Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
xxxซีรี่ย์ ดอกไม้ หัวใจในควันปืน : ไฟซ่อนรัก xxx (กรณ์ วรรณกานต์) ติดต่อทีมงาน

สวัสดีค่า..
มาลงนิยายภาคต่อแล้วนะคะ..เรื่องนี้ยังเขียนๆหยุดๆ และถ้าจู่ๆคนเขียนหายไปสักอาทิตย์-สองอาทิตย์ก็ไม่มีอะไรมากนะคะ สาเหตุเพราะเขียนม่ายทันค่า แหะๆ ^^"

.................................................................

เสียงดนตรีคลาสสิกบรรเลงสดด้วยท่วงทำนองเสนาะหูดังมาจากห้องบอลรูมของโรงแรมชั้นนำ ซึ่งภายในตกแต่งอย่างหรูหราอลังการต้อนรับบรรดาแขกคนพิเศษ คลาคล่ำด้วยบุคคลชั้นสูง นักธุรกิจชั้นนำทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ คละเคล้าด้วยนักการเมืองใหญ่ที่คุ้นหน้าค่าตากันดีทางหน้าสื่อต่างๆ แยกกันจับกลุ่ม นั่งบ้าง ยืนบ้างสนทนาด้วยเรื่องหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่จะครอบคลุมอยู่ในหัวข้อทิศทางเศรษฐกิจในอนาคตของประเทศไทย

เหล่าบริกรพากันเดินเสิร์ฟเครื่องดื่มชั้นดีบนพื้นพรมนุ่มกระจายตามมุมห้องไม่ให้ขาดตกบกพร่อง จนถึงกลุ่มของท่านรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงใหญ่ กำลังพูดคุยกับนักธุรกิจแถวหน้า และข้างกายมีชายหนุ่มผิวกายขาว รูปร่างท่าทางสะโอดสะองของลูกชายซึ่งเริ่มลงเล่นการเมืองเจริญรอยตามผู้เป็นพ่อยืนฟังบทสนทนาอยู่เงียบๆ ซึ่งคู่สนทนาของบิดาเป็นนักธุรกิจใหญ่ และนอกเหนือจากนั้น เขายังเป็นผู้สนับสนุนเงินให้พรรครายใหญ่เช่นกัน

บริกรหนุ่มหยุดเดิน เมื่อร่างสูงเพรียวกำยำในชุดสูทเรียบหรูที่ยืนรวมในกลุ่มหันมาหมายต้องการเครื่องดื่ม ผิวสีแทนของชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ ส่งเสริมให้องค์ประกอบของเครื่องหน้าทุกส่วนคมเข้มสมบูรณแบบไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นดวงตาคมลึกสีน้ำตาลเข้ม เรียวคิ้วยาวพาดเฉียงรับสันจมูกโด่ง และริมฝีปากได้รูปล้วนแต่ชวนสะดุดสายตา ซึ่งแม้แต่เพศเดียวกันยังต้องมองชวนทึ่ง

และหันกระซิบถามกับชายสูงวัยร่างสูงใหญ่กว่าตนเล็กน้อยที่ยืนด้านซ้ายมือ
“เอาไหม อาเจ็ก”

อีกฝ่ายส่ายหน้า ชายหนุ่มจึงหยิบเครื่องดื่มสำหรับตัวเองและอีกหนึ่งแก้วส่งให้ชายสูงวัยอีกคนที่ยืนด้านขวาโดยไม่เอ่ยถาม ซึ่งผู้รับมีเครื่องหน้าคล้ายคลึงกันแต่ออกจะขาวกว่าเล็กน้อย และแม้จะมีอายุมากแล้ว แต่รูปร่างสูงเพรียวในชุดสูทสีเข้มยังคงได้สัดส่วนอย่างคนที่ชอบออกกำลังกายสม่ำเสมอและท่าทีที่สงบนิ่งกลับดูสง่างามข่มราศีของท่านรัฐมนตรีที่อายุน้อยกว่าเป็นสิบปี แต่พุงนั้นหลามยื่นจนชุดสูทราคาแพงระยับที่สวมใส่ไม่สามารถยกระดับให้ร่างกายตุ๊ต๊ะนี้เปล่งรัศมีสู้คู่สนทนาได้เลย

ใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มพยักเพียงเล็กน้อยให้บริกรหนุ่มคล้ายจะขอบใจ ก่อนยกเครื่องดื่มในมือขึ้นจิบขณะหันกลับมาฟังการสนทนา โดยท่านรัฐมนตรี นพคุณ กำลังเอ่ยกับบิดาของตน ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการของ  บริษัทไพศาล ดีเวล็อปเม้นต์  ซึ่งครอบคลุมธุรกิจด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในทำนองชักชวน

“คุณอชิรน่าจะเก็บข้อเสนอของผมไปคิดดูให้ดีนะครับ หากคุณมาร่วมกับพรรคของเรา จะเป็นการช่วยพัฒนาประเทศไปได้มากทีเดียวนะครับ” พูดจบ ดวงตาเล็กหยีก็เหลือบมองซ้ายที ขวาที ก่อนจะเอนร่างหนาใหญ่ของตนเข้ามาใกล้ กระซิบกระซาบพอให้ได้ยินในกลุ่ม “..รวมทั้ง..ผลตอบแทนที่คุ้มแสนคุ้มนะครับ”

ผู้ที่ถูกชักชวนอมยิ้มเล็กน้อยในสีหน้าขณะตอบ
“คงไม่หรอกครับ..แค่ทุกวันนี้ เวลาผมทำแต่ละโครงการก็ถูกประชาชนในท้องถิ่นรุมด่าจนหูชาหมดแล้ว ขืนผันตัวเองมาเป็นนักการเมือง คงถูกคนด่าทั้งประเทศแน่”

ท่านรัฐมนตรีหัวเราะครืน
“คุณจะต้องไปสนใจทำไม คนพวกนั้นมันจะไปรู้เรื่องอะไรกับการพัฒนาระดับประเทศ ก็ดีแต่แหกปากประท้วงตามพวกมากลากไปอย่างนั้นเอง แค่เดี๋ยวเดียวก็กลับบ้านใครบ้านมันไปทำมาหากินเหมือนเดิมแล้ว..น่า..คุณลองไปคิดดูอีกทีดีกว่า ยังไงผมก็อยากได้คุณมาร่วมพรรคจริงๆนะครับ คุณอชิร”

เมื่อถูกคะยั้นคะยอ อีกฝ่ายก็ได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้
“แล้วผมจะคิดทบทวนอีกทีก็แล้วกันครับ”

“มันต้องอย่างนั้นสิ ผมว่าภรรยาคุณก็คงสนับสนุนคุณอยู่แล้ว รวมทั้งลูกๆของคุณด้วย” และหันสายตามายังชายหนุ่มที่ยืนเคียงข้างบิดา “ใช่ไหม หนุ่มน้อย”

ชายหนุ่มอมยิ้ม
“ก็แล้วแต่ป๊าน่ะครับ”

ท่านรัฐมนตรีหัวเราะอีกครั้ง
“เห็นไหม แม้แต่ลูกคุณก็สนับสนุน”

ในขณะที่ผู้ถูกกล่าวอ้างแค่นยิ้ม และแอบทักท้วงในใจ ‘..ยังไม่ได้พูดสักคำ’

และพูดคุยไม่นาน จตุพล ซึ่งเป็นหนึ่งในบอร์ดบริหารของไพศาลกรุ๊ป และเป็นผู้โน้มน้าวอชิรให้สนับสนุนพรรคการเมืองของน้องชาย เดินมาร่วมวงสนทนาด้วย..แต่บทสนทนายังคงดำเนินต่อไปได้ไม่กี่อึดใจก็ถูกขัดจังหวะ เมื่อบุคคลอีกกลุ่มเดินเข้ามาทักทาย นำทีมด้วยชายสูงอายุท่าทางสง่าภูมิฐานของ ชนาธิป ผู้คุมบังเหียนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ บริษัทรัตนากร เรียลเอสเตท ตามด้วย คณินผู้เป็นพี่ชายที่อยู่ด้านขวา และด้านซ้ายเป็นลูกสาวคนโตของตระกูล รูปร่างเพรียวอรชรอยู่ในชุดราตรีเรียบหรูเปิดผิวเนื้อเนียนลออช่วงเนินอกแต่พองาม แม้ว่าใบหน้าของหญิงสาวจะสวยงามน่ามองไม่น้อย

