Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 87 ติดต่อทีมงาน

“ฮ่า ๆๆ” โจซานตงตะเบ็งเสียงหัวเราะลั่น ปกติมันมักแสร้งหัวร่อเพื่อเยาะเย้ยหรือล่อหลอกศัตรู แต่ครานี้เป็นเสียงหัวเราะที่เกิดจากความขบขันแท้จริง “เจ้ากำลังบอกว่าแม้ต้องพ่ายแพ้ก็จะสู้เช่นนั้นรึ น่าสนใจ...น่าสนใจจริง ๆ”

ช่วงที่สองบุรุษดำเนินการสนทนาติดพัน ฟ่านไป่หนิงก็แก้ไขการสกัดจุดจนกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง ทว่านางยังคงยืนนิ่ง ตาคู่งามพินิจแผ่นหลังของโจซานตงอย่างนึกประเมิน

ถ้านางฉวยโอกาสลอบทำร้ายมันได้...

“แม่นางฟ่าน” จู่ ๆ โจซานตงก็เอ่ยชื่อนางทั้งที่มิได้หันหน้าเหลือบแลด้วยซ้ำ “ในเมื่อคลายการสกัดจุดได้แล้ว มิมาร่วมสนทนาด้วยกันหรือ”

ฟ่านไป่หนิงกัดฟันกรอด ตัดสินใจกระตุ้นฝีเท้าเดินเฉิบ ๆ เฉียดร่างคนรู้ทันไป หากเพิ่งเดินถึงข้างกายมัน โจซานตงกลับยื่นมือกางกั้นนางไว้ ดรุณีน้อยตวัดสายตามองพร้อมแค่นเสียงว่า

“หรือประมุขโจเกรงกลัวพวกข้า ขนาดคิดจะจับตัวประกันไว้ต่อรอง”

ผู้ถูกเหน็บฉีกยิ้ม พึงพอใจกิริยาจอมพยศของนางไม่น้อย

“หามิได้ ข้าเพียงเป็นห่วงอยากเตือนว่าอย่าได้เข้าร่วมต่อสู้อีกเลย ถ้านางพลั้งเผลอบาดเจ็บขึ้นมา...ข้าคงเสียดายแย่”

นั่นเป็นการเตือนโดยอ้อมว่าถ้าดรุณีน้อยใช้ลูกไม้เช่นเดิม มันจะไม่เกรงใจอีกแล้ว!

“เฮอะ แล้วถ้าข้ายังอยากต่อสู้เล่า”

“ฮึ ๆ เมื่อแม่นางต้องทิ้งชีวิตน้อย ๆ ไว้ที่นี่ ข้าก็ขออาสาเป็นผู้ส่งข่าวนี้แก่บิดามารดาและอาจารย์นางให้เอง”

ฟ่านไป่หนิงหน้าถอดสี ล่วงรู้ความนัยที่แฝงมาเป็นอย่างดี

ถ้าโจซานตงไปส่งข่าวด้วยตนเอง บิดาและอาจารย์ก็ต้องปะทะกับมันเพื่อแก้แค้น นั่นคือหากนางลงมือ ชีวิตญาติมิตรก็คงอันตรายไปด้วย

จังหวะนั้นเอง สือหย่งหลุนก็พูดว่า “แต่ถ้านางมิได้ร่วมต่อสู้ จะทำอย่างอื่นท่านคงไม่ห้ามปราม”

“เชิญตามสบาย” โจซานตงกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจเต็มเปี่ยม “จะรีบหนีไป...ข้าก็ไม่ว่า”

“ประมุขโจหูตากว้างไกล นางหนีอย่างไรก็ไม่พ้นหรอก” สือหย่งหลุนสรุปราวกำลังพูดถึงดินฟ้าอากาศ แล้วจึงเลื่อนสายตามาสู่ดรุณีน้อย “ไป่หนิง พี่ใหญ่บาดเจ็บสาหัส ช่วยดูแลด้วยเถิด”

ด้านโจซานตงก็เปลี่ยนมาผายมือไปทางสือหย่งหลุน เหยียดยิ้มให้นางอีกครั้ง ดรุณีน้อยสะบัดหน้าพรืด แต่พอเดินมาถึงสือหย่งหลุนท่าทีพลันแปรเปลี่ยนเป็นห่วงใยกังวล

หากนางก็รู้ดีว่ามาถึงขั้นที่สุดจะหันหลังกลับได้แล้ว แม้เบื้องหน้าคือปากทางนรก ก็มีแต่ต้องกระโจนเข้าไป!

