหนึ่งที่อยากยื้อแย่งเอาของเล่นที่โดนคนชิงไปกลับคืน เขาต้องการเอาชนะเธอ ให้เธอกลับมามองเขาเหมือนเดิม

ระรินตา หญิงสาวคนที่เคยให้คำสัญญากับเขาในอดีตกำลังเดินลงมาหาน้ำดื่ม วันนี้เธออ่านหนังสือดึกเพราะ เหลือการสอบอีกสองวิชาก็ปิดเทอม ร่างบางเดินผ่านห้องของย่ากับแม่ที่อยู่ข้างล่าง เห็นไฟยังเปิดอยู่ก็รู้ว่าแม่ยังไม่นอน

“แม่ พลิกตัวนิดนะ” แผ้วบอกข้างหูหญิงชราที่นอนหายใจหอบอยู่บนเตียง ปล่อยให้ลูกสะใภ้จับตัวหันตะแคงข้าง ระรินตาเข้าไปช่วยแม่โดยเอาหมอนข้างมาดุนหลังให้ย่า

“แม่นอนไหม เดี๋ยวรินดูย่าเอง” ลูกสาวรับอาสาเพราะเห็นว่าแม่ไม่ได้พักผ่อนมาหลายวัน

“ไม่เป็นไรหรอกลูก รินไปอ่านหนังสือเถอะ จะสอบเสร็จแล้วนี่”

“ค่ะแม่ อีกวิชาเดียวก็ปิดเทอมแล้ว จะได้มาช่วยแม่ขายแกงหน้าบ้านตอนเช้าเสียที”

“นั่นสินะ นี่ก็หยุดขายไปหลายวัน ลูกค้าบ่นแย่เลย เฮ้อ”
แผ้วถอนใจ หันไปทางหญิงชราที่นอนหันหลังอยู่ เฝ้าดูอย่างเป็นห่วง คนแก่อายุมากแล้วและเป็นอัมพฤกษ์ด้วย ต้องระวังดูแลเป็นพิเศษ ก็เพราะเป็นแม่ของสามี แถมพ่อของระรินตายังทำงานไปกลับต่างจังหวัดเป็นประจำ แผ้วถึงต้องยอมลาออกจากบ้านอังคกุลมาเพื่อดูแลท่าน คุณวริญญาออกจะเสียดายและกลัวภานุจะงอแงเพราะติดแม่นม จึงขอร้องให้ย้ายมาอยู่ใกล้กัน จะได้ไปมาหาสู่กันง่ายๆ ซ้ำยังช่วยอุปการะส่งเสียระรินตาและน้องสาวอีกคนของเธอให้เรียนหนังสือ บ้านอังคกุลกับครอบครัวของแผ้วจึงยังติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา

“คุณใหญ่ถามหาแม่น่ะจ้ะ แต่รินบอกแล้วว่าแม่ต้องดูย่าแทบไปไหนไม่ได้เลย ช่วงนี้ย่าอาการหนักมาก”

“ถ้ารินไปพบคุณใหญ่อีก แม่ฝากขอโทษด้วยนะลูก แต่ก็คงไม่กี่วันหรอกริน แม่จะไปหาคุณเอง นี่ก็ดึกแล้ว ไปนอนเถอะลูก”

“ค่ะ” รินกำลังจะเดินกลับไปยังห้อง แต่พอนึกอะไรได้ก็พูดออกมา “แม่คะ ต่อไปรินจะไม่ไปบ้านหลังนั้นอีกแล้วถ้าไม่มีแม่ไปด้วย”

“ทำไมล่ะริน” แผ้วถามด้วยความสงสัย

“คือ…รินเกรงใจคุณใหญ่ค่ะ ไปทีไรก็ให้เงินกลับมาทุกครั้ง รินไม่อยากรับเลย ถ้าแม่ไปอาจช่วยพูดกับคุณใหญ่ว่าไม่ต้องให้เงินเกินกว่าค่าเทอม รินยินดีรับใช้คุณใหญ่ แค่ส่งเรียนก็เกรงใจจะแย่แล้ว” ระรินตาไม่กล้าบอกออกไปตามตรงเรื่องที่ไม่อยากไปบ้านหลังนั้น

