ผมสอนถึงวิธีการห่อของนำส่งลูกค้ากับเมษาเสร็จก็ขึ้นไปพบน้ำฟ้าบนห้องทำงานของหล่อน พอจะยื่นมือไปจับประตูก็รู้สึกเหมือนจะวูบจนเซ ต้องผ่อนหายใจยืนนิ่งสักครู่ความรู้ตัวจึงกลับมาเต็มหน่วยสมอง ร่างกายของผมคงล้นขีดจำกัดไปแล้วด้วยเหตุที่พักผ่อนไม่พอ เมื่อเช้าตรู่พอลงจากเครื่องไฟล์ทเช้าก็แยกย้ายกับเมษากลับบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวแล้วรีบมาที่แกลลอรี่ เหลือบมองเมษาที่กำลังตั้งใจอย่างไม่มีอาการล้าอ่อนแล้วก็เผลอยิ้มออกมา หมอนี่ดูยังสบายทั้งที่...ผมหวิววาบทั้งตัวเมี่อคิดถึงเซ็กส์ที่เราไม่ยอมพักยอมนอน ทั้งที่เขาเป็นฝ่ายออกแรงอยู่ฝ่ายเดียว ผมตัดความคิดฟุ้งซ่านออกไปด้วยการเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป
พอเห็นผมน้ำฟ้าโผเข้ามากอด จูบปากผมอย่างไม่ทันให้ผมตั้งตัว “คิดถึงจังเลยค่ะ” หล่อนเช็ดลิปติกของหล่อนที่กลีบปากของผม “ไม่กี่วันเองนี่ครับ อีกอย่างผมไม่ได้ไปครั้งแรกนี่ครับ” ผมรู้สึกเหมือนเพิ่งคนเพิ่งตื่นนอน ได้แต่มึนงงกับสรรพสิ่งที่รายรอบตัว “ก็แหม ฟ้าไม่ชอบนอนคนเดียวนี่คะ” หล่อนทำปากยื่น มือก็ดึงไทด์ผมเล่น “ผมก็คิดถึงคุณฟ้านะ”
“ทุกอย่างเรียบร้อยไหมคะ” “ครับ ภาพพร้อมส่งให้ลูกค้า เมษากำลังจัดการอยู่ข้างล่าง” “คงเหนื่อยมากซินะคะ มาถึงนี่เช้าตรู่แล้วต้องมาทำงานอีก ที่จริงทั้งคู่เลยนะ น่าจะหยุดพักอย่างน้อยสักครึ่งวันก็ได้” น้ำฟ้าสอดเรียวนิ้วงามลูบปกสูทของรุจน์
“ถ้าผมคิดแบบนั้น วันนี้ใครจะช่วยคุณฟ้าล่ะครับ ที่ผ่านมานี่อยู่คนเดียวคงเหนื่อยน่าดูซินะครับ แค่นึกก็สงสารสาวน้อยตัวเล็กๆแล้ว” ผมยกมือจับเอวบางจ้อยของหล่อน “งานน่ะไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ ลูกค้ารุจน์ทั้งนั้นแหละ เขาบอกจะคอยคุณมากกว่าจะคุยการค้ากับฟ้า ยัยคุณหญิง คุณนาย ลูกสาวนายพลทั้งหลายน่าเบื่อชะมัด” น้ำฟ้าส่งเสียงจิ๊จ๊ะในคอ ผมหัวเราะเอ็นดูกับกริยาเอาแต่ใจเหมือนเด็กของหล่อน
“อยากจะบอกใส่หน้าไปเลยว่า รุจน์น่ะของฉันนะยะ” คำพูดของน้ำฟ้า ทำให้เสียงหัวเราะผมแปร่ง น้ำฟ้าผละจากผมเดินไปที่กระจกหน้าห้อง หล่อนมองลงไปด้านล่าง ผมเดาเอาว่าหล่อนคงมองในตำแหน่งที่ผมมองก่อนหน้านั้น “รุจน์นี่ตาถึงนะคะ ฟ้าว่านายเดือนฉายคนนี้น่ะหน่วยก้าน บุคลิกดีสมกับที่เป็นลูกข้าราชการ” “ฝึกอีกไม่นานก็เก่งครับ” “ไม่กลัวหรือ” น้ำฟ้าหันกลับมองผมยิ้มๆ
“กลัวเรื่องอะไรครับ” ผมปริบตางง “สักวันเขาก็จะแย่งลูกค้าสาวๆของรุจน์ไปน้า หรือบางทีแม้แต่ฟ้า….” หล่อนวาดแขนไปด้านหลังขณะเดินกลับมาหาผม “เอ น่าคิดแฮะ ว่าแต่คุณฟ้าน่ะเอาจริงหรือ” ผมทิ้งตัวพิงขอบโต๊ะ เอียงคอมองหน้างดงามของน้ำฟ้า “รุจน์ว่าไงล่ะคะ” “ผมว่าไม่มีทาง” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม และดวงตาก็อาจเป็นประกายอยู่
“ผมว่าผมไปส่งของให้ลูกค้าดีกว่า” ผมดึงตัวเองขึ้นจากขอบโต๊ะ ด้วยความเร็วในการเคลื่อนไหวร่างกายที่แม้ไม่มากแต่ร่างกายที่อ่อนเพลียไม่อาจทานได้อีก และแต่คราวนี้ผมไม่โชคดีเหมือนเมื่อครู่ผมวูบแล้วทรุดลงกองกับพื้นโดยไม่ทันส่งสัญญาณใดๆ “ว๊าย!!รุจน์” ผมได้ยินเสียงของน้ำฟ้าดังขึ้นแค่นั้น ก่อนที่สติสัมปัญชัญญะของผมถูกดึงหายไปในความมืด
9.1....
