เซ็นซู ภาค จอมอสูรจากหิมาลัย บทที่
|
 |
เซ็นซู บทต้น http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=moonyforever&month=22-09-2011&group=19&gblog=1
บทที่ 4 จดหมายจากเมืองอิวะ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11523508/W11523508.html
บทที่ 5
ผนึกอสูร
ดวงอาทิตย์ยามบ่ายสาดแสงสีแดงอมส้มย้อมกลุ่มเมฆสีขาวให้มีสีสันตัดกับท้องฟ้าสีครามดูงดงามดุจดินแดนแห่งสรวงสวรรค์เช่นเดียวกันกับผิวน้ำที่กำลังสะท้อนแสงจนส่องประกายระยิบระยับราวอัญมณี ยิ่งเมื่อมีกลีบซากุระที่กำลังโปรยปรายปกคลุมผืนดินให้กลายเป็นสีชมพูด้วยแล้วดูราวกับว่าแผ่นดินในบริเวณนั้นคือวิมานของเหล่าทวยเทพก็ไม่ปาน
สึมิเระซึ่งเดินอยู่ข้างเกี้ยวพยายามชี้ชวนให้มิสึกิได้ชื่นชมกับธรรมชาติอันแสนงดงามแต่หญิงสาวกลับไม่สนใจเนื่องจากกำลังจมอยู่ในความกังวลว่าเหตุใดบิดาจึงเลื่อนการเดินทาง
หรือมีเหตุร้ายเกิดขึ้นในโคะโตโระ
คำถามผุดขึ้นในความคิด มิสึกิขมวดคิ้วและส่ายหน้าเมื่อนึกได้ว่าหากเป็นเช่นนั้นบิดาคงระงับการเดินทางทั้งหมดแน่ หญิงสาวระบายลมหายใจออกมาค่อนข้างยาวพลางเลื่อนสายตามองผ่านม่านไหมไปยังด้านนอกและเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อพบว่าขบวนของตนกำลังเดินทางบนเชิงเขาเลียบผืนน้ำขนาดใหญ่ที่กว้างไกลไปจนสุดลูกตา
นี่เรามาถึงทะเลสาบตั้งแต่เมื่อไหร่
มิสึกิเปรยถามด้วยเสียงที่ไม่ดังนัก สึมิเระก้มหน้าลงมาตอบ
สักพักใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ท่านหญิงมัวแต่คิดอะไรอยู่หรือเจ้าคะถึงไม่ทันได้สังเกต
ข้ากำลังคิดว่าท่านพ่อจะมาถึงนี่ก่อนตะวันตกดินหรือไม่ ท่านหญิงตอบพลางเลิกผ้าม่านขึ้นเล็กน้อยและยิ้มออกมาเมื่อเห็นทัศนียภาพโดยรอบ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ทะเลสาบแห่งนี้ก็ยังคงงดงามไม่เคยเปลี่ยน
นั่นเพราะการดูแลเอาใจใส่ของท่านยาสึฮิระประกอบกับสถานที่แห่งนี้ออกจะห่างไกลจากผู้คน เลยไม่ค่อยมีใครเข้ามารบกวนน่ะเจ้าค่ะ
นั่นสินะ มิสีกิพึมพำและมองผิวน้ำที่กำลังสะท้อนแสงวิบวับอยู่ครู่หนึ่งจึงปิดม่านและเอนตัวพิงหมอนใบใหญ่พร้อมกับหลับตาลง หัวใจกระหวัดถึงนักนาฏกรรมหนุ่มอันเป็นที่รัก จะงดงามเพียงใดหากได้ชมฮารุคาเสะร่ายรำพัดโดยมีทะเลสาบบิวะเป็นฉากหลัง หญิงสาวคิดคำนึงด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว และนางจะมีความสุขมากแค่ไหนหากได้ยืนชมทะเลสาบบิวะเคียงคู่กับเขา เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้วพวงแก้มของมิสึกิก็มีสีชมพูระเรื่อขึ้นมา
