Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หัวใจก้นครัว ๓-๔ (แก้ไขใหม่) ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๓

        ถุงพลาสติกใสมีหูหิ้วหลายถุง ภายในบรรจุกล่องโฟม ถูกวางลงบนโต๊ะไม้หน้าบ้านพักของรักษภูมิจนเต็มไปหมด อาหาร ๕ อย่าง อย่างละถุง สองคนก็รวมเป็น ๑๐ ถุง

นี่ขนาดเป็นวันแรก อาหาร ๕ อย่าง หล่อนยังทำตั้งนาน ส่วนแดงทำแต่ละอย่างใช้เวลาแป๊บเดียว สำหรับคนอื่นอาหารง่ายๆอย่างนี้อาจจะใช้เวลาทำไม่นาน แต่สำหรับหล่อน...ไม่ใช่! สิตานึกท้อแท้ในใจ

ตั้งแต่ช่วงเช้าแค่ทำอาหารสามอย่าง คือต้มยำกุ้ง ลาบไก่ ปอเปี๊ยะทอด แต่กว่าจะผ่านไปได้ ก็ทำเอาหล่อนยืนมึนกับข้าวของเครื่องใช้ ทั้งตาชั่ง ถ้วยตวง ช้อนตวงอยู่พักใหญ่ ไหนจะทั้งการจับมีด จับกระทะทองเหลืองอีกสารพัดสิ่ง โชคยังดีที่มีครูพี่เลี้ยงคอยประกบอยู่ไม่ห่าง แต่สิตาก็แอบเห็นครูของหล่อนแอบเบือนหน้าไปยิ้มขันๆกับรักษภูมิ ในท่าทางเงอะงะของหล่อนอยู่หลายครั้ง  

ระหว่างพักทานอาหารกลางวัน ซึ่งก็คืออาหารฝีมือของหล่อนเอง ที่รสชาติไม่อ่อนเกินไป ก็จัดจ้านเกินไป ‘สงสัยมือยังไม่เที่ยง’ สิตาให้กำลังใจตัวเอง ดังนั้นหญิงสาวจึงเลือกที่จะกินของรักษภูมิแทน เพราะชิมแล้วรสชาติฝีมือดีกว่ามาก แม้ว่าจะมีสูตรให้ทำตามเหมือนกันก็ตามที

“เป็นไง เหนื่อยมั้ยล่ะ สิตา ถอนตัวยังทันนะ....” รักษภูมิหยั่งเชิง เมื่อเห็นสิตานิ่งเงียบผิดวิสัยไป ก็อดให้กำลังใจเสริมไปไม่ได้ว่า “ใหม่ๆก็อย่างงี้แหละ อีกหน่อยก็ปรับตัวได้เอง อย่าไปซีเรียสอะไรกับมันมากนัก”

“แหม...ซ้อมร้อง ซ้อมเต้น ทั้งวันยังไม่หนักขนาดนี้เลย” สิตาบ่นอุบอิบออกมา ก่อนจะลงมือจัดการกับอาหารตรงหน้า เตรียมแรงกายแรงใจไว้ เพื่อที่จะลุยกับการทำอาหารในช่วงบ่ายต่อไป

              ในช่วงบ่าย ยังเหลืออีก ๒ รายการอาหารที่ต้องหัดทำ ซึ่งก็คือ ทอดมันปลากราย คนสอนเตรียมเนื้อปลากรายขูดไว้ให้แล้ว แต่ก็สอนให้หล่อนลวกหรือปิ้งเนื้อปลาชิมดูเสียก่อน ว่าเนื้อปลามีรสเค็มมากน้อยแค่ไหน เพราะเวลาขูดคนขายส่วนใหญ่จะผสมน้ำเกลือลงไป ถ้าไม่ชิมก่อน แล้วทำตามสูตรเลย อาจจะทำให้ทอดมันมีรสเค็มเกินไป

