อันกำเนิด เกิดกาย มาว่ายโลกย์ สุขกับโศก คู่กัน เหมือนด้านเหรียญ ผู้ทรงธรรม แก่กล้า ปัญญาเพียร ไม่วนเวียน ลุ่มหลง ด้วยสงกา
จรดล ทั่วแดน กี่แสนชาติ มิตัดขาด สิ้นสลาย ใยตัณหา เหมือนยางเหนียว เกี่ยวพัน กัลปา เป็นมายา เช่นนั้น อนันตกาล
แสวงหา หนทาง สิ้นสร่างทุกข์ นี่คือสุข ดับกิเลส เฉทประหาร บรรลุถึง โมกษ์ธรรม นำวิญญาณ ข้ามสังสาร- วัฏอัน นิรันดร...
สวัสดีครับเพื่อนนักอ่าน ขอเริ่มต้นด้วย "กลอนปิดเรื่อง" ของนิยายเรื่องใหม่ ที่ผมเพิ่งเขียนจบหมาดๆครับ
"ล่องกัลปาลัย"
เรื่องนี้จะเป็นคนละแนวกับกีฏมนตราเลยครับ ส่วนรายละเอียดของเรื่อง คงจะได้พบกันอีกครั้ง ในช่วงเดือนกุมภานี้
คนเขียนขอเวลาขัดเกลาอีกสักพักนะครับ
สำหรับกีฏมนตรา ตอนที่ 43 ที่ผ่านมาครับhttp://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11602727/W11602727.html
ขอบคุณกิฟต์จากคุณ นุ้ยนารีจำศีล,คุณปุ้ย npuiy,คุณ กาแฟเย็นเพิ่มช็อต, คุณ กุหลาบมอญ,คุณ อินทรายุธ, คุณ XueYitan, คุณมน Setakan, คุณ mimny,คุณ Travel to the moon,คุณ รพิชา, คุณไก่ kdunagin,คุณ นวลน้ำผึ้ง, คุณ Psycho man, คุณ เขมปัณณ์, คุณwor_lek และคุณ เรียวรุ้งครับ บทที่ 44
ทำไม มีอะไรเกี่ยวกับมัทนียา?
สิ่งที่ธุมชาลเอ่ยขึ้นมาไม่ต่างกับการจุดชนวนระเบิดขึ้นอีกลูกหนึ่ง แม้จะเป็นการเบนความสนใจจากเกตุมาลาไปได้ก็ตาม น้ำเสียงบุรโชติในยามนี้ห้วนห้าว มีเสียงคำรามต่ำๆอยู่ในลำคอตลอดเวลา ดูเหมือนฮอร์โมนเพศชายที่เป็นตัวนำความก้าวร้าวรุนแรงกำลังพุ่งระดับจนพล่านกระจายไปทั้งสายเลือดด้วยปัจจัยเร่งบางอย่าง
บัดนี้ชายหนุ่มรูปกายกำยำเต็มไปด้วยริ้วรอย ปรากฏทั้งบาดแผลและเลือดไหลซึมออกมาทางยาวลากผ่านบนรูปหน้าที่เคยหล่อเหลาจนน่ากลัว นัยน์ตาคู่นั้นขุ่นขวางหม่นสลัว ผิดแผกไปจากภาพที่เกตุมาลาเคยพานพบและประทับใจราวกับเป็นคนละคน
สายฝนชะเลือดไหลชะโลมลงอาบใบหน้านั้นให้ยิ่งดูน่ากลัวมากขึ้น
นายก็รู้นี่นะบุรโชติ ว่ามัทนียาตายไปแล้ว ทุกอย่างมันจบลงไปแล้ว
น้ำเสียงอาจารย์หนุ่มเยือกเย็น พยายามรักษาระดับไม่ให้อีกฝ่ายถอยห่างออกไปแต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ก้าวล้ำเข้าไปข้างหน้า เมื่อเห็นว่าบุรโชติมีท่าทางระแวงระวังอยู่ตลอดเวลา สายตามองข้ามไปยังบุรุษผู้ยืนควบคุมปืนในมืออยู่เบื้องหลัง โดยไม่ได้เบนมาที่เกตุมาลาเลยแม้แต่น้อย แต่สัมผัสได้ถึงความห่วงใยเต็มเปี่ยม
ไม่จบ ไม่มีทางจบเด็ดขาด ฉันรู้นะไอ้ชาญว่านายกำลังโกหก มัทนียายังอยู่ที่นี่ อยู่ภายในนี้กับฉัน มันคอยตามมาหลอกหลอน ไม่ว่าจะเปลี่ยนรูปเป็นผู้หญิงคนไหน แต่ฉันก็รู้... รู้ว่าเป็นมัน
บุรโชติเสียงสั่นพร่า กายแกร่งกำยำสั่นสะท้านเหมือนต้องลมหนาวแตกต่างจากบุคลิกที่เคยเป็น มือข้างหนึ่งชี้ไปยังส่วนศีรษะของตนเอง
