มือที่ลูบเรือนผมเปียกชื้นนั้นกดแน่นลงเล็กน้อย คล้ายพยายามส่งความอบอุ่นให้เด็กหญิงมากที่สุด และมุกมณีก็ขอเวลาเพียงแค่ครู่....ครู่นี้เท่านั้น ที่หล่อนจะขอรับความอบอุ่นนี้ไว้เอง
หลังจากนั้น... หล่อนจะพยายาม !
หญิงสาวให้คำมั่นกับตัวเอง เมื่อน้ำตาเริ่มแห้งเหือดเปลี่ยนเป็นดวงตาที่ช้ำจากการร้องไห้จนรู้สึกได้ กับลำคอที่แห้งผากจนไอโขลกๆ
ตอนนั้นเอง ที่ราชินีแห่งแคว้นค่อยปล่อยตัวหล่อนอย่างแผ่วเบา ก่อนเอื้อมไปเทน้ำชาใส่ถ้วยเล็กส่งให้
มุกมณีรับน้ำชาอุ่นจัดมาดื่ม เพิ่งสังเกตว่าในห้องมีเพียงตนกับหญิงสาวผู้สูงศักดิ์ ปราศจากแม้เงาร่างสาวใช้สักคน
ถึงตอนนี้ เธอค่อยใช้นัยน์ตาของเด็กหญิงแอบชำเลืองมองผ่านคันฉ่อง และพิจารณาอย่างจริงจังว่าฝ่ายตรงข้ามเองก็มีรูปโฉมงดงามไม่เบาเลยทีเดียว ทั้งวงหน้าอ่อนหวานแบบที่หล่อนเคยคาดเดา กับความเด็ดขาดเฉียบคมจนแฝงแววดุรำไรที่มุกมณีคุ้นตา
หล่อนเลื่อนสายตาลงมา และมองเห็นแววเช่นนั้นในวงหน้าของอวี้ซู่
ใบหน้าคมเข้มของท่านแม่ทัพเว่ยผุดวาบมาในความคิด พร้อมประพิมพ์ที่คล้ายกับองค์ราชินีเป็นอย่างยิ่ง บอกให้รู้ถึงสัมพันธ์สายเลือดอันใกล้ชิดของบุคคลเหล่านี้
สมองของมุกมณีกลับมาทำงานอีกครั้ง หล่อนยังจำได้ถึงตอนที่บิดาของอวี้ซู่รับสาส์นจากที่คนในวังถือมาอย่างเร่งด่วน พลางทอดถอนใจ และปรายตามองที่ธิดาคนโตของตนชั่ววูบ
กับเสียงพึมพำแกมทอดถอน
ใต้ฝ่าพระบาทคงจะทรงกังวลมาก
ใต้ฝ่าพระบาททรงเป็นห่วงเจ้ามาก คำพูดเมื่อตอนที่เด็กหญิงกำลังจะขึ้นรถม้าแว่วมาพร้อมกัน เพียงแค่อยากแน่พระทัยเท่านั้น ว่าเจ้าจะไม่เป็นอะไร
ถ้อยความทั้งหมดล้วนบอกชัดถึงความห่วงใยที่มีต่อเด็กหญิง และมุกมณีเองก็เห็นด้วยตาของตนเองแล้ว ยิ่งสังเกตถึงเค้าประพิมพ์ประพายความเหมือน หล่อนก็เริ่มแน่ใจว่าอวี้ซู่คงเป็นคนโปรดของหญิงสูงศักดิ์ผู้นี้จริงๆ
งั้นมุกมณีควรจะทำอย่างไรดีเล่า หล่อนถามตัวเอง ขณะที่มือก็ค่อยประคองถ้วยน้ำชาส่งคืน
ราชินีแห่งแคว้นปิงรับถ้วยด้วยมือตนเองอย่างไม่มีเกี่ยงงอน นางเห็นเด็กหญิงไม่มีทีท่าจะขอเพิ่มจึงวางถ้วยนั้นกลับลงบนโต๊ะ ก่อนหันมาถาม
เจ้าเป็นอะไรไป อวี้ซู่
หญิงสาวอยากหลบตา หากน่าแปลก...ที่ อวี้ซู่ ช้อนตาขึ้นมองคนถาม ก่อนขยับริมฝีปาก
ข้า... เธอชะงักถ้อยคำไปทันควัน ด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย
ในดวงตายาวรีคมกริบที่มองมาของสตรีสูงศักดิ์แห่งแคว้นนี้สะท้อนภาพของเด็กหญิงที่สับสน และฉายแววแห่งความอาทรอย่างเด่นชัด ทั้งสัมผัสอบอุ่นเมื่อครู่ก็ยังหลงเหลืออิทธิพลมากกว่าที่คาด จนมุกมณีเกือบจะหลุดปาก
หลุดปากบอกออกไป ? จากนั้น....จะเกิดอะไรขึ้นกับเธอล่ะ?