คิดอะไรน่าอายจริง
หญิงสาวกล่าวกับตัวเองอย่างขวยเขินและเลื่อนสายตากลับไปมองทิวทัศน์ด้านนอกอีกครั้ง ขณะที่กำลังปล่อยจิตใจให้ล่องลอยไปกับความคิดคำนึงจู่ๆเกี้ยวก็หยุดลง ยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากถามสิ่งใดเสียงโรคุเซก็ดังเอะอะขึ้น
ทุกคนเตรียมการตั้งรับ ล้อมเกี้ยวเอาไว้เร็ว
เสียงฝีเท้าดังรอบตัว มิสึกิขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเห็นทหารกำลังยืนรอบล้อมเกี้ยวขอนางเอาไว้พร้อมกับชักดาบออกจากฝักในท่าเตรียมพร้อม
เกิดอะไรขึ้น
หญิงสาวถาม โรคุเซซึ่งวิ่งเข้ามาหารีบโค้งคารวะก่อนตอบ
พลตระเวนพบร่องรอยการก่อไฟ ตอนนี้ข้ากำลังตรวจสอบอยู่ว่าคนพวกนั้นเป็นใคร
โจรหรือเปล่า สึมิเระถาม นายกองสั่นศีรษะ
ข้าไม่แน่ใจแต่ไม่ใช่น่าจะดีกว่า
ยังไม่ทันจบประโยคโรคุเซก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อมีธนูพุ่งออกมาจากป่าปักลงบนลำตัวของทหารคนหนึ่ง เขาล้มลงสิ้นใจทั้งที่ยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้อง นายกองจึงหันไปสั่งให้สึมิเระดูแลมิสึและรีบกระชากดาบออกจากฝักในขณะที่ปากร้องตะโกนสั่งให้พลธนูยิงตอบโต้กลับไปแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเพราะผู้ลอบจู่โจมแอบซุ่มอยู่หลังต้นไม้ นายกองสบถเสียงลั่นด้วยความขัดใจ เขาหันไปคว้าธนูคันหนึ่งมาจากลูกน้องและยิงทันทีเมื่ออีกฝ่ายชะโงกหน้าออกมา
ธนูปักกลางหน้าผากอย่างแม่นยำ เมื่อเหตุการณ์แปรเปลี่ยนไปเช่นนั้นพวกที่เหลือจึงออกจากที่ซ่อนและระดมยิงธนูเข้าใส่จนลูกศรหมดกระบอก เมื่อหมดอาวุธสำหรับโจมตีในระยะไกลแล้วหนึ่งในนั้นจึงชูดาบขึ้นพร้อมกับร้องสั่ง
ฆ่าพวกมันให้หมด
ชายฉกรรจ์นับสิบวิ่งกรูออกมาจากป่าพุ่งเข้าต่อสู้กับทหารอย่างปราศจากความเกรงกลัว โรคุเซกวัดแกว่งดาบฟาดฟันโจรทุกคนที่เข้าใกล้เกี้ยวส่วนอีกฝ่ายพยายามรุกเข้าไปด้วยเข้าใจว่าผู้ที่นั่งอยู่ในนั้นเป็นขุนนางชั้นสูงกระทั่งสึมิเระดึงมิสึกิออกมา ชายร่างใหญ่ซึ่งดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าจึงเบิกตาโพลง
ผู้หญิง มันตะโกนด้วยความลิงโลดและหันไปสั่งลูกน้อง ใครจับนางมาได้ข้าจะให้รางวัลอย่างงาม
เสียงเฮดังกึกก้อง สมุนโจรต่างพุ่งกรูกันเข้าไปที่เกี้ยวเพื่อจับมิสึกิอย่างไม่กลัวตาย ทหารที่คอยคุ้มกันต่างปกป้องนายหญิงของตนจนสุดกำลังแต่ถึงแม้จะมีอาวุธที่เหนือกว่าแต่ด้วยจำนวนเพียงสามสิบคนจึงไม่อาจต้านโจรเกือบครึ่งร้อยได้ ไม่ช้าองครักษ์เกือบทั้งหมดก็ถูกปลิดชีวิต ที่เหลือต่างช่วยกันพามิสึกิกับสึมิเระแหวกวงล้อมวิ่งหนีเข้าไปในป่าโดยมีฝูงโจรจำนวนมากตามหลัง เมื่อเห็นว่าจวนตัวโรคุเซซึ่งดูเหมือนจะมีความคุ้นเคยกับภูเขาโฮะระนะฮาจิจึงหันไปร้องสั่งให้ทหารที่เหลือตรึงกำลังต้านศัตรูเอาไว้ขณะที่เขาเร่งกวาดมองไปโดยรอบคล้ายสำรวจพื้นที่ เมื่อแน่ใจว่าเส้นทางที่อยู่เหนือขึ้นไปไร้วี่แววของเหล่าโจรป่าแล้วนายกองหนุ่มจึงหันไปสั่งสึมิเระ
