Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ตามหาหัวใจ..~~ "ปมรัก..รอยแค้น ตอนที่ 6" (นิยายรัก..ฆาตกรรม..ต่างแดน) ติดต่อทีมงาน

ตามหาหัวใจ.."ปมรัก..รอยแค้น ตอนที่ 6"

ชายหนุ่มนิ่งอื้ง  หัวใจแข็งแกร่งของเขา ยอมแพ้โดยสิ้นเชิง  
ต่อแรงปรารถนา ทั้งของเธอ และของตัวเอง

เขายินดี หากอ้อมกอดของเขา จะให้ความอบอุ่น ปลอบโยน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่หล่อนต้องการ

แต่มันจะไม่ใช่อ้อมกอดที่โอบด้วยหัวใจของเขาอีกต่อไป..







.........................................................................................................................................................................

" ปมรัก..รอยแค้น ตอนที่ 6 "

แมทธิวนั่งนิ่งเงียบ  มองร่างบางที่ยังนอนเหยียดยาว  
ใบหน้าเรียวสวย  แพขนตายาวซ้อนทับดวงตาคู่สวยที่ปิดสนิท  
คราบน้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว  สองแก้มเนียนซีดขาวกลับมามีสีเลือดฝาดขึ้นอีกครั้ง  

ริมฝีปากอิ่มแดงเรื่อ  ที่สัมผัสอุ่นเรียกร้อง  

เขาจมอยู่กับความคิดนิ่งนาน..สัมผัสได้ว่า เทย่ารักพี่ชายของเค้ามากแค่ไหน

พี่ชายคนเดียวที่เหลืออยู่ นอกจากพ่อแม่ที่แยกทางกัน และไม่เคยได้พบกันอีกเลย หลังจากที่เขากับฟรังค์ตัดสินใจออกจากครอบครัวใหม่ของแม่ เมื่อฟรังค์อายุ ครบ18ปีเต็ม  และปีถัดมาที่เขาเองอายุ 18 ปีเต็มเช่นกัน เขาก็ย้ายออกจากครอบครัวของแม่ เพื่อตามไปอยู่กับพี่ชายด้วยอีกคน



แมทธิวกำลังรู้สึกปวดร้าว กับความรู้สึกภายในที่เกิดขึ้นกับตัวเขาขณะนี้   ขออย่าให้มันเกิดขึ้นเลย
อย่าให้เค้าต้องตกอยู่ในห้วงความรู้สึก รัก ลุ่มหลง ผู้หญิงคนเดียวกันกับพี่ชายของตัวเอง

อย่าให้เค้าต้องรู้สึกผิดมากไปกว่านี้


ขอให้พี่อดทนต่อความเจ็บปวด รอผมอีกไม่นาน  ผมจะพาดวงใจดวงนี้ กลับไปสู่อ้อมกอดของพี่
ขอให้อดทนรอ อีกไม่นานผมจะกลับไป..


เทย่ากระพริบตาถี่ๆ ลืมตา พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องรับแขก ที่ปลายเท้า แมทธิวนั่งเงียบอยู่บนโซฟาข้างๆ
หล่อนมองเสี้ยวหน้าของเขา  ดวงตาคมแววตานิ่งเหม่อมองไปในอากาศธาตุว่างเปล่า

รู้สึกปวดหัว หนักอึ้งในความรู้สึก และไร้เรี่ยวแรง รู้สึกเหมือนตัวหล่อนไร้สภาวะ ล่องลอย ไปในอากาศ


คิดถึงอ้อมกอดที่คุ้นเคย  อ้อมกอดอบอุ่นที่ปลอบโยน
อ้อมกอดที่เคยมอบพลังให้ ในวันที่อ่อนล้า

รอยจูบอบอุ่นนุ่มนวลที่สร้างความสุขแสนอัศจรรย์ในคืนวันอันแสนหวาน  

ทุกสิ่งหายไปในความมืดดำที่ปกคลุมหัวใจหล่อนมานาน

แต่วันนี้ ความมืดดำที่เคยปกคลุมหัวใจนั้น ค่อยๆจางลง  ความสว่างรางเลือน กลายเป็นท้องฟ้าอ้างว้าง
ยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกว่า  สิ่งที่เคยตามหา เฝ้ารอว่ายังมีอยู่และสักวันหนึ่งจะกลับมานั้น
บัดนี้จะลอยหายไปในเวิ้งฟ้ากว้างสีเทาหม่น

