24
บัณฑิตากดโทรศัพท์ ใจเต้นขณะฟังเสียงรอสาย
“จ้ะบุ้ง”
โล่งอกเมื่อคนมารับคือผู้เป็นแม่ เธอสูดลมหายใจ
“แม่ บุ้งเรียนจบแล้วนะ ทำเรื่องจบแล้ว” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีความยินดีแค่ไหนที่ลูกสาวคนเดียวเรียนจบปริญญาตรี
“แล้วรับปริญญาเมื่อไร” น้ำเสียงยังคงแหบแห้ง ใจของลูกห่อเหี่ยว
“คงปีหน้าแหละ เดี๋ยวบุ้งจะบอกแม่อีกที แม่...เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเสียงแปลก ๆ”
พูดไปก็เสียงสั่น ๆ จะผิดหวังซ้ำซากจากคนในครอบครัวไปถึงเมื่อไรกัน
“ก็...ไม่สบายนิดหน่อย”
“อ้าวเหรอ” บัณฑิตาขยับมานั่งตรง “เป็นอะไร แล้วอยู่ที่ไหน ไอ้ เอ่อ...เขาดูแม่หรือเปล่า”
แม่ถอนใจ “อยู่โรงพยาบาล ติ๊กก็อยู่ แต่ไม่เป็นอะไรมากหรอก ปวดท้องนิดหน่อย”
คนเป็นลูกกระวนกระวายทันที รู้ว่าคงไม่ใช่แค่อาการ ‘นิดหน่อย’ ดังว่า ถ้าไม่เพียบหนักผู้เป็นแม่ไม่เอ่ยปาก เธอรู้นิสัยดี ยังดีที่พ่อเลี้ยงเฝ้าอยู่ แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่หนักหนาสาหัสคงไม่ถึงกับต้องส่งโรงพยาบาล
“อยู่ที่ไหน เดี๋ยวบุ้งจะไปเยี่ยม”
“ไม่เป็นไร”
“แม่” บัณฑิตาทำเสียงจริงจัง ไม่รู้ว่าแม่ไม่อยากให้มาเจอพ่อเลี้ยง เพราะต่างไม่เคย ญาติดีกัน หรือเพราะไม่ต้องการให้เธอเห็นยามเจ็บป่วยกันแน่
“บุ้งเป็นลูก บุ้งจะไปเยี่ยมแม่”
พอสอนเสร็จคาบสุดท้ายของวันทั้งที่เพิ่งจะบ่ายสอง แต่บัณฑิตาก็เก็บของอย่างรวดเร็ว มือเรียงสมุดการบ้านนักเรียนเพื่อเอาไปตรวจ รวมทั้งตัวอย่างข้อสอบปีก่อนเพื่อนำไปออกและส่งพิมพ์สำหรับการสอบปลายภาคในอีกสามสัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งต้องส่งในวันศุกร์นี้ และวันอาทิตย์จะมีประชุมผู้ปกครองด้วย
หญิงสาววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ กดเลขหมายแล้วรีบเก็บเอกสารมือเป็นระวิง จนอีกฝ่ายส่งเสียงผ่านสปีคเกอร์โฟนจึงหยิบมากดโหมดปกติ
“พี่เข้ แม่บุ้งไม่สบาย พี่เข้พาบุ้งไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลหน่อยสิ”
“โทรหาผิดคนแล้วหนอน”
เพราะเป็นเรื่องสำคัญแล้วถูกเล่นมุก บัณฑิตาเลยไม่ขำ และงง ชายหนุ่มรีบแก้เสียงหวาน
“พอดีพี่ไม่ว่าง อยู่กรุงเทพ และถึงพี่จะอยู่ที่ฟาร์มก็ไม่ว่างอยู่ดีจ้ะ”
“พี่เข้ นี่บุ้งจริงจังนะ”
“พี่ก็จริงจัง โทรหากบให้มันพาไป ถึงกบจะไม่เป็นมวย แต่เอาหน้าตาไปขู่คงได้หรอก”
เขมรัฐวางสาย บัณฑิตาลดอาการกระตือรือล้นลงเล็กน้อย ชายหนุ่มเข้าใจชีวิตกับความขัดแย้งในครอบครัวของเธอมาตลอด เหตุใดที่เธอไม่ต้องการไปเผชิญหน้ากับพ่อเลี้ยงโดยไม่มีใครไปเป็นเพื่อน ซึ่งใครคนนั้นก็ต้องไม่ใช่เพื่อนผู้หญิงสักคน แต่ต้องเป็น ‘เพื่อนชายตัวโต’ ต่างหาก
นายฟาร์มเคยเป็นคน ๆ นั้นให้ และไม่เพียงแค่เป็นไม้กันหมา แต่เขาได้ตำแหน่งที่ชายมักมากคนนั้นอยากเป็น
ถึงจะเป็นตำแหน่งไม่จริงก็ตาม...
