Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 86 ติดต่อทีมงาน

จันทรากระจ่างทรงกลดเรืองรอง รัศมีสีแดงฉานราวถูกห่อหุ้มไว้ด้วยโลหิต สะท้อนประกายเจิดจ้าฉาบไล้มวลใบไม้ซึ่งกำลังปลิวไสวดั่งระลอกคลื่น ส่งเสียงซ่าซัดทั่วผืนป่า หากมิได้กังวานสู่สมองของฟ่านไป่หนิงแม้แต่น้อย

...นางคงได้ยินแค่เสียงหัวใจตนเองโหมกระหน่ำ!

โจซานตงย่อมมิใช่ผู้ร้ายกาจที่สุดในประวัติศาสตร์ มิใช่บุรุษเลวทรามเกินกว่าจะคาดคิด มิใช่ยอดยุทธ์ฝีมือสูงล้ำอย่างไม่มีวันโค่นล้มได้

แต่ดรุณีน้อยรู้ดีว่าต่อให้เผชิญหน้ากับโจซานตงที่ร้ายกาจด้อยกว่านี้ เลวทรามน้อยกว่านี้ ฝีมือต่ำกว่านี้ ก็ยังสามารถบดขยี้มดปลวกเช่นนางลงอย่างง่ายดาย

แม้คิดครวญครางตัดพ้อเพียงใดก็มิอาจเปลี่ยนแปลงความจริงตรงหน้า สิ่งที่จะประคองชีวิตอ่อนแอให้ยืนหยัดบนเส้นลวดแห่งโชคชะตา...ก็คือสติเท่านั้น

ใช่...มีเพียงสติ จึงสามารถผลักดันให้ฟ่านไป่หนิงก้าวเท้าอย่างมั่นคง ออกไปโน้มศีรษะแก่โจซานตงได้ในที่สุด

“คารวะประมุขโจ ผู้เยาว์มิได้พบท่านเสียนาน”

“แม่นางน้อยบุตรสาวจอมยุทธฟ่านนี่เอง หลังจากกันที่หุบเขาแดนสุรบถ ข้าก็มิได้ข่าวเจ้าอีกเลย”

“ทว่ากิตติศัพท์ประมุขโจกลับล่วงเข้าหูผู้เยาว์ไม่น้อย ทั้งการประมืออย่างกับจอมยุทธเซียนสุขสันต์เอ้อไห่เซิ่น การนำทัพบุกทะลวงฝ่ายธรรมะ เพียงไม่เข้าใจว่าพบท่านยังที่นี้ได้อย่างไร”

โจซานตงเหยียดยิ้ม โบราณว่าปลาหลุดมือมักตัวโตกว่าความเป็นจริง นับแต่ฟ่านไป่หนิงหลบหนีมันไปได้ ความอยากครอบครองนางยิ่งทบทวี พอได้พบหน้าโดยบังเอิญแม้รู้แก่ใจว่าดรุณีน้อยพยายามสนทนาเพื่อประวิงเวลา กลับยินดีร่วมเล่นแมวหยอกหนูด้วยความพอใจ

“ข้ากำลังตระเตรียมแผนการพร้อมบริวารยังผาดงแล้ง มิคาดประสบคุณชายใหญ่สือกับพวกพ้องรุดมาหาเรื่องถึงที่ จึงทำการต้อนรับอย่างเหมาะสม”

“เฮอะ” เสียงคำรามในลำคอของสือหย่งจวินลอยข้ามศีรษะมา “ข้าทราบดีว่าสู้ท่านมิได้ แต่ก็ขอท้าประลองลำพังกับท่านด้วยศักดิ์ศรี นึกไม่ถึงว่าประมุขโจผู้สูงส่งกลับสั่งบริวารกลุ้มรุมทำร้าย”

“ฮ่า ๆ คุณชายใหญ่สือออกจะประเมินตนสูงเกิน ท่านอาศัยอะไรมาท้าประลองกับข้าเล่า ระดับท่านสมควรรอสักสิบปี หลุบปีกหุบหางภายใต้การปกป้องของตระกูลสือให้ดี ค่อยคิดแก้แค้นแทนเจ้าบ้านสือที่ตายอย่างหมาจนตรอก...ย่อมไม่สาย”