“แค่นี้แน่หรือ ไม่ใช่เพราะคุณตั้มแกล้งมาอีกนะ” แผ้วเดาเรื่องได้ไม่ยาก

“เอ่อ...คือ” ลูกสาวอ้ำอึ้ง สุดท้ายก็ก้มหน้ารับ “ค่ะแม่ ก็มีบ้าง วันก่อนรินเจอคุณตั้มที่โรงรถ คุณตั้มเขา…” ระรินตารู้สึกใบหน้าตนเองร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงวันนั้น ไม่ใช่เพราะอายอย่างเดียวหรอก แต่โกรธด้วย

“ไงนะริน คุณตั้มทำอะไร” แต่คนที่มีอารมณ์พุ่งเร็วกว่ากลับเป็นแผ้วเสียเอง ดูจากท่าทางลูกสาว ภานุคงทำอะไรเกินเลยแน่ๆ ระรินตาจึงรีบแก้ตัวก่อนที่เรื่องจะลาม

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะแม่ คุณตั้มเขาก็แกล้งรินตามปกติ รินขอตัวไปนอนก่อนนะจ๊ะ” หญิงสาวรีบตัดบท ขืนให้แม่รู้ ท่านอาจจะไม่สบายใจได้

ห้องเรียนในเวลาที่ใช้เป็นห้องสอบค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมผ่านหน้าต่างพัดกระดาษข้อสอบกระพือเบาๆ ระรินตาวางปากกาลง ถอนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ในที่สุดการสอบก็เสร็จสิ้นเสียที หญิงสาวชำเลืองมองเพื่อนอีกสองคน เห็นบัวกับจ๋าทำหน้ายุ่งๆ แต่แก้วดูท่าทางสบายๆ เธอกับแก้วเหมือนกันอยู่อย่าง ต่างมีผลการเรียนดีพอๆกัน

ระรินตาออกจากห้องสอบมาก่อนใครเพื่อน เก็บกระเป๋าที่วางในชั้นขึ้นมา พลันสายตาเหลือบไปยังมุมตึกอีกด้าน ก็เห็นภานุนั่งเท้าแขนอยู่ที่ระเบียง

“ไอ้คุณตั้มมาทำอะไรที่คณะเรา” หญิงสาวนึกสงสัย แต่คิดอีกทีก็พอจะคาดเดาได้ไม่อยาก ยายลูกเกดอะไรนั่นอยู่คณะเดียวกับเธอ แต่อยู่คนละสาขาวิชากัน และวันนี้ดูเหมือนจะเป็นวันสอบวันสุดท้ายของลูกเกดด้วยเหมือนกัน

“เชอะ ที่แท้ก็มาหาแฟนนี่เอง กระทั่งสอบยังตามมาเฝ้าขนาดนี้เชียว” ระรินตายืนมองชายหนุ่ม นึกหมั่นไส้อยากไปแฉความเจ้าชู้ของเขาให้ลูกเกดฟัง แต่ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องของเราก็อย่าเอามาเป็นเรื่องเลย
พอดีภานุซึ่งกำลังมองไปทางอื่นหันมาเห็นหญิงสาวพอดี ระรินตาจึงสะดุ้งที่ถูกจับผิดได้ว่ากำลังแอบมองเขาอยู่

“อุ๊ย ตายละ เขาเห็นเราแล้ว ทำไงดี โดนแกล้งอีกแน่” คนร้อนตัวรีบเดินหนี กลัวว่าจะไม่ทันเมื่อเห็นภานุเดินมาทางเธออย่างรวดเร็ว โชคช่วยที่อาจารย์ศจีเดินตรงมาหาเธอพอดี

“ระรินตา อาจารย์ขจรเขาอยากพบเธอหน่อย ไปหาที่ห้องพักอาจารย์ทีนะ”

“ค่ะอาจารย์” หญิงสาวรับคำ เหลียวกลับไปมองข้างหลัง เขาไม่ได้เดินตามเธอมา แต่เห็นกำลังเดินควงลูกเกดที่ออกมาจากห้องสอบพอดี