ภาพของหญิงสาวผู้เย็นเฉียบที่ถูกเรียกขานว่าเป็นผีร้ายนั่นยังติดอยู่ในนัยน์ตา มันฝังแน่นจนกระทั่งความอบอุ่นที่ได้รับก็ไม่อาจปลดปล่อยได้หมด
เจ้าหันไปก่อนเถอะ องค์ราชินีออกปากในที่สุด พลางจับเด็กหญิงให้หันหน้าเข้าหาคันฉ่องดีๆ ข้าจะเช็ดผมแล้วก็รวบผมให้เจ้าเอง เดี๋ยวจะไม่สบายมากกว่าเดิมเสียเปล่าๆ
เด็กหญิงที่ภายในเป็นหญิงสาวได้แต่นั่งนิ่งอีกครั้ง เมื่อผ้านุ่มค่อยเลื่อนซับน้ำจากเส้นผมตัวเองช้าๆ ก่อนตามด้วยปลายนิ้วที่สอดแทรกสางคล้ายเพลิดเพลิน ก่อนถามไถ่
เจ้ารู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง ?
ข้า.... มุกมณีเอ่ยคำเดียวที่นึกออก ก่อนชะงักหายไปอีกครั้ง ด้วยความรู้สึกสับสนที่กำลังห้ำหั่นกัน
ใจหนึ่ง เธออยากบอกความจริง....ด้วยความรู้สึกที่ผุดพรายมาเพียงเสี้ยวในทีแรก ก่อนจะค่อยๆเอ่อล้นเหมือนน้ำเดือดที่พยายามดันฝาหม้อ อยากบอกอยากเล่าให้ใครสักคนฟัง อยากพูดอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับตนเอง ให้รู้สึกว่าตัวเองยังเป็นมุกมณีอยู่ แม้จะเป็นเพียงแค่คำพูดก็ตาม
ขอแค่นิดเดียว...
หากอีกใจ...ที่หนักแน่นด้วยเหตุผลก็ย้ำเตือนว่านี่ควรเป็นเวลาที่เธอสอดส่อง คอยมองรอบตัวและพิจารณาอย่างรอบคอบ จะผิดพลาดไปไม่ได้เด็ดขาด มิฉะนั้นแล้วชะตากรรมของเธอก็อาจจะไม่แคล้วจมดิ่งลงไปในความเยือกเย็นและเจ็บปวดเกินทานทนนั่นอีก
บางอย่างแวบผ่านในความคิด หากก็บางเบาเกินกว่าจะจับต้องได้ถนัดมือ ผิดกับเสียงของสตรีสูงศักดิ์ที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งค่อยแหวกผ่านความกังวลทั้งมวลอย่างแผ่วเบา
เจ้ายังรู้สึกไม่ดีหรอกหรือ ?
ไม่พูดเปล่า มือบางนั้นยังเอื้อมแตะลำคอ...จุดซึ่งสามารถสัมผัสตำแหน่งชีพจรเต้น....
