Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
วิญญาณ...ความผูกพัน : ตอน ใบหน้าปริศนาบนกระดานดำ (๓) ติดต่อทีมงาน

วิญญาณ...ความผูกพัน  : ตอน ใบหน้าปริศนาบนกระดานดำ (๓)


ตำรวจและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานยังคงทำงานง่วนอยู่เมื่อหญิงสาวพาลูกศิษย์ทั้งสี่คนหวนกลับมาที่ห้องเกิดเหตุอีกครั้ง ตำรวจหนุ่มหน้าอ่อนที่ยืนอยู่หน้าห้องขยับเข้ามาขวางพลางบอกด้วยน้ำเสียงมีแววดุนิดๆ

“เข้าไม่ได้นะครับ”

“ค่ะ ดิฉันทราบว่าไม่ควรเข้าไปในที่เกิดเหตุตอนนี้ แต่ดิฉันมีเหตุจำเป็นจริงๆ”

เธอบอกพลางมองไปที่กำดอกไม้ธูปเทียนในมือของดิวกับอ้อมแทนการอธิบาย ตำรวจนายนั้นนิ่วหน้านิดหนึ่งอย่างไม่ค่อยเข้าใจเหตุการณ์สักเท่าไหร่

“เอามาทำไมครับนั่น จะขอขมาผู้ตายหรือครับ ถ้าอย่างนั้นต้องตามไปที่โรงพยาบาลแล้ว เจ้าหน้าที่เพิ่งนำศพผู้ตายไปเมื่อสักครู่นี้เอง”

“ใช่ค่ะ จะขอขมาศพ แต่ไม่ใช่ศพที่เพิ่งพาไปนั่น” เธอถอนใจอย่างหน่ายๆ บางเรื่องก็ยากจะอธิบายเหมือนกัน “ขอเวลานิดเดียวเท่านั้นค่ะ ดิฉันรับรองว่าทั้งดิฉันและลูกศิษย์จะไม่ทำให้ที่เกิดเหตุเสียไปแน่นอน”

“ผมอนุญาตไม่ได้จริงๆ ครับ”

ตำรวจหนุ่มบอกท่าทางขึงขัง จนเธอต้องลอบถอนใจ นี่ล่ะ ตำรวจบรรจุใหม่ รายไหนรายนั้นมักเคร่งครัดคำสั่งเสมอ ความจริงก็เป็นเรื่องที่ดี แต่บางทีก็น่ารำคาญพิลึก

“ถ้างั้นเจ้านายของคุณอยู่ที่ไหนคะ ดิฉันขอพบเจ้านายคุณคงง่ายกว่า”

“แต่ว่า...”

“เอาเป็นว่าเจ้านายคุณว่าอย่างไรแล้ว ดิฉันจะยอมรับตามนั้นก็แล้วกันค่ะ”

อีกฝ่ายลังเลพลางมองเข้าไปในห้อง ก็พอดีกับที่เจ้านายของตนหันมาพอดี เขาจึงยกมือขึ้นทำความเคารพ คนเป็นนายขมวดคิ้วนิดหนึ่ง จู่ๆ ลูกน้องก็มาทำความเคารพด้วยสีหน้าสุดแสนจะลำบากใจเช่นนี้ ย่อมแสดงว่ามีเรื่องแน่นอน ชายหนุ่มวัยสามสิบต้นๆ จึงเดินผละออกจากกลุ่มตรงมาที่หน้าประตูอย่างรวดเร็ว

“มีอะไรหรือหมู่”

“คือ...อาจารย์คนนี้ขอเข้าไปในห้องครับสารวัตร เธอว่าจะมาขอขมาศพ”

“หมู่ไม่ได้บอกเขาหรือว่า...”

