Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
The D.O.L.L.S - โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท - ตอนที่ 4 ติดต่อทีมงาน

บทนำ,ตอนที่1,ตอนที่2 - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11582179/W11582179.html
ตอนที่3 - http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11609663/W11609663.html



EPIDODE 4
หัวขโมยยามค่ำคืน




เป็นโชคดีของมิเวลและวอลที่มีรถม้าเคลื่อนผ่านจุดพักเหนื่อยของทั้งสอง เจ้าของรถม้าเป็นแค่คุณตาแก่ๆ สองคน มิเวลจัดการร่ายเวทพรางตัวแล้วใช้สันดาบทำให้คุณตาคนหนึ่งหมดสติ นึกเป็นห่วงว่าตัวเองจะมือหนักไปหรือเปล่า แต่พอได้ยินเสียงกรนคร่อกเธอก็วางใจ ส่วนวอลรับหน้าที่จัดการคุณตาอีกคน ซึ่งต้องให้มิเวลมาช่วยอยู่ดีเพราะวอลใช้ดาบได้ห่วยแตกมาก



“อุตส่าห์ได้ดาบมาตั้งสี่เล่มแต่ดันใช้ไม่เป็น ให้ตายสิ เอามาด้วยทำไมกันเนี่ย” มิเวลบ่นอย่างเหนื่อยใจ นึกถึงภาพตอนที่วอลพยายามแกะดาบออกจากฝักแล้วเธอก็ต้องถอนหายใจออกมา



“ก็เอามาขายน่ะสิ” เจ้าตัวยุ่งยิ้มกว้างพลางฮัมเพลงต่ออย่างไม่สนใจ



รถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้าตามถนนคดเคี้ยวในป่า มุ่งหน้าไปยังแคว้นยูราเพราะอยู่ใกล้สุด ถึงจะเจอหลุมขนาดย่อมบ้างเป็นพักๆ ก็ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ปัญหากลับอยู่ที่ผู้บังคับม้าซึ่งกำลังนั่งสัปหงกมากกว่า รถม้าเฉียดวิ่งตกถนนอยู่หลายรอบหากไม่มีมือพิฆาตของมิเวลช่วยตบหัวคนบังคับเพื่อเรียกสติ จนบางครั้งมิเวลก็นึกอยากถีบเขาให้ร่วงตกลงไปเลย แต่คงยุ่งยากกว่าเก่าเมื่อเธอต้องเป็นคนบังคับรถม้าตลอดเวลาเนื่องจากเหลืออยู่แค่คนเดียว



พวกเขาหยุดพักกันอีกครั้ง เวลากลางคืนไม่เหมาะสำหรับการเดินทางเท่าไรนัก นอกจากจะเสี่ยงโดนซุ่มโจมตีแล้วยังมีเรื่องเส้นทางที่มองเห็นได้ไม่ชัดเจนอีกต่างหาก



หลังจากกินอาหารเย็นแล้ว มิเวลก็หันไปจัดที่นอนของตัวเอง ส่วนวอลเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อแขนยาวสีขาวตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ซึ่งเธอคิดว่าขนาดเสื้อใหญ่เกินไป แขนเสื้อยาวเฟื้อยนั่นยาวจนปิดสองมือของเขา วอลคว้าหยิบเสื้อคลุมยาวสีดำจากในย่ามออกมาสวมทับอีกชั้น ก่อนจะล้มตัวนอนลงบนที่นอนพร้อมกับกอดย่ามของตัวเองเอาไว้อย่างหวงแหน เห็นเขาดูหวงย่ามเก่าๆ แบบนั้นแล้วเธอจึงอดแขวะไม่ได้



“กอดอยู่ได้ ไอ้กระเป๋าเก่าคร่ำครึพรรค์นั้นน่ะ”