ดังนั้นฟ่านไป่หนิงไม่คิดเกลี้ยกล่อมสือหย่งหลุนให้เสียเวลา เพียงหยิบขวดยาห้ามเลือดยื่นให้ เด็กหนุ่มรับไปด้วยแววตาขอบคุณ ดรุณีน้อยคงทราบว่ายาห้ามเลือดของมันหมดไปตั้งนานแล้ว จากนั้นนางก็รุดไปพยุงตัวสือหย่งจวินเลี่ยงมาพิงต้นไม้ในบริเวณที่ห่างจนแน่ใจว่าไม่โดนลูกหลง แต่ก็ยังใกล้พอสังเกตสถานการณ์ได้

“ไป่หนิง” สือหย่งจวินครางเสียงอิดโรย “ไม่ต้องห่วงข้า ช่วยน้องรอง...”

ไม่ทันจบความมันก็โก่งคออาเจียนโลหิต ฟ่านไป่หนิงรีบจี้สกัดจุดอย่างรวดเร็ว มันถึงหายใจได้สะดวกขึ้น นางตรวจร่างกายมันจนแน่ใจ วางแผนว่าควรรอให้ชีพจรเต้นสม่ำเสมอกว่านี้ค่อยทำดำเนินการต่อ แล้วพูดว่า

“การช่วยรักษาพี่ใหญ่ก็คือวิธีช่วยพี่หย่งหลุนมิให้พะวักพะวน มีสมาธิต่อสู้กับโจซานตงอย่างสุดกำลังต่างหาก”

สือหย่งจวินเหม่อมองกิริยามุ่งมั่นของนางแล้วหัวใจก็พลันเจ็บแปลบ เจ็บเสียยิ่งกว่าความบอบช้ำทางกายหลายเท่านัก เพราะมันรู้ดีว่าสิ่งซึ่งนางกระทำไม่ใช่สำหรับมันแม้แต่น้อย...

ทุกอย่างเพียงเพื่อสือหย่งหลุนเท่านั้น

เสี้ยวหน้ามันกระตุกด้วยอาการรวดร้าว หวนระลึกถึงความตรมตรอมในตอนที่คาดว่าเป็นวาระสุดท้ายของตนเมื่อครู่ พร้อมกับความเจ็บปวดที่แล่นปราดไปทั่วสรรพางค์ รู้ดีว่าร่างกายตนคงทนได้อีกไม่นานแล้ว

หากต้องเดินทางสู่ปรภพในลักษณะเช่นนี้ มันยินยอมพร้อมใจแล้วหรือ

และไม่ทันที่สติจะโถมเข้ายับยั้ง ความเจ็บช้ำก็ผลักดันคำพูดผ่านริมฝีปากออกมาว่า

“ไป่หนิง...ข้ารักเจ้า”

หากก่อนหน้าหัวใจมันเสมือนก้อนเนื้อที่ถูกกรีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า สีหน้าตกตะลึงของดรุณีน้อยยามนี้ก็คือขวานที่ตรงเข้าสับก้อนเนื้อไร้ค่าเสียจนแหลกราญ

แม้ทราบดีว่าต้องเป็นเช่นนี้ ทว่าเมื่อเผชิญความเป็นจริง...อารมณ์ร้าวรานก็โหมประดังเกินกว่าจะทนรับได้ สือหย่งจวินหลับตาคล้ายไม่ต้องการเห็นเงาตนที่สะท้อนในแววตานาง แล้วกล่าวเสียงแหบแห้ง

“ขออภัย...ขออภัยจริง ๆ ...”

