บทที่ 1
ผู้คุมกฎแห่งกิลด์เมสทิค
นานมาแล้ว ณ ดินแดนซึ่งยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นไอของเวทมนตร์และคาถา ดินแดนที่พ่อมดและแม่มดหาใช่สิ่งที่ถูกตีตราว่าชั่วร้าย หากแต่เป็นบุคคลที่ประชาชนทั่วไปให้ความนับถือในฐานะของจอมเวท พวกเขารวมตัวกันจัดตั้งเป็นองค์กรที่มีชื่อว่ากิลด์เมสทิค เพื่อคอยควบคุมเหล่าผู้ใช้เวทมนตร์และรับบริการจากข้อร้องขอของผู้คนโดยแลกเปลี่ยนกับค่าตอบแทน มิได้ใช้เวทมนตร์เพียงเพื่อตัวเองอีกต่อไป
เมื่อเหล่าผู้ใช้เวทมนตร์สอบผ่านหลักสูตรจะได้รับใบประกาศและการบรรจุเข้าสู่สถานะของพ่อมดและแม่มดอย่างแท้จริง หลังจากนั้นจะกระจายกันไปยังดินแดนต่าง ๆ ตามแต่ใครจะปรารถนา บางส่วนเข้าทำงานกับกิลด์เมสทิค แต่ส่วนใหญ่เลือกที่จะขึ้นตรงต่อตนเอง
หากภายในน้ำใสก็ใช่ว่าจะสะอาดบริสุทธิ์เสมอไป จะอย่างไรในหมู่ผู้ใช้เวทมนตร์นั้นก็ไม่ได้มีแต่คนที่จะทำตามกฎบทบัญญัติแห่งกิลด์เมสทิคอย่างสัตย์ซื่อ จึงได้มีการแต่งตั้งผู้คุมกฎแห่งกิลด์เมสทิคขึ้นมาเพื่อคอยแฝงตัวตรวจหาผู้กระทำผิดแล้วนำตัวมาลงโทษ ทั้งยังเป็นการกำราบมิให้ใครใช้เวทมนตร์ในทางที่ผิดอีกด้วย
ถึงกระนั้น...ความหอมหวนอันชั่วร้ายก็ยังไม่วายล่อลวงให้มนุษย์ผู้หลงผิดต้องเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งความมืดมน
*/*/*/*/*
สตรีนางหนึ่งแต่งกายด้วยชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าสีน้ำตาลเข้มสวมทับด้วยผ้าคลุมสีทึบนั่งกระสับกระส่ายอยู่ภายในร้านค้าเวทมนตร์ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากภายในเมืองไปไม่ไกลนัก
ทั้งที่เป็นยามวิกาล อากาศนั้นค่อนข้างเย็น หากแต่ไม่ทำให้ความร้อนรุ่มภายในใจบรรเทาเบาบางลงได้เลย นางขยับกระชับผ้าคลุมศีรษะอยู่ตลอดเวลาราวกับกลัวว่าใครจะเห็นหน้าแล้วจดจำได้ถึงฐานะของตน
อากัปกิริยาทั้งหมดนั้นเรียกรอยยิ้มหยันให้ปรากฏยังมุมปากของบุรุษผู้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
วันนี้ข้าไม่มีลูกค้าอื่นใดนอกไปจากท่าน ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครเข้ามาเห็นหรอก ท่านหญิงเอลิเซีย พ่อมดผู้เป็นเจ้าของร้านค้าเวทมนตร์กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
เพื่อเป็นการประกันชื่อเสียงของลูกค้า ในหนึ่งวันเขาจะรับเรื่องร้องขอจากลูกค้าเพียงรายเดียว และแขวนป้ายปิดบริการพร้อมกับลงอาคมมิให้ใครลอบเข้ามาก้าวก่ายในงานของตนได้ ซึ่งนั่นก็เพื่อประกันความปลอดภัยของตัวเองเช่นกัน
ท่านหญิงเอลิเซียลดผ้าคลุมศีรษะลงอย่างกลัว ๆ กล้า ๆ ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองผสมผสานกับความโกรธแค้นและมีริ้วรอยของความกังวลก้มลงต่ำ นางยังไม่แน่ใจในความคิดของตนนักว่าดีแล้วหรือที่นำพาตัวเองเข้ามาสู่สถานที่แห่งนี้ ทว่าเมื่อนึกถึงความเจ็บแค้นในใจนางก็ไม่คิดจะถอยหลังกลับไปเป็นอันขาด
ข้าอ่านคำขอของท่านแล้ว อยากให้สังหารสตรีผู้นี้สินะ พ่อมดวางจดหมายของเอลิเซียลงตรงกลางโต๊ะ ซึ่งในซองนั้นมีเพียงกระดาษสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กที่เขียนคำขอกับชื่อของบุคคลผู้หนึ่ง
ท่านไปจ้างมือสังหารจะไม่ดีกว่าหรือ
