ในช่วงพักพักเที่ยงณิชนันท์ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร ใช้สายตาราบเรียบเพ่งมองดู บรรดาเพื่อนๆ ในห้องที่กำลังล้อมหน้าและล้อมหลังเด็กนักเรียนใหม่ของห้อง ถ้อยคำที่เล็ดลอดมาให้เธอได้ยินแว่วๆ นั้นเป็นถ้อยคำชื่นชมและยินดีที่เพื่อนๆ ในห้องจะแสดงออกเพื่อเอาใจนักเรียนใหม่ด้วยอาการเห่อ
ใช่ นี่เป็นเพียงอาการเห่อ ที่มีนักเรียนใหม่ที่ดูท่าจะเรียนเก่งหน่อย เท่านั้น ไม่ได้สลักสำคัญที่จะทำให้เธอต้องเก็บมาใส่ใจ ว่าแล้วณิชนันท์ก็ตวัดสายตาหนีภาพที่เห็นตรงหน้า แต่กระนั้น ก็ยังมีเสียงหนึ่งเสียงของเพื่อนสนิทที่นั่งร่วมโต๊ะพูดขึ้นมาสะกิดใจเธออีก
“หมั่นไส้พวกนั้นจังเลย เห็นนักเรียนใหม่ หน่อยก็ไม่ได้ทำเป็นเห่อ”
“แต่ฉันว่าเค้าน่ารักนะ ดูสิยิ้มแย้มแจ่มใส แถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก”
“ฉันไปหาขนมมากินดีกว่า...”
คล้ายๆ คนที่นั่งเงียบกริบอยู่ที่โต๊ะจะทนฟังเสียงพูดคุยถึงตัวนักเรียนใหม่จากเพื่อนร่วมโต๊ะ ไม่ได้ ณิชนันท์ผุดยืนขึ้นพร้อมเปลี่ยนเรื่อง เพื่อจะเลี่ยงไปเปลี่ยนบรรยากาศ ..บอกแล้วก็เดินออกไปทันที
ช่วงเวลานั้นนักเรียนใหม่ของห้อง ก็ตวัดสายตาเห็นแวบๆ ว่าณิชนันท์ได้เลี่ยงออกจากกลุ่มเพื่อน เดินตรงไปทางอื่น เด็กสาวก็หันมาคุยกับเพื่อนใหม่คนหนึ่ง
“พวกเธอไปก่อนนะ ฉันมีอะไรจะคุยกับเพลินเค้าหน่อย”
จากนั้นมนัญชยา ก็สืบเท้าจะไปหาณิชนันท์ทันที และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ทันว่ามีใครบางคนที่เธอไม่ชอบขี้หน้ากำลังเดินตรงมาหาเธออยู่ เธอจึงรีบเดินเร็วๆ ไปทางอื่น แต่มนัญชยาก็รู้แกวเธอจึงสืบเท้าให้เร็วขึ้นและเดินไปประกบ พร้อมทั้งรีบจะยื่นหน้าเข้าไปเพื่อจะคุยกับณิชนันท์ให้เป็นที่เข้าใจ เธอพอจะรู้ว่าณิชนันท์อาจจะไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาในวันนี้ แต่มันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ในเมื่อผลการเรียนของเธอที่ผ่านมามันก็ไม่ได้น้อยหน้าใครนินา
“ฉันขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องผิดหวัง..”
เพียงคำกระซิบกระซาบเบาๆ ก็ทำให้ณิชนันท์หยุดก้าว พลางหันมาถามอีกฝ่ายด้วยความงุนงงประสมกับความหงุดหงิดเล็ก ๆ “ผิดหวัง ผิดหวังเรื่องอะไร?”