วอลหัวเราะคิกแล้วกอดแน่นขึ้นอีก



“ของค้าของขาย แล้วก็มีเงินอยู่นิดหน่อย แล้วก็!” มือล้วงหยิบหมวกเก่าๆ ใบหนึ่งขึ้นมาสวมที่หัว แล้วหันมายิ้มกว้างให้เธอ “หนึ่งในของรักของหวง”



หมวกเก่าพรรค์นั้นเนี่ยนะ? จะนอนอยู่แล้วยังจะสวมหมวกอีก



มิเวลมองอีกฝ่ายด้วยสายตาประหลาด



“ดีนะที่ข้านึกได้ว่าฝังย่ามไว้หน้าเมืองเบอริล ข้านึกว่าลืมอยู่ในคุกซะอีก ดูท่าทางเจ้าคงรวยล่ะสิ แต่คนจนๆ อย่างข้า แค่เงินนิดๆ หน่อยๆ ก็ถือว่าเป็นสมบัติมหาศาลแล้ว” เพราะเหตุนี้เขาถึงต้องวิ่งกลับไปตรงใกล้ๆ ประตูทางเข้าเมืองเบอริลใหม่ เพื่อย่ามสุดรักเนี่ยแหละ



มิเวลทำหน้าบูดก่อนจะล้มตัวนอนแล้วหันหลังให้อีกฝ่าย ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ดังมา ใบหน้าสวยน่ารักยิ่งบูดหนักกว่าเดิม



เธอไม่ได้รวยมากมายสักหน่อย



...จริงสิ!



นึกอะไรบางอย่างออก เด็กสาวรีบพลิกตัวกลับไปอีกด้าน แสงไฟจากตะเกียงทำให้เห็นวอลกำลังนอนหลับตาพริ้ม เธอลุกขึ้นนั่งแล้วหันไปคว้าบางสิ่งออกจากกระเป๋าคาดเอว ซึ่งเธอถอดมันวางเอาไว้ข้างกายไม่ให้ห่างตัวทุกคืน



แสงสีนวลเป็นประกายแผ่ออกมาจากลูกกลมๆ ในมือ ดวงตาสีทับทิมมองแสงอ่อนๆ อย่างล่องลอย



มิเวลรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังบินอยู่บนท้องฟ้า สายลมพัดกระทบผิวนุ่มเบาๆ เธอสัมผัสก้อนเมฆสีขาว มันเบาเหมือนปุยนุ่น แล้วเธอก็มองเห็นแสงสว่างตรงขอบฟ้า รีบโบยบินไปยังแสงนั่น ไม่รู้หรอกว่ามีอะไรกำลังรออยู่ เธอรู้แต่เพียงว่าต้องไปที่แสงนั่นให้ได้



“มิเวล!”



ภาพทุกอย่างดับวูบ



มิเวลลืมตาขึ้นอีกครั้ง เห็นวอลกำลังจ้องเธอด้วยสีหน้ากังวลก่อนจะเห็นแผนที่ต้องคำสาปอยู่ในมือของเขา เด็กสาวรู้ได้ทันทีว่าเขาคงแย่งมันไปจากเธอเมื่อครู่นี้



“...นี่มัน เกิดอะไรขึ้น” เสียงพึมพำอย่างสับสน เธอค่อยๆ นึกรวบรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จำได้ว่าหยิบแผนที่ออกมา ตั้งใจจะดูเส้นทาง แต่พอก้มมองดูควันสีขาวขุ่นพวกนั้นแล้วภาพทุกอย่างก็เปลี่ยนไป



“ข้าเห็นเจ้าถือไอ้นี่อยู่ ท่าทางเจ้าเหมือนพวกนักทำนายเข้าทรงทำนองนี้เปี๊ยบเลย แล้วพอข้าเรียกเท่าไหร่เจ้าก็ไม่ตอบ ไม่ขยับเลยด้วย ข้าก็เลยแย่งไอ้ลูกนี่มาจากมือเจ้า” วอลอธิบาย พลางลูบอกของตัวเองป้อยๆ อย่างปลอบใจว่าเขาไม่ได้โดนผีหลอก