พาท่านหญิงหนีไปทางนั้น
พี่เลี้ยงหญิงผงกศีรษะรับและพามิสึกิหนีไปตามคำสั่ง ฝ่ายโรคุเซเมื่อเห็นว่าทั้งสองไปไกลพอแล้วจึงหันกลับไปร้องสั่งทหารให้ระดมยิงธนูเข้าใส่โจรที่วิ่งตามมากระทั่งลูกศรสุดท้ายถูกยิงออกไปนายกองหนุ่มจึงชูดาบขึ้นพร้อมกับร้องตะโกน
ปกป้องท่านหญิงด้วยชีวิต
ทหารทั้งหมดต่างชูดาบขึ้นกวัดแกว่งเหนือหัวจากนั้นจึงวิ่งกรูเข้าต่อสู้กับเหล่าโจรป่าเพื่อปกป้องนายหญิงอย่างไม่กลัวตาย แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ แม้จะตั้งรับอย่างเข้มแข็งแต่เมื่อถูกอีกฝ่ายทุ่มกำลังเข้าโจมตีอย่างหนักทหารกล้าแห่งโคะโตโระจึงล้มลงไปทีละคนไม่เว้นกระทั่งนายกองผู้เก่งกล้าเช่นโรคุเซ
เสียงดาบที่เงียบลงกับเสียงโห่ร้องอย่างลิงโลดของพวกโจรป่าทำให้สึมิเระรู้ได้ในทันทีว่าเวลานี้พวกนางปราศจากผู้คุ้มครองแล้ว พี่เลี้ยงผู้ภักดีพยายามพามิสึกิวิ่งจนเต็มฝีเท้าแต่ด้วยความเหนื่อยอ่อนประกอบกับเสื้อผ้าที่รุ่มร่ามทำให้ทั้งคู่ไปได้ไม่เร็วนัก เสียงหัวเราะอย่างคึกคะนองของผู้นำคนชั่วทำให้สึมิเระต้องขมวดคิ้วด้วยความกังวล นางกวาดตามองต้นไม้รอบตัวพร้อมกับครุ่นคิดในใจว่าหากยังขืนวิ่งต่อไปเช่นนี้ไม่ช้าพวกโจรคงตามทัน แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเป้าหมายของหัวหน้าพวกมันอยู่ที่มิสึกิสึมิเระจึงคิดแผนการบางอย่างขึ้นมา
หยุดก่อนเถิดเจ้าค่ะ
นางพูดพร้อมกับรั้งแขนนายหญิงไว้ อีกฝ่ายหยุดชะงักและหันมามองด้วยความแปลกใจ
มีอะไรหรือสึมิเระ
หากวิ่งต่อไปเช่นนี้พวกโจรคงตามทัน ข้าคิดว่าเราสองคนควรจะแยกกันไปคนละทาง สึมิเระอธิบายพร้อมกับชี้มือเข้าไปในป่าที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ขึ้นหนาทึบ
ท่านหญิงหนีไปทางด้านนั้นเพราะเป็นป่าทึบมีที่ให้หลบซ่อนมากมาย
แล้วเจ้าล่ะ
ข้าจะไปทางนี้ พี่เลี้ยงตอบพลางหันหน้าไปด้านตรงข้าม มิสึกินิ่วหน้าเมื่อเห็นว่าแม้จะมีต้นไม้ขึ้นหนาแน่นอยู่บ้างแต่ก็โล่งเกินกว่าจะใช้เป็นที่ซ่อนตัว
ป่าโปร่งแบบนั้นเจ้าไม่ปลอดภัยแน่
เห็นแบบนี้ข้าเคยเป็นหนึ่งในเรื่องการเล่นซ่อนหานะเจ้าคะ สึมิเระพูดพร้อมกับแตะเสื้อคลุมกิโมโนของผู้เป็นนาย เสื้อคลุมตัวนี้ยาวรุ่มร่าม ท่านหญิงส่งมันมาให้ข้าเถิดเจ้าค่ะ