“ก็ ในเรื่องที่ได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนในระดับประถมไปแข่งขันคณิตฯ คิดเร็วยังไงล่ะ”
มนัญชยาหยุดพูด พร้อมทั้งมองสบกับแววตาคู่ที่ส่อแววไม่พอใจตรงหน้า
“ฉันรู้ ว่าเธอต้องผิดหวังอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ให้ทำยังไงได้ ฉันก็ตั้งใจทำโจทย์พวกนั้นเหมือนกัน แล้วผลที่ออกมา ฉันก็ไม่ได้คาดคิดว่า มันจะมากกว่าคนอื่นๆ”
ณิชนันท์เมินหน้าหนีเพียงนิด ไม่ยอมสบสายตากับมนัญชยาแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถคาดเดาเจตนาของอีกฝ่ายว่าจริงใจมากน้อยแค่ไหนกับการมายืนร่ำกล่าวคำขอโทษตรงหน้า แต่ใจของคนที่ผิดหวัง มันย่อมรู้สึกว่า นี่คือการเดินเข้ามาซ้ำเติมกันหรือเปล่า
“ก็แค่เรื่องตัวแทนการแข่งขัน ที่ฉันก็ได้เป็นทุกปี ... เอาสิ เธอจะไปแข่งแทนฉันสักปีจะเป็นไร ฉันเบื่อจะแย่อยู่แล้ว “ ณิชนันท์หันมาออกตัวอย่างฟอร์มๆ เธอไม่ให้ราคากับตำแหน่งนี้มากหรอก ... ใครอยากจะเป็นก็เชิญ “แค่นี้เองเหรอ ที่จะมาพูด ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรเลย”
แล้วณิชนันท์ก็เป็นฝ่ายเดินผ่านร่างของมนัญชยาออกไป ด้วยความถือดีอยู่ไม่น้อย พลอยทำให้คนที่ตั้งใจจะมาคุยดีๆ หงุดหงิด กี่ครั้งแล้วที่ณิชนันท์ทำกิริยาถือดีเช่นนี้กับเธอ
.. ทั้งๆ ที่เธอก็พยายามอดกลั้นและนึกเพียงแค่ว่า ไม่อยากยุ่งเท่าไหร่หรอก เห็นแต่ว่าอีกฝ่ายเป็นลูกสาวของผู้ที่เธอให้ความเคารพ แต่ถ้าณิชนันท์ทำเหมือนไม่แคร์ เธอก็จะไม่แคร์อีกฝ่ายต่อไป ... ต่างคนต่างอยู่ไปเลยก็ดี.. อย่ามาล่วงละเมิดเรื่องของเธอก่อนก็แล้วกัน ไม่งั้น เธอไม่ยอมแน่ๆ!
ตอนเย็นหลังเลิกเรียน ณิชนันท์เห็นบิดาเธอแล้ว ท่านกำลังยืนรออยู่ที่รถยนต์คันหรู เธอรีบเดินตรงไปท่านทันทีด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่าน้ำเสียงที่ดังด้านหลังและการเดินเร็วๆ เพื่อก้าวแซงเธอไปถึงตัวบิดาเธอก่อนนั้น ทำให้ณิชนันท์หยุดก้าวเพียงเล็กน้อย เพ่งมองภาพของเด็กสาวอีกคนนั้นด้วยสายตาตกใจ
“คุณลุงคะ..”
คนถูกเรียกละสายตาจากลูกสาวแล้วหลุบลงมามองเด็กสาวตรงหน้า ที่เรียกตนด้วยน้ำเสียงน่าฟัง “ฝ้าย เป็นยังไงบ้างล่ะ วันนี้ หึ..? ”น้ำเสียงอ่อนโยน พอๆ กับกริยาอ่อนโยนที่มีต่อเด็กสาวตรงหน้า ธีริทธ์ถามขึ้นพร้อมๆ กับการวางมือหนาข้างหนึ่งลงไปที่ศีรษะได้รูปของเด็กสาวต่อ
“ดีมากๆ เลยค่ะคุณลุง คุณครู และเพื่อนใหม่ที่นี่ น่ารักและใจดีกันเกือบทุกคนเลยค่ะ อ้อ.. แล้วก็ยังมี...” เธอหันไปทางเด็กสาวที่เดินมาสมทบช้าๆ ท่าทาเหมือนไม่อยากกลับบ้านขึ้นมาแล้ว เพราะเธอกำลังเดินช้าๆ เหมือนประวิงเวลาไปในตัว
“แล้วเพลินเค้าก็น่ารักมากๆ เลยค่ะ ช่วยเหลือฝ้ายดีจัง”
“เหรอ ..” ธีริทธ์อุทานเสียงสูง พร้อมๆ กับ ตวัดสายตาไปทางลูกสาวแล้วยิ้ม ชื่นชม “ ดีแล้วลูก รักกันแบบนี้ลุง ก็ดีใจ ไปกลับบ้านกันเถอะ...”
