บทนำ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11595705/W11595705.html
ตอนที่ 1
ร่างสูงยืนมองเด็กชายตัวน้อยกำลังวิ่งตรงมาทางเขา ก่อนจะนั่งยองๆ อ้าแขนรอรับร่างน้อยๆ มาไว้ในอ้อมกอด เด็กชายหัวเราะคิกคักพลางดิ้นไปมาเมื่อถูกหอมเข้าให้ฟอดใหญ่
ดื้อกับแม่อีกแล้วใช่มั้ย พ่อบอกแล้วไงว่าให้รออยู่ที่บ้านดีๆ เด็กชายส่ายหน้าดิก พร้อมจ้องผู้เป็นบิดาอย่างไม่ยอมแพ้
ผมจะมาหาพ่อ รออยู่ที่บ้านน่าเบื่อ
ชาร์ลถอนหายใจ ดูเหมือนลูกชายของเขาจะไม่ยอมฟังอะไรง่ายๆ เห็นใบหน้ายิ้มแป้นของเจ้าตัวน้อยที่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะแล้วแน่นอน ก็อดจะไม่ใช้มือขยี้หัวเพราะความหมั่นเขี้ยวเอาไว้ไม่ไหว เสียงหัวเราะเริงร่าอย่างมีความสุขดังมาจากสองพ่อลูก แต่ไม่นานก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเรียกของทนายประจำบริษัท ชาร์ลหันไปพยักหน้าเป็นการรับรู้ก่อนจะกลับมามองที่ลูกชาย
เดี๋ยวพ่อต้องไปคุยงานแล้วล่ะ ซันไปนั่งเล่นแถวนั้นก่อนนะ ชายหนุ่มบอกพร้อมชี้มือไปยังม้านั่งใกล้ๆ
แล้วพ่อจะรีบกลับมามั้ยครับ
แน่นอน พ่อจะรีบไปหาลูกทันทีเลย
เด็กชายยิ้มกว้างรับ แล้วรีบวิ่งไปที่ม้านั่งตามที่ผู้เป็นบิดาต้องการอย่างรวดเร็ว ชาร์ลยืนมองลูกชายคนเดียวของเขาด้วยความเอ็นดูสักพักก่อนจะหันไปหาทนายของบริษัท สีหน้ายิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นตึงเครียด เขาพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องอะไร
ชาร์ล บอร์เดน เป็นชาวอังกฤษ มีเชื้อสายไทยอยู่เสี้ยวหนึ่งจากพ่อของเขาซึ่งเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ แต่ดูจากเค้าโครงใบหน้าของชายหนุ่มแล้ว ไม่ค่อยได้เห็นส่วนที่เป็นเชื้อสายของคนเอเชียสักเท่าไหร่ ทั้งผิวขาวซีด ใบหน้าคมเข้ม รูปร่างสูงใหญ่ และดวงตาสีครามนั้นล้วนไปทางตะวันตกทั้งสิ้น มีเพียงสีผมสีน้ำตาลเข้มเท่านั้นที่ได้รับมาจากคนเป็นพ่อ เพราะแม่ของเขามีผมสีบลอนด์ทอง
ชาร์ลเกิดและเติบโตที่อังกฤษ จนวันหนึ่งต้องมาติดต่อลงทุนที่ประเทศไทย เขาก็ได้พบรักกับหญิงสาวคนไทยที่ภูเก็ต เดือนดารา อัญวารี
เธอเองก็มีเชื้อสายอังกฤษอยู่เสี้ยวหนึ่งจากแม่ของเธอ โชคดีที่เขาได้เรียนภาษาไทยจากพ่อมาบ้างจึงทำให้สื่อสารกันพอรู้เรื่อง จากนั้นเขาก็ตัดสินใจลงหลักปักฐานที่กรุงเทพ เป็นครอบครัวที่มีความสุขที่สุดครอบครัวหนึ่ง
แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นก็ช่างสั้นเสียจริง...