หัวใจของมุกมณีกระตุกวูบ...ด้วยลางสังหรณ์แปลกๆ
หากเพียงพริบตา ปลายนิ้วนั้นก็เลื่อนออก ไปหยิบปอยผมทัดหูให้เด็กหญิงแทน พลางถอนใจ
เจ้าอย่าทำแบบนี้อีก รู้หรือไม่ ? พระนางเปลี่ยนเรื่อง ข้า...และท่านพ่อของเจ้าจะกังวลแค่ไหน เจ้าไม่รู้หรือ อวี้ซู่ ถ้าเกิดป่ายเสียนไปเห็นเจ้าช้าไปเพียงนิดเดียว....
เว่ย ป่ายเสียน....หรือก็คือบิดาของอวี้ซู่ที่นั่งอยู่หน้าคันฉ่องนี่เอง ที่เป็นผู้พบ สภาพ ของลูกสาวเป็นคนแรก
แม้มารดาของเจ้าจะอยู่อีกฝั่งภพ นางก็คงไม่ดีใจเป็นแน่ ถ้าหาก....
ท้ายประโยค พระนางไม่ได้เอ่ยต่อ หากมุกมณีกลับเผลอพึมพำแผ่วเบาเสียเอง
ถ้าหาก...ข้าตายไป... ....หล่อนหรืออวี้ซู่กัน ที่จะตาย ?
มือที่เลื่อนลงไปจับบ่าเล็กเกร็งแน่นทันที
อย่าพูดอย่างนั้น จงอย่าเอ่ยเช่นนั้นเด็ดขาด ราชินีแห่งแคว้นเอ่ยเสียงเฉียบ ก่อนค่อยอ่อนลง เจ้าอายุเพียงเท่านี้....อย่าเพิ่งมาพูดเรื่องเป็นตายจากลา ราวเป็นเรื่องปกติเลย เด็กเอ๋ย...
คำขาน เด็กเอ๋ย แผ่วหวิว สะเทือนด้วยอารมณ์บางประการให้มุกมณีแอบลอบชำเลืองมองผ่านเงาสะท้อน ทันเห็นสิ่งคล้ายหยาดน้ำแวววาวในดวงตางาม ก่อนเลือนหายรวดเร็วเมื่อเอ่ยต่อ
วันเวลาของเจ้าแสนสั้นนัก... จงอย่าได้ใช้ไปเช่นนี้เลย เกิดมาทั้งที ควรแย้มยิ้มหัวเราะให้มากวันที่สุด ยังดีกว่าจะมานั่งนึกถึงความเศร้าที่ไม่มาเยือนเหล่านั้นนัก
ถ้อยคำนั้นฟังประหลาด...ขนาดที่กระทั่งหญิงสาวอายุยี่สิบปีอย่างมุกมณียังไม่อาจแปลความหมายได้หมด และยิ่งรู้สึกว่าหนักเกินไปสำหรับเด็กหญิงอายุน้อยกว่าหล่อนหลายปีอย่างอวี้ซู่
ยิ่งห้วงอารมณ์ที่แฝงอยู่ในคำอันไม่อาจบรรยายนั่นอีก มันราวกับ....มีเรื่องสำคัญบางเรื่องในถ้อยความเหล่านี้ ?
เกี่ยวพันกับอวี้ซู่ ?
เอาล่ะ องค์ราชินีประคองสองแก้มของเด็กหญิง พลางพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มๆแต่แฝงแววจริงจังยากขัดขืน เจ้าจงสาบานเสีย อวี้ซู่ ว่าจะไม่ทำอะไรโง่ๆเช่นนั้นอีกเด็ดขาด
โดนคาดคั้นเช่นนี้ หญิงสาวย่อมไม่มีทางเลือกอื่นใด แม้ว่าความจริง ต่อให้อีกฝ่ายไม่เอ่ยปาก ต่อให้เธออยากลืมตาตื่นจากสถานที่สถานภาพพิลึกพิลั่นนี้เช่นไร มุกมณีก็ไม่ทางทำแบบอวี้ซู่แน่ๆ
เจียเอ๋อร์ได้บอกเล่ากึ่งสารภาพกับหล่อน ทั้งน้ำตาและเนื้อตัวที่สั่นเทิ้มเกี่ยวกับ ภาพที่แม่ทัพเว่ยเห็นคุณหนู ว่า
คุณหนู...เอาผ้านวมห้าผืนมาซ้อนทับกันแล้วขดตัวเองอยู่ในนั้น ท่านแม่ทัพตรงเข้าไปรื้อกองผ้าก็เห็นคุณหนูตัวร้อนจัด ลมหายใจอ่อนเบามากเจ้าค่ะ....