นายไม่รู้หรอกชาญ ว่ามันทรมานแค่ไหน ที่ต้องเห็นคนที่ฉันทั้งรักและทั้งเกลียด คอยปรากฏตัวขึ้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะตอนหลับหรือตื่น ฉันถึงต้องจัดการพวกมันให้หมดไปไงล่ะ มัทนียาสัญญากับฉันเองว่าหล่อนจะไป ตลอดกาล ถ้าฉันได้แลกเปลี่ยน กับ ผู้หญิงคนนี้
ไม่นะ โชติ เกตุมาลาไม่เกี่ยว มัทนียาจะอยู่หรือไปจากนาย อยู่ที่ตัวนายเท่านั้นเป็นคนเลือก ไม่ใช่ใครหน้าไหนทั้งสิ้น
มืออีกข้างที่กดคล้องรอบคอหญิงสาวคลายออกชั่วขณะ ก่อนจะกวัดแกว่งไปมาอย่างน่ากลัวว่าปืนในมือจะลั่นขึ้นมาในเวลาใดเวลาหนึ่ง
นายต้องเข้าใจนะ ผู้หญิงคนนั้นไม่มีตัวตนจริงๆ หล่อนตายไปแล้วยังไงล่ะ ฆ่าตัวตายไปแล้ว จากการกระทำของเราทั้งสองคน
มาถึงตอนนี้นายยอมรับว่า มันมาจากการกระทำของตัวเองแล้วหรือชาญ? ไหนเคยกลัวหนักหนายังไงล่ะ ทำไมถึงกล้ายอมรับมันขึ้นมาล่ะ?
อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นด้วยความพิศวง
ใช่! ฉันยอมรับ ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง แต่ไม่ยอมจมอยู่กับความผิดบาปโดยไม่มีการแก้ไขอีกต่อไป นั่นก็ไม่ต่างกับการตกเป็นทาส โดยไม่ยอมปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ นายก็เช่นเดียวกันนะโชติ เราทั้งคู่...
ยังเอ่ยไม่ทันจบ บุรโชติก็หัวเราะร่าขึ้นมาเอง เหมือนกับสิ่งที่ดอกเตอร์หนุ่มสารภาพออกมาเป็นสิ่งที่น่าขบขันยิ่ง
น่าสงสารเหลือเกินไอ้ชาญเอ๋ย สุดท้ายแกก็ยังโง่งมอยู่เหมือนเดิม เอาเถอะ ฉันจะบอกความจริงทั้งหมดให้ น้ำกรดในขวดนั่นมันไม่ใช่ฝีมือของแกหรอกว่ะไอ้โง่! แต่มันเป็นฝีมือการสับเปลี่ยนสารของกรพินธุ์ต่างหาก ยายนั่นทำตามคำสั่งของฉันทุกอย่าง เพราะรู้ดีว่าแกไม่มีทางกล้า เพราะแกมันขี้ขลาดยังไงล่ะชาญ ความขี้ขลาดของแก ก็ทำให้ฉันรู้ว่า ไม่มีทางเทียบกับฉันได้เลย ไอ้ชาญ
ความจริงที่ได้รับ แม้จะทำให้ธุมชาลรู้สึกเหมือนพื้นดินที่เหยียบอยู่พลิกคว่ำลงในพริบตา ทั้งกรพินธุ์และบุรโชติที่ร่วมกันหักหลังเขา ใช้เขาเป็นหุ่นชักเพื่อจัดการกับมัทนียา ก่อให้เกิดตราบาปติดค้างในใจมาโดยตลอด
แต่ในขณะเดียวกัน ความจริงนั้นก็ทำให้มองเห็นแสงสว่างที่ส่องลอดผ่านเข้ามาในความอนธการ ชำระล้างความหม่นเศร้าของดวงจิตจนหมดสิ้น
สายตาคมกล้าที่เริ่มจรัสแสงมากขึ้นเรื่อยๆประสานกับสายตาอีกฝ่ายที่หม่นมัวลงทีละน้อย เหมือนกับกำลังตกอยู่ในม่านหมอกทมิฬ และหลงวนเวียนอยู่ท่ามกลางเขาวงกตซับซ้อนแห่งจิตใจที่ไม่อาจมองเห็นหนทางออก ในที่สุดธุมชาลก็เอ่ยประโยคหนึ่งออกมาช้าๆ แต่เป็นคำพูดที่มั่นคง ผ่านการครุ่นคิดใคร่ครวญและเอาชนะความรู้สึกจากด้านมืดของใจตนเอง
ฉันให้อภัยนาย... และกรพินธุ์ เราจะไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีกต่อไป
ให้อภัย?