วอลส่งแผนที่ต้องคำสาปในมือคืนให้กับมิเวล เด็กสาวลังเลนิดหน่อยแต่ก็รับมาถือไว้อยู่ดี เธอไม่กล้าก้มมองควันสีขาวขุ่นนั่นอีก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเมื่อกี้นี้จะเป็นเพราะควันนี่รึเปล่า ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเธอจึงยัดมันใส่ไว้ในกระเป๋าคาดเอวเหมือนเดิม พยายามระงับอารมณ์ขุ่นมัวไม่ให้ระเบิดออก แต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน



อุตส่าห์ตามหาแผนที่บ้าๆ นี่มาเกือบปี แต่พอได้มากลับดูไม่ได้ เจ้าชายริชาร์ดดูเส้นทางในแผนที่ได้หรือเปล่าเธอไม่รู้  แต่ถ้าเขาดูได้ นั่นก็หมายความว่าเธอไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมงั้นหรือ ถ้าเป็นเช่นนั้นจะทำอย่างไรดี สถานที่ที่เธอต้องการจะไปนั้นต้องอาศัยแผนที่ต้องคำสาปในการเดินทางเสียด้วย



“ถึงจะยังดูเส้นทางไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ได้ตัวแผนที่มาแล้ว ทีนี้ก็เหลือแค่หาวิธีใช้ ข้าคิดว่าเจ้าต้องหาเจอแน่ ข้าจะช่วยอีกแรง” เสียงอ่อนโยนดังขึ้น พร้อมด้วยรอยยิ้มน้อยๆ จากคนที่เธอไม่คิดว่าเขาจะพูดแบบนี้เป็น



มิเวลตั้งใจจะหันไปต่อว่าวอลที่เขาเข้ามายุ่งเรื่องของเธอ แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เพราะเธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารู้สึกดีขึ้นเพราะคำพูดของเขา



“...เจ้าน่ะนะจะช่วยข้า ข้าต่างหากที่ต้องคอยดูแลเจ้า”



วอลหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินประโยคนั้น จริงอย่างที่มิเวลพูดนั่นแหละ อย่าว่าแต่จะไปสู้กับพวกทหารเลย แค่เด็กตัวเล็กๆ มีแรงเยอะหน่อยเขาก็สู้ไม่ไหวแล้ว



“นั่นน่ะสิ ข้าลืมไปเลยว่าตัวเองใช้ดาบไม่เป็น”



มิเวลหัวเราะเบาๆ ก่อนจะรีบกลับมาตีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นเดิม แล้วเหล่สายตามองเด็กหนุ่มข้างกายเห็นเขากำลังกลั้นหัวเราะ พอวอลเห็นสายตาดุๆ ของเธอเขาก็รีบล้มตัวลงนอนพร้อมกับพลิกตัวหันหน้าไปอีกด้าน ร่างกายสั่นไหวน้อยๆ จากการกลั้นขำเอาไว้



เด็กสาวนอนลงบ้าง พยายามไม่นึกถึงเรื่องแผนที่ แต่พอไม่คิดถึงมันแล้วกลับมีเรื่องกลุ้มใจอีกเรื่องหนึ่งเข้ามาแทน



เธอยังไม่ได้ไปแหล่งขายข่าวเลย ได้ยินข่าวล่าสุดก็เมื่อสองอาทิตย์ก่อน อาณาจักรเมอันประกาศเข้าร่วมสงครามเป็นศัตรูกับผู้ใช้พลังเวทมนตร์ นี่ก็ผ่านมาค่อนข้างนานแล้ว ไม่รู้ว่ามีเมืองไหนประกาศเข้าร่วมสงครามอีกบ้าง เธอต้องรีบหาข้อมูลเอาไว้จะได้ไม่หลงเข้าไปในเมืองเหล่านั้น แต่ถึงอย่างไรคนธรรมดาก็ยังคงรังเกียจผู้มีพลังเวทอยู่ดี