สือหย่งจวินร้องคำรามราวสัตว์บาดเจ็บ โถมทะยานหมายเสี่ยงตายกับศัตรูคู่แค้น ฟ่านไป่หนิงต้องใช้แรงทั้งตัวถึงรั้งมันไว้ได้ หากนางมีแค่สองมือเท่านั้น ย่อมไม่อาจหยุดยั้งคนตระกูลสือที่เหลืออยู่ พวกมันซึ่งเกรี้ยวกราดไม่แพ้สือหย่งจวินต่างวิ่งแซงเข้าหาโจซานตงทันที ประมุขพรรคอสุราอาฆาตไม่แม้แต่จะเหลือบมองพวกมันซ้ำ เพียงปาดมือเสมือนไล่แมลงหวี่ ศีรษะเบื้องหน้าล้วนแตกโพละดุจลูกแตงโมถูกทุบ กายไร้หัวส่ายโงนเงนก่อนค่อย ๆ ล้มลงทีละร่าง สือหย่งจวินอ้าปากค้าง ส่วนฟ่านไป่หนิงกระทั่งจะร้องยังไม่มีเสียง ได้แต่มองโจซานตงยกมือเปื้อนเลือดและเศษสมองขึ้นดูอย่างเบื่อหน่าย เอ่ยไม่ยี่หระ

“เอาเถอะ ในเมื่อพวกเจ้าสามารถตีบริวารข้าแตกพ่ายไปได้ ก็ถือว่ามีคุณสมบัติอยู่บ้าง หากต้องการประลองข้าย่อมพร้อมสนอง”

ดรุณีน้อยเผยรอยยิ้มที่รู้ว่าคงฝืดเฝื่อนเต็มที “ในเมื่อประมุขโจให้เกียรติถึงเพียงนี้ ข้าก็ขอร่วมประลองพร้อมพี่ใหญ่ด้วยคน”

ท่ามกลางเสียงคัดค้านของหลานคนโตสกุลสือ โจซานตงกลับว่า

“เจ้าจะกระทำโง่เง่าเช่นนี้ด้วยเหตุผลใด หรือเพราะเห็นตนเองเป็นคนตระกูลสือไปแล้ว ทว่าเมื่อก่อนเจ้าเอาแต่คลุกคลีกับคุณชายรองสือมิใช่รึ ตกลงเจ้าชมชอบพี่หรือน้องกันแน่”

หากไม่เพราะความหวาดกลัวยังฝังแน่นในหัว ฟ่านไป่หนิงคงเผยกิริยาเคืองขุ่นให้กับน้ำคำเหยียดหยามไปแล้ว

“พี่หย่งหลุนกำลังรุดมาแล้ว เพื่อช่วยพวกข้ารับมือท่าน!”

“ฮ่า ๆ” ประมุขพรรคอสุราอาฆาตแหงนหน้าหัวร่อจนตัวกระเพื่อม “ก็ดี ขอให้มันมาเถอะ ข้าอยากกำจัดมารหัวใจให้สิ้นในคราเดียว เวลาเจ้าพำนักในหุบเขาแดนสุรบถจะได้ไม่ห่วงหน้าพะวงหลังอีก”

“ในเมื่อตกลงกันเรียบร้อย พวกข้าสองคนไม่เคยต่อสู้ร่วมกันมาก่อน ดังนั้นต้องการขอเวลาชั่วครู่เพื่อปรึกษาวิธีต่อสู้ให้ตรงกัน หวังว่าประมุขโจใจคอกว้างขวางจะไม่ถือสา”

โจซานตงหรี่ตาครุ่นคิด มันทราบดีว่าสตรีตรงหน้าเจ้าเล่ห์มากแผนการ ทว่าฝีมือมันยามนี้ถึงขั้นเรียกลมได้ลมสั่งฝนได้ฝน หรือควรเกรงกลัวสิ่งใดอีก จึงยินยอมสาวเท้าออกห่าง แต่ก็เปล่งรัศมีคุกคามให้รู้ว่าหากคิดตุกติกหลีกหนี มิมีวันรอดพ้นเงื้อมมือมันไปได้