ทีแรกเมื่อตอนฟัง มุกมณียังพอมองเห็นผ้านวมที่กองอยู่ปลายเท้ารำไร และคาดคะเนความหนาของมันเปรียบเทียบกับร่างเล็กๆของอวี้ซู่ด้วยความสยองใจ กระทั่งสาวใช้เอ่ยต่อ
นายท่านโกรธมาก เค้นถามพวกข้า...
จน...จน...พวกข้าต้องสารภาพว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณหนูแกล้งให้ตัวเองป่วยเจ้าค่ะ... ข้าผิดไปแล้วจริงๆ คุณหนูอภัยให้ด้วย!!
มุกมณีถอนหายใจเฮือกใหญ่ ให้กับคำสารภาพนั้นนับแต่ตอนที่ได้ยิน จนบัดนี้เมื่อองค์ราชินีผู้เป็นป้าของเด็กหญิงถาม หล่อนก็ยังอดทอดถอนใจไม่ได้ กว่าจะตอบ
สาบาน... พูดไปแล้วหล่อนค่อยชะงัก ค่อยเรียงคำใหม่อย่างไม่แน่ใจแกมเงอะงะเป็น หม่อมฉันสาบานเพคะ
คิดไม่ถึง คำพูดที่น่าจะถูกต้องตามขนบธรรมเนียม กลับทำให้ผู้ฟังขมวดคิ้วถาม
เจ้าโกรธป้ารึ อวี้ซู่? ร่างแบบบางในอาภรณ์บางเบาของราชินีก้าวไปนั่งเก้าอี้ใกล้ๆ เคียงข้างเด็กหญิง นอกจากเคืองท่านพ่อแล้ว เจ้าก็จะพลอยโกรธป้าไปด้วยรึ เด็กคนนี้ ?
แม้ถ้อยความจะแสดงถึงอาการไม่เห็นด้วยกึ่งไม่พอใจ แต่ในน้ำเสียงที่ได้ยินกลับไม่มีอารมณ์ขุ่นมัวแฝงแม้แต่นิด เกือบพาให้มุกมณีถอนหายใจอีกรอบสลับกับหัวเราะขึ้นมาครามครัน
เธอพอจะเห็นภาพขึ้นมาแล้ว... ! ว่า อวี้ซู่ ถูกเอาอกเอาใจและตามใจแค่ไหน แม้ตอนที่ฟังเจียเอ๋อร์เล่าตอนนั้นจะพอเดาได้รางๆก็ตาม ว่าเด็กผู้หญิงที่ชอบเรียกร้องความสนใจ จนถึงขนาดลงทุนทำให้ตัวเองป่วยคนนั้นคงไม่ใช่เล่นๆ สาวใช้รอบข้างถึงมีทีท่าสะทกสะท้านกันเป็นแถว เมื่อเด็กหญิงแค่พูดห้วนๆหรือทำท่าทางไม่ถูกใจนิดหน่อย
แต่หล่อนก็เพิ่งมาแน่ใจเอาเดี๋ยวนี้ ว่าต้นเหตุส่วนหนึ่ง ไม่ใช่เพราะเด็กหญิงจริงๆ...แต่น่าจะเป็น อำนาจเบื้องหลัง เด็กหญิงนี่ต่างหาก
ทั้งพระราชินีก็ดี ทั้งแม่ทัพเว่ยก็ดี.....หล่อนยังไม่เห็นใครจะตำหนิอวี้ซู่เต็มปากเต็มคำสักคน !