เป็นโชคดีของเธอที่มีพลังเวทเพียงแค่นิดเดียวเลยสามารถทำตัวให้กลมกลืมไปกับคนธรรมดาได้ แต่เป็นโชคร้ายของผู้มีพลังเวทมาก ไอเวทจากร่างของพวกเขาสามารถระบุชัดเจนได้ว่าใครมีเวทมนตร์ พวกเขาโดนรังเกียจ ถูกขับไล่ โดนทำร้ายจนนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งหมดเป็นเพราะความแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับผู้มีเวทมนตร์



เพราะแค่นั้นจริงหรือ



ไม่ใช่หรอก



เพราะความอิจฉาริษยา และความหวาดระแวงของพวกมนุษย์ธรรมดาหน้าโง่ด้วยต่างหากล่ะ



มนุษย์ไล่เข่นฆ่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ล้ำหน้าพวกมัน คอยกดขี่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ คิดว่าตัวเองประเสริฐ มนุษย์ด้วยกันเองนั่นแหละที่ตัดสินว่าเผ่าพันธุ์ของตนเองเลิศล้ำที่สุด คอยเอาเปรียบเพราะมีจำนวนมากกว่า ผู้มีพลังเวทซึ่งมีเพียงแค่หยิบมือจึงต้องทุกข์ทรมาณเพราะความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ธรรมดา



โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++




เสียงกุกกักในความมืดปลุกให้มิเวลลืมตาตื่นด้วยความตกใจ ใช้เวลาสักพักสายตาถึงปรับให้เคยชินกับความมืดก่อนจะเหลือบเห็นที่นอนว่างเปล่าของวอล เกิดความรู้สึกฉงนอยู่พักหนึ่ง จากนั้นจึงกวาดสายตามองไปรอบๆ ห่างออกไปไม่ไกลนักเธอเห็นร่างคุ้นตากำลังนั่งกอดเข่าก้มหน้าซุกอยู่กับหัวเข่าอยู่ตรงมุมหนึ่ง



นั่งหลับงั้นเหรอ...แปลกดีแฮะ



แต่พอจะล้มตัวนอนอีกครั้งเพราะคิดว่าเจ้าของเสียงกุกกักเมื่อครู่ก็คือวอล มิเวลก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเงาดำๆ ข้างนอกเคลื่อนผ่านหน้าต่างไป เด็กสาวคว้ากระเป๋าคาดเอวของตัวเองขึ้นมาแหวกดูข้างในทันทีด้วยความตกใจ



แผนที่ต้องคำสาป!



ไม่มี...ไม่มี...ไม่มี!



มิเวลรีบพุ่งตัวออกจากหลังรถม้าอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหญ้าพร้อมกับเห็นอะไรบางอย่างขยับอยู่ด้านหน้า มิเวลเริ่งฝีเท้าวิ่งตามไป แสงจากดวงจันทร์ช่วยให้เธอมองเห็นทางในป่า ร่างตรงหน้าเด่นชัดขึ้น ก่อนมือเล็กจะคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายไว้ได้



“เจ้าเป็นใคร!?”



นัยน์ตาสีอ่อนภายใต้แสงจันทร์ฉายแววคุกรุ่น ร่างในชุดคลุมยาวรุ่ยร่ายออกแรงดิ้น เพราะผ้าพันคอหนาเกือบพันทั้งใบหน้าด้วยเลยทำให้มองไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย มีเพียงดวงตาคมกริบมองมาอย่างเย็นชาคู่นั้นโผล่พ้นผ้าออกมาให้เห็นเท่านั้น



อยู่ๆ ดาบยาวสีเงินก็ตวัดผ่านเฉียดคอเด็กสาวไป มิเวลจึงจำเป็นต้องปล่อยมือแล้วรีบคว้าดาบแห่งไฟที่เอวขึ้นมาประจันหน้ากับอีกฝ่าย โดยไม่ปล่อยให้รอช้า ดาบยาวพุ่งเข้ามาประชิดตัวเปิดฉากเป็นฝ่ายรุกก่อนทันที