ข้าอยากให้นางเพื่อนแพศยานั่นตายอย่างทรมาน น่าอับอายและน่าสมเพชเวทนาอย่างที่สุด สายตายามเอ่ยคำขอนั้นทอประกายกร้าวน่ากลัว หากเมื่อกล่าวประโยคต่อมาน้ำเสียงกลับสั่นเครือจนเหมือนจะร้องไห้ออกมาได้ทุกขณะ และ...และข้า...อยากให้เขาคนนั้นกลับมาหาข้า ข้าอยากได้เขาคืนมา ท่านพ่อมด...ข้าได้ยินมาว่าท่านสามารถทำได้ ท่านจะทำให้ข้าใช่ไหม
ท่านหญิงโผเข้าเกาะแขนทั้งสองข้างของพ่อมดหนุ่มวัยฉกรรจ์เอาไว้แน่นราวกับไม่ต้องการจะให้เขากล่าวคำปฏิเสธออกมา
ผู้ค้าเวทมนตร์หรี่ตามองหญิงสาว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงไม่หายไปจากมุมปาก เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้นางและกล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา
คำสาปสังหารกับเวทชักจูงใจ ท่านรู้ไหมว่ามันผิดต่อกฎของผู้ใช้เวทมนตร์ทั้งสองข้อ
ข้ารู้... เอลิเซียตอบ และท่านก็รับทำตามข้อร้องขอนี้มาแล้วมิใช่หรือ
เช่นนั้นท่านก็คงรู้ใช่ไหมว่าค่าตอบแทนต่อข้อร้องขอนี้ราคาสูงและข้าไม่ได้รับแต่เงินเท่านั้น
ท่านหญิงเอลิเซียเม้มเรียวปากอวบอิ่มสีแดงสดจนแทบจะเป็นเส้นตรงก่อนพยักหน้า
รู้แล้วอย่างนี้ก็ดี
พ่อมดหนุ่มยิ้มร่าแล้วจึงกล่าวเชิญนางเข้าไปยังห้องทำพิธีกรรม
ผ้าม่านสีทึบซึ่งผูกกั้นบานประตูเอาไว้ถูกปลดลงทันทีที่เอลิเซียก้าวเท้าเข้าไป ภายในห้องสว่างไสวด้วยแสงจากเปลวเทียนหกเล่มซึ่งตั้งไว้ในแต่ละจุดของวงเวทที่เขียนไว้บนพื้น
หญิงสาวเหลือบมองพ่อมดซึ่งเดินเลี่ยงไปยังชั้นวางของเตรียมพิธีแล้วจึงกวาดมองไปรอบห้องพร้อมกับถอนหายใจ
หากเลือกได้...นางก็ไม่อยากทำนักหรอก
คนหนึ่งนั้นเป็นอดีตเพื่อนรัก ส่วนอีกคนนั้นเป็นดั่งดวงใจ หากทั้งสองไม่ได้ทรยศนาง ก็คงไม่ต้องลงเอยเช่นนี้
เคยคิดอยู่เหมือนกันว่าอยากอภัยและขอให้ทั้งสองมีความสุข ทว่าตัวนางที่กำลังหลงวนเวียนอยู่ในห้วงแห่งความสิ้นหวัง ความเศร้าและความโกรธแค้นกลับไม่เห็นหนทางแห่งการพ้นทุกข์นอกจากจะทำให้คนสารเลวทั้งสองนั้นได้พบกับความพินาศย่อยยับไปต่อหน้าต่อตา
ทั้งที่เคยอดทนต่อความทุกข์ยากสาหัสมาได้โดยตลอด ทว่า...นางอดทนต่อความเจ็บแค้นในใจไม่ได้ วันนี้ท่านหญิงเอลิเซียจึงไม่อดทนอีกต่อไปแล้ว
ท่านมีสิ่งของส่วนตัวของสองคนนั่นไหม พ่อมดถามโดยไม่ละสายตาจากหม้อดินเผาขนาดย่อมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะมุมหนึ่งของห้องอันมืดสลัว เขากำลังเทส่วนผสมอะไรบางอย่างลงไปในนั้น และทั้งที่หม้อไม่ได้ตั้งอยู่บนเตาไฟกลับมีควันและกลิ่นหอมประหลาดลอยกรุ่นออกมา
มีค่ะ เอลิเซียซึ่งเพิ่งถูกดึงออกจากห้วงภวังค์ละล่ำละลักบอก นางหยิบสิ่งของออกจากกระเป๋าถือด้วยท่าทางลนลานและนำไปมอบให้ถึงมือของพ่อมด
มันเป็นผ้าเช็ดหน้ากับหวีสับที่ประดิษฐ์อย่างประณีตงดงาม หญิงร้ายชายเลวคู่นั้นเคยลืมทิ้งเอาไว้ที่บ้านของนางตอนที่ไปร่วมดื่มน้ำชายามบ่ายอันสดใส ไม่นึกเลยว่าหลังจากนั้นจะมีแต่วันที่เลวร้ายสำหรับนาง
พ่อมดใช้ไม้พายคนของเหลวภายในหม้อดินเผาแล้วร่ายมนต์ด้วยท่วงทำนองสม่ำเสมอโดยไม่รู้สึกถึงบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นส่วนเกินที่รุกล้ำอาณาเขตเข้ามา เมื่อเวทมนต์ร่ายมาจนถึงบทสุดท้ายเขาจึงหยิบสิ่งของชิ้นหนึ่งเตรียมหย่อนลงไปในหม้อซึ่งใช้สำหรับสร้างคำสาป ชั่วจังหวะนั้นเองที่หางตาพ่อมดพลันเห็นประกายแสงวูบหนึ่งกำลังพุ่งตรงเข้ามา เขากระโดดถอยหลังหลบในทันที