ทศวรรษรู้สึกเหมือนจะบ้า เขากางแขนแบบไม่รู้จะทำอย่างไร ตอนแรกเขาคิดว่าผ้าพ้าแผลที่มือขวาจะไม่ก่อปัญหาใดกับงานของเขา แต่ตั้งแต่เช้านับแต่กลับมาทำงานอีกครั้งหลังหยุดงานไปสองวัน เขาก็พบว่าไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ไม่สะดวกด้วยประการทั้งปวง ที่แย่ที่สุดคือมันทำให้ลายเซ็นต์เขาเพี้ยนเสียจนต้องเลื่อนไปเซ็นต์วันอื่นสำหรับงานที่รอได้ ส่วนที่รอไม่ได้ต้องส่งให้ S เซ็นต์แทนซึ่งเขาไม่ชอบใจเลย งานของเขาก็คืองานของไม่อยากให้ใครมาข้องเกี่ยว ดีที่ไม่ใช่เอกสารที่สำคัญมากนัก ทศวรรษมองเอกสารตรงหน้าแล้วถอนใจหนัก อาการปวดที่มือก็กลับมาอีกครั้งด้วยเพราะฝืนกับบาดแผลมากเกินไป ทศวรรษกดสายในเรียกเลขาหน้าห้องเข้ามา
เขาสั่งงานหล่อนขณะเก็บเอกสารใส่กระเป๋า เลขารีบเสนอช่วยจนเสร็จ ทศวรรษกล่าวขอบใจแล้วเดินออกมาจากห้องพร้อมกันกับเลขา ที่โต๊ะหล่อนสายในอีกสายก็เรียกเข้ามาหล่อนขอตัวไปรับ พยักหน้าเออออกับปลายแล้ววางสายหันมาทางทศวรรษ “คุณทศวรรษจะขึ้นไปพักผ่อนที่เพนเฮาส์ข้างบนหรือกลับคอนโดเลยคะ” “อืม วันนี้คงอยู่ข้างบนนะ” “คือว่าภาพที่คุณทศวรรษให้ดิฉันสั่งให้น่ะแกลลอรี่ให้คนเอามาส่งแล้วค่ะ”
“ให้เขาไปรอที่ห้องประชุมเล็กนะ ผมจัดการเอง คุณทำงานไปเถอะ” “ค่ะ” เลขากดเบอร์สายในแล้วบอกตามที่ทศวรรษบอก แล้วทรุดตัวนั่งทำงานต่อ ทศวรรษเดินทอดน่องไปตามาโถงทางเดินสู่ห้องประชุม เพราะบอกว่าจะไม่ไปเหยียบที่แกลลอรี่อีกแล้ว การสั่งภาพใดๆเขาจึงให้เลขาออกหน้าตลอดสามปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้บอกใครแม้แต่วุฒิหรือน้ำฟ้ากระทั่งถูกเข้าใจผิดไปหมดแล้ว แต่ช่างเถอะ เขาไม่สนหรอก ภาพฝีมือไอ้ศิลปินที่พิสรากับ S ปลาบปลื้มกันหนักหนาก็อยากจะเห็นให้เต็มตาว่ามันเลิศวิเศษขนาดไหน พอมีข่าวว่าไอ้บ้านั่นกำลังเอาภาพออกขายจึงให้แกลลอรี่ไปเอามาให้ ไม่ได้อยากได้ใคร่ดีอะไรนักหรอก แต่ตัดหน้าพิสราได้ถือว่าสะใจดี ป่านนี้ยัยนั่นคงกรี๊ดๆร้องไห้อกไหม้ไส้ขมซบอกเจ้า S ไปแล้ว ทศวรรษเบะปาก ทว่า..ยิ่งก้าวเข้าใกล้ห้องประชุมเท่าไหร่ เท้าของทศวรรษก็ยิ่งรีบเร่งอย่างที่เจ้าตัวเองต้องประหลาด ทั้งที่กำลังคิดเรื่องอื่นแต่ใจเขากลับอยากไปให้ถึงที่ห้องประชุมโดยเร็ว
ทศวรรษผลักประตูเข้าไป เขาหายใจรัว หัวใจเริ่มเต้นแรง ที่กลางห้อง บนโต๊ะมีห่อภาพเขียนวางอยู่ ทศวรรษเพิ่งมองเนิ่น ทว่าร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเข้ม มองอย่างไรเขาก็ไม่คุ้นเคยตา เสียงประตูทำให้ร่างนั้นขยับเคลื่อนไหวหันมาเผชิญหน้ากับเขา ใบหน้าอ่อนเยาว์ เรียบนิ่ง คิ้วย่นนิดหน่อยเมื่อมองตรงมาที่เขา แต่ไม่นานโก่งคู่งามก็กลับเข้าที่พร้อมรอยยิ้มที่ผุดขึ้นกลีบปากอวบอิ่ม เขาเยื้องย่างด้วยท่าที่สง่างามไม่แพ้คนมีตระกูลอย่างทศวรรษหรือ S