หลังจากประดาบกันไม่นาน มิเวลก็ต้องยอมรับว่าคู่ต่อสู้เก่งกาจไม่น้อย อาจจะเก่งกว่ากษัตริย์เซนเธแห่งเบอริลเสียอีก ทั้งรุกและรับได้เยี่ยมกว่าหลายคนที่เคยสู้ด้วย และเพราะเธอใช้ฝีมือแค่หนึ่งในสิบจึงทำให้เกือบพลาดท่าให้อยู่หลายครั้ง



ถึงจะเก่งในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังอ่อนสำหรับเธออยู่ดีนั่นและ เด็กสาวตวัดดาบผลักคู่ต่อสู้ออกไปจนเขากระเด็นไปชนกับต้นไม้ด้านหลัง ร่างเล็กรีบวิ่งเข้าไปประชิดตัวอีกฝ่าย ตั้งใจจะสร้างบาดแผลให้สักสองสามแผล แต่ดาบยาวสีเงินกลับป้องกันเอาไว้ได้



“เฮ้!” เสียงหนึ่งตะโกนเรียก มิเวลไม่หันไปมองเจ้าของเสียงเพราะจำได้ว่าเป็นเสียงของใคร เธอรู้สึกได้ถึงอาการชะงักน้อยๆ ของคู่ต่อสู้ เด็กสาวจึงรีบใช้โอกาสให้เป็นประโยชน์ สวนดาบอีกฝ่ายกลับโดยไม่ทันให้ตั้งตัว คนถูกดาบจ่อที่อกกัดฟันกรอดอย่างโมโห ดาบสีเงินในมือถูกขว้างทิ้งอย่างจำใจ



ผู้มาใหม่มองทั้งสองคนอย่างงงๆ ด้วยความไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าตัวเองเข้ามาขัดจังหวะ เจ้าตัวยุ่งถึงกับทำสีหน้าเศร้าสลดอย่างรุนแรงเมื่อเห็นสายตาเย็นชาราวน้ำแข็งของคนแปลกหน้า



มิเวลไม่สนคนบ้าแล้วจัดการกระชากผ้าพันคอของหัวขโมยออก เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มอายุรุ่นคราวเดียวกัน จมูกโด่งรับกับใบหน้าคม ริมฝีปากเรียวบาง เส้นผมสีเข้มปลิวไสวด้วยแรงลมอ่อนๆ สายตาแข็งกร้าวจากดวงตาสีสว่างคู่คมจ้องตรงไปยังเด็กหนุ่มอีกคน



“คืนของของข้ามา” มิเวลออกคำสั่งพร้อมกับแบมือยื่นให้อีกฝ่าย เขาก้มหน้ามองมือของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่งรอยยิ้มเหยียดมาให้



“ของที่ข้าเอามาแล้วนั้นข้าถือว่ามันเป็นของของข้า” อารมณ์ฉุนจัดเกือบทำให้เด็กสาวพลั้งมือเสียบดาบทะลุอกของคนกวนประสาทเข้าจริงๆ



ใจเย็นเข้าไว้



มิเวลนึกกับตัวเอง ก่อนจะส่งยิ้มชั่วร้ายให้หัวขโมย



“ข้าฆ่าเจ้าแล้วค่อยเอาของคืนจากศพของเจ้าก็ได้นะรู้มั้ย”



“ข้าแปลกใจว่าทำไมเจ้ายังไม่ทำ”



มิเวลจ้องหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาเหี้ยมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนคนถูกจ้องกลับทำเฉยเมยไม่สนใจ ยิ่งเรียกโทสะของเด็กสาวให้เพิ่มมากเข้าไปอีก แต่มิเวลก็ต้องพยายามสะกดกลั้นอารมณ์เอาไว้แล้วหันไปเรียกคนไม่มีอะไรทำแทน



“เจ้ามาค้นตัวเจ้านี่ให้ข้าหน่อย” เพราะมือกำลังถือดาบอยู่จึงทำให้เธอต้องขอแรงช่วยจากวอล จะร่ายเวทค้นตัวก็เสี่ยงว่าอีกฝ่ายเป็นพวกคนธรรมดาหรือเปล่า และน่าจะใช่เพราะเธอสัมผัสไอเวทจากเขาไม่ได้เลย



“ทำไมเจ้าไม่ใช้เวทมนตร์ค้นตัวเจ้านั่นล่ะ”



อึก!