“หมู่เขาบอกหมดแล้วล่ะค่ะ อย่ามัวซักกันอยู่เลย ดิฉันขออนุญาตเข้าไปเถอะค่ะ ขอเวลาไม่ถึงห้านาทีเท่านั้น”

อาจารย์สายสมยอมเสียมารยาทพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบ ทำให้สายตาดุๆ เบนมาจับที่เธอแทนลูกน้องคนซื่อ หน้าเข้มๆ คล้ำแดดฉายแววรำคาญอย่างปิดไม่มิด

“คุณเห็นแถบกั้นนี่ไหม” เขาพูดพลางชี้ที่แถบกั้นสีเหลืองที่ขึงไว้หน้าประตู “ทางเรา...”

“จำเป็นต้องเข้าค่ะ ถ้าไม่มีเหตุสำคัญอะไรแล้ว คนบ้าที่ไหนจะขอเข้าไปยุ่มย่ามในที่เกิดเหตุคะ”

อีกครั้งที่หญิงสาวพูดสวนขึ้น คำพูดของเธอทำให้สารวัตรหน้าดุมองหน้าคู่สนทนาอย่างไม่ชอบใจนัก

“เหตุสำคัญอะไรไม่ทราบ”

“มีก็แล้วกันค่ะ”

“ถ้าคุณไม่บอก ผมก็มีสิทธิที่จะไม่อนุญาต”

“เอาเป็นว่าเกี่ยวกับรูปปริศนาบนกระดานนั่นก็แล้วกันค่ะ”

สารวัตรหนุ่มมองดอกไม้ธูปเทียนในมือของเด็กสาวแล้วก็เริ่มเอะใจบางอย่าง เขาเหลือบไปทางกระดานดำนิดหนึ่ง รูปผู้หญิงน่ากลัวนั่นน่ะหรือ แม้เขาจะไม่ค่อยเชื่อในเรื่องลี้ลับพวกนี้ก็ตาม แต่ความผิดปกติหลายอย่างในที่เกิดเหตุก็ทำให้คิดเป็นอื่นไปไม่ได้เลย เพราะต่อให้คนร้ายเป็นมืออาชีพสักแค่ไหนก็ไม่มีใครลบร่องรอยตัวเองได้หมดจดขนาดนี้ รอบๆ ตัวศพนั้น อย่าว่าแต่รอยเท้าและรอยนิ้วมือของฆาตกรซึ่งเป็นร่องรอยขั้นพื้นฐานเลย แม้แต่เส้นใยเสื้อผ้าหรือสิ่งที่พอจะตรวจสอบดีเอ็นเอสืบหาตัวคนร้ายได้ก็ไม่ปรากฏในที่เกิดเหตุและบนร่างของศพด้วยซ้ำ ใช่ มันสะอาดเกินไปสำหรับที่เกิดเหตุซึ่งเป็นห้องเรียนอย่างนี้            

“ก็ได้ ผมยอมให้คุณเข้าไป แต่เดี๋ยวเดียวเท่านั้นนะครับ”

“เท่านั้นก็ขอบคุณค่ะ เอาล่ะเด็กๆ ระวังตัวกันนิดนะจ๊ะ อย่าแตะต้องอะไรโดยไม่จำเป็น”

อาจารย์สายสมยิ้มอย่างยินดี เมื่อสารวัตรยอมเปิดทางสะดวกให้ เด็กหญิงทั้งสี่เลือกวิธีมุดลอดใต้แถบกั้นสีเหลืองเข้าไปรอแล้ว ขณะที่เธอกำลังจะทำตามเด็กๆ นั่นเอง สารวัตรหนุ่มก็รีบห้ามด้วยเสียงที่เกือบจะเป็นหัวเราะ

“อย่าทำเหมือนเด็กๆ เลยครับ เสื้อผ้าของคุณไม่เอื้อเลยให้ตายสิ ผมไม่อยากให้ลูกน้องตกใจว่าจู่ๆ ทำไมเปิดไซเรนนะครับ”