สือหย่งจวินกลับไม่สนใจโจซานตง หันมากระซิบเคร่งเครียด “เจ้ารีบหลบไปเถอะ ข้าจะประวิงเวลามันไว้เอง”

ดรุณีน้อยส่ายศีรษะ โต้ตอบด้วยน้ำเสียงระดับเดียวกัน “ดูท่าโจซานตงต้องการตัวข้ามากคงไม่คิดทำร้าย จึงควรแผนให้ข้าพัวพันมันไว้ทางด้านหน้า แล้วพี่ใหญ่คอยใช้วิชาตัวเบาหาจังหวะจู่โจมจากนอกวง น่าจะพอรับมือได้ชั่วคราว”

“ไม่มีทาง ข้าไม่มีวันยอมให้เจ้าเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด”

“สถานการณ์คับขันเรายังมีทางเลือกอื่นหรือ ต่อให้ข้าทิ้งพี่ใหญ่หลบหนีไปแล้วท่านจะต่อสู้กับโจซานตงได้นานแค่ไหนกัน ไม่ช้ามันก็คงไล่กวดแล้วพาข้ากลับไปจนได้ ฉะนั้นเราควรร่วมมือกันประวิงเวลาให้ถึงที่สุด โดยระหว่างปะทะก็พยายามย้อนทางสู่บ้านพักตระกูลสือ อาจพบพี่หย่งหลุนที่กำลังติดตามมาจะได้ช่วยกันเป็นสามแรง และถ้าโชคดีล่อโจซานตงไปพบเหล่าจอมยุทธ์ในบ้านพักได้ พวกเราคงมีโอกาสรอดมากขึ้น”

สือหย่งจวินเผยสีหน้าหม่นหมอง “เพราะความไม่คิดหน้าคิดหลังของข้า จึงดึงพวกเจ้ามาเดือดร้อนไปด้วย”

อันที่จริงดรุณีน้อยก็อยากเหน็บใส่บุรุษตรงหน้าอยู่เช่นกัน แต่พอเห็นท่าทางสำนึกผิดของมันเข้าอารมณ์คุกรุ่นก็บรรเทา ย้อนนึกเมื่อครั้งที่เคยเข้าใจผิดว่าสือหย่งหลุนได้สังหารบิดาต่อหน้า นางก็คลั่งแค้นขาดสติมิต่างกัน หรือจะมีสิทธิต่อว่าสือหย่งจวินในเรื่องนี้ได้

“เฮอะ พวกเจ้าคงไม่เอาแต่ปรึกษากันทั้งวันหรอกนะ”

เสียงที่ลอยตามลมมาบ่งบอกว่าโจซานตงคงหมดความอดทนแล้ว สองจอมยุทธ์รุ่นเยาว์จึงพยักหน้าให้กัน ก่อนหันมาเผชิญกับศัตรูผู้ร้ายกาจด้วยหัวใจอันหนักอึ้ง

โจซานตงยืนมือไพล่หลังไม่ตั้งท่าแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าดูถูกพวกนางเพียงใด หากฟ่านไป่หนิงกลับไตร่ตรองว่าเป็นโอกาสอันงาม จึงออกกระบวนท่าด้วยความรวดเร็วสุดเปรียบปราน กระทั่งสือหย่งจวินยังมองไม่ทันแม้แต่น้อย ทว่าโจซานตงเพียงยื่นมือปัดป่ายก็ดักทางไว้ได้หมด

ประมุขพรรคอสุราอาฆาตแสยะยิ้ม พลิกข้อมือหมายคว้าจับร่างบอบบาง

พริบตาใกล้สัมผัสนางรอมร่อ กระบี่แวววับพลันโผล่ขวางทางเหมาะเจาะ สือหย่งจวินโถมตามอาวุธมาติด ๆ พร้อมพลิกแพลงหมุนด้านคมปาดใส่ลำคอโจซานตง ประมุขพรรคอสุราอาฆาตแหงนตัวหลบพลางจี้นิ้วปราด ไอลมปราณที่ปลายดรรชนีหนาแน่นดุจหมอกทึบ แค่อยู่ใกล้ยังพานหายใจอึดอัด หากกระทบถูกคงหนีไม่พ้นยมบาล สือหย่งจวินจึงฉีกตัวห่างอย่างรวดเร็ว โจซานตงขยับนิดเดียวก็ไล่กวดดุจเงาตามตัว นิ้วชี้เคลื่อนไหวครอบคลุมทั่วร่างบุรุษหนุ่มจนหมดทางหนี