มิเวลหันขวับไปส่งสายตาอาฆาตใส่เจ้าคนปากมากทันควัน เด็กหนุ่มยืนเฉยมองตาแป๋วกลับมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แล้วตอนนั้นเองจังหวะที่มิเวลละสายตาจากบุคคลที่สามไป ร่างสูงรีบเคลื่อนตัวหนีจากปลายดาบของเด็กสาวไปอยู่อีกด้าน มิเวลทำเสียงไม่พอใจเมื่อหันกลับมาเห็นผู้บุกรุกหลุดจากคมดาบของเธอไปได้



“เจ้ามีพลังเวท” ประโยคนี้ไม่ใช่คำถาม เสียงเครียดเอ่ยสรุปหลังจากตั้งสติมองสำรวจเด็กสาวตรงหน้า ร่างเล็กอยู่ในชุดลำลองดูทะมัดทะแมง เขาสัมผัสได้ถึงไอเวทบางเบากับกลิ่นอายของชนเผ่ามายาจากตัวอีกฝ่าย ไม่แปลกถ้าผู้มีสายเลือดของเผ่ามายาจะมีพลังเวทเพียงน้อยนิด เพราะเผ่ามายาเด่นด้านเวทมายาและเขตอาคมซึ่งไม่ต้องอาศัยพลังเวทอะไรมากมาย



มิเวลไม่ตอบรับหรือปฏิเสธเพียงแต่จับด้ามดาบแน่น ตั้งสติมั่นมองคู่สนทนาเพื่อเตรียมตั้งรับหากเขาจู่โจมเข้ามา แต่คนตกเป็นเป้าสายตากลับยืนนิ่งไม่ขยับ สายตาเคร่งเครียดจ้องเขม็งไปยังเด็กหนุ่มอีกคนโดยไม่แม้แต่จะหยิบดาบของตัวเองที่พื้นเสียด้วยซ้ำ



คนธรรมดา?



เขาคิดกับตัวเองอย่างสงสัย ถ้าเป็นคนธรรมดาจริงแล้วทำไมถึงมาอยู่กับผู้มีพลังเวทได้ แถมเมื่อครู่เจ้านี่ยังพูดเหมือนกับว่าไม่รู้เรื่องสงครามในตอนนี้อีก



แต่ที่สำคัญกว่านั้น



ทำไมเขาถึงจับกลิ่นอายอะไรจากมันไม่ได้เลยสักนิด ไม่มีแม้แต่กลิ่นอายของมนุษย์ธรรมดาหรือชนเผ่าไหนเลยแม่แต่น้อย



เจ้านี่เป็นใครกันแน่?



สายตากร้าวหรี่มองบุคคลประหลาดอย่างไม่ไว้ใจ ใบหน้าหวานประดับรอยยิ้มแหยๆ แสดงอาการงุนงงอย่างเห็นได้ชัดเจน



“จะยืนบื้อไปอีกนานแค่ไหน ข้ารำคาญ เอาของของข้าคืนมาได้แล้ว!” เด็กหนุ่มขยับหนีปลายดาบคมที่พุ่งเข้าใส่ไปอีกด้าน แล้วก็ยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนอีก ก่อนที่ดาบคมจะได้เฉือนเนื้อสดๆ ผู้เป็นเจ้าของกลับหยุดมือไว้แค่นั้น สายตาไม่เข้าใจมองใบหน้าเย็นชาตรงหน้า



ทำไมไม่หลบ?