เสียงของบุรโชติกลับเปลี่ยนเป็นสั่นเครือด้วยความสับสนและสงสัย เหมือนกับไม่คาดว่าจะได้รับคำตอบเช่นนั้น
ทำไมหรือชาญ ตกลงแล้วมัทนียาไม่ได้อยู่ในใจนายเลยหรือไง แล้ว... แล้วทำไม? ทำไมหล่อน ต้องมาอยู่ในร่างของผู้หญิงทุกคน ทุกคนที่ฉันเข้าไปเกี่ยวข้อง ทำไม ทำไม?
คำถามนั้นถูกเอ่ยพล่ามซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่ใช่หรอกบุรโชติ! ทุกอย่างไม่ใช่ความจริง มันเป็นแค่ภาพลวงตา อย่างเดียวกับที่ฉันเคยเป็นมาแล้ว และมันก็จบลงแล้ว ถ้านายเลือกที่จะปล่อย...
ธุมชาลขยับกายเชื่องช้า บาดแผลที่เกิดจากกระสุนปืนก่อให้เกิดอาการเจ็บแปลบ จนแทบจะต้องนิ่วหน้าทุกครั้งในยามขยับ แต่จะแปรเปลี่ยนแปรสีหน้าตนเองไม่ได้เลย รู้จักบุรโชติพอๆกับรู้จักหัวใจที่แท้จริงของตนเองแล้วในเวลานี้
เขาจะต้องหยุดทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง ในเมื่อเริ่มต้นพร้อมกับบุรโชติ เขาก็ต้องทำให้ เพื่อน คนนี้ ยุติทุกสิ่งทุกอย่างลงด้วยเช่นเดียวกัน
นั่นคือการ บ่ง เข็มพิษที่เสียบติดเอาไว้ในหัวใจตลอดเวลาให้หลุดออกไป และยอมรับความเจ็บปวด แทนที่จะฝืนทนแล้วหลอกตัวเองเอาไว้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาได้ผ่านพ้นช่วงเวลาแห่งความทุกข์ทรมานถึงที่สุดนั้นมาแล้ว ธุมชาลอยากจะหันไปมองใบหน้าของเด็กสาวที่กำลังอยู่ระหว่างเขาและบุรโชติเหลือเกิน เด็กสาวที่เขาห่วงใยความรู้สึกคนนั้น คนที่ยอมรับตัวตนในอดีตที่ผ่านมาของเขาอย่างบริสุทธิ์ใจ เฉกเช่นที่เขายอมรับในตัวตนที่เป็นจริงของหล่อน
และสิ่งนั้นเอง ที่อำนาจใดๆไม่ว่าจะเกิดขึ้นจากพลังของสิ่งชั่วร้าย สิ่งเร้นลับเหนือการพิสูจน์ จะเข้ามาทำอันตรายเขาและเธอได้อีกต่อไป บัดนี้ยิ่งทำให้มั่นใจว่าได้หลุดพ้นจากพันธนาการนั้นแล้ว และไม่ต้องการให้บุรโชติต้องตกอยู่ในชะตากรรมนั้นอีกต่อไปเช่นเดียวกัน
มัทนียาเป็นเพียงภาพหลอน ได้ยินใช่ไหมโชติ ถ้านายสลัดสิ่งที่เลวร้ายในอดีตทิ้งไป ยอมรับความจริงกับมัน มัทนียาจะไม่มีอำนาจใดๆมาหลอกหลอนนายได้อีก ไม่มี
ไม่จริง!