แต่... มิสึกิซึ่งดูเหมือนจะรู้ทันความคิดทำท่าจะแย้งแต่เมื่อเห็นดวงตามุ่งมั่นของสึมิเระแล้วนางจึงพูดอะไรไม่ออกนอกจากยอมถอดเสื้อคลุมส่งให้แต่โดยดีแต่ยังไม่วายกล่าว เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ก็ได้
มันเป็นสิ่งที่ข้าพึงกระทำ สึมิเระพูดพร้อมกับกุมมือท่านหญิงไว้และบีบเบาๆ โปรดซ่อนตัวให้ดี ไม่ช้าท่านยาสึฮิระจะต้องตามมาช่วยและกรุณาอย่าได้เป็นห่วงข้ารับใช้ผู้นี้เลย
นางก้าวถอยออกห่างพร้อมกับโค้งคำนับ
รีบไปเถอะเจ้าค่ะ
น้ำตาของมิสึกิไหลอาบแก้ม นางมองข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ก่อนตัดใจหมุนตัววิ่งหายเข้าไปในป่า ฝ่ายสึมิเระเมื่อเห็นว่านายหญิงพ้นไปจากสายตาแล้วจึงเหวี่ยงเสื้อคลุมกิโมโนขึ้นคลุมศีรษะและวิ่งหนีไปอีกด้านโดยเจตนาให้โจรป่าเห็น หัวใจของนางกระตุกวาบเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนขึ้น
มันอยู่นั่น
พวกโจรวิ่งกรูตามสึมิเระทันทีพร้อมกับตะโกนร้องเรียกด้วยถ้อยคำหยาบคาย ขณะที่ลูกน้องทั้งหลายเร่งติดตามเหยื่อด้วยอาการกระเหี้ยนกระหือรือแต่หัวหน้าของพวกมันกลับหยุดยืนนิ่งและมองผู้ที่กำลังวิ่งหนีอย่างพิจารณา
ข้าจำได้ว่าผู้หญิงมีสองคน เขาพูดกับสมุนที่อยู่ด้านข้างพลางกวาดตามองไปโดยรอบเมื่อพบว่าต้นหญ้าเอนราบเป็นทางหัวหน้าโจรจึงเดินเลยขึ้นไปด้านบนอีกเล็กน้อยและหยุดบริเวณที่หญิงทั้งสองยืนเมื่อครู่ ตรงนี้มีรอยเท้าอีกคน
สายตาเลื่อนตามรอยเท้าของมิสึกิที่วิ่งแยกไปอีกทาง รอยยิ้มกระหยิ่มปรากฏบนปากหน้า เขาหันกลับไปทางลูกน้องราวหกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับสั่งเสียงห้วน ตามไป
*/*/*/*/*
มิสึกิวิ่งขึ้นไปตามทางลาดของภูเขาผ่านพุ่มไม้และดงต้นสนไปจนกระทั่งถึงลานโล่งแห่งหนึ่งจึงหยุดพัก หญิงสาวยืนหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนพลางกวาดตามองไปรอบบริเวณเพื่อหาเส้นทางหลบหนีแต่หัวใจก็ต้องกระตุกวาบเมื่อพบว่านอกจากทางที่เพิ่งขึ้นมาแล้วด้านอื่นล้วนเป็นหน้าผาสูงชัน แต่เมื่อคิดจะย้อนกลับลงไปลงไปทางเดิมเสียงกิ่งไม้หักกับฝีเท้าของคนจำนวนมากที่กำลังใกล้เข้ามาทำให้นางต้องเปลี่ยนใจและมองหาเส้นทางหลบหนีซึ่งก็ต้องสิ้นหวังเพราะไม่มีช่องทางพอจะใช้หลบหนีได้เลย
ขณะที่กำลังหมดหนทางอยู่นั้นมิสึกิก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีสายลมเย็นเยือกพัดมากระทบร่าง นางหันไปมองด้วยความตระหนกและแปรเปลี่ยนเป็นแปลกใจเมื่อเห็นโพรงขนาดใหญ่ซุกซ่อนอยู่ภายใต้พุ่มไม้หนาทึบ แม้ลังเลที่จะเข้าไปดูแต่เสียงโจรที่ดังใกล้เข้ามาทำให้มิสึกิจำต้องตัดสินใจก้าวเข้าไปในโพรงซึ่งเมื่อเดินเข้าไปแล้วหญิงสาวจึงพบว่ามันเป็นถ้ำที่ลึกพอควร ถึงจะเป็นช่วงต้นของฤดูใบไม้ผลิแต่อากาศภายในถ้ำกลับเย็นยะเยือกจนร่างกายสั่นสะท้านยิ่งประกอบกับความมืดสลัวด้วยแล้วมิสึกิถึงกับยืนแข็งนิ่งอยู่กับที่ไม่กล้าขยับไปไหน แต่เสียงพูดคุยโต้เถียงที่ดังมาจากด้านนอกทำให้นางรู้ว่าพวกโจรได้ตามมาถึงปากถ้ำแล้ว มิสึกิจ้องทางเข้าด้วยความกังวลก่อนจะหันกลับเข้าไปในถ้ำและมองผ่านความมืดไปยังด้านในสุดอย่างใช้ความคิด หญิงสาวสูดลมหายใจเพื่อรวบรวมความกล้าจากนั้นจึงเริ่มเดินเข้าไปทีละก้าวอย่างระมัดระวัง
ระหว่างที่กำลังคลำทางอยู่ในความมืดนั้นก็มีแสงวับแวมออกมาจากด้านใน มิสึกิจึงเดินเข้าไปดูและพบว่าแสงสว่างที่นางเห็นมาจากเทียนสองเล่มที่วางไว้หน้าหิ้งบูชาไม้เก่าแก่ขนาดเล็ก ความที่ภูเขาโฮะระนะฮาจิไม่เคยมีการบูชาเทพเจ้าองค์ใดมาก่อนทำให้หญิงสาวต้องชะโงกหน้าเข้าไปมองพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเพราะแทนที่จะเป็นภาพหรือรูปสลักของเทพกลับเป็นเพียงขนสัตว์และประคำสีขาว แม้จะเต็มไปด้วยความสงสัยแต่ความหวาดกลัวต่อภัยจากพวกโจรนั้นมีมากกว่า มิสึกิรีบมองไปยังช่องว่างด้านหลังหิ้งบูชาด้วยหวังว่าจะใช้เป็นที่ซ่อนตัวแต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรนางก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากปากถ้ำ หญิงสาวขยับตัวไปซุกตัวนั่งอยู่ในซอกหลังหิ้งทันทีและหลับตาลงพร้อมกับอธิษฐานขอให้เทพเจ้าที่อยู่ในที่แห่งนั้นคุ้มครอง
ปลดผนึกนี่แล้วข้าจะคุ้มครองเจ้า
เสียงทุ้มต่ำดังข้างหู มิสึกิเบิกตากว้างและหันมองรอบตัวอย่างหวาดระแวง
นั่นใครเป็นคนพูด เจ้าพวกโจรใช่ไหม ออกมาให้ข้าเห็นเดี๋ยวนี้
เสียงหัวเราะดังแทรกอยู่ในอณูอากาศราวกับเจ้าของเสียงกำลังขบขันในกิริยาของท่านหญิง
ทั้งที่กลัวแต่ก็ยังทำเป็นใจกล้า ข้าอยู่ข้างตัวเจ้านี่แล้วไง
มิสึกิหันมองซ้ายขวาและหยุดชะงักคล้ายกับนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ นางเลื่อนสายตาไปหยุดที่ขนสัตว์ภายในหิ้งบูชาพร้อมกับหลุดคำพูดออกมาอย่างลืมตัว
หรือว่า
ถูกต้อง ข้าเป็นอสูรที่ถูกจองจำอยู่กับขนสัตว์ผืนนี้ หากเจ้าทำลายผนึกข้าก็จะจัดการกับมนุษย์พวกนั้นเป็นการตอบแทน
ผู้ที่ถูกจองจำอธิบายและเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังงมีท่าทางลังเลเขาจึงพูดกระตุ้นเตือน
เจ้าพวกนั้นใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว รีบตัดสินใจเร็วว่าจะปล่อยข้าหรือยอมให้พวกมันลากตัวออกไป