แต่ที่ทำเอาสิตาเกือบจะถอดใจเสียแล้ว ก็เรื่องที่ต้องปั่นพริกแกงเอง ผ่านไปไม่นาน หล่อนก็เริ่มใช้เครื่องมือคล่อง ไหนจะต้องฟาดเนื้อทอดมันให้เหนียวเป็นเนื้อเดียวกัน จนทำเอาหล่อนเมื่อยแขน แม้จะมีหมวกคลุมกับผ้ากันเปื้อนกันให้ใส่ แต่กว่าจะเสร็จ ก็เล่นเอาหล่อนเปรอะเปื้อนเนื้อตัวมอมแมมหมดสวยไปเลยทีเดียว

พอทอดออกมาแล้ว ของที่แดงทำนั้นเหนียวนุ่มหนึบ ต่างจากที่หล่อนทำมากเลยทีเดียว

‘....แน่สิ ดูแขน ดูไหล่ ดูตัวสิ ผู้หญิงร่างอ้อนแอ้นบอบบางอย่างหล่อนจะไปนวดได้ดีเท่าแดงอย่างไร’ แต่ความคิดก็สะดุดลง เมื่อประสานสายตากับรักษภูมิ ที่หลิ่วตาให้รู้ทันว่า...

‘เลิกเข้าข้างตัวเองซะทีเถอะ รู้นะคิดอะไรอยู่!’

ส่วนรายการสุดท้าย ก็เป็นของหวาน คือ ต้มถั่วเขียว แดงบอกว่าอาจจะออกสอบก็ได้ แต่สิตาใจร้อนไปนิด เพราะลืมที่คนสอนบอกไว้ว่า ให้ถั่วสุกเสียก่อนจึงจะใส่น้ำตาล เมื่อชิมแล้วถั่วเขียวของหล่อนจึงแข็งราวกับกินเม็ดกรวด  ทั้งๆที่คิดว่าง่ายแล้ว แต่สิตาก็ยังทำพลาดอีกจนได้


          ระหว่างการเดินทางเพื่อไปเรียนในวันที่สอง รักษภูมิสังเกตว่า สิตานั่งเงียบไปตลอดทาง ไม่มีส่งเสียงชวนคุยเจื้อยแจ้วเหมือนเคย จนเขาแปลกใจ

“สิตาจะทำได้มั้ยนะแดง...” สิตารำพึงขึ้นเบาๆ เมื่อใกล้จะถึงโรงเรียน

“อะไร ที่คิดว่าทำไม่ได้” รักษภูมิ ถามขึ้น ขณะที่เลี้ยวรถเข้าไปยังลานจอดรถ

“ก็... แกะสลักไง ดูมันยากจังเลย แล้วยังจำเป็นต้องสอบให้ผ่านด้วยใช่มั้ย?” สิตา ถามเสียงเซ็ง

เมื่อชายหนุ่มจอดรถจนเรียบร้อยแล้วจึงถามกลับไป “ทำไมอยู่ดีๆก็หมดความมั่นใจขึ้นมาซะงั้นล่ะ”

“เมื่อวานขนาดทำกับข้าว สิตาก็พอเคยเห็น เคยช่วยป้าดอกทำครัวมาบ้าง ยังออกมาแย่ขนาดนั้นเลย ดูสิ เอาไปให้พวกเด็กในบ้านกิน มันยังทำหน้าปุเลี่ยนๆ ยังไงพิกล แล้วแกะสลัก นี่ไม่เคยรู้ เคยเห็นมาก่อน เลยจริงๆ จะทำได้เหร๊อ...”พูดจบ สิตาก็ถอนหายใจออกมาอีกเฮือกใหญ่

จริงๆ ชายหนุ่มอยากจะบอกออกไปตรงๆว่า ที่สิตาบอกว่าเคยช่วยป้าดอกแม่ครัวที่บ้านนั้น เรียกว่าสั่ง น่าจะถูกต้องมากกว่า เพราะเวลาที่หล่อนอยากกินอะไร หล่อนก็แค่ไปเปรยในครัว จะว่าที่ได้ช่วยน่ะ ก็แค่รอรับอาหารใส่จานแล้วลงมือกิน โดยไม่ต้องให้คนยกมาวางไว้บนโต๊ะก็เท่านั้นเอง