ไม่ทันจบประโยค มันก็อาเจียนโลหิตออกมาอีกครั้ง มิหนำซ้ำคราวนี้ยิ่งอาเจียนระลอกแล้วระลอกเล่าไม่หยุดหย่อน ฟ่านไป่หนิงตกใจจนลืมความกระอักกระอ่วน ผวาเข้าประคองร่างที่กำลังจะทรุดฮวบเอาไว้ นางทราบดีว่ายามนี้สือหย่งจวินไม่เหลือกำลังใจจะมีชีวิตอยู่อีกแล้ว แม้ดึงดันรักษาไปย่อมไร้ประโยชน์...

ตอนนั้นเองนางก็ดึงหน้าหลานคนโตสกุลสือเข้าประชิด เค้นเสียงเย็นยะเยียบว่า

“ตัดใจง่ายดายเพียงนี้เชียว ท่านอ่อนแอแค่นี้เองหรือ”

ในท่าทางอ่อนระโหยของสือหย่งจวินปรากฏอาการแปลกใจเด่นชัด หากดรุณีน้อยยังคงเอ่ยไม่ขาดช่วง

“พี่ใหญ่จะแค้นข้าก็ได้ จะอิจฉาพี่หย่งหลุนก็ได้ จงริษยา...จงแค้นเคือง ขอเพียงยังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้ว!” อารมณ์พลุ่งพล่านสุดระงับ กลั่นเป็นหยาดน้ำตาหลั่งอาบแก้ม “ทั้งที่อยู่ในสภาพย่ำแย่พี่หย่งหลุนก็ยังดั้นด้นมาเพื่อคุ้มครองท่าน ถ้าท่านตายพี่หย่งหลุนคง...คง...”

ฟ่านไป่หนิงซบหน้ากับช่วงอดที่เปรอะเปื้อนเลือดของสือหย่งจวิน ร้องไห้โฮอย่างไม่อาย

น้ำตานั้นบดขยี้เศษหัวใจของสือหย่งจวินจนไม่หลงเหลือ

เจ้ายอมให้ข้าแค้นเจ้า แต่ไม่ยอมให้ข้ารักเจ้าเช่นนั้นหรือ...

“ได้” ชายหนุ่มกระซิบแผ่วโหย “ข้าจะพยายามมีชีวิตอยู่ ไป่หนิง...รีบรักษาข้าเถอะ”

ฟ่านไป่หนิงผงกศีรษะขึ้นมองด้วยความประหลาดใจล้นพ้น หากเบื้องลึกในแววตาซึ่งสบมาบ่งว่าที่กล่าวเมื่อครู่ ไม่ใช่เรื่องแปลกปลอมเด็ดขาด จึงรีบยิ้มอย่างดีใจที่คำพูดเสียดแทงของตนกระตุ้นอีกฝ่ายได้ผล เริ่มเตรียมการรักษาด้วยการฝังเข็มทันที

ระหว่างนางก้มหน้าจัดอุปกรณ์ สือหย่งจวินก็แอบมองเสี้ยวหน้างดงามอย่างเผลอไผล

เจ้าอยากให้ข้ารอดเพื่อสือหย่งหลุน ส่วนข้าจะมีชีวิตอยู่เพื่อเจ้า

...แม้จะเป็นชีวิตอันว่างเปล่า เพราะหัวใจสลายสิ้นไปแล้วก็ตาม

**********

สือหย่งหลุนทายาห้ามเลือดที่แผลบนหัวไหล่ แล้วจะเก็บขวดยาใส่ในสาบเสื้อตามความเคยชิน ก่อนถอนหายใจเมื่อเห็นสภาพเครื่องแต่งกายจึงเปลี่ยนมาเสียบขวดยากับเข็มขัด ถอดเสื้อที่แทบมิต่างจากผ้าขี้ริ้วทิ้งไม่แยแส