หยดน้ำใสๆไหลลงอาบแก้มนวลอีกครั้ง   ทุกสิ่งหยุดนิ่ง มีเพียงหยดน้ำตาเคลื่อนไหว
ไหลลงอาบแก้ม หล่อนปล่อยให้มันไหลอยู่อย่างนั้น

เสียงร้องไห้กระซิกๆแผ่วเบา เรียกเขาออกจากความคิดฟุ้งกระจายล่องลอย

เขาหันกลับมาตามที่มาของเสียงนั้น  หญิงสาวร่างบางนอนนิ่งน้ำตาไหล
หล่อนลืมตามองเพดานว่างเปล่า  

แมทธิวอยากกอดปลอบใจให้หล่อนหายจากความเศร้าโศก อยาก
ให้รอยจูบอบอุ่นให้หล่อนได้รู้ว่ายังมีใครคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ
และพร้อมจะปลอบโยน   ในวันแห่งความสูญเสีย


แต่เขารู้ตัวดี ว่าเขาคงได้แค่คิด และส่งความปรารถนาดีนั้นให้หล่อนได้ อย่างเพื่อนคนหนึ่ง  เท่านั้น


“ คุณเป็นอย่างไรบ้าง  คุณร้องไห้จนเป็นลมไปน่ะ  “    
แมทธิวย้ายตัวเองลงนั่งคุกเข่ากับพื้นข้างโซฟา หญิงสาวหันมองเขา  

แววตาตัดพ้อที่มองมา ทำให้หัวใจเขาอ่อนยวบ

“ ทำไม ฟรังค์ไม่ส่งข่าวมาหาชั้นเลย  ทำไมเค้าไม่บอกชั้นว่าเค้าเป็นอะไร อยู่ยังไง  เมื่อเค้าจากไป
แล้วเค้าจะเคยคิดบ้างมั้ย ว่าชั้นจะเป็นอย่างไร จะอยู่ยังไง เมื่อไม่มีเค้า  “
เทย่าพึมพำตัดพ้อ  น้ำตายังไม่หยุดไหล

ชายหนุ่มรู้ดีเต็มอก ว่าเพราะอะไร แต่ ความเงียบ คือคำตอบที่เขามีให้หล่อนในตอนนี้
หล่อนปวดร้าวเสียใจพอแล้ว มันมากเกินกว่าที่หล่อนจะต้องรับรู้อะไรให้หัวใจต้องเจ็บหนักเข้าไปอีก

นิ้วเรียวปาดน้ำตาจากแก้มนวลทั้งสองข้าง  หญิงสาวค่อยๆทรงตัวลุกขึ้นนั่ง  
กลืนก้อนสะอื้นลงคออย่างยากเย็น ดวงตาคู่สวยบอบช้ำจากครั้งแล้วครั้งเล่าที่ต้องกลั่นน้ำตา

เขากุมมือเล็กๆสองข้าง ที่ไร้เรี่ยวแรงขึ้น  จุมพิตอุ่นๆจากริมฝีปากหยักหนา ประทับลงบนหลังนิ้วมือเรียว

เทย่าหัวใจเต้นแรง หล่อนรู้สึกเหมือนสัมผัสอ่อนโยน ปลอบขวัญจากชายคนรักกลับมาหาหล่อนอีกครั้ง
เหมือนเหลือเกิน.....