แต่เวลานี่ไม่ใช่เวลาที่จะพูดแซวเล่นกัน ดูแล้วหญิงสาวต้องการกำลังใจมากกว่าสิ่งอื่นใดในตอนนี้

“เอาทีละปัญหานะ... หนึ่ง เรื่องทำอาหาร ใหม่ๆ ต้องใช้เวลาปรับตัวนิดนึง ที่เราเห็น ก็แค่ สิตา ไม่ชอบทำตามสูตรเท่านั้นเอง สิตารู้มั้ย กว่าที่จะมาเป็นสูตร มาเป็นขั้นตอนต่างๆที่เราต้องทำตามน่ะ มันต้องผ่านการทดลอง ทดสอบ มากมายมาแล้ว เราจึงควรเคารพในความคิดหรือรสชาติที่เจ้าของสูตร เจ้าของตำรับอาหารนั้นด้วย ที่สำคัญในตอนแรกเราควรจะทำตามเค้าเสียก่อน ชิมรสชาติดั้งเดิมให้รู้ว่ามันเป็นยังไง ซึ่งมันอาจจะถูกใจหรือไม่ถูกใจเราก็ได้ หลังจากนั้นจะแก้หรือจะแปลงไปก็แล้วแต่เรา นั่นก็ถือว่าเป็นสูตรของเราแล้วล่ะทีนี้”

“แดง คิดอย่างงั้นจริงๆเหรอ” แม้ว่าอีกฝ่ายจะอธิบายให้เห็นภาพแล้วก็ตาม แต่สิตาก็ยังไม่มั่นใจขึ้นมาอยู่ดี

“ใช่ สอง...เรื่องแกะสลัก ไม่ต้องไปซีเรียสกับมันนัก เดี๋ยวไปเรียนจริงๆแล้วก็ทำได้เองแหละ ส่วนจะทำได้ดีขนาดไหน มันก็อยู่ที่เธอเอง คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ซี เสียเงินเรียนขนาดนี้ทำไม่ได้ให้มันรู้ไป แต่อย่าเพิ่งตีโพยตีพายไปก่อนก็แล้วกัน”

รักษภูมิ หันไปลูบหัวเพื่อนรักอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะบอกออกมาว่า “งั้นสัญญาก่อนนะ ว่าจะไม่คิดงี่เง่าอะไรแบบนี้อีก ยังไงสิตาก็มีเราอยู่ทั้งคน...”
เมื่อได้รับกำลังใจด้วยคำพูดและรอยยิ้ม จากเพื่อนรักแล้ว หญิงสาวค่อยคลายความกังวลใจขึ้นมาได้บ้าง ส่วนข้างหน้าจะเป็นยังไงนั้น หล่อนเองไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่นา

 
         ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผึ่งผายในชุดครัวสีขาว เดินเข้ามาในห้องทำงานพร้อมแฟ้มสีดำหลายแฟ้มในมือ ภายในบรรจุเอกสารสำคัญๆมากมาย เพราะเมื่อสักครู่เขาเพิ่งจะเข้าร่วมประชุมกับผู้บริหารและกรรมการของไทยทัศน์และโรงแรมในเครือฯเกี่ยวกับหลักสูตรการเรียนการสอน รวมถึง

วันนี้ก็ยังเป็นวันแรกที่ได้พบกับคณาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับเชิญมาสอนใน โครงการ ‘ผู้ประกอบการอาหารไทยเพื่อสากล’