ยามคับขันร่อแร่ ฟ่านไป่หนิงโผล่จากที่ไหนก็สุดคาดเดา พรวดพราดหาดรรชนีแฝงพลังวัตรคล้ายไม่กลัวตาย โจซานตงรีบรวบนิ้วเบี่ยงทิศเฉียดหน้าดรุณีน้อยเพียงนิดเดียว กำลังลมปราณที่ยังหลงเหลือเสียดสีแก้มนางจนเจ็บแปลบ อันที่จริงการถอนพลังวัตรที่ถาโถมจนสุดแรงนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ หากมิใช่โจซานตงแล้วป่านนี้ศีรษะนางคงแหลกเละไม่มีดี

แสดงว่าฟ่านไป่หนิงวิเคราะห์ถูกต้อง โจซานตงไม่ต้องการทำอันตรายนางจริง ๆ

ดรุณีน้อยคึกคักขึ้นอักโข กลายเป็นฝ่ายสับเท้ารุกไล่เองด้วยซ้ำ ประมุขพรรคอสุราอาฆาตย้ายสองมือไพล่หลังเบี่ยงหลบง่ายดาย รอจนปรับลมปราณเหลือแค่ป้องกันตัวด้วยไม่อยากพลั้งทำร้ายนาง ค่อยยื่นมือคิดรั้งดรุณีน้อยมาแนบอก นางกลับลื่นถลาราวปลารอดแหผลุบหายไปทางด้านหลังสือหย่งจวิน ด้านหลานคนโตสกุลสือก็สะบัดกระบี่อย่างดุดัน แม้ฟันผ่านปราณคุ้มกายอีกฝ่ายไม่ได้ ยังกระแทกจนโจซานจงเสียจังหวะไปชั่วคราว

ประมุขพรรคอสุราอาฆาตชักรำคาญเจ้าหนุ่มหน้าขาวนี่เต็มทน จึงโคจรลมปราณสลายภพยังสองแขน หวังใช้พลังวัตรทำลายกระบี่แล้วค่อยปลิดชีพตัวจุ้นจ้านทิ้ง มิคาดเพียงเริ่มผนึกพลังวัตร ดรุณีน้อยก็กระโดดข้ามหัวสือหย่งจวินเตะกราดใส่ใบหน้ามัน โจซานตงได้แต่รั้งกำลังคืนกลับเพื่อรับมือนางอีกรอบ เหตุการณ์เช่นนี้วนเวียนไปมาจนโจซานตงหัวเสีย แค่นเสียงตวาดว่า

“เป็นถึงคุณชายตระกูลใหญ่ ต้องให้สตรีมาปกป้อง”

สือหย่งจวินโมโหจนนัยน์ตาแดงก่ำ ฟ่านไป่หนิงรีบแตะบ่ามันปรามว่า

“ศัตรูกำลังหลอกล่อให้เสียสมาธิ พี่ใหญ่อย่าได้หลงกล”

หลานคนโตสกุลสือกล้ำกลืนความอัปยศไว้ภายใน มันจำเป็นต้องดูแลความปลอดภัยของฟ่านไป่หนิงเป็นหลัก มิเช่นนั้นคงยินดีเสี่ยงชีวิตดีกว่าจำทนการหยามเหยียด

โจซานตงทะยานเข้าหาเหล่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์อีกครา ดรุณีน้อยยังคงใช้วิธีรับมือแบบเดิม คือไม่ออกกระบวนท่าโต้ตอบมัน หากพยายามเคลื่อนตัวอย่างว่องไวเป็นโล่ให้สือหย่งจวินฉวยจังหวะใช้อาวุธ แล้วในช่วงนั้นเอง จู่ ๆ ดรรชนีของโจซานตงกลับเพิ่มความรวดเร็วสุดหยั่ง จี้ปราดสกัดจุดชีพจรจนร่างนางชาดิก แล้วมือข้างเดิมก็เลื่อนผ่านร่างนางไปกระแทกใส่สือหย่งจวินปลิวกระเด็น โจซานตงมิสนใจชายหนุ่มที่มันเพิ่งจัดการไป แต่หันมาหัวร่อกับสีหน้าแตกตื่นของฟ่านไป่หนิง