“ มันผ่านไปแล้ว ผมอยากให้คุณลืมมันเสีย  อยากให้คุณรู้ไว้แค่เพียงว่า  เวลาที่ผ่านไปทั้งหมด จนถึงตอนนี้
ทุกวินาที พี่ชายผมคิดถึงแต่คุณเท่านั้น  แม้ตัวเค้าต้องจมอยู่ในความเจ็บปวด  
แต่ผมรู้ว่ามันไม่เคยทำให้ความรักที่เค้ามีต่อคุณลดน้อยลงเลย  “

เขาถอนจุมพิตจากมือหล่อน  เงยหน้า ต่างสบตา ด้วยแววตาปวดร้าวไม่ต่างกัน

“  กอดชั้นหน่อยได้ไหม..??  “   หญิงสาวก้มหน้าหลบสายตาเขา  อย่างคนที่กำลังขอในสิ่งที่ผิด  
หัวใจดวงน้อยสุดจะต้านทานแรงปรารถนาภายใน
แม้สติสัมปชัญญะกลับคืนมาอีกครั้ง แต่นาทีนี้  
อ้อมกอดอุ่นที่จะปลอบโยนปกป้องหล่อนจากความอ้างว้างเจ็บปวด เท่านั้นที่หล่อนโหยหา  


ชายหนุ่มนิ่งอื้ง  หัวใจแข็งแกร่งของเขา ยอมแพ้โดยสิ้นเชิง  ต่อแรงปรารถนา ทั้งของเธอ และของตัวเอง
เขายินดี หากอ้อมกอดของเขา จะให้ความอบอุ่น ปลอบโยน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่หล่อนต้องการ

แต่มันจะไม่ใช่อ้อมกอดที่โอบด้วยหัวใจของเขาอีกต่อไป


สมองสั่งให้เขาเขวี้ยงหัวใจออกไปให้ไกลหล่อนมากที่สุด   เขารักหล่อนไม่ได้ เขาจะรู้สึกอื่นใดต่อหล่อนไม่ได้

เทย่าไม่รู้เลยว่า  ในอ้อมกอดที่หล่อนสัมผัสเลือดเนื้ออบอุ่นนี้  มีแต่ร่างที่ไร้หัวใจ..
ซบหน้าลงแนบแก้มกับแผงอกกว้าง   หล่อนโอบแขนรอบเอวเขา  หยุดนาทีแห่งความเป็นจริงไว้  
หลอกตัวเองว่า อ้อมกอดนี้คืออ้อมกอดของคนรักที่จากหล่อนไปแสนนาน

ชั่วอึดใจ  เขาค่อยๆแกะมือเล็กๆที่โอบรอบเอว  จับไหล่สองข้างดันร่างบางตรงหน้าออกห่าง

“ ผมว่าคุณไปล้างหน้าเถอะ  เรายังมีอะไรที่ต้องทำอีกมากนะ  “     เขาถอนหายใจแรง
ปลุกหล่อนตื่นจากความฝันอันอบอุ่น  แม้ตัวเขาเองก็ยังอยากอยู่ในความฝันนั้นเช่นกัน

“ คุณพาชั้นไปหาฟรังค์นะ  นะ..พาชั้นไปหาเค้าที  “   หล่อนพลิกฝ่ามือ สองข้าง บีบท่อนแขนแข็งแรง
สบตาร้องขอเขา   สายตาอ้อนวอน

“  ผมพาคุณไปแน่  แต่ไม่ใช่ตอนนี้  คุณและผม ยังมีอะไรต้องทำอีก  ให้ทุกอย่างเรียบร้อยกว่านี้สักนิด
แล้วผมจะรีบพาคุณไปทันที  นะ  คุณไปล้างหน้าเถอะ พ่อคุณรอคุณอยู่นะ  “

เขาเชยคางหล่อน ให้มองสบตา  หล่อนเห็นคำสัญญาในแววตาที่ส่งกลับมาให้  
หัวใจที่เต้นอ่อนลงถูกปลุก ให้เข้าสู่จังหวะแห่งความเป็นจริง  

หล่อนดึงมือเขาออกจากปลายคาง  บีบมือเขา แล้วปล่อยให้เขาเป็นอิสระในนาทีที่เจ็บปวด
พาตัวเองลุกจากโซฟาไปเงียบๆ  

ชายหนุ่มรู้ดีว่า  เขาเป็นได้แค่ตัวแทนของคนที่หล่อนรัก ในเวลาที่หล่อนต้องการเท่านั้นเอง




......................................................................................................................


นาฬิกาบอกเวลาเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว
เขาชงโกโก้อุ่นๆให้หล่อนดื่ม หลังจากที่หล่อนจัดการตัวเอง ล้างหน้าล้างตาเสียใหม่
เมื่อเรียงลำดับแล้วว่ามีอะไรต้องทำบ้าง  เทย่าคว้าเสื้อคลุมได้ก็รีบนำเขาออกจากบ้านทันที

เทย่าก้าวลงจากบันได หยุดยืนรอเขา  แมทธิวปิดประตูบ้านไขล๊อกกุญแจ
เดินตามหลังลงมาหยุดยืนข้างๆหล่อน  

สายลมเย็นพัดพากิ่งต้นเมเปิลเปล่าเปลือยแกว่งไหว
หญิงสาวสัมผัสอากาศเย็นลง ที่บอกให้รู้ว่าฤดูหนาวกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า
กระชับเสื้อคลุมเข้ากับตัวและมัดเข็มขัดผ้าที่คาดทับอยู่ด้านนอกเสื้อแน่นขึ้น  

หล่อนเงยหน้าหยีตามองเขาในแสงแดด
“ ขอบใจนะ ที่นายอุตส่าห์มาตามหาชั้น แล้วอย่าลืมที่สัญญาเอาไว้นะ “  
ใบหน้าเรียวสวยลอยเด่นอยู่ใกล้ ๆ  ริมฝีปากอิ่มยิ้มน้อยๆ

ดวงตาคู่สวยฉายแววมีความหวังให้เห็น

“  ผมอยากบอกว่า..ขอบคุณนะที่คุณไม่โกรธผม  “    เขายิ้มตอบ บอกขอโทษทั้งทางปากและแววตา

“ ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่นายทำลงไปนั้น...เพื่ออะไร “
เทย่าตอบเขา ยิ้มเป็นมิตรส่งกลับไปให้  ก่อนจะสวมแว่นกันแดดทรงสวย รับกับใบหน้าเรียว
เพื่อปิดบังดวงตาแดงช้ำ  และเพื่อให้หล่อนได้สู้แสงแดดก่อนเที่ยงวันที่สาดส่องจากท้องฟ้ากว้าง



“ นายเอาคราดไว้ที่ไหน “     หล่อนก้าวขายาวๆ ออกเดินนำเขาข้ามฝั่งมุ่งตรงไปที่ประตูโรงนา

ชายหนุ่มรีบก้าวตาม  นึกขึ้นได้ นี่หล่อนยังไม่ลืมเรื่องนี้อีกหรือนี่

“ ผมเอาเข้าไปเก็บในห้องด้วย เมื่อคืนนี้..  คุณจะทำอะไร..??”
เขาเร่งฝีเท้า สองก้าวยาวๆก็เดินมาทันเคียงข้างหล่อน

“ จะเอามันไปคืนเจ้าของ  “                
เทย่าตอบสั้นๆ ในความเรียบของน้ำเสียงนั้น เขารู้ว่ามีความโกรธรุนแรงซ่อนอยู่

“ เดี๋ยวก่อน !!!  ผมว่า ให้เรื่องมันจบๆไปเถอะนะ ไหนๆพ่อคุณก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก
และคุณก็ควรทำตามอย่างที่ท่านบอก   อย่าให้เรื่องมันรุนแรงไปกว่านี้เลย “

เขานึกถึงที่หล่อนเล่าให้ฟัง ว่านายเองก็ไม่อยากให้มีเรื่องราวมากมายกว่านี้ และจากที่เขาได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากหล่อนแล้ว  
ทางคนไร่โน้นก็ดูจะร้ายเอาการอยู่  เขาไม่อยากให้หล่อนต้องเจอกับเรื่องอะไรอีก
ถ้าจบได้ก็ให้ยอมจบๆไปก่อน   ให้นายหายดีกลับมาแล้วค่อยคิดหาทางกันใหม่

หญิงสาวยังไม่หยุดเดิน  หล่อนยิ่งเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น   มาจนถึงหน้าประตูโรงนา