ทว่า..สายตาของเหล่าบุรุษกลับมองเลยไปด้านหลังอย่างไม่ตั้งใจ กับอีกหนึ่งหญิงสาวที่สวมชุดราตรีสั้นสีเขียวน้ำทะเลที่การดีไซน์ไม่ได้วาบหวิวอะไรนัก แต่ยังสามารถดึงดูดสายตาผู้คนให้สนใจ ไม่ใช่เพียงแค่ว่า เธอเป็นดารานางแบบเท่านั้น แต่องค์ประกอบหลักคือรูปลักษณ์ของเธอที่ดวงหน้าหวานซึ้งอยู่ภายใต้เรือนผมหยักศกสีน้ำตาลอมทองยาวเคลียร์แผ่นหลังเป็นลอนสลวย ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลสุกใสภายใต้แผงขนตายาวสีน้ำตาลบ่งบอกถึงสายเลือดผสมที่มีอีกครึ่ง เรือนร่างเย้ายวนด้วยทรวงอกอวบอิ่มเกินมาตรฐาน เอวคอดเล็กรับสะโพกผายกลมกลึง ช่วงขายาวเพรียวสวย ผิวกายขาวละเอียดแลเจิดจ้ายามต้องแสงโคมระย้าส่งให้หญิงสาวดูผุดผาดสวยงามราวกับภาพในความฝันของเหล่าบุรุษ

และด้วยรูปสมบัติที่มีมาแต่กำเนิด ทำให้ชื่อเสียงของเธอลือเลื่องในหมู่ชายหนุ่มทั้งน้อยใหญ่ในวงสังคมชั้นสูง ที่หมายตาจะนำเธอเพิ่มเข้ามาเป็นอีกหนึ่งในของสะสมชิ้นงาม และต่างพยายามส่งคนไปทาบทามหลากหลายรูปแบบ แต่ทุกคนก็ถูกหญิงสาวปฏิเสธกลับมาอย่างถ้วนหน้า..และด้วยบารมีที่ชนาธิปมี จึงสามารถกางปีกปกป้องหลานรักให้อยู่รอดปลอดภัยจากการภัยคุกคามทั้งหลายทั้งปวงมาจนถึงทุกวันนี้

“สวัสดีครับ ท่านนพคุณ”

เสียงทักทายของผู้มาใหม่เรียกสติบุรุษทุกคนให้กลับมาอยู่ในอาการสงบนิ่งเช่นปกติ จะเหลือเพียงแต่เจ้าของชื่อที่ยังนิ่งขึง สายตายังคงไม่ถอนจากความเย้ายวนตรงหน้า..ดาราสาวผู้นี้แม้จะไม่ค่อยมีผลงานการแสดงมากนัก แต่ส่วนใหญ่จะเฉิดฉายตามหน้าปกนิตยสารมากกว่า แต่เพียงแค่นั้นมันก็เพียงพอที่จะสามารถกระตุ้นความรู้สึกเขาให้ปั่นป่วนจนแทบคลั่งอยากครอบครองความสวยงามตลอดเรือนร่างนี้ใจแทบขาด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ ได้เพียรพยายามส่งคนไปติดต่อขอแค่ให้เธอยอมมาร่วมดินเนอร์ด้วยกันสักมื้อ แต่ก็ถูกปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง และตัวเขาก็ไม่สามารถใช้อำนาจที่มีข่มขู่ได้ ขืนเธอเอาเรื่องขึ้นมาจะลุกลามบานปลายทำลายชื่อเสียงที่สั่งสมมานานหลายสิบปีและพานกระทบมาถึงฐานเสียงของพรรคได้ เขาจึงจำต้องข่มกลั้นความต้องการของตนเองไว้ให้ถึงที่สุด