หุ้นของบริษัทเรากำลังตกอยู่ในขั้นวิกฤตแล้วครับ เราต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อหลีกเลี่ยงการล้มละลาย
ชาร์ลฟังข่าวร้ายที่ได้รับด้วยท่าทางสุขุม เขารู้ว่ากำลังมีใครบางเล่นจ้องเล่นงานเขามาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้เขาจะรู้ว่าเป็นใคร แต่ก็ไม่ง่ายเลยที่จะหาทางตั้งรับหรือเอาคืน ในเมื่อคนคนนั้นเป็นทั้งเพื่อนและคู่แค้นในเวลาเดียวกัน
พีรเทพ อินทรคันธเมศร์ ว่าที่เจ้าของบริษัทที่ได้ชื่อว่าใหญ่สุดในขณะนี้ก็ว่าได้ เขาและพีคงเป็นเพื่อนรักจนถึงทุกวันนี้หากพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้หลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน และเขาไม่ได้เป็นคนแย่งเธอมา แม้จะเจ็บปวดเมื่อเพื่อนกลายเป็นศัตรูคู่แค้น แต่ตอนนี้มันก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เขารู้จักนิสัยใจร้อนและต้องได้ทุกสิ่งทุกอย่างของอดีตเพื่อนรักดี ชาร์ลมั่นใจว่าพีคงกำลังทำทุกอย่างเพื่อจะทำลายเขาให้สิ้นซากอย่างแน่นอน
อย่าบอกให้ภรรยาผมรู้ก็แล้วกัน ขอเวลาผมคิดแก้ปัญหาก่อนแล้วจะติดต่อไปทีหลัง
แต่ท่านครับ!
วันนี้พอแค่นี้ บอกที่ประชุมด้วยว่าเลื่อนไปก่อน พูดจบ ชายหนุ่มก็ขอปลีกตัวเดินจากไป ทนายอย่างเขาจึงได้แต่มองคนเป็นประธานบริษัทอย่างไม่เข้าใจ สถานการณ์เช่นนี้แล้วเขายังทำเหมือนทองไม่รู้ร้อนอยู่อีก
แม้ภายนอกจะดูเหมือนว่าประธานหนุ่มไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร แต่ภายในใจของเขากำลังครุ่นคิดถึงปัญหา คิดหาทางแก้ไขอยู่ตลอดเวลาจนเขาแทบบ้า เพราะเขาไม่เห็นหนทางที่ว่าเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นในเวลาอย่างนี้เขาจึงไม่มีอารมณ์อยากจะไปร่วมประชุมหรอก
ชาร์ลเห็นร่างน้อยๆ กำลังนั่งอยู่บนม้านั่งด้วยท่าทางเบื่อๆ เห็นลูกของเขาแล้ว ความรู้สึกอัดอั้นในใจมันก็ค่อยๆ คลายลง ชายหนุ่มปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะตะโกนเรียก
ซัน
พ่อ! เด็กชายยิ้มจนแก้มปริเมื่อเห็นพ่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้ ซันรีบลุกจากม้านั่งแล้ววิ่งตรงเข้าไปหาผู้เป็นพ่อทันที ชาร์ลย่อตัวลงพร้อมอ้าแขนรอรับเด็กน้อยอุ้มขึ้นมากอดแน่น
โอ้โห เดี๋ยวนี้ตัวหนักแล้วนะเรา พ่ออุ้มจะไม่ไหวแล้ว
แน่นอน ก็ผมจะห้าขวบแล้วนี่นา มะรืนนี้ผมจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว
นั่นสินะ อีกไม่กี่วัน ซันก็จะแก่เท่าพ่อแล้ว ผู้เป็นพ่อหัวเราะพลางใช้มืออีกข้างลูบหัวลูกชายเบาๆ ซันรู้จักความฝันมั้ย
เด็กชายเอียงคอมองหน้าพ่ออย่างงงๆ เห็นสีหน้าของลูกแล้วชาร์ลก็ต้องหัวเราะเสียงดัง
คนเราน่ะต้องมีความฝัน แล้วก็ต้องไขว่คว้าความฝันนั้นมาให้ได้ ลูกรู้มั้ยว่าความฝันของตัวเองคืออะไร คราวนี้ซันถึงกับทำหน้าบู้บี้ใส่ ยิ่งเรียกรอยยิ้มขันมากกว่าเดิมจากผู้เป็นพ่อ
แล้วความฝันของพ่อคืออะไรเหรอฮะ