“ ชั้นจะรอตรงนี้ นายไปเอามาให้หน่อย  ”    หล่อนหยุดที่ข้างโต๊ะไม้ว่างเปล่า  
ภาพพ่อนั่งดื่มกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์ทุกเช้าผุดขึ้น  ใจยิ่งคุกรุ่นขึ้นมาอีก


ยิ่งห้ามก็ยิ่งยุ...แน่ๆ  เขาได้แต่คิด  ถอนหายใจ  แล้วทิ้งให้คนดื้อยืนรอ หายเข้าไปในโรงนาครู่หนึ่ง
จึงออกมาพร้อมกับคราดเหล็กพิฆาตที่ตอนนี้ซากงูเห่าที่ถูกเสียบติดอยู่ตัวแข็งทื่อไม่เคลื่อนไหว



หล่อนคว้าคราดจากมือเขา เดินอ้อมไปทางหลังโรงนา ไม่สนใจคำถามใดๆจากผุ้ติดตาม
เร่งฝีเท้าเดินไล่ไปตามแนวต้นแอปเปิลที่ปลูกเรียงกันไปกับแนวรั้วลวดหนาม  
นี่ละมั้งที่นายว่า จะทำรั้วปูนขึ้นใหม่ ไปจนสุดเขตฟาร์มที่ติดด้านหน้าถนน


เทย่าก้าวเร็วๆมาหยุดที่ต้นแอปเปิลต้นสุดท้าย  ติดกับทางรถจักรยานที่เป็นแนวขนานกับด้านหน้ากว้างของฟาร์ม
อีกฝั่งของแนวยาวรั้วลวดหนามกั้นไว้ เป็นทิวต้นข้าวโพดที่โตสูงเท่าตัวคนของไร่โน้น
ปลูกเป็นแนวยาวไปจนสุดความกว้างของไร่อีกด้านหนึ่งที่เห็นหอคอยแทงก์น้ำสูงแบ่งเขตกับไร่มันฝรังถัดไป

จากจุดที่หล่อนพาเขามาหยุดยืนอยู่  ห่างไปไม่กี่เมตร หัวมุมของไร่ข้าวโพด ที่ติดกับทางรถจักรยานที่เป็นทางยาวไปจากฟาร์มของหล่อน
ห้องเก็บเครื่องมือไม้ฉำฉาห้องเล็กเสียงเครื่องมือจอบพลั่วกระทบกันโคล้งเคล้ง
หญิงสาวอ้อมต้นแอปเปิลต้นสุดท้ายเดินผ่านแนวต้นข้าวโพด ตรงไปที่ประตูไม้ที่มาของเสียงนั้น

ชายหนุ่มก้าวตามไปติดๆ หล่อนเคาะประตูแรงๆเสียงดังรัวติดๆกัน  
ผู้ติดตามยืนประกบอยู่ด้านหลัง  เขาหันมองซ้ายขวาอย่างระวัง

ประตูไม้ถูกเปิดออกพร้อมกับชายร่างสูงใหญ่ หน้าเสี้ยมคล้ำ ยุ่งๆดูไม่เป็นมิตร
“ มีอะไรครับ คุณหนู “    แมทธิวแน่ใจว่าเห็นรอยยิ้มเหยียดที่มุมปากน่าขยะแขยงเมื่อสิ้นเสียงนั้น
หญิงสาวก็เห็นอย่างที่เขาเห็นเช่นกัน

“ ดูเอาเองว่าอะไร..!! “  เทย่าเสียงดังแทบจะเป็นตะโกนใส่หน้ามัน

หล่อนใช้เท้าเขี่ยซากงูออกจากคราด คาที่สุดปลายเหล็กแหลม แล้วสะบัดซากงูตายลงพื้นอย่างโมโห
ใบหน้าสวยเข้มเป็นสีแดงจัด

“  ฝากไปบอกนายแกด้วยนะ..!! วิธีสกปรกแบบเนี้ยะ..ลูกผู้ชายเค้าไม่ทำกัน...!! ”