สายตาแข็งกร้าวตวัดหันมามองก่อนจะหรี่ลงเล็กน้อย แขนข้างหนึ่งยกขึ้นสูงแล้วเหวี่ยงไปด้านข้างด้วยความเร็วสูง อีกสองคนมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นดาบยาวสีเงินปรากฏขึ้นกลางอากาศพร้อมด้วยมนตราซับซ้อนลอยคว้างอยู่รอบๆ



ผู้ใช้เวทมนตร์!



นักมายากล!



“ว้าว! ยอดไปเลย!”



มิเวลหันขวับไปมองวอลเมื่ออยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเขาตะโกนลั่น เห็นคนซื่อบื้อกำลังทำหน้าเป็นประกายมองศัตรูด้วยสายตาชื่นชมสุดฤทธิ์



เจ้าบ้านี่มันไม่รู้จักเวทมนตร์หรือไงกัน



เด็กสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะสัมผัสได้ถึงไอเย็นเฉียบบวกกับจิตสังหารอ่อนๆ จากข้างลำตัว มิเวลรีบหันขวับพร้อมทั้งยกดาบขึ้นรับการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวจากศัตรู



สายตาเย็นชาที่มองมานั้นแข็งกร้าวมากกว่าที่เคยเมื่อดาบของเขาถูกเธอสกัดเอาไว้ได้พอดี ทั้งแรงเกรี้ยวโกรธรวมถึงจิตสังหารของเขาทำให้เธอสงสัย ตอนที่ประดาบกันก่อนหน้านี้ยังไม่มีเลยนี่นา



และที่สำคัญกว่านั้น เธอสัมผัสไอเวทจากตัวเขาไม่ได้เลยสักนิด เธอมั่นใจว่าก่อนหน้านี้เจ้านี่ใช้เวทมนตร์แน่ๆ แต่ทำไมถึงไม่มีไอเวทเลยล่ะ มันหมายความว่ายังไงกัน



ร่างของเด็กหนุ่มขยับถอยห่างออกไปตั้งหลักก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาอีกครั้ง ดาบในมือเล็งที่จุดตาย ทั้งความเร็วและพลังการโจมตีแต่ละครั้งเพิ่มมากกว่าเดิมเกือบเท่าตัว ทำให้เธอรู้ว่าก่อนหน้าเขาแค่ออมมือให้เท่านั้น มิเวลรู้สึกปวดร้าวไปทั้งแขนเล็กๆ ของเธอทุกครั้งที่ต้องรับแรงดาบของคู่ต่อสู้ ฝีมือแค่หนึ่งในสิบคงจะต้านไม่ไหวแน่



ดาบตรงหน้าเหวี่ยงเข้ามาอย่างรุนแรงอีกครั้ง เด็กสาวรีบฝืนยกแขนอันอ่อนล้าขึ้นรับพร้อมทั้งร่ายเวทไฟเพิ่มพลังการโจมตี ไม่ต้องมาห่วงเรื่องความลับจะแตกไม่แตกแล้วในเมื่อเจ้าซื่อบื้อวอลมันบอกความลับของเธอให้ศัตรูรู้จนหมดเปลือก



ได้ผล!



เด็กหนุ่มโดนแรงเหวี่ยงของดาบจนกระเด็นไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ด้านหลัง สีหน้าเย็นชาเปลี่ยนเป็นโกรธจัดก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายไปอีกทาง มิเวลมองการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของอีกฝ่ายด้วยความตกใจ อยู่ๆ เขาก็ปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ วอลซึ่งกำลังยืนมองด้วยความตกใจไม่แพ้กัน ดาบในมือไม่รอช้าเสียบทะลุร่างบอบบางตรงหน้าทันที



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


อ่านต่อได้ที่ http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/view.php?id=546135
ปัจจุบันถึง EPISODE 35




แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 55 12:06:01

แก้ไขเมื่อ 27 ม.ค. 55 12:04:45

จากคุณ : สาวสายสี่
เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 12:02:53




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com