ด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง เขามองเห็นเบื้องหลังธุมชาล ปรากฏร่างที่ขยับกายลุกขึ้น จากสภาพโปร่งแสงจนมองทะลุผ่านออกไปได้ มวลสารสุกสกาวสีเงินยวงค่อยรวมตัวกันอย่างช้าๆนิ่มนวล และทวีความเข้มข้นหนาทึบจนกลายเป็นเรือนร่างอันโสภาของสตรีที่เขาหวนคะนึงหาตลอดเวลา
มัท... มัทนียา...
ใบหน้าแย้มยิ้มชวนเชิญ และยวนยั่ว เปี่ยมท้นด้วยมนตร์เล่ห์เสน่หา ก่อนใบหน้าสวยงามจะแปรเปลี่ยนไป เป็นหน้าอัปลักษณ์ที่ถูกราดรดด้วยน้ำกรด อันมีผลมาจากการกระทำของเขาเอง!!
ไม่...
เสียงร้องโหยหวนของอีกฝ่ายดังขึ้น แต่ดูเหมือนธุมชาลที่กำลังยืนประจันหน้าอยู่จะไม่สำเหนียกรู้ใดๆทั้งสิ้น ชายหนุ่มผู้สับสนกำลังกวัดแกว่งปืนไปมา ราวกับต้องการจะไล่ภาพเบื้องหน้าให้สลายเลือนลับออกจากกัน แต่ภาพหลอนนั้นยังปรากฏเด่นชัดไม่เปลี่ยนแปร การเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าและเรือนกายของมัทนียายิ่งชัดเจนมากขึ้น จากความสวยงามโสภาเป็นความน่าเกลียดและวิปริตแห่งรูปกายจนเกินกว่าจะฝืนสายตามอง
เห็นแล้วใช่ไหม บุรโชติ เพราะแก เพราะแกคนเดียว!
ไม่! แกไม่มีจริง ไม่มีจริง มัทนียา
เนื้อใบหน้าหลอมละลายเหมือนขี้ผึ้งถูกลนไฟ ส่ายไปมา ส่วนหวำลึกลงไปในโพรงมืดขยับขึ้นทำให้รู้ว่านั่นคืออวัยวะส่วนที่เคยเป็นริมฝีปาก
จริงสิ... ก็เพราะแกเองก็อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองนักไม่ใช่หรือบุรโชติ นี่ไง ตัวตนที่แกอยากจะเป็น
เหมือนสะท้อนทุกภาพผ่านกระจกใส บุรโชติมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาสมชายชาตรีที่เพียรสร้างขึ้นตลอดเวลาผ่านมา กำลังแปรเปลี่ยนไปทีละน้อย เป็นภาพอันน่าเกลียดของใบหน้าหมองคล้ำ คราบเลือดและรอยแผลบนใบหน้าทำให้ความผ่องใสเลือนหาย นัยน์ตาขุ่นขวางเหมือนคนวิปลาสกำลังจ้องตอบกลับมา และไม่ช้าเมื่อร่างนั้นเริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ การเปลี่ยนสภาพที่เขามองเห็นแต่เพียงผู้เดียว
และนี่ก็คือตัวตนของแก ตัวตนที่จะต้องเป็นเช่นนี้ต่อไปในวันข้างหน้า
เรือนกายผงาดกำยำที่เคยหนั่นแน่นด้วยมัดกล้ามเนื้อสวยงาม ความอ่อนเยาว์เรียบเนียนของผิวกายอันพึงปรารถนา ค่อยๆเคลื่อนผ่านห้วงแห่งกาลเวลาเวลา จากสภาพชายหนุ่มฉกรรจ์สมบูรณ์แบบกลับกลายเป็นชายวัยกลางคนผู้อ่อนล้า เส้นผมดกดำมันขลับเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีเทาแซม ก่อนจะขาวโพลนไปทั้งศีรษะ ใบหน้าตึงแน่นได้รูปหย่อนคล้อย ปรากฏรอยแฉกยับยู่ยี่ตลอดหางตาและระเรื่อยลงมาบนใบหน้า ลำคอ เป็นรูปรอยย่นเหี่ยวน่าเกลียด
ทุกส่วนแปรสภาพเป็นตัวตนที่เขารังเกียจและหวั่นกลัวอย่างที่เคยกดเอาไว้ในจิตใต้สำนึกนั่นเอง
มันคือสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้พ้นในสภาพแห่งมนุษย์ การดำเนินไปสู่ภาวะแห่งความชราภาพ ความเจ็บป่วยและความตาย...