หล่อนจ้องเขม็งผ่านแว่นกันแดด อย่างไม่หวาดกลัว ดวงตากล้าแกร่งคู่ตรงข้ามจ้องกลับ
และมองเลยข้ามศีรษะหล่อนมายังผู้ยืนประกบอยู่เบื้องหลัง อึ้งไปครู่หนึ่ง
จากนั้นมันจึงส่งเสียงในลำคออย่างประหลาดใจไม่น้อย
“แก..!!! “  

แมทธิวสบตาชายแปลกหน้ากลับอย่างไม่หวาดกลัวเช่นกัน ก่อนเสี้ยวนาทีจะผ่านไปเขาจับข้อศอกหล่อนแน่น
อีกมือหนึ่งดึงคราดที่ไร้ซากงูจากหล่อน มาถือไว้เสียเอง  

“ เรากลับกันเถอะ..” เขาบอกเสียงเรียบ กระชับมือแน่นขึ้นเมื่อข้อศอกในอุ้งมือพยายามสะบัดให้หลุดจากการยึดเหนี่ยว

“ และจำไว้อีกอย่างนะ พวกแก..ไม่มีสิทธิ์มาเรียกชั้นว่า..คุณหนู จำไว้ด้วย “
หญิงสาวตวาดใส่อย่างมีอารมณ์  หันหลังกลับ   เขาหันหลังตาม

แว่บหนึ่งที่หันกลับมามอง  เขาเห็นแววตาอาฆาตในแสงแดดจ้า

..........................................................................................

คนงานชายคนสุดท้ายเซ็นต์ชื่อลงสมุดและรับซองเงินเดือนเสร็จ เค้าก้มหัวบอกขอบคุณ
และยิ้มน้อยๆให้นายหญิงอ่อนวัย

แล้วจึงเดินไปหาเพื่อนๆที่ยืนรวมกลุ่มรออยู่ห่างๆ  ทุกคนต่างหันมาโบกมือลาให้หญิงสาวอีกครั้ง
ต่างเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความหวัง บ้างก็ถอดเสื้อแจ๊คเก็ตรับเอาแดดบ่าย และลมเย็นๆสักหน่อย
หลังจากกรำงานตากแดดที่แปลงผักมากว่าครึ่งวัน

แม้จะเพียงครึ่งปีในช่วงหน้าร้อน แต่ทุกวันก็เป็นการทำงานอย่างมีความสุข อีกครึ่งปีที่เหลือช่วงหน้าหนาว
ต่างก็แยกย้ายกันไปหางานพิเศษทำ  รอไปสี่ห้าเดือนจนเตรียมเข้าหน้าร้อนปีถัดไปจึงกลับมาทำงานร่วมกันอีกครั้ง

บ้างก็รอเวลาด้วยการไปทำงานในโรงบ่มชีส  ร้านขายเนื้อสัตว์ หรือโรงบ่มไวน์ ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องการแรงงานเพิ่มในช่วงหน้าหนาวทั้งสิ้น หรืออย่างน้อยสุดก็ได้ไปทำงานในสวนพันธ์ไม้ที่ปลูกต้นคริสตมาส ไว้รอตัดขายในเทศกาลเฉลิมฉลองคริสตมาส
ที่ต่างก็ขายดีตัดขายกันแทบไม่ทันในช่วงเดือนธันวาคม

หญิงสาวปิดสมุดบัญชีลงด้วยร้อยยิ้มจางๆบนใบหน้า เหนื่อยแต่ก็มีความสุข ในใจก็ภาวนาให้ทุกคนได้งานพิเศษทำกันจนกว่าจะหมดฤดู
แล้วค่อยมาเริ่มงานกันใหม่ในปีหน้า

สายตามองตามคนงานที่ค่อยๆเดินห่างออกไปจนสุดทางเดินถึงถนนลาดยางหน้าทางเข้าฟาร์ม
เสียงพูดคุยหยอกล้อค่อยๆห่างออกไปจนบริเวณลานโล่งเงียบจนน่าใจหาย  