“ก่อนหน้านี้เจ้าคงบาดเจ็บที่หัวไหล่ซ้ายมาก่อน พอพยายามเคลื่อนไหวร่างกายไปมายิ่งนานกล้ามเนื้อบริเวณนั้นก็ยิ่งขยับไม่คล่องแคล่ว กลายเป็นจุดอ่อนที่เจ้าไม่รู้ตัว”

ดรุณีน้อยกัดฟันกรอด หวนนึกว่านางถูกเศรษฐีไร้ยางอายทำร้ายตรงตำแหน่งดังกล่าวจริง ๆ ทว่านางก็ใช้ลมปราณรักษาจนแทบหายสนิทแล้ว นึกไม่ถึงว่าโจซานตงสายตาปราดเปรียวจึงค้นพบความผิดปกติเพียงเล็กน้อยนี้ได้

ถัดออกไป สือหย่งจวินใช้ปลอกกระบี่ยันตัวลุก ตรงกันข้ามกับความตกใจที่เพลี่ยงพล้ำของฟ่านไป่หนิง ใบหน้าสือหย่งจวินกลับสงบนิ่งจนไม่น่าเชื่อ
แน่ชัดแล้วว่าดรุณีน้อยถูกกันออกจากการต่อสู้อย่างถาวร แม้ทำให้มันเสียเปรียบ แต่หลานคนโตสกุลสือผู้ทุกข์ทนกับการจำใจรักษาชีวิตไว้เบื้องหลังนาง กลับยินดีให้เป็นเช่นนี้เสียดีกว่า

มือขวาสือหย่งจวินจับกระบี่ชี้ฟ้ายกด้ามไว้ระดับตา มือซ้ายเหยียดนิ้วชี้และนิ้วกลางทาบขวางยังโกร่งกระบี่ด้านหน้า คือท่าตั้งสมาธิเริ่มต้นของเพลงกระบี่ประจำตระกูลสือ เพียงมันเริ่มตั้งท่ารังสีกระบี่ก็แผ่ซ่านปกคลุมทั่วบริเวณ กระทั่งโจซานตงที่แสดงอาการเบื่อหน่ายมาตลอดยังเผลอยืดตัวตรง แววตาวาววับจับจ้องบุรุษหนุ่มไม่คลาดคลา

ปลายกระบี่วาดลงเป็นวงโค้งงดงาม ครั้นถึงระดับขนานพื้นทั้งคนและอาวุธพลันทะยานใส่โจซานตงดุจธนูหลุดจากแล่ง ประมุขพรรคอสุราอาฆาตส่งเสียงคำรามในคอ สะบัดมือซึ่งเต็มไปด้วยไอลมปราณสวนกลับ สือหย่งจวินหลบหลีกพลางออกกระบวนท่าเซาะหินป่นทรายต่อเนื่อง รุมเร้าจนประมุขพรรคอสุราอาฆาตยังต้องถอยร่นไม่เป็นกระบวน

เพลงกระบี่ประจำตระกูลสือแม้ไม่รวดเร็วเท่ากระบี่อ่อนของโต่วอี้เหริน ไม่แข็งแกร่งเสมือนกระบี่บินของเอ้อไห่เซิ่น ทว่ากลับเด่นล้ำด้านพลิกแพลงแยบคาย เมื่อแรกโผล่ทางซ้ายพริบตาย้ายขึ้นบน รุกเร้าใบหน้าประเดี๋ยว:-)แทงตาตุ่ม เล่นเอาโจซานตงหูอื้อตาลาย ด้วยถ้าแรงมามันก็พร้อมยันกลับ เน้นรวดเร็วหากมันวิเคราะห์ดักทางได้ย่อมสิ้นฤทธิ์ แต่ท่วงท่าสือหย่งจวินเพริดพลิ้วราวมัจฉาแหวกว่ายกลางนาวา ลื่นไหลลึกล้ำสุดหยั่งคะเน