เป็นความหวาดกลัวสูงสุดที่ซ่อนลึกเอาไว้ภายในใจ บุรโชติมองเห็นแต่สภาพของตัวหนอนดักแด้ที่เปลี่ยนจากภาพอันน่ารังเกียจ กลายมาเป็นผีเสื้อแสนสวย และหยุดนิ่งความทรงจำเอาไว้เพียงเท่านั้น ไม่ยอมครุ่นคิดต่อไปในช่วงเวลาหลังจากนั้น ว่าผีเสื้อทุกตัวที่ต่างบินโฉบอวดกรายโฉมอันงดงาม ก็ย่อมมีวันดับสูญลงไปเช่นเดียวกัน
กลีบปีกแสนสวยไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ชนิดใด ที่สุดแล้วพวกมันล้วนกลายกลับเป็นซากธุลีหล่นร่วงลงกลับคืนสู่ผืนปฐพี ผสมรวมกับอินทรียสารเพื่อกลายเป็นอาหารยังประโยชน์กลับคืนให้แก่ผืนดิน เช่นเดียวกับต้นไม้ ดอกไม้ และส่ำสรรพสัตว์ทั้งหลาย ดอกไม้หนึ่ง เริ่มบาน ในวันนี้ พร้อมแล้วที่ จะโรยลับ ลงกลับฝัง เป็นเศษซาก ซึมดิน รินพลัง ถ่ายความหวัง ทอดรอ ต้นต่อไป
คือชีวิต ที่อยู่เพื่อ เกื้อชีวิต อันอุทิศ ตัวตน เพื่อต้นใหม่ และนี่คือ ปณิธาน ของดอกไม้ ที่โลกได้ ชื่นชม ชีวิตมัน...
กระนั้นแล้วชีวิตแห่งผีเสื้อ ไยมิแผกกัน?
เมื่อเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับสิ้น ให้ชีวิน มีค่า เหนือกว่าฝัน เฉกผีเสื้อ สีอร่าม วามตะวัน ได้เป็นบรร- ณาการ แก่โลกนี้
แม้เมื่อยาม เลือนฟ้า อำลาจาก มิอาจพราก ภาพฝัน อันสดสี จรดจำ เจ้าไว้ ในชีวี ทุกปีกที่ โบยบิน มิสิ้นกาล...
ถ้าชีวิต ได้เป็น เฉกเช่นนี้ ย่อมจักมี คุณค่า มหาศาล เพียงแวบหนึ่ง แห่งเวลา มิช้านาน กลับเบิกบาน กระจ่างฝัน นิรันตรา
ชีวิตนี้ จึงหยั่งแล้ว ถึงสัจจะ เหนือภาวะ สรรพสัตว์ ชัดคุณค่า ด้วยเดินตาม วิถีธรรม์ แห่งปัญญา ได้เกิดมา อย่างข้นเข้ม อย่างเต็มคน!!
แต่สำหรับบุรโชติแล้ว ไม่อาจยอมรับความเป็นจริงนั้นได้ ความเป็นจริงอันเป็นสัจธรรมแห่งโลก เขาต้องการคงสภาพของตัวตนอันสวยงามนี้เอาไว้ตลอดกาล เช่นเดียวกับได้มองเห็นผีเสื้อสีสวยที่ถูกสตาฟฟ์บรรจุไว้ในกล่องแก้ว นี่คือความงามอันคงอยู่โดยนิรันดร์กาล แม้ว่าจะเป็นความงามไร้ชีวิตและจิตวิญญาณ... ที่เกิดขึ้นบนความแห้งแล้ง เจ็บปวดของร่างที่ถูกตรึงเอาไว้ทุกองคาพยพด้วยเข็มหมุดปักอันแหลมคม...