ต่อให้เจียเอ๋อร์บอกว่าแม่ทัพเว่ยโมโหโกรธา ก็อาจเป็นไปได้มากตามประสาพ่อแม่ที่รักจนแทบจะเป็นหลงลูก ว่าความกราดเกรี้ยวนั้นอาจไปลงกับคนอื่น ไม่ใช่ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน
มุกมณีแทบส่ายหน้า แต่เมื่อคิดขึ้นมาอีกที หล่อนก็ยอมรับว่าแบบนี้น่าพอใจกับตัวหล่อนเองมากกว่า
หล่อนน่าจะไม่ต้องระวังอะไรมาก....เพราะอย่างไร ฐานสนับสนุนของอวี้ซู่ก็คงพอไว้ใจได้อยู่
อวี้ซู่ ? หนึ่งในฐานเสียงส่งเสียงเรียก เมื่อเห็นเด็กหญิงเงียบไป
มุกมณีจึงลอบสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนระบายออกมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนๆบนเรียวปากของอวี้ซู่
...ไม่ได้โกรธ...เจ้าค่ะ หล่อนลองคำลงท้ายใหม่ และตามด้วย สรรพนาม ใหม่ อวี้ซู่ไม่โกรธท่านป้าเจ้าค่ะ...
ราชินีแห่งแคว้นในพิภพแปลกหน้าของมุกมณีกะพริบตาวูบ ก่อนคลี่ยิ้มแบบเดียวกับเด็กหญิงให้ และลูบหัวร่างน้อยที่อยู่เบื้องหน้า
เด็กดี พระนางชม ป้ารู้ว่าความจริงแล้วเจ้าเป็นเด็กดี ป่ายเสียนเองก็รู้ดีเช่นกัน...
คำพูดนั้นละม้ายกำลังเกลี้ยกล่อมเด็กเกเร...ซึ่งก็สาสมกับอวี้ซู่ดี ในความคิดของมุกมณี หล่อนจึงตั้งใจจะนั่งฟังเงียบๆ ไม่ออกปากอะไรที่อาจแสดงพิรุธออกไปอีก
ถ้าไม่ใช่เพราะประโยคถัดมาขององค์ราชินี...ผู้เป็นป้าแท้ๆและเป็นฐานเสียงสำคัญที่หล่อนเพิ่งหมายมั่น จะเอ่ยว่า
แต่ทั้งป้าทั้งป่ายเสียน ก็เห็นว่าคงจะถึงเวลาแล้ว ที่จะต้องจริงจังกับเจ้าเสียที...
(โปรดติดตามต่อตอนถัดไปค่ะ)
ขอบคุณ Give จากคุณสามปอยหลวง และคุณนวลน้ำผึ้งด้วยนะคะ
และขอขอบคุณทุกความเห็นจากคุณ scottie และคุณนวลน้ำผึ้งด้วยค่ะ
คุณ scottie - ขอบคุณที่ทักท้วงนะคะ ได้ทำการแก้ไขบทที่ 2 ไปเล็กน้อย (แต่อาจยังไม่ดีนัก T-T) ค่ะ จึงต้องยิ่งขอบคุณความเห็นมา ณ ที่นี้ มากๆเลยค่ะ ><
คุณ นวลน้ำผึ้ง - ขอบคุณมากค่ะ ยินดีที่มีคนชอบค่ะ
คราวนี้มาช้ากว่าคราวที่แล้วอีก T-T เนื่องจากมัวแก้บทที่ 2 มากไปหน่อย (แถมยังไม่ถูกใจด้วยค่ะ
) เลยลงส่วนที่แก้ไปก่อน แล้วใจร่มๆค่อยไปแก้ต่อ
บทที่ 3 เข้าไปแล้ว แอบคิดว่าเรื่องราวยังไม่เดินไปถึงไหนเท่าที่ควร และคนเขียนเองก็เพิ่งเขียนเรื่องแบบนี้ด้วย ถ้าหากคุณผู้อ่านมีอะไรจะทักท้วงติติงก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งเลยค่ะ 
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามานะคะ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ 