ก่อนที่จะมีเสียงเจี๊ยบ (วัยหนุ่ม) เล่าว่า แม้ว่ากลุ่มของเราจะเคยได้รับฉายาจากคุณครูหลายๆคนว่า เป็นพวก แก๊งซ่าจอมซนชั้นประถมของโรงเรียน [ภาพย้อนไปตอนที่ไอ้แจ๊คในหนังภาคแรก ที่แอบเอานิ้วปลอมขาดมีเลือดโชกไปวางบนโต๊ะแกล้งนักเรียนหญิงในห้องจนถูกครูตีด้วยไม้เรียวหน้าห้อง]
แต่พอเราขึ้นมาอยู่ม.ต้น ไอ้แจ๊คหัวหน้ากลุ่มของเรา กลับสามารถแปรความซนในวัยเด็กมาเป็นความคิดสร้างสรรค์ในวัยรุ่นที่คุณครูต่างพากันชมเชย พวกเราตั้งวงดนตรีหนุ่มสาวน้อย ขึ้นในชมรมดนตรีของโรงเรียน ชมรมฯนี้ก็เป็นไอ้แจ๊คนี่แหละครับที่ไปขอความช่วยเหลือจากคุณครูน้อย... ครูสอนวิชาแนะแนวให้ช่วยแนะนำ ซึ่งแกเล่นดนตรีเป็นอยู่แล้วด้วย ครูน้อยจึงรับเป็นที่ปรึกษาของชมรมฯให้
[ภาพจับไปที่แจ๊คในม.ต้นที่กำลังเรียนตีกลองกับครูผู้ชายรุ่นพ่อท่านหนึ่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ครูน้อยก็สอนให้ด้วยความเอ็นดู สุดท้ายแจ๊คพาเพื่อนๆในแก๊งฯมาเรียนดนตรีกับครูน้อยด้วยกันทั้งแก๊ง]
ไอ้แจ๊คแม้จะเป็นเด็กโข่งเรียนซ้ำชั้นประจำรุ่นของเรา แต่ก็มักจะมีไอเดียดีๆผุดขึ้นมาจากเจ้ายักษ์อ้วนดำคนนี้ มันจัดการเสร็จสรรพให้ผมเล่นกีตาร์ ไอ้ตี่เล่นเบส ตัวมันเองก็ตีกลอง
[ภาพจับไปแต่ละคน ที่เริ่มหัดเล่นเครื่องดนตรีของตัวเอง และไอ้แจ๊คที่กำลังตีกลองชุด ก่อนแจ๊คจะยืนขึ้นมาจากเก้าอี้และทำท่าตะโกน กูจะเป็นมือกลองอันดับหนึ่งให้ได้]
ไอ้โนชตีเพอร์คัสชั่น (กลองยาวสองใบคล้ายๆกลองทิมปานี) ส่วนไอ้บอย ความที่แม่มันรวยเป็นเจ้าของตลาด ไอ้บอยเลยมีคีบอร์ดใหม่แกะกล่องเป็นของตัวเอง แถมแม่มันยังจ้างครูพิเศษมาสอนดนตรีให้ในวันหยุด พวกผมก็เลยรู้วิธีอ่านโน๊ตจากไอ้บอยนี่แหละครับ เมื่อได้นักดนตรีครบวง ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนหานักร้องนำของวง ไอ้พริกแม้จะชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆ และร้องได้ดีกว่าคนอื่นๆในกลุ่ม
[ภาพย้อนกลับในภาคแรก พริกยืนร้องเพลงในห้องน้ำ และร้อง more than I can say ขณะนั่งเขียนหนังสือ] แต่ไอ้แจ๊คก็ยังไม่พอใจ เราจึงต้องจัดแข่งขัน เพื่อคัดเลือกหานักร้องนำของวงดนตรีหนุ่มสาวน้อยขึ้นมา
แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 55 11:26:58