หญิงสาวชะงัก ก้มลงมองชุดสูทกระโปรงสั้นเหนือเข่าคืบหนึ่งของตัวเองแล้วก็หัวเราะเก้อๆ ยืนรอให้อีกฝ่ายปลดแถบกั้นออกให้แต่โดยดี สารวัตรหนุ่มยิ้มนิดๆ ก่อนแกล้งผายมือให้

“เชิญครับคุณผู้หญิง”

สิบตรีที่ยืนประจำหน้าห้องถึงกับก้มหน้าซ่อนยิ้ม ตั้งแต่บรรจุก็เพิ่งมีวันนี้แหละที่เขาเห็นเจ้านายพูดเล่นแบบนี้ ที่ผ่านมามีแต่จริงจังจนถึงดุในบางเรื่อง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อเสียงดุๆ ดังอยู่ใกล้ตัว

“เดี๋ยวเถอะหมู่ หัวเราะอะไร”

“ปละเปล่าครับ”

“ทำหน้าที่ของตัวเองไป”

“รับทราบ ปฏิบัติครับผม” สิบตรีหนุ่มยกมือทำวันทยาหัตถ์รับคำสั่งอย่างแข็งขัน ไม่กล้ายิ้มหรือหัวเราะอีกเลย    


ดิวนั่งคุกเข่าบนพื้นหน้ากระดานดำเคียงคู่กับอ้อมที่มีสีหน้ากลัวๆ ไม่ต่างกัน ยิ่งมาอยู่ในระยะเกือบประชิดกับรูปนั้นยิ่งทำให้เด็กสาวทั้งสองอดตัวสั่นด้วยความกลัวไม่ได้ ส้มยืนอยู่ใกล้ๆ กับแก้วและอาจารย์มองไปที่เพื่อนสลับกับกระดานอย่างหวั่นๆ

“เอ่อ อาจารย์คะ หนูต้องขอขมาด้วยหรือเปล่าคะ”

อาจารย์สาวไม่ตอบลูกศิษย์ในทันที กลับมองนิ่งไปทางโต๊ะอาจารย์ที่ตั้งอยู่มุมห้องติดหน้าต่าง ครู่หนึ่งก็ตอบคำถามโดยไม่ละสายตาไปจากจุดนั้น จนเด็กๆ ขนลุกซู่ มองตามสายตาอาจารย์อย่างหวาดกลัว

“ไม่ต้องหรอกส้ม เธอขอขมาเขาเมื่อวานแล้วนี่นะ”

“ง่า แล้วหนูล่ะคะอาจารย์ ทำไมหนูต้องทำด้วย เมื่อวานหนูเล่นก็จริง แต่ไม่ได้เชิญเอ้อ พี่สาวคนนี้นี่คะ แถมพอวงดิวเลิก วงของพวกหนูก็เชิญออกเรียบร้อยแล้ว”

“เธอเอาอะไรมาเช็ดหน้าเขาล่ะเมื่อวานนี้”

อ้อมหน้าเซียวลงไม่กล้าถามอะไรอีก เอาเป็นว่าตอนนี้อาจารย์สายสมให้ทำอะไรก็จะทำโดยไม่มีข้อสงสัยอีกแล้ว รีบทำจะได้รีบออกไปจากห้องนี้เสียที

เสียงเสนาะมีแววกังวานของอาจารย์สายสมที่เอ่ยนำขอขมานั้นดังก้องไปทั้งห้อง ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้ออกเสียงดังเลยสักนิด และถ้าใครจะสังเกตสักนิดก็จะรู้ว่ามีเสียงอีกเสียงหนึ่งซ้อนทับกับเสียงของหญิงสาวด้วย ไม่มีใครรู้ว่าทุกคำนั้นเธอพูดตามที่เจ้าของรูปปริศนาขยับปากบอกทุกประการ ระหว่างนั้นสารวัตรหน้าดุก็เดินเลี่ยงไปที่สิบตรีหนุ่มคนเดิม พร้อมกับถามอะไรบางอย่าง สีหน้าเขามีแววประหลาดใจนิดหนึ่งกับคำตอบ ก่อนจะตบไหล่ลูกน้องแทนคำขอบใจแล้วเดินกลับไปยืนที่จุดเดิมอย่างเงียบๆ    