มันเป็นเรื่องเมื่อหนึ่งปีก่อน หลังจากที่บัณฑิตาเริ่มจดจำชายหน้าเข้มคนนี้ได้จากการให้ทิปถี่ และรอยยิ้มชื่นชมมาดหมาย ประกอบกับคำบอกเล่าจากบรรดาพนักงานเสิร์ฟว่าคนรูปหล่อเป็นเจ้าของฟาร์มปูนิ่ม เป็นลูกชายเศรษฐีนีคนหนึ่งในตำบลบ้านน้ำทอง และถึงแม้จะเงินหนาหนักเพียงไรก็ไม่เคยอวดเบ่งบารมี ทำให้หญิงสาวก็บันทึกเขาไว้ในความทรงจำเช่นกัน ทุกครั้งที่เขามา จะมีคนหน้าเคราอีกคนมาด้วย ยกเว้นคืนนั้นแหละ คืนที่เกิดเรื่อง เธอเห็นเขาลำพัง
นักร้องสาวไม่รู้ว่าเขามีครอบครัวหรือยัง แต่นั่นไม่สำคัญ ผู้ชายที่มาเที่ยวกลางคืนไม่ได้การรับรองว่าจะเป็น ‘เจ้าชาย’ ในฝันของผู้หญิงได้
แต่กระนั้น เมื่อเธอเห็นพ่อเลี้ยงเดินอาด ๆ เข้ามาในร้าน สายตากวาดไปโดยรอบ เธอรู้สึกเหมือนถูกตามล่า
เขารู้จนได้ว่าเธออยู่ที่นี่ คงไม่พ้นไปเค้นถามจากแม่อีกแน่นอน
ผู้ชายที่ไม่รู้จักพอ มักมาก กักขฬะ ไม่รู้แม่เธอเอาเหตุผลอะไรไปเลือกหลังจากที่พ่อเสีย ดีก็แค่ฐานะมั่นคงไม่หาเช้ากินค่ำก็เท่านั้น เธอจะไม่ขัดขวางและมีปากเสียงกับแม่ถ้าเขาไม่ลามปามเผื่อแผ่ความรักมาให้เธอด้วย
ตอนที่พี่ด้วงยังอยู่ พี่ชายเพียงคนเดียวแต่เป็นกำแพงชั้นดีที่ปกป้องเธอจากกิริยารุกล้ำหยาบโลน แต่พอเขาเสียไป โลกของบัณฑิตาสั่นสะเทือนทันที
แม่ไม่ได้ปกป้องลูกเท่าที่จำเป็น ได้แค่ ‘ขอร้อง’ กับสามีใหม่แทนที่จะเป็นการยื่นคำขาด เมื่อคำพูดไม่ศักดิ์สิทธิ์พอ ไม่มีคนในปกครองคนไหนเกรงกลัว เขาย่ามใจมากขึ้น ๆ จนท้ายที่สุด เธอต้องขอแยกมาอยู่เอง
อีกฝ่ายแก้เกมส์ด้วยการประกาศไม่ส่งเสีย เธอก็ไม่สน ขอแค่ไปให้พ้น ตราบใดที่มีความสามารถต้องเลี้ยงตัวเองได้ บัณฑิตาเก็บกระเป๋าโดยไม่ฟังคำทัดทานจากแม่
สิ่งเดียวที่เสียใจจนทุกวันนี้คือ แม่เลือกเขาแต่ก็ยังผูกติดความเป็นลูกกับเธอ และตัดพ้อยามที่เธอขาดการติดต่อ
บัณฑิตาเดินลิ่ว ๆ หลบหลีกกลุ่มคนที่มาดื่มกิน ตรงไปที่โต๊ะของชายรูปหล่อคนนั้น ขณะที่ระยะห่างของพ่อเลี้ยงก็ใกล้เข้ามา
ผู้ชายคนนั้นลุกจากโต๊ะ เธอก้าวพรวด กระโจนเข้าไปเกาะแขนหมับ
‘พี่คะ!’