กว่าจะมีวันนี้ ชายหนุ่มต้องฝ่าฟันอุปสรรคหลายต่อหลายอย่าง แต่ในที่สุดความฝันก็ใกล้จะกลายเป็นความจริงขึ้นเสียที หากโครงการนี้สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเอง จนได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย ตามความปรารถนาของผู้ที่คิดโครงการนี้ขึ้นมา ถึงเวลานั้น เขาอาจจะเกษียณตัวเองออกไปจากวงการนี้เสียที

เสียงเคาะกระจกเบาๆที่หน้าห้อง ทำให้ชายหนุ่มดึงความคิดคำนึงที่ล่องลอยไปไกลถึงเรื่องในอดีตกลับมาเป็นหัวหน้าเชฟคนเดิม ก่อนขานรับเบาๆ เมื่อเห็นว่าผู้เคาะประตู เป็นเด็กสาวร่างเล็กทะมัดทะแมงในชุดกุ๊ก เมื่อหล่อนเดินเข้ามาในห้อง ในมือของหล่อนมีแฟ้มบรรจุเอกสารติดมาด้วย

“เชพคะ เปียโนเอาใบสมัครมาให้ตรวจก่อน หนูไม่แน่ใจว่าเขียนภาษาไทยได้ถูกต้องไหมคะ?”

ภัทรรับแฟ้มมาเปิดแล้วตรวจดูอย่างละเอียด “ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ เขียนถูกแล้ว ว่าแต่ว่าฝึกงานแล้วเป็นยังไงบ้าง มีปัญหาอะไรไหม?”

หญิงสาวในชุดเสื้อกุ๊กสีขาวกับกางเกงสแล็คสีดำเข้ม ตรงที่ยืนตรงหน้าภัทรมีท่าทางคล่องแคล่วจนดูคล้ายเด็กชายวัยรุ่นมากกว่า หล่อนยิ้มกว้างจนเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้ม แล้วพูดว่า“สนุกดีค่ะ อาหารไทยมีอะไรอีกตั้งหลายอย่างที่ไม่เหมือนอาหารฝรั่งที่เปียโนเคยเรียน เคยทำมา แต่ก็ยังดีที่เครื่องไม้เครืองมื๋อ เอ๊ย...เครื่องมือ เหมือนกับโรงแรมที่โน่น เลยใช้คล่องมือหน่อย”

ภัทรอดที่จะซ่อนยิ้มในแววตาอย่างเอ็นดูไม่ได้ เมื่อได้ยินหล่อนพยามยามพูดภาษาไทยด้วยสำเนียงที่ผิดเพี้ยน จากการที่เติบโตจากต่างประเทศ
“ถ้าอะไรไม่มีผิดในใบสมัคร หนูขอไปทำทำงานต่อนะคะ”

ผ่านมากว่าห้าเดือนแล้ว ที่เขาได้พบเด็กสาวหน้าตายิ้มแย้มสดใส เปียโนยื่นความจำนงที่จะสมัครงาน เพื่อให้เขารับรองหล่อนเข้าเรียนในโครงการที่กำลังจะเปิดตัวขึ้น

เมื่อเขาได้พบกับหล่อนในครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตาและเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับเคยคุ้นกันมาก่อน ภัทรแน่ใจว่าความรู้สึกนี้ ไม่ใช่เชิงชู้สาวแน่นอน แต่เป็นความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา จากกิริยาท่าทางของเปียที่ คุ้นตา แต่เขากลับนึกไม่ออกว่าเคยพบเจอหล่อนที่ไหนมาก่อน

รูปร่างหน้าตาของเปียโนดูอ่อนเยาว์ราวกับเพิ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมปลาย ตรงกันข้ามหล่อนกลับทำให้เขาทึ่งมากยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยคุณสมบัติที่มีมากเกินกว่าที่ชายหนุ่มประเมินไว้ ทั้งการศึกษาปริญญาตรีสาขาอาหารนานาชาติ และใบผ่านงานจากโรงแรมในยุโรป หลายประเทศ ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นโรงแรมระดับไม่ต่ำกว่าห้าดาวขึ้นไปเลยทีเดียว