พิธีขอขมาอย่างง่ายๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น ไม่ทันถึงสามนาทีทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย อ้อมกับดิววางดอกไม้ที่ถือมาไว้ตรงรางชอล์ก ไม่ยอมเงยหน้ามองรูปนั้นเลย ก่อนจะเผ่นเข้ามายืนกอดเอวอาจารย์ราวกับจะเห็นว่าเธอเป็นที่หลบภัยชั้นดี

“อาจารย์ขา พวกหนูไปได้หรือยังคะ”

ดิวถามเสียงสั่นไม่หาย อาจารย์สายสมลูบศีรษะเด็กทั้งสองอย่างปลอบขวัญพลางบอกเสียงอ่อนโยน

“ไม่มีอะไรแล้ว ไปได้แล้วจ้ะ อ้อ! ดารณี คราวหลังอย่าพูดจาแบบนี้อีกนะจ๊ะ ไม่ว่ากับใครก็ตาม”

“ค่ะ คราวนี้หนูเข็ดแล้วล่ะค่ะ” สองสาวยกมือไหว้แล้วเผ่นออกไปจากห้องทันที


สารวัตรหนุ่มยืนมองทุกอย่างเงียบๆ ด้วยสายตาครุ่นคิด เขาเริ่มเดาเหตุการณ์ออกว่าเด็กๆ คงเล่นแผลงๆ แน่ แต่เขาก็คิดไม่ออกอยู่ดีว่ามันมีอะไรเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมปริศนานี่ และเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอาจารย์คนสวยถึงต้องให้ส้มกับแก้วเข้ามารับรู้ เพราะที่เห็นก็มีแค่ดิวกับอ้อมเท่านั้นที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นขอขมารูปนั่น ที่สำคัญทำไมเธอถึงพูดประโยคนั้นออกมาบวกกับท่าทางแปลกๆ ที่เจ้าตัวแสดงออก ทำให้เขาแทบอดใจรอไม่ไหว กระทั่งเด็กสาวต้นเรื่องทั้งสองออกไปแล้วเขาจึงถามนำขึ้น

“เสร็จแล้วใช่ไหมครับ”

“ค่ะ ขอบคุณนะคะ ดิฉันรบกวนมากแล้ว ขอตัวก่อนค่ะ”

“อย่าเพิ่งไปครับ ผมขอถามอะไรคุณนิดหน่อย”

“ตกลงค่ะ แก้ว ส้ม ไปรอครูข้างนอกก่อนนะ”

เด็กสาวรับคำอย่างว่าง่าย แต่ชายหนุ่มกลับขยับเข้าขวางพลางบอก

“ไม่ต้องครับ ผมเองก็ต้องถามเด็กคู่นี้เหมือนกัน”

“คะ สารวัตรจะถามอะไรพวกแกคะ ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนี่ ดิฉันยืนยันว่าพวกแกไม่รู้เรื่องแน่ค่ะ”

“ผมก็ไม่ได้คิดอย่างนั้น”

เขาพูดแค่นั้นเสียงออดบอกเวลาหมดคาบแรกก็ดังขึ้นพอดี ส้มกับแก้วเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์เหมือนจะปรึกษา เพราะพวกเธอมีเรียนคาบต่อไปพอดี อาจารย์สายสมเข้าใจจึงพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต เด็กทั้งคู่จึงยกมือไหว้นายตำรวจหน้าดุก่อนจะเดินค้อมตัวกลับออกไปก่อน สารวัตรหนุ่มถอนใจเฮือกสีหน้ายุ่งยากใจไม่น้อย  ในที่สุดก็ล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาหยิบนามบัตรส่งให้อีกฝ่าย ก่อนจะบอกว่า