ความฝันของพ่อเหรอ...อืม...เห็นทีจะเป็น เมื่อไหร่เราจะเลิกดื้อซะที ชาร์ลทำเป็นครุ่งคริดก่อนจะหันไปตอบพร้อมใช้มือบีบจมูกเจ้าตัวน้อยด้วยความหมั่นเขี้ยว
พ่อ! เด็กชายพยายามขยับตัวหนี แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรทั้งนั้นเมื่อเขาถูกพ่ออุ้มอยู่ ทั้งสองหัวเราะให้กันอย่างมีความสุข ได้ทีซันก็จั๊กจี้ที่คอของประธานหนุ่มเป็นการเอาคืน
ชาร์ลอุ้มเด็กชายไปที่รถ จัดการคาดเข็มขัดให้เรียบร้อยแล้วค่อยเดินอ้อมไปนั่งที่คนขับ ซันยิ้มร่าเมื่อเห็นว่าจะได้นั่งรถเล่นกับพ่อ เสียงสดใสเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น
วันนี้จะไปไหนกันเหรอฮะ
ขับรถเล่นไปเรื่อยๆ เดี๋ยวพ่อจะพาไปเลี้ยงฉลองวันเกิดล่วงหน้าดีมั้ย
ตกลงฮะ! ผมอยากได้เครื่องบินบังคับด้วย เป็นของขวัญนะครับพ่อ! ผู้เป็นพ่อหัวเราะน้อยๆ ก่อนพยักหน้าเบาๆ เป็นการตกลง เรียกรอยยิ้มสดใสจากเด็กชายได้เป็นอย่างดี
หลังจากซันหันไปมองวิวที่ข้างหน้าต่างแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของประธานหนุ่มก็เลือนหายไป เขากลับมามีสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง ทั้งเรื่องหุ้นของบริษัท แล้วก็เรื่องของพีรเทพ ผ่านมาเกือบปีแล้วที่เขาพยายามดิ้นรนบริษัทให้หลุดรอดพ้นจากเงื้อมมือของอดีตเพื่อนรัก จนตกเป็นหนี้สินท่วมหัว เขาไม่กล้าบอกเดือนเพราะกลัวเธอจะกังวลไปด้วยอีกคน และพยายามแก้ไขปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเองมาโดยตลอด แต่ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างกลับเข้าขั้นวิกฤตจนเขามองไม่เห็นทางออก
พ่อไม่เป็นอะไรนะฮะ? เสียงเล็กเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เรียกให้ชายหนุ่มหลุดออกจากห้วงความคิดของตนเอง ชาร์ลหันไปลูกชายด้วยสีหน้าอ่อนโยน เขาจะต้องไม่ทำให้เด็กชายรู้สึกไม่ดี โดยเฉพาะอีกไม่กี่วันข้างหน้าจะเป็นวันครบรอบวันเกิดอายุครบห้าปีด้วยแล้ว
ไม่มีอะไรหรอก ซันอยากได้เครื่องบินบังคับใช่มั้ย งั้นเราไปดูกันเลยดีกว่า
จริงเหรอฮะ
แน่นอน วันนี้พ่อจะทำให้ลูกมีความสุขที่สุดเลย
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เสียงฝนยังคงกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย ร่างเล็กๆ ของเด็กน้อยยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เขาไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ตรงนี้มานานขนาดไหนแล้ว รอบข้างดูเหมือนจะเป็นแค่ภาพเลือนราง ผู้คนเดินผ่านไปมาด้วยชุดสีดำ มีเพียงเสียงร่ำไห้จากผู้เป็นแม่เท่านั้นที่กำลังดังก้องอยู่ในโสตประสาท
หลายคนเดินเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้าแสดงความเห็นใจ บางคนก็มองเขาด้วยสายตาสงสาร เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องมายืนอยู่ตรงนี้ แต่ที่ไม่เข้าใจมากที่สุดก็คือก็คงจะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมยาวตรงหน้า กล่องแคบๆ ที่วางไว้อย่างเงียบสงบ ประดับด้วยดอกไม้สวยงาม เป็นเพราะอะไรพ่อของเขาถึงลงไปนอนอยู่ในนั้น
ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามมากมายในหัว ภาพเหตุการณ์เมื่อสี่วันก่อนยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ วันที่พ่อทำให้เขามีความสุดที่สุด กับวันที่พ่อนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอะไรอีก
วันนั้น...เขาวิ่งขึ้นไปที่ห้องทำงานของพ่อตอนสาย เพราะเป็นวันเกิดอายุครบห้าขวบของเขา ซันอยากรีบฉลองกับพ่อเร็วๆ และแปลกใจว่าทำไมคนตื่นเช้าอย่างพ่อถึงไม่ยอมลงมาข้างล่างสักที พ่ออาจจะตื่นสายเพราะกำลังวางแผนฉลองวันเกิดจนดึกก็ได้
เขาคิดอย่างนั้น
ภายในห้องเงียบสนิท หลายครั้งที่พ่อทำงานดึกจนในที่สุดก็ต้องลากเตียงมาไว้ที่ห้องทำงาน เด็กชายเดินเข้าไปใกล้เตียง ตั้งใจว่าจะหลอกให้พ่อตกใจเล่น แต่อะไรบางอย่างก็ทำให้เขาต้องยืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงตาเบิกกว้างมองร่างของพ่อเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด
เขารวบรวมสติให้กลับมาแล้วรีบวิ่งเข้าไปหาพ่อ ซันเรียกผู้เป็นพ่ออยู่หลายครั้ง ทั้งตะโกนลั่นหรือแม้แต่ทุบแรงๆ บนอก ร่างที่นอนอยู่บนเตียงก็ไม่ตอบรับอะไรทั้งนั้น เขามองแผลที่ข้อมือของพ่อด้วยความหวาดกลัว ก่อนสมองจะเริ่มว่างเปล่าเป็นสีขาวโพลน พอดีกับที่เสียงกรีดร้องจากแม่ดังขึ้นข้างหลัง
ซันไม่รับรู้อะไรต่อจากนั้น ทุกอย่างชุลมุนวุ่นวายไปหมด เขาพอจะรู้ว่าตัวเองไปที่โรงพยาบาล มีคนเข้ามาพูดด้วยภาษาที่เขาไม่เข้าใจ หลังจากนั้นภาพรอบๆ ก็เริ่มเบลอและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ มีเพียงเสียงร้องไห้ของแม่ที่ยังคงดังอยู่ในหัวของเขาตลอดเวลา
บางทีอาจจะเป็นเพราะซันปิดประตูจิตใจของตัวเองลงก็เป็นได้ เขาไม่อยากรับรู้ความจริงอะไรทั้งนั้น ความจริงที่ว่า พ่อของเขาจะไม่มีทางพูดคุยกับเขาได้อีกต่อไป
พ่อจากไปในที่ที่เขาไม่มีทางเอื้อมถึงแล้ว
งานศพของชาร์ลดำเนินไปอย่างราบเรียบ บรรยากาศเศร้าโศกยิ่งทำให้เดือนดารารู้สึกหดหู่ หญิงสาวไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น เธอยังจำภาพใบหน้ายิ้มแย้มและเสียงหัวเราะร่าเริงของชาร์ลได้อย่างแม่นยำ คืนก่อนเธอกับเขายังช่วยกันวางแผนงานวันเกิดให้ซันอยู่เลย แล้วนี่มันอะไรกัน ทำไมวันนี้เขาถึงลงไปนอนอยู่ในกล่องแคบๆ นั่น เขาทิ้งเธอและลูกไปแบบนี้ได้อย่างไร
กว่าเดือนดาราจะรู้สึกตัวว่ามีใครคนหนึ่งเข้ามาพูดคุยด้วย ใครคนนั้นต้องเขย่าตัวเธอแรงๆ เพื่อเรียกสติของหญิงสาว แวบหนึ่งที่นัยน์ตาของชายหนุ่มฉายแววเจ็บปวด ก่อนจะหายวับไปอย่างรวดเร็ว
ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเดือนดาราคงจะกระโดดกอดชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความคิดถึง เพื่อนรักของเธออยู่ไกลถึงอเมริกา ช่างนานแสนนานเหลือเกินที่ไม่ได้เจอกัน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เพียงแค่รอยยิ้มเล็กน้อยเธอก็แทบจะเค้นออกมาไม่ไหว