“ระฆังช่วยชีวิตแท้ๆ” เธอพึมพำพลางถอนใจโล่งอก แล้วรีบเดินไปที่ห้องอาจารย์ขจรทันที

“ขออนุญาตค่ะอาจารย์” ระรินตาเคาะประตูหน้าห้องพักรองคณบดี

“เข้ามาได้” มีเสียงอนุญาตจากคนด้านใน หญิงสาวจึงเปิดประตูเข้าไป อาจารย์ขจรเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเธอและเป็นอาจารย์สอนชีววิทยา ท่านเหลือบมองผ่านด้านบนของแว่นสายตามายังนักศึกษาสาวแล้วผงกศีรษะน้อยๆ

“นั่งสิ ระรินตา”

“ค่ะอาจารย์” หญิงสาวลากเก้าอี้ออกมานั่งเป็นที่เรียบร้อย รอคอยให้อีกฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน

“ที่อาจารย์เรียกเธอมาวันนี้ก็มีเรื่องจะขอความช่วยเหลือหน่อย ทางคณะเราได้รับการติดต่อจากสำนักงานเขต ขอนักศึกษาหญิงชายคู่หนึ่งของมหาวิทยาลัยไปถ่ายแบบประชาสัมพันธ์งานลอยกระทง ปีนี้เขาอยากได้เยาวชนมากกว่าพวกดาราซึ่งมีแต่ข่าวอื้อฉาวเป็นส่วนมาก”

“ค่ะ แล้วจะให้หนูช่วยอย่างไรคะ”

“ทางอธิการบดีเลยมอบหมายให้คณะของเราสรรหานักศึกษาฝ่ายหญิงมาให้ เพราะฝ่ายชายได้แล้ว ท่านบอกอยากได้ต้นแบบเด็กเรียนดีและเรียบร้อย จะได้เป็นการพรีเซนต์มหาวิทยาลัยว่านอกจากสวยแล้วยังเรียนเก่งด้วย”

“ค่ะ แล้วที่อาจารย์บอกหนูมา หมายถึง…”

อาจารย์ขจรส่งยิ้มบางๆให้ “เข้าใจถูกต้องแล้วละระรินตา พวกอาจารย์ลงมติเลือกเธอไปเป็นตัวแทนในครั้งนี้”

ระรินตารู้สึกประหลาดใจและไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เธอนี่นะจะได้ไปถ่ายแบบ “แต่อาจารย์คะ หนูว่า…”

ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงคนที่มาใหม่ก็ดังอยู่ข้างนอก

“ขออนุญาตครับ”

“เข้ามาได้” อาจารย์ขจรส่งเสียงออกไป

ระรินตาเหลียวมองข้ามไหล่ พอเห็นว่าคนที่เข้ามาเป็นภานุ สีหน้าเธอก็ตึงขึ้น อย่าบอกนะว่านายนี่...

“ระรินตา ภานุจะไปถ่ายแบบงานลอยกระทงคู่กับเธอน่ะ”

หญิงสาวอ้าปากค้าง จากเมื่อครู่ที่ไม่เชื่อ ตอนนี้กลายเป็นเหลือเชื่อ เป็นความโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่

“อาจารย์คะ เมื่อกี้หนูอยากจะบอกว่า หน้าตาหนูก็ไม่ได้ดีกว่าคนอื่นเลยค่ะ มีน้องๆเขาหน้าตาน่ารักสวยกว่าหนูหลายคน บางคนก็เคยถ่ายแบบมาก่อน น่าจะเหมาะกับงานนี้มากกว่า” ระรินตาพยายามหว่านล้อมอาจารย์ให้เปลี่ยนใจไม่เลือกเธอ ที่จริงเธอไม่ชอบทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว พอรู้ว่าต้องถ่ายแบบคู่กับใครเลยยิ่งไม่อยากทำเข้าไปใหญ่

“นี่ อย่าเล่นตัวนักเลย ใครๆก็อยากเป็นนางแบบกันทั้งนั้น” ภานุที่กำลังเดินเข้ามานั่งข้างหญิงสาว อดที่จะแขวะเธอไม่ได้ ระรินตาไม่ได้โต้ตอบกลับ แต่หันไปส่งสายตาขุ่นเขียวแทน

“หนูไม่ได้เล่นตัวอย่างที่เขาว่านะคะอาจารย์ หนูกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีอย่างที่อาจารย์วาดหวังเอาไว้ แล้วหนูก็คิดว่าตัวเองไม่ใช่คนสวยอะไรเลยค่ะ”