“คุณคงไม่สะดวกแล้วล่ะ เอาอย่างนี้ ถ้าคุณกับเด็กๆ ว่างตรงกันตอนไหนก็โทรนัดผม เบอร์โทรตามนี้เลยครับ”

อาจารย์สายสมก้มหน้ามองนามบัตรแผ่นเล็กในมือ ตัวอักษรสีแดงเลือดหมูบนพื้นสีครีมระบุชื่อของตำรวจหน้าดุชัดเจน
พ.ต.ต. ทีปณัฐ  วรพัฒน์  เธออมยิ้มเพราะชื่อเจ้าตัวออกจะไพเราะต่างกับหน้าตาลิบลับ

“ดิฉันมีตารางเวลาแน่นอนอยู่แล้วค่ะ ตอนนี้เลยก็ได้ ดิฉันมีสอนอีกทีก็คาบสุดท้ายตอนบ่ายสามโมง”

“ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตคุยกับคุณ...เอ่อ”

“สายสมค่ะ เรียกว่า จี๊ดก็ได้ค่ะ ง่ายดี”

“โอเคครับ คุณจี๊ด งั้นผมขอสั่งงานลูกน้องสักครู่นะครับ”  

ทีปณัฐบอกแล้วก็เดินผละไปทางหลังห้อง สั่งงานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานอยู่สองสามประโยคก็เดินกลับมา เขามองรูปปริศนาบนกระดานอย่างไม่ตั้งใจ จะเป็นเพราะสายตาของเขาลวงตัวเองหรือจากแสงที่ตกกระทบก็ไม่รู้แน่ ที่ทำให้เขาเห็นว่าลายเส้นของรูปจางลงกว่าตอนที่เข้ามาครั้งแรก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร คงเดินนำหญิงสาวลงจากตึกไปที่รถซึ่งจอดอยู่บริเวณสนามบาสเกตบอลเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


รถญี่ปุ่นสีดำสนิทแล่นออกจากประตูโรงเรียนออกสู่ถนนใหญ่ เจ้าของรถวางหน้าขรึมไม่พูดอะไรสักคำจนคนนั่งข้างๆ รู้สึกอึดอัดไม่น้อย เหมือนทีปณัฐจะรู้ตัว จึงเอื้อมมือมาเปิดวิทยุในรถ เพื่อทำลายความเงียบ เสียงดนตรีจังหวะสนุกสนานช่วยให้บรรยากาศแสนอึดอัดนั้นค่อยผ่อนคลายลง หญิงสาวเหลือบมองเสี้ยวหน้าอีกฝ่ายแล้วก็เอ่ยถามอย่างเกรงใจ

“เอ่อ นี่เราจะไปไหนกันคะ”

“หาที่เงียบๆ คุยกันน่ะครับ”

“อ้าว! ดิฉันนึกว่าคุณจะพาดิฉันไปสอบปากคำที่โรงพักเสียอีก”

“ก็อยากทำอยู่หรอกครับ ถ้าไม่กลัวว่าจะถูกสั่งให้ไปเช็กประสาทล่ะก็นะ คุณจี๊ด บอกไว้ก่อนนะครับว่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ท่าทางกับคำพูดของคุณทำให้ผมสงสัย”

นี่เธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยไปแล้วหรือนี่ สายสมอยากหัวเราะแต่พอเห็นสีหน้าและสายตาเอาจริงของอีกฝ่ายก็หัวเราะไม่ออก       พอดีกับที่รถเคลื่อนมาถึงสวนสาธารณะใจกลางเมือง ชายหนุ่มจึงหักหัวรถเลี้ยวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถก่อนจะดับเครื่อง ร่างสูงใหญ่เปิดประตูลงจากรถไปก่อน ทีปณัฐชะงักค้างไปนิดหน่อยอย่างเก้อๆ ที่เห็นฝ่ายหญิงเปิดประตูลงจากรถโดยไม่รอให้เขาทำหน้าที่สุภาพบุรุษ สายสมเห็นหน้าเขาแล้วก็อดหัวเราะกิ๊กออกมาไม่ได้