บุรโชติร้องออกมาด้วยเสียงโหยหวนไม่ต่างกับสัตว์ที่บาดเจ็บ เป็นความเจ็บปวดทางจิตวิญญาณที่ไม่อาจเยียวยา มือคลายออกจากการเกาะกุมร่างเกตุมาลา ทำให้หญิงสาวเริ่มคืนสติกลับมาอีกครั้ง เห็นสายตาของธุมชาลเหลือบมองมาเพียงครั้งเดียว เป็นสัญญาณสายตาอันรับรู้กัน
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว...
นักศึกสาวออกแรงเฮือกสุดท้าย กระชากตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมหลวมๆ แล้วพุ่งถลันออกมาจากการควบคุมตัวของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว โดยที่ธุมชาลก็พุ่งตัวเข้ามารับร่างนั้นไว้อย่างว่องไว
เกตุมาลาเห็นแต่เพียงอ้อมแขนของดอกเตอร์หนุ่มผายกว้างออกรอคอย โดยไม่แม้แต่จะหันกลับไป สัมผัสเพียงคลื่นเสียงกึกก้องไล่ตามมา เสียงที่ทำให้หล่อนเย็นวาบไปตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า หากไม่กล้าหวีดร้องออกมาแม้เพียงแอะเดียว
เสียงปืน!!
********************
ไม่มีมัทนียาอีกต่อไป แต่กลับมีใบหน้าของบรรดาหญิงขายบริการ เหยื่อกามาสังหารเหล่านั้น ก็กลับปรากฏกายขึ้นเต็มไปหมด แทนร่างของหนุ่มสาวทั้งคู่ที่หนีเอาตัวรอดจากเขาไปหมดแล้ว
เป็นร่างอันเปลือยเปล่าหากมิใช่เรือนกายที่ชวนอภิรมย์อีกต่อไป ในเมื่อทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยคราบเลือดและรอบลำคอของพวกหล่อนก็ปรากฏรอยเขียวช้ำเป็นวงรอบ ล้วนเกิดขึ้นด้วยน้ำมือของเขาทั้งสิ้น พวกมันเดินตรงรี่เข้ามาเขาเป็นเป้าหมาย
เราต้องป้องกัน ไม่ให้ตำรวจสาวมาถึงตัวได้
เสียงใครคนหนึ่งคล้ายกระซิบอยู่ริมหู บุรโชติสะดุ้งสุดตัว
รส... คันธรส??
ทันทีที่ตระหนักถึงชื่อหญิงสาวอีกคนหนึ่งขึ้นมาในเวลาอันเหน็บหนาวอ้างว้าง... ในสภาพที่กำลังแปรเปลี่ยนเป็นเด็กชายตัวน้อยเหว่ว้า ขาดที่พักพิงยึดเหนี่ยว
คุณอยู่ไหน... รส มาหาผมด้วย อย่าปล่อยผมไว้คนเดียว มา...
บุรโชติก็เหลียวหารอบกาย หญิงสาวผู้เป็นเสมือน คู่หูทางจิตวิญญาณของตนเอง เป็นทั้งภาชนะรองรับความต้องการทางกามารมณ์อันร้อนแรงมิเคยเหือดหาย และเป็นทั้งผู้ควบคุมในยามจิตใจดิ่งลงสู่ความอ่อนแอหวั่นไหว เหมือนกับในเวลานี้
รสอยู่ที่นี่แล้วค่ะ พี่โชติ รสจะช่วยพี่โชติเอง เหมือนกับทุกครั้ง
รสอย่าทิ้งพี่ไป อย่า
ใบหน้าหวานแอร่มของคันธรส นัยน์ตาสุกใสเปล่งแววซุกซนคล้ายเด็กน้อยมองจ้องมา เขารู้ดีว่าภายใต้ใบหน้าใสเหมือนเด็กสาวทั่วไป คันธรสซ่อนความอำมหิตเอาไว้ไม่ต่างกับตัวตนของเขานั่นเอง หล่อนจึงสามารถรองรับห้วงอารมณ์เถื่อนในยามที่จิตใจของเขาเคลื่อนเข้าสู่ภาคแห่งความมืดดำนั้นได้
แต่ร่างของหล่อนกลับยืนรวมกับปีศาจพวกนั้น
มาสิคะ พี่โชติ มาอยู่กับพวกเรา แล้วจะได้ไม่ต้องกังวลกับมัทนียาอีกต่อไป ผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีวันตามมาหลอกหลอนได้อีกแล้ว รสยินดีช่วยเหลือ แก้ปัญหาทุกอย่างให้พี่ เหมือนกับทุกๆครั้ง
รส...