“รู้ตัวเหมือนกันนี่” ภานุยังไม่ยอมเลิกจิกเธอด้วยคำพูด

“เอ๊ะ คุณตั้ม” ระรินตาลืมตัว เผลอชวนชายหนุ่มทะเลาะต่อหน้าอาจารย์

“เอาละๆ พอได้แล้ว ไม่ต้องเถียงกัน” อาจารย์ขจรจำต้องห้ามศึกไว้ พลางถอนใจอย่างระอา

“ระรินตา อาจารย์บอกแล้วว่าทางเราต้องการเด็กเรียนดีมาประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยของเรา ภานุเขาเป็นลูกชายของคุณคุณวริญญา ผู้ใหญ่ที่ให้การอุดหนุนกิจการนักศึกษามาโดยตลอด แถมการเรียนก็ใช้ได้ด้วย ฉะนั้นไม่ต้องมองหาใครอีกเลย ส่วนเธอ อาจารย์มั่นใจในตัวเธอมากถึงได้เรียกมา อาจารย์ไม่ได้ให้ช่วยเปล่าๆนะ มีเบี้ยเลี้ยงให้ด้วย ก็มากโขอยู่ อาจารย์เห็นว่าเธอทำงานหาเงินเรียนเอง และนี่ก็เป็นรายได้อีกทางหนึ่ง จะไม่ลองคิดให้ดีก่อนหรือ”

“เอ่อ...คือ...แต่” ระรินตาอึกอัก

“ระรินตา” น้ำเสียงของอาจารย์เข้มขึ้น

“ค่ะอาจารย์”

ระรินตาจำใจต้องรับปาก แต่มาคิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน ถ่ายแบบวันเดียวก็ได้เงินค่าขนมแล้ว เธอไม่อยากทำลายน้ำใจอาจารย์ด้วย “แล้วเมื่อไหร่คะ หนูจะได้บอกทางบ้านถูก ช่วงนิ้ปิดเทอมพอดีเลยค่ะ”

“เดี๋ยวอาจารย์จะเรียกพบอีกทีวันจันทร์นะ ทางทีมงานเขาจะเข้ามาคุยกับอาจารย์ เราจะได้รู้ว่าต้องทำอย่างไรกันบ้าง”

ระรินตารีบก้าวออกมาห้องพักอาจารย์แทบจะทันทีที่อาจารย์ขจรบอกว่าหมดธุระแล้วในวันนี้ แต่ตัวก่อกวนก็ยังตามรังควานไม่เลิก

“ไม่ดีใจหรือได้ถ่ายรูปคู่กับฉัน” ภานุได้ทีรีบหาเรื่องปั่นอารมณ์หญิงสาว ดูจากสีหน้าก็รู้ว่าระรินตาไม่เต็มใจจะถ่ายแบบคู่กับเขา

“ไม่น่าถาม ก็น่าจะรู้ๆกันอยู่” หญิงสาวแขวะกลับไปบ้าง หลังจากอดทนมานาน

“นั่นไง ที่ถามในคืนนั้นว่ารังเกียจฉันมากใช่ไหม คงจะจริง”

ระรินตาชะงักฝีเท้า หันขวับไปมองหน้าภานุ ริมฝีปากบางเหยียดเป็นเส้นตรง

“ไม่ได้รังเกียจหรอกค่ะ ก็แค่ไม่อยากอยู่ใกล้เท่านั้น”

“ริน ปากดีนักนะ!” ภานุขยับตัวจะเข้าไปใกล้เธอ แต่ถูกส้นสูงของระรินตากระแทกใส่เท้าเขาอย่างแรง

“โอ๊ย!”

“ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจ คุณตั้มเดินมาหาเท้ารินเอง” พอทำให้ใครบางคนได้เจ็บตัวบ้างก็รู้สึกดีอย่างเหลือเชื่อ เธอรีบหันหลังกลับแล้วเดินหนีภานุที่กำลังนั่งร้องโอดโอยอยู่อย่างรวดเร็ว
*********************
ขอบคุณค่ะที่ให้อ่านสนับสนุนและสนใจ  link  นี้ตอน 1 นะคะ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11547780/W11547780.html

แก้ไขเมื่อ 12 ม.ค. 55 09:38:09

จากคุณ : myjay
เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 09:36:45




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com