เขาตกใจจนสะดุ้ง สีหน้ามองเธองงงันในวินาทีแรก หากถัดมาก็อ่อนลง คงเห็นเป็นผู้หญิง จึงอ้าปากจะถาม แต่หญิงสาวเร็วกว่า
‘พี่พาหนูไปด้วยสิ หนูไปกับพี่นะ’
ชายหนุ่มงง แต่ก็ตั้งสติได้ในเสี้ยววินาที ทำตาหวานยิ้มพรายแสดงให้เห็นว่ารับมือกับเรื่องนี้ได้อย่างโชกโชน แล้วยกนิ้วหัวแม่มือข้ามไหล่
‘พี่จะไปห้องน้ำ จะไปด้วยกันแน่เหรอ’
บัณฑิตาคิดว่ายังไงก็ถอยไม่ได้แล้ว ตัดสินใจในวินาทีนั้นเอง
‘ค่ะ พี่ไปไหนหนูไปด้วย'
หลังจากนั่งรถมากับชายหนุ่มแค่ไม่กี่นาทีจากร้าน
‘พี่...หนูลงตรงนี้ล่ะ’
เขาหันมา และด้วยอารามงงหรือเป็นกิริยาอัตโนมัติก็ไม่รู้ เท้าจึงเหยียบเบรก หางตาเห็นหญิงสาวเปิดประตูแต่มือก็ไวพอกัน รีบเปิดตามลงไป
‘เดี๋ยว อะไรกันเนี่ย มาคุยกันก่อน’
เธอทำไม่รู้ไม่ชี้ แม้จะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงเสียหน้า เคยเห็นสายตาที่ส่งมาหลายครั้งแล้วว่าเห็นเธอเหมือนขนมหวานที่อยากลิ้มรส วันนี้ก็คงลูบปากรอแล้ว
‘อยู่ดี ๆ ลากพี่มา แล้วทิ้งกลางทางได้ไง หลอกให้อยากแล้วจากไปเหรอ พี่ไม่ได้ใจง่ายนะ’
บัณฑิตาเกือบจะขำ แต่รีบเดินหนีเขาเดินตาม
‘น้อง!’
เป็นโชคดีที่มีรถสองแถวซึ่งวิ่งรับส่งผู้โดยสารรอบดึกผ่านมาพอดี เธอรีบโบก กระโดดขึ้นได้ทันก่อนที่เขาจะคว้ามือ พอมองกลับมา เห็นร่างสูงยืนโดดเดี่ยวท่ามกลางความมืดที่โรยตัว
บัณฑิตามัวแต่ตั้งใจทำงานและไม่เห็นพ่อเลี้ยงมาหลายวันแล้วจึงวางใจ แต่พอเจอกันอีกครั้งเขาก็มายืนใกล้เพียงเอื้อมมือถึง เธอตะลึงงัน
‘ไม่ต้องทำหน้าเหมือนเห็นผี กลับบ้านเลย’
ไม่พูดเปล่าแต่คว้าข้อมือ หญิงสาวรีบสะบัด ‘อย่ามายุ่งกับหนู!!’
เสียงของเธอนำสายตาคนในร้าน ‘ไม่ยุ่งไม่ได้ บ้านก็มีอยู่ทำไมต้องออกมาทำงานแบบนี้ กลับดีกว่าน่า คิดว่าพ่อแม่เลี้ยงแกไม่ได้เรอะ!’
‘อย่ามาเรียกว่าตัวเองว่าพ่อนะ!!’
เธอกวาดสายตารวดเร็ว บิดมือออกอย่างแรง แล้วพลิกตัวหนี อีกฝ่ายกระโจนตาม คนในร้านพากันมองและเข้าใจว่าเป็นปัญหาครอบครัว จึงแทบไม่มีใครกล้ามายุ่ง
‘บุ้ง!!’
‘อย่ามายุ่งกับหนู’
‘ฉันบอกให้แกกลับบ้าน!!’
บัณฑิตาเห็นเขาอยู่ในสายตาแล้ว จึงปราดเข้าไปหา ผวากอด
‘ไม่ไป หนูจะไปกับผัวหนู!!’
หญิงสาวเชื่อว่าสีหน้าเขาเป็นจะยิ่งกว่าตอนเธอเห็นพ่อเลี้ยงเสียอีก อย่างน้อยจังหวะนี้ก็ทำให้คนที่จะเข้ามาลากชะงักได้
‘บุ้ง แกพูดอะไรของแก...’