นพคุณครุ่นคิดและมารู้สึกตัวก็จากการแอบกระตุกดึงชายเสื้อจากพี่ชาย เขาจึงรีบปรับสีหน้ารับการทักทายจากผู้มาใหม่
“..สวัสดีคุณชนาธิป มาถึงนานรึยังครับ”

“สักครู่แล้วครับ แต่เห็นท่านกำลังคุยอยู่กับคุณอชิร ผมเลยไม่อยากจะเข้ามารบกวน” และปรายตามองผู้ที่เอ่ยถึง ก่อนหยัดยิ้มทักทาย “สวัสดี คุณอชิร”

“สวัสดี คุณชนาธิป” ผู้ถูกทักทายตอบพร้อมรอยยิ้มในดวงหน้า มีเพียงสายตาเท่านั้นที่เผยความเย็นชายามมองสบ ซึ่งผู้คนในแวดวงธุรกิจนั้นต่างรู้ดีถึงความบาดหมางระหว่างสองกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่นี้ ที่ขยายวงกว้างร้าวลึกเกินเยียวยา แต่ยามเมื่อต้องเผชิญหน้ากันในสังคม ทั้งสองต่างสงบนิ่งเพื่อรักษาภาพลักษณ์อันดีไว้

และเมื่อผู้นำทั้งสองต่างส่งยิ้มทักทายกัน ผู้ติดตามที่อ่อนวัยกว่าก็แสดงความเคารพอีกฝ่ายตามมารยาทของสังคม โดยเริ่มจากสองสาวที่พนมมือไหว้อชิรกับศรา ในขณะที่อนาวินไหว้ชนาธิปกับคณิน

ชญาภาเห็นว่าอนาวินนั้น อายุไล่เลี่ยกับเธอจึงลดมือลงและส่งยิ้มให้พอเป็นพิธีเท่านั้น จะเหลือเพียง ราโมน่าญาติสาวผู้น้องที่ไหว้เขา พร้อมเอ่ยทักทายแผ่วเบา

“สวัสดีค่ะ พี่จิล”

ชายหนุ่มรับไหว้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“..ครับ”

ดวงตาสีเขียวฉายแววระยิบระยับสดใสยามเงยหน้าสบเขา แต่เพียงครู่เดียวก็ต้องรีบก้มหลบเก็บซ่อนความรู้สึกตื่นเต้นที่มันกำลังกระโจนอย่างลิงโลดไว้ภายในอก หันมาตั้งใจฟังสิ่งที่พวกผู้ใหญ่คุยกัน

นพคุณแย้มยิ้มกว้าง แม้ใจอยากเอนเอียงเข้าข้างชนาธิป เพราะเขาพาหลานสาวคนสวยมาให้ได้ชื่นชมใกล้ๆ แต่ติดที่ฝ่ายอชิรนั้นเป็นผู้สนับสนุนพรรครายใหญ่ เขาจึงจำต้องเลือกอยู่ข้างอชิรมากกว่า
“แหม คนกันเองทั้งนั้น..ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากให้คุณเข้าร่วมวงสนทนาพร้อมๆกันนั่นล่ะครับ เผื่อเราจะมีไอเดียดีๆร่วมกัน”

แม้ชนาธิปจะรู้ว่าเป็นการเชื้อเชิญตามมารยาทเท่านั้น แต่ตัวเขาแสร้งรีบตอบรับเพราะอยากจะเห็นปฏิกิริยาของคู่แข่ง
“ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอครับ และผมเองก็อยากจะหาโอกาสแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์กับคุณอชิรเหมือนกัน และคืนนี้ ก็คงจะเหมาะที่สุดแล้ว” และหันมาทางคู่แข่ง ที่ยังคงรักษาท่าทีสงบเช่นเดิม “ว่าไงครับ คุณอชิร”

“ผมก็คิดเช่นนั้น แต่ติดตรงที่ว่า เวลาของผมกับคุณมันไม่เคยว่างตรงกันเลยสักครั้ง..รวมทั้ง คืนนี้ด้วยเช่นกัน” ตอบน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนหันไปทางรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงใหญ่

“พอดีผมมีนัดสำคัญอีกงานที่ต้องรีบไป..ผมเลยขอตัวลาตรงนี้เลยนะครับ”

“อ้าว..จะกลับแล้วหรือครับ”

“ครับ ก็อย่างที่บอก ว่าผมมีนัดสำคัญ” อชิรย้ำอีกครั้ง

นพคุณเห็นความมุ่งมั่นนั้นก็เกรงใจ “อะ..ครับ..แล้วพบกันใหม่นะครับ”

“ครับ..”
อชิรหันเดินนำคนของตนก้าวจากมา

จตุพล ลอบตวัดสายตาตำหนิน้องชายถึงความผิดพลาดในครั้งนี้ ก่อนก้าวตามอชิรไป

นพคุณ เห็นว่าไม่มีอะไรแก้ไขได้แล้ว และมันก็เป็นเพียงความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น จึงไม่คิดจะใส่ใจ และที่สำคัญ ตอนนี้เขามีสิ่งที่น่าสนใจกว่าอยู่ตรงหน้านี้แล้ว จะมัวไปเสียเวลากับเรื่องอื่นอีกทำไม
สายตากะลิ้มกะเหลี่ยลอบมองหญิงสาวที่หมายปอง ก่อนยิ้มร่าพูดคุยกับชนาธิปเพื่อเชื้อเชิญทั้งหมดให้ไปนั่งร่วมโต๊ะ เพราะตนนั้นเริ่มเมื่อยแล้ว..สองสาวก้าวตามผู้ใหญ่ไปเงียบๆ แต่ราโมน่าลอบชายสายตามองตามร่างของอนาวินด้วยความเสียดาย เพราะอยากจะอยู่ใกล้ชิดเขาให้นานกว่านี้ ถึงแม้ว่าเขาจะจำไม่ได้ ว่าเธอเคยเป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันเดียวกับเขาสมัยชั้นมัธยมก็ตาม แต่เพียงครู่จำต้องรีบหันสายตากลับมาจากเสียงกระซิบของชญาภา ที่เปรยออกมาคล้ายหยามหยัน

“รู้สึกว่าเสน่ห์ของเธอมันใช้ไม่ได้ผลกับนายคนนั้นเลยนะ”

ชญาภามักจะติดตามบิดาออกงานสังคมหลายครั้ง และทุกครั้งเธอจำต้องเก็บซ่อนความไม่พอใจ เพราะบิดามักจะพาญาติสาวผู้น้องที่อ่อนกว่าสามปี ให้ติดสอยห้อยตามมาด้วยทุกครั้ง แม้จะรู้ว่า บิดาหมายจะใช้ชื่อเสียงและหน้าตาของญาติสาวเรียกความสนใจของผู้คน แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดกับสายตาของใครหลายๆคนที่เปรียบเทียบความสวยงามซึ่งเธอก็รู้ดีว่าตนนั้นด้อยกว่าญาติผู้น้องคนนี้อยู่มาก และความสนใจทั้งหมดก็จะข้ามหัวเธอไปรุมล้อมอยู่ที่ญาติสาวจนหมด ในขณะที่เธอ..มีค่าไม่ต่างอะไรกับหัวหลักหัวตอ !

จนกระทั่ง..พวกเธอได้พบกับอนาวินภายในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งเมื่อหลายเดือนก่อน และเธอมารู้ทีหลังว่า เขาเป็นรุ่นพี่สมัยเรียนมัธยมของญาติสาว ซึ่งดูจะชื่นชมชายหนุ่มอยู่ไม่น้อย แต่อีกฝ่ายแสดงท่าทีเมินเฉย ไม่ได้หลงใหลในความสวยงามที่เห็นแม้สักนิดเดียว มิหนำซ้ำ ยังมีทีท่าว่าจะจำรุ่นน้องของตัวเองไม่ได้เสียด้วยซ้ำ ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก

ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลตวัดมองผู้พูดอย่างไม่พอใจในคำกระทบกระเทียบ แม้ว่าสิ่งที่ญาติผู้พี่พูดออกมานั้นจะเป็นความจริง..เพราะทุกครั้งที่เจออนาวินตามงานเลี้ยง เขาก็ยังคงรักษาระดับความเฉยชาได้เสมอต้นเสมอปลาย โดยความสวยงามที่เธอเคยภาคภูมิใจนักหนา ไม่สามารถสะกิดใจให้เขาสนใจในตัวเธอได้เลยแม้สักนิดเดียว