ผิวหนังซึ่งนูนโค้งไปตามกล้ามเนื้อผึ่งผายชโลมด้วยเหงื่อปนโลหิต แลพบแต่บาดแผลและรอยฟกช้ำนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะเนื้อฉีกขาดคล้ายตะขาบตัวใหญ่เกาะขวางตรงสีข้าง กระทั่งโจซานตงสบเข้ายังต้องนิ่วหน้า

“เจ้าย่ำแย่กว่าที่ข้าคิดเสียอีก จะทำให้ข้าสนุกได้สักแค่ไหนกัน”

สือหย่งหลุนไม่ตอบ เพียงเริ่มตั้งกระบวนท่าใหม่อีกครั้ง พาลให้ผู้เหนือกว่าแสยะยิ้ม

“เอาเถอะ คิดเสียว่าข้าออกแรงกำจัดมารหัวใจ ไม่ลองจินตนาการดูหน่อยหรือว่าหากนำนางกลับหุบเขาแดนสุรบถแล้ว ข้าจะทำอะไรกับนางบ้าง?”

“เอาแต่พูดจนนางเผลอหลับไปกระมัง”

ริมฝีปากที่ฉีกกว้างของโจซานตงหุบลงทันควัน มันมองสือหย่งหลุนด้วยแววตาเย็นชา ก่อนโถมตัวหมายจัดการเจ้าหนุ่มปากเสียให้สาแก่ใจ

ปกติแม้โกรธเคืองอีกฝ่ายเพียงใด สือหย่งหลุนก็เคยไม่มีนิสัยพูดกวนโทโสผู้คน หากครั้งนี้เป็นข้อยกเว้น...เพราะมันหมดแรงเกินกว่าจะเป็นฝ่ายบุกแล้ว จึงต้องกระตุ้นให้โจซานตงเปิดฉากการปะทะเสียเอง เด็กหนุ่มเสียเลือดมากเกินไป ถ้าไม่เริ่มต่อสู้ให้เร็วที่สุดมันอาจล้มลงไปก่อนก็ได้

ฝ่ามือโจซานตงกร้าวแกร่งดุดัน ทว่าความรวดเร็วกลับด้อยกว่าตอนหักหาญกับจอมยุทธเซียนสุขสันต์ อาจเพราะการกระทำของสือหย่งหลุนบ้าบิ่นเกินไป ต่อให้พิภพทลายลงตรงหน้า โจซานตงก็ไม่มีวันเชื่อว่าจะมีคนคิดต่อสู้ทั้งที่แน่ใจว่าต้องกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ มันกำลังระแวงว่าเด็กหนุ่มอาจมีจุดประสงค์แอบแฝง จึงออมกำลังไว้เผื่อสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล

และความจริงแล้วสือหย่งหลุนก็มิใช่คนบ้าที่จะไม่เสียดายชีวิต เพียงแต่มันเป็นแค่คนขี้ขลาด...ขลาดเกินกว่าจะทนมองพี่ชายตายต่อหน้าแล้วหนีไปได้ และขลาดจนไม่กล้าใคร่ครวญถึงปลายทางของการประมือด้วยซ้ำ

มันทราบเพียงแค่ว่าจะรีดเค้นกำลังขุมสุดท้าย สู้โดยไม่คิดเสียใจภายหลังเท่านั้น!

สือหย่งหลุนหลบการจู่โจมฉิวเฉียดขนาดรู้สึกถึงแรงลมเสียดสีใบหน้าจนร้อนผะผ่าว พอโจซานตงตวัดหลังมือหมายตบซ้ำ เด็กหนุ่มก็ยังคงหลีกได้อย่างหวุดหวิดเช่นเดิม การที่มันสามารถเลี่ยงการปะทะกับยอดยุทธ์ในครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนหนึ่งย่อมเป็นเพราะโจซานตงยังไม่ออกกระบวนท่าเต็มที่ แต่สาเหตุหลักก็คือการศึกซึ่งสือหย่งหลุนประสบมาก่อนหน้า ขัดเกลาให้สมาธิพึงคล้ายกระบี่ที่ฝนจนบางเฉียบ แม้ง่ายต่อการแตกหัก ทว่าก็คมกริบ!

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : 27 ม.ค. 55 19:11:00




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com