“ขอโทษค่ะ ดิฉันชินกับการทำอะไรด้วยตัวเองน่ะค่ะ ถ้ามันจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดี งั้นดิฉันขึ้นไปนั่งใหม่ไหมคะ”

“ไม่ต้องหรอกครับ แต่คราวหน้าคุณอย่าทำให้ผมเก้ออีกก็แล้วกัน”

ทีปณัฐเอ่ยทีเล่นทีจริง เขาเริ่มถูกชะตากับอาจารย์คนนี้เสียแล้ว แต่เวลานี้เขาต้องคิดถึงหน้าที่ก่อนเรื่องส่วนตัว เรื่องสานสัมพันธ์กับสาวเจ้าเอาไว้วันหลังก็ได้


“ดิฉันเพิ่งรู้ว่าสวนสาธารณะเหมาะจะเป็นที่สอบปากคำ”

“ผมไม่ได้สอบปากคำคุณนะ ผมเห็นว่าที่นี่คนไม่พลุกพล่านต่างหาก”

“ดูลับลมคมในจัง”  เธอว่าขณะที่เดินเคียงคู่กับเขาไปตามทางเดินในสวนสาธารณะ    

“นิดหน่อยน่ะ” สารวัตรหนุ่มหัวเราะนิดๆ “เข้าเรื่องเลยนะคุณจี๊ด ทำไมคุณถึงบอกลูกน้องผมว่า ขอขมาศพ แต่ไม่ใช่ศพของผู้ตาย”

ดวงหน้าสวยนิ่งขรึมไปอึดใจหนึ่ง เหมือนเจ้าตัวจะชั่งใจว่าควรพูดออกไปดีหรือไม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตยังไม่ลบเลือนจากความทรงจำ สายสมเงยหน้ามองคู่สนทนาก่อนจะตอบว่า

“คุณบอกว่าไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาตินี่คะ”

“ไม่ค่อยเชื่อต่างหากครับ แปลว่ายังเชื่ออยู่บ้าง”

“ตกลงค่ะ ดิฉันจะเล่าให้คุณฟัง ส่วนจะเชื่อเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์หรือเปล่านั้น อยู่ที่คุณค่ะ เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสิบห้าปีก่อน”


ร่างโปร่งสันทัดของเด็กสาวถักผมเปียคู่คนหนึ่งในชุดนักเรียนคอซองเดินถือกระเป๋าหนังสือมาหยุดยืนอยู่หน้าอาคารเรียนอย่างกล้าๆ กลัวๆ เธอยกแขนขึ้นมองนาฬิกา ตีห้าห้าสิบนาที  ฟ้าเพิ่งเริ่มสางและความเงียบสงัดของสถานที่ทำให้เธอเกือบจะถอดใจหันหลังกลับไปอยู่แล้ว แต่พอคิดถึงข้อความสั้นๆ เพียงบรรทัดเดียวในจดหมาย เธอก็ทำใจกล้าเดินเข้าไปในตึก แล้วก้าวขึ้นบันไดปูนขัดไปทีละขั้นๆ ขณะที่ความทรงจำของเธอย้อนกลับไปสู่ช่วงเลิกเรียนของเมื่อวานนี้  

“พี่จะรอหวานอยู่ที่ห้อง ๓๒๑ นะ”

ดวงตาของสาวน้อยเป็นประกายสดใสเมื่ออ่านจบ หวานเงยหน้ามองหนุ่มน้อยชั้นมัธยมปลายสองคนตรงหน้าอย่างดีใจ