ต่อให้มีกำลังกล้าแข็งแต่ถ้าสัมผัสศัตรูมิได้ ยังมีประโยชน์ใดกัน

โดยไม่รู้ตัว แววตาอำมหิตของโจซานตงก็เกิดประกายชื่มชมขึ้นชั่วครู่ นึกฉงนว่าจู่ ๆ ลูกแกะตรงหน้า ไฉนกลายร่างเป็นเสือร้ายไปได้

สำหรับสือหย่งจวินแล้ว ยามนี้มันรู้สึกปลอดโปร่งถึงที่สุด ความวิตกเคร่งเครียดปลาสนาการไปสิ้น นับตั้งแต่บิดาถึงแก่กรรม เป็นครั้งแรกที่มันคล้ายกลับไปเป็นสือหย่งจวินในสมัยก่อน ตอนที่ยังไม่กลัดกลุ้มกับรักข้างเดียวอันซ่อนเร้น ไม่ต้องแบกรับภาระหนักหนาสาหัสยังสองบ่า มีเพียงร่างกายกับหนึ่งชีวิต ถึงด่าวดิ้นเพื่อแลกกับสิ่งที่เห็นว่าคุ้มค่า ก็ไม่เสียดายแม้แต่น้อย!

สองบุรุษต่อสู้กันอย่างว่องไว โจซานตงหันมาใช้วิธีแปรเปลี่ยนกระบวนท่าไปมาเพื่อต่อกร แม้ทำให้สือหย่งจวินรับมือได้ยากขึ้น ทว่าลักษณะการเคลื่อนไหวของโจซานตงก็พานไม่ปะติดปะต่อ จังหวะหนึ่งจึงเผยช่องโหว่ให้ปรากฏ หลานคนโตสกุลสือหรือจะปล่อยผ่าน มันออกท่วงท่าสง่างดงามราวกำลังร่ายรำ รังสีกระบี่แผ่ซ่านจากอาวุธที่แทบหลอมกลายเป็นส่วนเดียวกับตัว เสริมอานุภาพให้ท่าพัดหมอกฉายสุริยันอันร้ายกาจที่สุด ยิ่งรุนแรงทบทวีคูณ!

ฟ่านไป่หนิงซึ่งถูกสกัดจุดได้แต่กรอกนัยน์ตาจับจ้องการต่อสู้ ถึงนางจะไม่ชำนาญด้านกระบี่ ก็ยังรับรู้ได้ว่าฝีมือของสือหย่งจวินเก่งกาจสมกับคำเยินยอในพรสวรรค์ กระบวนท่าตรงหน้าเกินขั้นผู้กล้ารุ่นเยาว์ไปเสียแล้ว หากสามารถขึ้นแท่นยอดยุทธ์ลำดับสูงได้อย่างเต็มภาคภูมิ

เสียดายที่เพชรซึ่งเพิ่งเจียระไนเม็ดนี้ กลับต้องเผชิญหน้ากับจอมทำลายล้างเช่นโจซานตง!

กระบี่:-)แทงรุนแรงจนเห็นแค่ประกายสีเงินวูบผ่านราวดาวตก ปะทะไอลมปราณเหนือฝ่ามือโจซานตงในทันควัน โลหะแข็งทื่อพลันหยุดนิ่งเสมือนมีมือล่องหนมาจับตรึง เหงื่อผุดเต็มหน้าสือหย่งจวินไหลชะถึงกรามที่ขบนูนเป็นสัน ก่อนมันจะตัดสินใจ:-)แทงสุดกำลังจนปลายกระบี่บรรจบถึงฝ่ามือโจซานตงในที่สุด

พริบตานั้น ทุกอย่างก็ระเบิดกระจายพร้อมเสียงกึกก้องกัมปนาท!