รอยยิ้มนั้นหวานยะเยือกนักเมื่อหญิงสาวก้าวเข้ามาหา ยกมือแตะใบหน้าของเขา สัมผัสถึงความเย็นยะเยียบเหมือนมารดากำลังปลุกปลอบบุตรชายที่เสียขวัญ บุรโชติมองเข้าไปในนัยน์ตาคู่นั้นด้วยความหวังอันเรืองรอง จากนั้นริมฝีปากแดงสดก็ก้มลงกระซิบที่ริมหูอย่างอ่อนโยน บอกถึงวิถีแห่งการลบภาพเหล่านั้นออกไป
ตกลง ตอนนี้ ผมมองเห็นทางออกแล้ว
ชายหนุ่มพยักหน้ารับด้วยนัยน์ตาเป็นประกายครั้งแรก มือข้างสำคัญยกปืนขึ้นจ่อที่ขมับของตัวเองโดยไม่ลังเลอีกต่อไป แล้วจึงเหนี่ยวไก...
เปรี้ยง!!
วูบเดียวที่เกิดขึ้น ด้วยการตัดสินใจเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ราวกับมันเกิดขึ้นอย่างยาวนานไปทั้งชีวิต เขามองผ่านดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองมาของคันธรส คาดว่าจะเห็นความเห็นใจ เอื้ออาทร อย่างคุ้นเคย ทว่ามันกลับแปรเปลี่ยนเป็นความสาสมใจของแววตาอีกคู่หนึ่งที่เขาเคยเห็นมาก่อนในห้วงแห่งอดีตที่เจ็บปวดทรมาน
แกไอ้บุรี ไอ้หน้าปรุ... ไอ้ทุเรศ
นังมัทนียา!
ไม่ใช่คันธรสผู้เป็นคู่หูคู่ชีวิตอีกต่อไป แต่กลับเป็นสายตาเหยียดหยามดูถูกของผู้หญิงที่เขาเกลียดชังที่สุดนั่นเอง ในที่สุดหล่อนก็ได้เข้ามาครอบครองเขาอย่างสมบูรณ์ ควบคุมบังคับให้ตามลงไปอยู่ยังโลกของหล่อนที่รายล้อมด้วยบรรดานังโสเภณีเหล่านั้น เขามองเห็นพวกมันต่างคืบคลานเข้ามาหาเขาทีละน้อย ทีละน้อย อย่างกระเหี้ยนกระหาย เพื่อรอการแก้แค้น
เขาอ่านแววตาสาสมใจของพวกมันออก โอกาสเป็นของพวกมันแล้ว ในขณะที่เขาเป็นฝ่ายพลาด
บุรโชติแหกปากร้องออกมาสุดเสียงในอนุสติส่วนลึก หากไม่มีผู้ใดอีกต่อไปที่จะได้ยินมัน ในเมื่อสรรพเสียงเหล่านั้นถูกกลบด้วยเสียงลั่นกึกก้องของกระสุนปืนจากมือของตัวเองที่ลั่นมันออกมา จากนั้นตามมาด้วยเสียงของกะโหลกศีรษะระเบิดกระจายออกจากกันด้วยแรงมหาศาลของอาวุธสังหาร ก่อนจะปล่อยให้ส่วนของเลือดและเนื้อสมองเละเทะไหลทะลักตามกันออกมา
บัดนี้ได้ตระหนักขึ้นในนาทีสุดท้าย เมื่อผีเสื้อแสนสวยพวกนั้นหยุดบิน ค้างนิ่งอยู่กลางอากาศ
ก่อนที่ทุกชิ้นส่วนอันสวยงาม จะระเบิดพร่างพรายขึ้นพร้อมกัน เศษปีกเพริดแพร้วพรรณรายกระจัดกระจายเป็นผงคลี แล้วปลิวว่อนคว้าง กลับคืนสู่ห้วงอากาศอันว่างเปล่า จนไม่เหลือสภาพเดิมอีกต่อไป
และในที่สุดเขาก็หนีหล่อนไปไม่พ้น...
************************
แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 55 19:57:25
แก้ไขเมื่อ 25 ม.ค. 55 19:08:46
จากคุณ |
:
สามปอยหลวง
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ม.ค. 55 11:59:01
|
|
|
|