คำพูดของผู้ถูกผนึกทำให้มิสึกิคิดได้ว่าหากต้องพบกับความโหดร้ายของมนุษย์ด้วยกันแล้วนางขอเผชิญหน้ากับปิศาจดีกว่า แต่เพราะยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายหญิงสาวจึงกล่าวถามอีกครั้ง
จะแน่ใจได้อย่างไรว่าเมื่อถูกปล่อยออกมาแล้วเจ้าจะไม่ทิ้งข้าไป
เสียงหัวเราะดังกระหึ่มไปทั้งถ้ำ
ข้าไม่ใช้คนตระบัดสัตย์ขลาดเขลา ขอสัญญาว่าจะปกป้องเจ้าจนกว่าจะปลอดภัย
เมื่อได้ยินคำมั่นจากผู้ที่เรียกตนเองว่าเป็นอสูร มิสึกิจึงขยับเข้าไปใกล้หิ้งบูชาอีกเล็กน้อยพร้อมกับถาม
ข้าต้องทำยังไง
เห็นยันต์ที่ปิดอยู่บนหิ้งไหม ดึงมันออกแล้วหยิบขนสัตว์กับประคำออกมาพร้อมกัน
หญิงสาวยื่นมือไปแตะยันต์ที่มีตัวอักษรประหลาดซึ่งคาดปิดบานพับหิ้งบูชาอย่างลังเลก่อนตัดสินใจฉีกมันออกพร้อมกับหยิบขนสัตว์และประคำออกมาอย่างเร็ว ทันทีที่หลุดจากพันธนาการขนสัตว์ผืนนั้นก็เกิดอาการเต้นไหวดุจมีชีวิต มันสะบัดตัวหลุดจากมือของมิสึกิไปลอยนิ่งอยู่กลางอากาศและม้วนตัวเป็นวงคล้ายกำลังพันรอบอะไรบางอย่างโดยมีประคำสีขาวรัดเอาไว้ กระแสลมเย็นเยือกที่ปั่นป่วนรุนแรงขึ้นมาอย่างฉับพลันเป่าฝุ่นดินกลางถ้ำให้หมุนวนขึ้นและก่อตัวขึ้นเป็นมนุษย์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่น่าเกรงขามจนมิสึกิต้องถอยหลังด้วยความตระหนก และเมื่อสายลมสุดท้ายหยุดลงปิศาจตนนั้นจึงเงยหน้าขึ้นและเปล่งเสียงหัวเราะด้วยน้ำเสียงก้องกังวาน เป็นอิสระเสียที เขาหันหน้ากลับมามองมิสึกิและแสยะยิ้ม ไม่ต้องเป็นห่วงข้าเป็นคนรักษาสัญญา
กรงเล็บในมือยืดยาวออกมาขณะที่จอมอสูรเบนสายตากลับไปยังเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากปากถ้ำยังไม่ทันที่ท่านหญิงจะขยับหรือเอ่ยปากพูดอะไรร่างสูงใหญ่ก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วที่เกินกว่าจะมองได้ทัน เมื่อรู้สึกตัวอีกทีก็มีเพียงเสียงร้องด้วยความตระหนกกับกลิ่นคาวเลือดที่โชยเข้ามาภายในถ้ำพร้อมกับสายลม
*/*/*/*/*
มาทักทายและให้กำลังใจค่ะ ปล.สวัสดีปีใหม่ค่ะ จากคุณ : Setakan - ขอบคุณมาค่ะ และสวัสดีปีใหม่เช่นกันค่ะ ^^
ยาสึฮิระโหดได้ใจ สุขสันต์วันปีใหม่ครับ^^ จากคุณ : Psycho man - เป็นปิศาจนี่คะ แต่เขาก็ไม่ได้โหดเสมอไปหรอกค่ะ สุขสันต์วันปีใหม่นะคะ
ระยะหลังนี่วาดรูปจนจำไม่ได้แล้วว่าอันไหนเคยลงไปแล้วบ้าง ถ้าซ้ำกันต้องขออภัยด้วยนะคะ
ปิดท้ายกันด้วยรูปฮารุคาเสะ ไพรา มิสึกิและเบียคโกะ
จากคุณ |
:
Moony_Lupin
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ม.ค. 55 10:21:40
|
|
|
|