พอเข้ามาใกล้เขาก็ค้อมกายน้อยๆด้วยท่วงท่าราวกำลังขอสาวงามเต้นรำในงานบอลรูมพร้อมยื่นนามบัตรให้ทศวรรษ “ผมมาจากแกลลอรี่ครับ ตรงนั้นของที่สั่งไว้ครับ” เขาหันมองของบนโต๊ะ ทศวรรษไม่ได้รับบัตร เขายังงงไม่หาย ไม่รู้ที่ตัวเองกำลังทำหน้าไม่ถูกอยู่นี้เป็นเพราะผิดหวังหรือประหลาดใจ “เอ่อ ผมต้องเซ็นต์รับอะไรหรือเปล่า” ทศวรรษล้วงปากกาหมึกซึมในกระเป๋าด้านในเสื้อสูท “นึกว่าใคร” “อะไรนะครับ” “อ้อไม่มีอะไรครับ คิดว่าคงไม่ต้องหรอกครับ มือคุณเจ็บอยู่ และผู้จัดการของผมก็รู้จักคุณดี” ทศวรรษคิดว่าหากเขาไม่ได้เห็นผิดไป เด็กหนุ่มตรงหน้าได้เปลี่ยนรอยยิ้มใสเมื่อครู่ให้กลายเป็นยิ้มที่เยือกเย็น รอยยิ้มที่ยิ้มแต่ใบหน้า ดวงตากลับแข็งกระด้าง
“ผู้จัดการ?” ทศวรรษทวนคำคราวนี้เขากลายเป็นฝ่ายย่นหัวคิ้วบ้าง ไอ้คนแปลกหน้านี่มันอะไร “ครับ คุณรุจน์เป็นหัวหน้าของผม เป็นของผม” เด็กหนุ่มเน้นคำสุดท้ายขณะก้าวเข้าใกล้ทศวรรษแบบเผชิญหน้ากัน ด้วยความสูงที่เท่ากันทำให้ทั้งคู่จ้องตากันอย่างเปิดเผย “อยากพูดอะไร ตกลงแกเป็นใครกันแน่” ทศวรรษกอดอกมองไม่วางตา เด็กหนุ่มยิ้มแล้วดีดนามบัตรใส่ทศวรรษ
“ก็คุณไม่รับนามบัตรผมไว้นี่จะรู้ได้ไงว่าผมเป็นใคร” ทศวรรษเอียงศีรษะหลบบัตรที่ปลิวใส่หน้า เขาขยุ้มปกเสื้อสูทอีกฝ่ายอย่างเหลืออด “กล้าดีอย่างไงวะ แล้วไอ้ท่าทางแบบนี้หมายความว่าไงวะ” เค้นเสียงพูดใส่หน้าเด็กหนุ่มแปลกหน้า “ถ้าไม่พอใจพฤติกรรมของผมก็รายงานกับผู้จัดการของผมได้ แล้วหลังจากนั้นเราก็เปิดห้องคุยกันส่วนตัวเอง” เด็กหนุ่มยักไหล่ยิ้มกวนประสาทตอบกลับมา
“อะไรนะ” ทศวรรษจะเข้าใส่อีก เด็กหนุ่มชิงผลักอกเขาก่อน “จำไว้นะ อย่าเข้าใกล้ผู้จัดการอีก ไม่งั้นเจอกัน” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเข้มข้นก่อนจะเดินผ่านทศวรรษออกไปนอกห้อง ทศวรรษก้มเก็บนามบัตรขึ้นดู “เดือนฉาย” ร่างสูงที่ก้าวอย่างมั่นคง หลังและศีรษะที่ตั้งตรง ดวงตาแข็งกร้าว เมษามองไปข้างหน้า ไม่คิดว่าจะได้เจอเร็วขนาดนี้ไอ้ผู้ชายที่มีอ้อมกอดดั่งเหล็กแหลมทิ่มแทงทรมานรุจน์แทบตายในคืนนั้น ชั่วขณะของความทุกข์ทรมานเช่นนั้น หัวใจที่หายห้วงของเมษาซึมซับไว้จนหมด ไม่มีวันลืม เขาสัญญากับตัวเองในคืนค่ำที่รุจน์เป็นของเขา จะไม่มีวันลดลาวาศอกให้ผู้ชายคนนี้อย่างเด็ดขาด
จากคุณ |
:
vannessia
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ม.ค. 55 00:39:33
|
|
|
|