‘ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละหนูมีแฟนแล้ว ไม่ต้องมาห่วงอะไรอีก หนูไม่กลับบ้านหรอก’ เธอหันไปยังชายที่ตนเองเกาะแขน ‘รีบไปกันเถอะนะพี่นะ’
คนถูกยัดเยียดตำแหน่งตั้งสติได้
‘เล่นอะไรน้อง พี่ไม่เอาด้วยแล้วนะ จะมาทำให้อยากแล้วจากไปแบบคราวก่อนไม่ได้นะ พี่คิดจริงจังหวังผล’ เขาจับมือเธอออกจากแขน แต่บัณฑิตาเกาะแน่น กระซิบ
‘หนูไหว้ล่ะพี่’
‘ไม่เอาล่ะ’
เห็นกิริยาหมางเมินแล้วใจหาย พลอยจะทำให้พ่อเลี้ยงได้ทีขึ้นมา เธอตัดสินใจ กระซิบ
‘หนูให้ผลก็ได้ พี่ช่วยหนูก่อน’
เขาชะงัก พอมีเวลาให้คนตามมาได้โอกาสเข้ามาฉุดแขน
‘ฉันไม่เชื่อ!! หนอย ออกมาแค่เดือนสองเดือน ทำปีกกล้าขาแข็งมีผัว ยังไงก็ไม่ได้!!’
‘ไม่นะ ไม่กลับ!!’
‘ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!!’
‘คุณนั่นแหละที่ต้องปล่อย!!’
ถึงจะยังไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือก้อย แต่เห็นผู้หญิงถูกกระชากลากถูกต่อหน้าก็ทนไม่ได้ เขาตะคอก และฉวยจังหวะที่อีกฝ่ายตะลึงงันดึงหญิงสาวเข้ามาหลบหลังตัว
‘ให้มันน้อย ๆ หน่อย ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลยนี่’
บัณฑิตาเห็นสายตาพ่อเลี้ยงจ้องคนรูปหล่อ ‘แกเป็นใครวะ นี่เป็นเรื่องของครอบครัว คนอื่นไม่เกี่ยว บุ้ง!’
‘ไม่ได้ยินหรือไงว่าผมเป็นใคร หรือว่าไม่รู้จักคำว่าผัว คุณนั่นแหละ ใช่พ่อน้องเขาจริง ๆ เปล่า’
แม้แต่หญิงสาวยังเย็นวาบกับน้ำเสียงกังวานนั่น ‘จะใช่หรือไม่ใช่ยังไงก็ไม่สำคัญแล้วเนอะ ผมขอเมียผมไปแล้วกัน ไปกันเถอะเรา’
แล้วเขาก็โอบไหล่เธอเดินออกไปโดยมีสายตาอาฆาตของพ่อเลี้ยงตามไปราวกับเงา
เป็นอีกครั้งที่บัณฑิตาได้นั่งบนรถจิ๊บคันเดิม แต่ครานี้รู้สึกจนมุมแม้กระทั่งคำพูด เธอจมอยู่ ในความคิดสับสน ก่อให้เกิดความเงียบงันเต็มห้องผู้โดยสาร กระทั่งเขาแตะเบรกแล้วรถก็จอดสนิทที่ข้างทาง
‘ว่าไง จะเงียบแบบนั้นไปจนเช้าไหม คุยกันให้รู้เรื่องดีกว่า’
เธอลูบหน้า ผ่อนลมหายใจแรง ๆ ไหน ๆ ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว ประกอบกับความอัดอั้นที่สั่งสมมาตลอดทำให้เธอเล่าเรื่องหมดเปลือก ตั้งแต่พี่ชายตาย พ่อเลี้ยงลวนลามยังไง ทำไมต้องมาตู่เขาเป็นสามี
‘ที่หนูเลือกพี่ เพราะอย่างน้อย หนูก็ไม่ต้องใช้ผู้ชายคนเดียวกับแม่’
เสียงเธอสั่งไม่รู้ตัว น้ำตาก็เอ่อคลอ ‘พี่ยังหวังผลอยู่อีกมั้ย’
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ครั้นแล้วก็สตาร์ทรถ ถามทางไปที่พักของเธอและพายานพาหนะแล่นไปในความสลัว ระยะทางที่เหลือปกคลุมไปด้วยเสียงลมหายใจแห่งความกังวล
ที่ห้อง ชายหนุ่มเดินตามเงียบ ๆ บัณฑิตาไม่รู้จะทำยังไง นอกจากเตรียมใจสำหรับอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ เธอเปิดตู้เย็นขนาดเล็ก
‘พักคนเดียวเหรอ’
เขาถาม หญิงสาวพยักหน้า หยิบขวดน้ำ หางตาเห็นเขาหันมองรอบห้อง ‘ตานั่นรู้ไหมว่าน้องพักที่นี่’
‘ไม่รู้’
ชายหนุ่มพยักหน้า ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์ออกมา
‘ชื่อบุ้งใช่ไหม ขอเบอร์หน่อย เอาไว้ติดต่อกัน’
ต่อ...
จากคุณ |
:
อุธิยา (BabyRed)
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ม.ค. 55 10:02:10
|
|
|
|