“เพลินทำไปเงียบไปล่ะลูก”
ธีริทธ์เอ่ยถามขึ้นมาระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้าน พร้อมๆ กับการปรายตาไปสังเกตท่าทีอันเงียบกริบของลูกสาวตนบ่อยๆ ครั้ง แน่นอนว่าผิดปรกติและชวนให้คนเป็นพ่ออย่างตนต้องถามขึ้นด้วยความห่วงใย แต่แทนที่คนถูกถามจะตอบ น้ำเสียงของเด็กสาวอีกคนก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“คุณลุงคะ..ฝ้ายมีข่าวดีจะบอกคุณลุงค่ะ”
ธีริทธ์หันไปมองเจ้าของน้ำเสียงแว่บๆ “ข่าวดี?”
และมนัญชยาก็ทำเหมือนหยุดพูดขึ้นมาทัน “คือว่า ..เอ่อ”
ธีริทธ์สังเกตท่าทางของมนัญชยาคล้ายๆ กำลังเกรงใจขึ้นมา เขาจะต้องถามย้ำ “เอ่อ อะไรหรือ”
และแล้วมนัญชยาก็ทำเป็นเหลือบมองใบหน้าบึ้งตึงสนิทของณิชนันท์นิดนึง จะว่าเธอรู้สึกเกรงใจณิชนันท์ก็มีอยู่บ้าง แต่ในเวลานี้เธออยากจะบอกข่าวดีให้กับคุณลุงธีรู้จะแย่ๆ เธอแค่อยากให้ท่านชื่นชม และรู้สึกภาคภูมิใจไปกับเธอ เธออยากให้ท่านรับรู้ว่า การที่ท่านรับเธอมาดูแลนั้น เธอก็สามารถสร้างเรื่องน่าภาคภูมิใจให้กับท่านเป็นการตอบแทนได้เช่นกัน
“ฝ้ายได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปแข่งขันทักษะน่ะค่ะ”
บอกไปแล้ว ธีริทธ์ก็หันมาอุทานด้วยความตื่นเต้นไม่น้อย ... นี่แค่มนัญชยามาเรียนที่นี่เป็นวันแรกนะนี่
“จริงเหรอ! หนูฝ้ายเก่งจังเลย ลุงดีใจด้วย”
อีกฝ่ายรับคำด้วยรอยยิ้มน้อยๆ แต่สำหรับเด็กสาวอีกคนกลับนั่งหงุดหงิดเพิ่มขึ้น ยามเห็นบิดาให้ความสนใจกับมนัญชยา แล้วเด็กสาวคนนั้นก็กำลังยิ้มทั้งปากและตารับไปมา “อย่างงี้ฝ้ายก็ต้องขอคำปรึกษาจากเพลินเค้าน่ะสิ เพราะเขาได้ไปแข่งทุกปี” ธีริทธ์หันมาพูดกับเด็กสาวอีกคนต่อ และมนัญชยาก็กระตือรือร้นรับคำด้วยน้ำเสียงสดใสทันที
“ค่ะ ” รับคำแล้วก็แกล้งหันไปถาม ชื่อของเด็ดอีกคนที่ธีริทธ์กล่าวถึง “ งั้น ฝ้ายขอคำแนะนำด้วยนะ คะเพลิน”
คนที่ถูกขอคำแนะนำ ตวัดสายตาขุ่นกลับมาจ้องที่บิดาและเด็กสาวอีกคน ที่พูดจาอะไรออกมาก็เหมือน รับลูกกันดีเหลือเกิน แต่ธีริทธ์ก็ไม่ทันได้เห็นแววตาคู่ขุ่นนั้น เพราะมัวแต่ขับรถ ณิชนันท์ปรายหางตาเหลือบไปทางมนัญชยาเพียงเล็กน้อย พยายามเก็บงำความไม่พอใจเอาไว้ อย่างน้อยคำสั่งสอนของมารดาบิดาเธอก็ทำให้เธอสามารถควบคุมความไม่พอใจอันนั้นอยู่ และเธอก็ไม่ได้หันไปรับคำกับเจ้าของน้ำเสียงสดใสด้านหลังเลยแม้แต่น้อย
ณิชนันท์ดึงสายตากลับมามองทางข้างหน้าเสีย โดยที่เธอก็ไม่รู้ตัวว่านั่นก็ทำให้มนัญชยาเสียความรู้สึกด้วยเช่นกัน
(มีต่อค่ะ)
จากคุณ |
:
พิณพลอย
|
เขียนเมื่อ |
:
14 ม.ค. 55 13:09:27
|
|
|
|