และชญาภาก็ยังคงตอกย้ำความเป็นจริงอีกข้อให้เธอได้สำนึก
“แล้วอีกอย่าง..อย่าลืมเสียล่ะว่าผู้ชายคนนั้นน่ะ เป็นศัตรูของเรา”

ราโมน่าแย้งในใจ
‘พี่จิลเป็นแค่คนของคู่แข่งเท่านั้น ไม่ใช่ศัตรูเสียหน่อย’

แต่จำต้องปิดปากเงียบ เพราะชญาภานั้นไม่ค่อยชอบหน้าตนเองนัก ขืนต่อปากต่อคำมากกว่านี้ แล้วมันจะลุกลามสร้างปัญหาหนักใจให้กับคุณลุงที่ชุบเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เล็ก..พลางตวัดสายตามองไปยังร่างอุ้ยอ้ายของนพคุณ

และอีกอย่าง..ถ้าหากว่าไม่สำนึกบุญคุณของคุณลุงแล้วล่ะก็ เธอจะไม่มีวันยอมนั่งร่วมโต๊ะกับไอ้อ้วนจอมหื่นคนนี้เด็ดขาด!


อนาวินเห็นว่าจตุพลเดินตามมาด้วย เขาจึงเลี่ยงจากบิดามาเดินเคียงข้างฝั่งของผู้เป็นอาแทน และฟังการสนทนาไปเงียบๆ ซึ่งจตุพลเอ่ยขึ้นมาก่อน
“คุณน่าจะอยู่ฟังฝ่ายนั้นหน่อยนะครับ ว่าเขาจะมีลูกล่อลูกชนอย่างไง”

“ผมไม่เห็นถึงความจำเป็น เพราะทุกเรื่องที่ผ่านน้องคุณ มันก็จะเลยมาถึงคุณอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ”

“มันก็ใช่..”

“เพราะอย่างนี้ไง มันจึงไม่มีอะไรให้น่ากังวล”

จตุพลยิ้มรับเต็มดวงหน้า กับความไว้วางใจที่อชิรมีให้

“แล้วค่อยพบกันในห้องประชุมนะ คุณจตุพล”

“ครับ แล้วค่อยพบกัน”


เมื่อแยกจากจตุพล อนาวินก็กลับมาเดินเคียงข้างบิดาอีกครั้ง และถูกตั้งคำถามทันที
“เรารู้จักหลานสาวของนายชนาธิปเป็นการส่วนตัวเรอะ”

“ก็แค่เคยอยู่โรงเรียนเดียวกันน่ะป๊า”

ตัวเขาเองก็อยากจะลืมเหมือนกันว่าเคยรู้จักผู้หญิงคนนั้นมาก่อน แต่เขาก็ทำไม่ได้แม้ว่าจะผ่านมาแล้วเป็นสิบปี เพราะยังติดตากับภาพของตัวเองที่ยืนซักกระโปรงนักเรียนให้เจ้าหล่อนในห้องน้ำหญิง โดยไม่รู้เลยว่า เธอคือคนของคู่แข่งทางธุรกิจ และไม่รู้ว่าหลังจากนั้น เรื่องของเขาจะถูกโพนทะนาให้ใครต่อใครได้รับรู้อีกมากน้อยแค่ไหน เพราะหลังจากสำเร็จการศึกษาในชั้นมัธยมปลาย เขาก็เดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศจนจบปริญญาโทถึงได้กลับมา