แล้วเสียงรถแทร็กเตอร์ต่อกแต่กก็ดังเข้ามาหยุดจอดใกล้ๆ  

ชายหนุ่มกระโดดลงจากเบาะคนขับ เดินเข้ามาหาหญิงสาว   ที่บัดนี้นั่งอยู่เพียงลำพังที่โต๊ะไม้ตัวเดิมหน้าโรงนา

เขาแบะกระดุมเสื้อเชิ้ตออก เผยให้เห็นแผงอกกว้าง กล้ามเนื้อแน่นบอกความเป็นชาย
พร้อมกับถอดหมวกปีกกว้างโบกพัดเอาลมเย็นๆไล่ความร้อนออกจากตัว

ใบหน้าคมคายที่บัดนี้อาบเหงื่อเปียกชื้น  สะกดสายตาหญิงสาวให้หยุดนิ่ง
ดวงตาคมแฝงด้วยรอยยิ้มแบบเดียวกับดวงตาคู่ที่หล่อนเคยหลงรักมาจนถึงทุกวันนี้...

“  คนงานกลับหมดแล้วหรอครับ “           เขาถาม วางหมวกลงบนโต๊ะ พลางเดินไปกดน้ำดื่มจากคูลเลอร์
ดื่มเสร็จแล้วจึงโยนแก้วกระดาษลงถังขยะที่ตั้งอยู่ใกล้ๆกัน  

น้ำเย็นๆไหลผ่านลำคอลงไป  เขารู้สึกเย็นสบายกับสายลมเอื่อยที่พัดผ่าน  
บรรยากาศแตกต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิง รวมทั้งความรู้สึกของเขาด้วย

“ ยังหรอก ยังกลับไปไม่หมด เหลืออยู่อีกคนนึง  “           หญิงสาวเสมองไปทางอื่น

ต้นเมเปิลห่างโต๊ะออกไปไม่กี่ก้าวที่ใต้ต้นเกลื่อนไปด้วยใบเมเปิลผลัดใบ เปลี่ยนสีพื้นปูนซีดๆ
ที่ทุกวันเคยดูว่า สีของมันแห้งแล้ง แต่วันนี้กลายเป็นสีแดงปนส้มสวยไปอีกแบบ

ชายหนุ่มก้าวขาข้ามม้านั่ง  เขาเลือกที่จะนั่งลงฝั่งเดียวกันกับหญิงสาว แต่ห่างออกไปที่สุดปลายของม้านั่งอีกด้านหนึ่ง            
หันมองหญิงสาว ด้วยสีหน้าแปลกใจในคำตอบนั้น

“ก็จะยังเหลืออีกคนที่จะต้องอยู่ทำงานทั้งหมด  นับจากนี้ไปนี่แหละ “    
แม้จะยังไม่ละสายตาจากพรมแดงใบเมเปิลแต่หล่อนก็รู้ได้ด้วยสัญชาตญาณ  
ว่าสายตาคู่ข้างๆนั้นมองหล่อนอยู่  ตอบไปอย่างนี้หวังว่าคงจะเข้าใจนะ

และก็ได้ผลอย่างที่คิด เขาหัวเราะในลำคออย่างเข้าใจในคำตอบนั้นเป็นอย่างดี..


....................................//..........................................


ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึง 6 ตอนแล้วนะคะ

แต่ก็ยังมีอะไรให้ต้องค้นหาอีกในตอนต่อไป ในวันเสาร์ พรุ่งนี้ค่ะ

อย่าลืม แปะเม้นท์ไว้ให้คนเขียนได้อ่านแก้เหงาบ้างนะคะ

Enjoy weekend ka..^^ จุ๊บๆ ^____________^


ปมรัก..รอยแค้น ตอนที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11604579/W11604579.html

ปมรัก..รอยแค้น ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11606063/W11606063.html

ปมรัก..รอยแค้น ตอนที่ 3 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11608769/W11608769.html

ปมรัก..รอยแค้น ตอนที่ 4 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11616404/W11616404.html

ปมรัก..รอยแค้น ตอนที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11625093/W11625093.html

แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 55 11:23:03

แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 55 10:59:41

จากคุณ : ณัชชนม์
เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 10:33:04




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com