เหมือนเด็กสาวจะรู้ถึงความกังขาในใจของภัทรดี จึงขอสมัครเข้าทำงานในไทยทัศน์ ในตำแหน่งพนักงานครัว จนกว่าจะถึงเวลารับสมัครเข้าเรียนและสอบคัดเลือก เพื่อจะได้พิสูจน์ความตั้งใจและฝีมือของตนเอง ให้ภัทรได้ยอมรับตนให้ได้

               จะว่าไป แกะสลัก มันก็ไม่ได้ยากอย่างที่หล่อนคาดไว้ สิตากอดอกยิ้มแย้ม จ้องมองแตงโมที่ตนแกะสลักค้างไว้อย่างภูมิใจ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเรียน ทั้งกับข้าวหรือแกะสลักต่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ต้องขอบคุณแดงที่อยู่เป็นเพื่อนคอยให้กำลังใจ และเป็นต้นแบบให้ เพราะ
สิตาคิดว่าแดงทำได้หล่อนก็ต้องทำได้เหมือนกัน เมื่อผ่านการสอบในวันรุ่งขึ้นนี้ไปได้ หล่อนก็ก้าวข้ามไปสู่อีกขั้นหนึ่งของแผนการแก้เผ็ดนายบริกรคนนั้น ยิ่งคิดสิตาก็อดลิงโลดไปด้วยความลำพองใจไม่ได้ เมื่อเห็นว่าชัยชนะรออยู่ตรงหล่อนอีกไม่ไกล

เมื่อกลับถึงบ้าน สิตาเดินมาหารักษภูมิที่บ้านพัก พร้อมกับพิซซ่าถาดใหญ่ ทั้งคู่นั่งกินกันไปพลางติวหนังสือไปด้วย เพื่อการสอบในวันพรุ่งนี้

“ตื่นเต้นมั้ย สิตา พรุ่งนี้จะสอบแล้วนะ”

“อือๆ(พิซซ่าเต็มปาก) ไม่...หรอก อือ...(กินน้ำ) ก็...นิดหน่อยอ่ะ ถามงี้...สิตาว่าแดงตื่นเต้นน่ะซีเรียน เราเตรียมการมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าไม่ได้ก็ถือว่าไม่ใช่โอกาสของเราก็แล้วกัน”  หญิงสาวยักไหล่อย่างไม่สนใจอะไรอย่างอื่น มากกว่าพิซซ่าถาดใหญ่ที่ต้องจัดการอยู่ตรงหน้า

“ก็จริงของสิตานะ แล้วที่ติวไปเนี่ย เข้าใจบ้างมั้ย?”

“เอาน่า พรุ่งนี้ก็รู้เองล่ะ.... กินๆเข้าไปเถอะน่า อร่อยน้า...”พิซซ่ายังไม่ทันหมดจากปากที่กำลังเคี้ยวหยับๆของสิตาอยู่ หญิงสาวก็หรี่ตาใส่รักษภูมิอย่างหมั่นไส้ และพูดกระเซ้าออกมาด้วยเสียงอู้อี้

”นี่... คุณหนูแดงเจ้าคะ ..ทำมาเป็นกัดคำเล็ก ทำเป็นกินคำนิดคำน้อย ใครเป็นผู้หญิงกันแน่เนี่ย แดง แหม ...ยัดๆเข้าปากไปเถอะน่า พิซซ่านี่เค้าต้องกินคำโตๆถึงจะอร่อยนะ แบบนี้ไง...อ้ำๆ”

รักษภูมิมองภาพเพื่อนรักนั่งกินพิซซ่าเต็มปากเต็มคำด้วยความเอร็ดอร่อยอย่างยิ้มแย้ม อย่างน้อยหล่อนทำให้เขาเลิกกังวลเกี่ยวกับการสอบในวันพรุ่งนี้ไปได้

จากคุณ : Awork
เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 03:46:36




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com