ครั้นเหตุการณ์สงบลง แขนที่จับกระบี่ของสือหย่งจวินพลันห้อยตกข้างตัว แล้วทั้งร่างก็ทรุดตามไปติด ๆ โลหิตหลั่งจากปากและจมูกเป็นสายใต้ดวงตาเบิ่งค้าง หากไม่เห็นหน้าอกยังขยับขึ้นลงเข้าเสียก่อน ดรุณีน้อยคงนึกว่ามันสิ้นชีวิตไปแล้ว

ประมุขพรรคอสุราอาฆาตก้าวสองครั้งก็ประชิดบุรุษที่นอนหงายสิ้นท่า มันใช้ปลายเท้าเขี่ยกระบี่ของสือหย่งจวิน เอ่ยว่า

“ตั้งแต่ข้าฝึกวิชาสลายภพมา คู่ต่อสู้ที่ยังเหลืออาวุธในมือแทบไม่ถึงสิบคน นับว่าเจ้าก็พอมีฝีมืออยู่บ้าง” มันเงื้อมือขึ้นสูง “เพื่อเป็นเกียรติให้ ข้าจะรีบปลิดชีพอย่างไม่ต้องทรมานแล้วกัน!”

สือหย่งจวินฝืนผงกหัวจับจ้องมัจจุราชตรงหน้า ก่อนเลยไปถึงฟ่านไป่หนิงที่ยืนน้ำตาคลอหน่วยเยื้องด้านหลัง สำนึกอันพร้อมรับความตายด้วยความสงบพลันเจ็บแปลบ สิ่งซึ่งเสียดายมากที่สุดมีแค่สองอย่าง หนึ่งคือไร้สามารถแก้แค้น

...สองย่อมเป็นคำสารภาพรักที่ได้แต่นำติดตัวไปปรโลก

ทางอีกฟาก ฟ่านไป่หนิงพยายามโคจรลมปราณคลายการสกัดจุดสุดกำลัง แต่พลังวัตรนางห่างชั้นศัตรูเกินไป เนิ่นนานแล้วเพิ่งไปได้ครึ่งทางเท่านั้น ในใจดิ้นรนจนแทบคลั่ง หรือนางจะได้แต่ดูพี่ใหญ่ถูกสังหารไปต่อตาจริง ๆ

ยามที่ฝ่ามือโจซานตงฟาดลงเต็มแรง ลมปราณในร่างนางก็พลุ่งพล่านถึงขีดสุด ทั้งศีรษะร้อนวูบวาบราวจะระเบิด ต้องระบายออกมาด้วยการตะโกนก้อง

“พี่หย่งหลุน! ช่วยพี่ใหญ่ด้วย!”

สิ้นประโยค เงาสายหนึ่งพลันทะยานผ่านเหนือหัวสือหย่งจวิน กระแทกใส่ช่วงอกโจซานตงเต็มแรง!

ประมุขพรรคอสุราอาฆาตเซถลาราวนกปีกหัก ก่อนจะยันตัวสะบัดหน้ากลับมา จับจ้องสองเท้าที่กำลังเหวี่ยงหมุนกลางอากาศ ก่อนทิ้งน้ำหนักแตะพื้นในตำแหน่งเดิมของมันเมื่อครู่

สือหย่งหลุนตั้งกระบวนท่าบดบังพี่ชายไว้สิ้น กายาสูงใหญ่ประดุจปราการแข็งแกร่งซึ่งพร้อมทำหน้าที่เพียงหนึ่งเดียว

ปกป้องทุกสิ่งด้านหลังจนกว่ากำแพงทลาย!

การปรากฏตัวของเด็กหนุ่มดั่งแผ่นดินไหวพลิกด้าน แปรเปลี่ยนกระแสการต่อสู้อย่างรุนแรง สือหย่งจวินผู้ทอดอาลัยถึงกับอุทานเรียกชื่อมันดังลั่น ฟ่านไป่หนิงเองก็ยินดีจนปิดไม่มิด

หากแล้วสีหน้าเบิกบานกลับกลายเป็นความตกตะลึง

สือหย่งหลุนยืนหอบหายใจเหนื่อยหนัก ทั่วร่างมีแต่เหงื่อคละเคล้าโลหิต เสื้อผ้าฉีกขาดเผยแผลฉกรรจ์ที่บางแห่งเลือดยังไม่หยุดไหลด้วยซ้ำ

ดรุณีน้อยคลาดกับมันแค่ไม่กี่ชั่วยาม ไฉนสภาพเด็กหนุ่มทุลักทุเลเพียงนี้

ก่อนหน้านั้น...สือหย่งหลุนเผชิญสิ่งใดมากันแน่...

**********

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : 20 ม.ค. 55 18:51:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com