แต่เมื่อต้องมาพบกันอีกครั้ง ไม่นึกว่าเด็กหญิงตัวยาวเก้งก้างเมื่อสิบปีก่อน จะเติบโตเป็นสาวสวยแสนเย้ายวนใจได้ถึงเพียงนี้ โดยเฉพาะ ดวงตากลมโตสีเขียวน้ำทะเลสุกใสคู่นั้น มันคอยจะสะกดให้เขาเฝ้ามองความสวยงามที่เสมือนมีมนต์สะกดให้จิตใจลุ่มหลงดำดิ่งสู่ห้วงเวลาที่แสนวิเศษจนไม่อยากละสายตาไปไหน และเขาจะหงุดหงิดทุกครั้งยามที่ต้องเผชิญหน้ากัน เพราะเสน่ห์ที่เธอมีมันทำให้เขาต้องใช้พลังงานอย่างหนักในการควบคุมความรู้สึกรุ่มร้อนด้วยอารมณ์ดิบของตนให้สงบนิ่ง พลางคิดว่า หากเธอไม่ใช่คนของ รัตนากร รับรองได้ว่าเขาไม่มีทางปล่อยให้เธอตามมายั่วยวน รังควานในความคิดคำนึงเช่นนี้..เพราะเขาจะจัดการกับเธอขั้นเด็ดขาด ให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไป!

“จิล..”

เสียงเรียก กระชากเขาหลุดจากภวังค์  “ครับ” และตั้งใจฟังว่า บิดาต้องการจะพูดอะไร

“อย่าเผลอใจไปกับความสวยงามที่เห็นล่ะ เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นคนของ รัตนากร” ผู้ให้กำเนิดเอ่ยเตือนเสียงราบเรียบ ราวจะหยั่งลึกถึงจิตใจของบุตรชาย

“ไม่มีทางหรอกป๊า ผมไม่เคยข้องแวะกับผู้หญิงคนนั้นอยู่แล้ว..ไม่มีทางที่ผมจะไปชอบเธอหรอก” ชายหนุ่มยืนยันหนักแน่นทั้งบิดา และตัวเขาเองเช่นกัน.. ‘ใช่ มันไม่มีทาง!’

“ก็ดี..ป๊าไม่ชอบให้มีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นในภายหลัง”

“ผมก็ไม่ชอบเหมือนกันน่า” พลางพยายามตัดภาพของราโมน่าออกจากในหัว

กลุ่มของอชิรไปลาผู้จัดงานซึ่งเป็นหนึ่งในคณะบริหารของรัฐบาล ก่อนจะพากันออกจากห้องบอลรูมลงมายังชั้นล่างด้านหน้าโรงแรม เพื่อคอยรถยนต์ที่ลูกน้องขับมารับ

และอชิรเอ่ยกับบุตรชาย
“เรากลับบ้านไปก่อนนะ  ป๊ากับเจ็กจะแวะไปที่บ่อนหน่อย”

“ครับ..กลับบ้านเลยก็ดีเหมือนกัน พรุ่งนี้ผมมีนัดตอนเช้าด้วย”

ศราที่นิ่งเงียบฟังสองพ่อลูกอยู่นาน ก็เอ่ยออกมาบ้าง
“นัดกับสาวสิท่า หน้าระรื่นเชียว”

“แค่เพื่อนๆกันเท่านั้นล่ะอาเจ็ก..ไม่ใช่คนพิเศษอะไรเลย”

ศราไหวไหล่
“อั๊วก็ไม่ได้ว่าอะไร้..แค่เดาเรื่อยเปื่อยไปอย่างนั้นเอง”

“ผมยังไม่อยากหาเรื่องยุ่งยากมาถ่วงคอน่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะครืน และรถเอสยูวีสีดำของเหล่าบอดี้การ์ดก็ขับผ่านจอดเลยหน้าไปไม่กี่เมตรเพื่อเว้นระยะให้รถของบิดาปราดเข้ามาจอดรับผู้เป็นนายได้พอดี

“กู๊ดไนท์นะป๊า”

อชิรพยักหน้ายิ้มรับให้กับลูก ที่เดินไปขึ้นรถสปอร์ตสีดำ ซึ่งคนสนิทขับมาจอดต่อท้ายจากรถของเขา และแล่นปราดขึ้นหน้าออกไปก่อนโดยไม่รอ ตามวิสัยที่ค่อนข้างใจร้อนของลูกชาย


ต่อค่ะ

แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 55 19:24:17

จากคุณ : ระรินใจ
เขียนเมื่อ : 25 ม.ค. 55 01:01:43




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com