“พี่ก้องยอมมาพบหวานจริงๆ เหรอคะ พวกพี่ไม่ได้หลอกหวานนะ”

“จะไปหลอกน้องทำไมล่ะ ไอ้ก้องมันเขินไม่กล้ามาเอง เลยฝากพวกพี่เอามาให้ อ่อ ใช่ มันว่าให้หวานมาโรงเรียนตอนหกโมงเช้านะ มันมีอะไรจะบอก”

“ทำไมเช้านักล่ะคะ”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ไว้ถามมันพรุ่งนี้สิ เอาล่ะ หมดหน้าที่พี่แล้ว ขอให้สมหวังนะจ๊ะ”    

หนุ่มน้อยบอกแล้วสะกิดเรียกเพื่อนให้เดินผละไป ปล่อยให้หวานยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว พี่ก้อง หนุ่มหล่อประจำโรงเรียนส่งจดหมายนัดพบมาแบบนี้จะไม่ให้ดีใจได้อย่างไร นี่แปลว่าพี่ก้องต้องอ่านจดหมายสารภาพรักของเธอแล้วแน่ๆ และพี่ก้องก็คงใจตรงกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่นัดมาอย่างนี้หรอก


หวานพาตัวเองมาจนถึงชานพักระหว่างชั้นสองและชั้นสาม อีกเพียงเจ็ดขั้นเท่านั้นเธอก็จะขึ้นมาถึงชั้นสาม พี่ก้องจะมาหรือยังหนอ เหลือเวลาราวแปดนาทีกว่าจะถึงเวลานัด ใจสาวเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น พี่ก้องจะบอกอะไรกับเธอนะ  

ห้อง ๓๒๑ ว่างเปล่าไม่มีใครสักคน เด็กสาวแอบผิดหวังนิดหน่อยที่ไม่เห็นพี่ก้องขวัญใจของเธอ เอาเถอะ ไม่เป็นไร พี่ก้องอาจจะมาตรงเวลาก็ได้ แต่การอยู่ในห้องเรียนตอนรุ่งเช้าคนเดียวอย่างนี้มันวังเวงไม่น้อยเลย โดยเฉพาะตึกนี้เป็นที่ร่ำลือถึงเรื่องผีดุกันมารุ่นต่อรุ่น หวานมองไปรอบตัวอย่างหวาดๆ คงไม่มีอะไรหรอกน่ะ เช้าแล้วนี่นา เธอแข็งใจก้าวเข้าไปในห้องเพื่อเลือกที่นั่งรอแถวๆ กลางห้อง เพื่อให้ดูเป็นจุดเด่นเวลาที่พี่ก้องขึ้นมา  

เสียงกุกกักดังมาจากใต้โต๊ะอาจารย์ตัวใหญ่ที่ตั้งชิดผนังด้านขวามือทำให้หวานสะดุ้งขึ้นสุดตัว ความที่โต๊ะตัวนี้ตีไม้ทึบปิดไว้รอบโต๊ะทำให้ไม่รู้ว่าอะไรคือที่มาของเสียง หวานกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ นัยน์ตาจ้องเป๋งไม่กะพริบ ขาแข็งค้างก้าวไม่ออก หรือจะเป็น...


สภาพของเด็กสาวที่นอนหงายเหยียดยาวจมกองเลือดอยู่หลังห้อง ทรวงอกด้านซ้ายมีบาดแผลถูกของมีคมแทงไม่น้อยกว่าห้าแผล และฉกรรจ์ทั้งสิ้น แผลหนึ่งลึกขนาดตัดขั้วหัวใจเหยื่อได้ เสื้อนักเรียนยับยู่ยี่ชุ่มไปด้วยเลือด ส่วนกระโปรงถูกถลกขึ้นมาถึงเอว กางเกงในสีหวานถูกรูดลงมากองอยู่ที่ข้อเท้า สายสมในวัยสิบสี่ปีแหวกผู้คนที่มุงดูเหตุการณ์เข้าไปด้านใน พอเห็นสภาพเหยื่อก็ถึงกับยกมือปิดปากตัวเองไม่ให้กรีดร้องออกมา หวาน เพื่อนรักของเธอนั่นเอง


นัยน์ตาของสายสมหมองลงเมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ เธอหยุดนิดหนึ่งเพื่อกลืนก้อนแข็งๆ ที่คอ ก่อนบอกต่อไปว่า    

“หวานกับดิฉันจะไปโรงเรียนพร้อมกันเสมอค่ะ แต่เช้าวันนั้น แม่ของหวานบอกว่าหวานออกไปตั้งแต่ฟ้าสาง ถามอะไรก็ไม่ตอบ ดิฉันพอจะรู้อยู่แล้วว่าหวานมีนัดกับพี่ก้อง แต่ก็ไม่คิดว่าจะเช้าขนาดนั้น ในที่สุดก็เกิดเรื่องจนได้ คดีของหวานก็ยังปิดไม่ลงจนถึงวันนี้ ดิฉันคิดว่าที่สถานีตำรวจคงเก็บเอกสารหลักฐานไว้อยู่”

“คุณว่าคุณรู้เรื่องจดหมายนั่น”

“ค่ะ หวานแอบโทรมาเล่าให้ฉันฟัง เพราะวันนั้นฉันติดซ้อมละครโรงเรียน หวานไม่อยากรอเลยขอตัวกลับก่อน คิดว่าน่าจะเป็นตอนนั้นที่เพื่อนพี่ก้องมาส่งจดหมายนัดให้”

ทีปณัฐยกมือขึ้นลูบคางอย่างครุ่นคิด นัยน์ตาที่มองสายสมเต็มไปด้วยคำถาม หญิงสาวอ่านสายตานั้นออกก็ส่ายหน้า

“คุณคิดว่าพี่ก้องข่มขืนแล้วฆ่ายัยหวานหรือคะ”

“ถ้าผิดจากนายก้องอะไรนั่นก็น่าจะเป็นเพื่อนของเขานั่นแหละ เพราะคนที่รู้ว่าเพื่อนคุณไปที่ห้องนั้นคนเดียวก็มีแค่สามคนนี้เท่านั้น”

“ไม่ใช่ค่ะ พี่ก้องยอมรับว่านัดยัยหวานจริง แต่เช้าวันนั้นเขาไม่ได้ไปตามนัด เพื่อนของเขาอีกสองคนตำรวจเค้นสอบแล้ว แต่ก็ไม่มีหลักฐานว่าทำผิดอะไร”

“แล้วใครล่ะ ฆาตกรตัวจริง”

“นั่นคือสิ่งที่เราต้องหาคำตอบค่ะ”

 อาจารย์สาวบอก ส่วนหนึ่งเธอเชื่อว่าวิญญาณของหวานปรากฏตัวขึ้นโดยอาศัยโอกาสที่เด็กๆ เล่นผีตะเกียบแล้วเชิญวิญญาณตนเอง ประจวบกับคำพูดลบหลู่โดยไม่ตั้งใจของดิวทำให้แรงแค้นของผีสาวมีพลังมากขึ้น เพราะต้องการให้ช่วยหาฆาตกรตัวจริง แต่เท่านั้นแน่หรือ เธอยังจำแววตามุ่งร้ายแกมเศร้าที่ผีสาวมองมาที่ลูกศิษย์ของเธอได้เป็นอย่างดี แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นส้มหรือแก้วคนใดคนหนึ่ง หรืออาจจะทั้งคู่ก็ได้ เด็กสองคนนี้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องราวเลวร้ายในอดีตกันนะ  


                                                          อริญชย์

แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 55 17:40:22

แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 55 17:40:00

จากคุณ : อินทรายุธ
เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 17:17:49




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com