คุณไม่เป็นอะไรนะ เสียงนุ่มเอ่ยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เขาจับมือขาวซีดของหญิงสาวแล้วบีบแน่นๆ เพื่อเป็นการบอกว่ายังมีเขายืนอยู่ตรงนี้ข้างๆ เธอเสมอ
เดือนดาราหลับตาลง ซึมซับความห่วงใยนั้นเอาไว้ เธอรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของเขา ทั้งที่งานยุ่งแต่คนตรงหน้าก็ยังมาร่วมงานศพตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย
ฉันขอบคุณมากเลยนะ... ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ทนายประจำบริษัทก็เข้ามาขัดเสียก่อน หญิงสาวหันไปมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้แต่ก็ทำเป็นไม่ได้มอง เขากระแอมเสียงเล็กน้อยก่อนพูดเสียงเครียด
ผมมีเรื่องต้องบอกคุณ เอ่อ...บริษัทของเราเพิ่งจะถูกตัดสินว่าล้มละลายครับ
เดือนดารารู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน ฝันร้ายที่เธออยากจะหลุดพ้นและตื่นขึ้นเสียที ถ้าไม่มีคนช่วยประคองเอาไว้เธอคงจะล้มลงกับพื้นแน่ๆ ในที่สุดหญิงสาวก็ได้รู้ว่าทำไมชาร์ลถึงต้องทำแบบนั้น นี่สินะ ความจริงที่เขาซุกซ่อนเอาไว้ภายใต้รอยยิ้มนั่น
หญิงสาวอยากจะกรีดร้องออกมา แต่เวลานี้เธอไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับปากพูดอะไรสักนิด
ไม่เป็นไรนะเดือน ผมจะช่วยคุณเอง ผมจะช่วยคุณแน่นอน
ช่วย...ยังไง อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบาราวกระซิบ
ถ้าคุณแต่งงานกับผม ผมจะช่วยบริษัทของคุณ
ทีแรกเดือนดาราคิดว่าเขาพูดเล่น แต่พอหันไปเห็นสายตาจริงจังของชายหนุ่มแล้ว เธอถึงรู้ว่าเขาพูดจริง หญิงสาวทำหน้าไม่ถูก รู้สึกกระดากอายถ้าจะแต่งงานใหม่หลังจากสามีเสียชีวิตไปไม่นาน แถมยังแต่งกับเพื่อนสนิทเสียด้วย เธอคงตอบไปว่าไม่ หากไม่ได้เหลือบไปเห็นร่างน้อยๆ ที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ไม่ไกลเข้าเสียก่อน
ซันยืนมองกล่องสี่เหลี่ยมตรงหน้าด้วยสายตาเลื่อนลอย เขาไม่พูดอะไรอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น เสียงตะโกนเรียกผู้เป็นพ่อและเสียงร้องไห้อย่างบ้าคลั่งคือเสียงสุดท้ายที่เดือนดาราได้ยินจากปากของลูก ส่วนในงานศพ เด็กชายก็เอาแต่ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับเด็กไร้สติ เห็นลูกเป็นแบบนี้แล้วเธอก็แทบขาดใจ
ตกลง...
พีรเทพยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้รับคำตอบ เขาช่วยพยุงเดือนดาราเดินไปที่รถของตัวเอง เมื่อพาหญิงสาวให้เข้าไปนั่งในรถได้แล้ว เขาก็หันไปมองซันที่ยังยืนอยู่ที่เดิม สายตาเย็นชาไล่มองเด็กชายตั้งแต่หัวจรดเท้า
เลือดเนื้อเชื้อไขของศัตรู...เขาจะทำให้มันหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล!
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนที่2 - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11630694/W11630694.html
แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 55 12:20:29
จากคุณ |
:
สาวสายสี่
|
เขียนเมื่อ |
:
22 ม.ค. 55 11:44:56
|
|
|
|