Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ย้อมใจด้วยไอรัก ติดต่อทีมงาน

ตอนนี้สั้นหน่อยนะคะ แต่ว่าครั้งหน้ายาวกว่านี้แน่นอนค่า...

.
.
.

ประตูรถ BMW สีดำแง้มเปิดพร้อมกับร่างสูงโปร่งองอาจในชุดสูทแบรนด์เนมพอดีตัวจากแดนน้ำหอมก้าวออกมา คนเจ้าสำอางกราดมองไปรอบ ๆ บาร์ซึ่งไม่เพียงแต่จะตกแต่งหน้าร้านด้วยวัสดุธรรมชาติอย่างสวยงามทันสมัย บริเวณโดยรอบและที่จอดรถลูกค้าก็สะอาดสะอ้านดีพอที่จะจอดลูกคันโปรดของเขาทิ้งเอาไว้ได้อย่างไม่ต้องห่วงมากนัก



ใจจริงอธิวัฒน์อยากทำตัวเป็นนกกลับรังกลับบ้านพักผ่อนแต่หัวค่ำ ไม่ได้นึกสนุกอยากออกมาเพิ่มระดับแอลกอฮอล์ในเลือดสักนิดเดียว แต่เพื่อเลี่ยงที่จะถูกพี่ชายปากร้ายนิสัยเสียลากออกไปไหนต่อไหนก็ถึงคราวจำเป็น วางแผนว่าเข้าไปโอภาปราศรัยตามมารยาทกับปณิตาสักหน่อยพอสบโอกาสค่อยหาทางหลบฉาก



ร่างผึ่งผายก้าวฉับเข้าไปในบาร์เย็นฉ่ำตกแต่งภายในด้วยลำไผ่สีน้ำตาลทองเคลือบเงาลดความกระด้างของผนังปูน โคมไฟรังนกห้อยระย้าไล่ระดับลงมาจากเพดานสูงส่งแสงนวลอาบไล้ผิวกายคนที่อยู่ด้านล่างให้แลดูเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวา ผู้คนที่มาสังสรรค์ส่วนใหญ่เป็นชายวัยทำงาน หากเดาไม่ผิดคงเป็นกลุ่มที่มีออฟฟิศอยู่ละแวกนี้ ชายบางคนถอดเสื้อสูทพาดลวก ๆ ไว้กับพนักเก้าอี้ คลายเนคไทเพื่อกรุยทางให้แอลกอฮอล์ผ่านคอได้สะดวก บ้างก็พับแขนเสื้อเชิ้ตจนร่นมาถึงข้อศอกออกลีลาวาดมือประกอบการโม้กับกลุ่มก๊วนเต็มเหนี่ยว ตอนนี้ต่างคนต่างอยู่ในสภาพตามระเบียบพักแต่สำหรับอธิวัฒน์แล้วไม่... เขาแต่งตัวเนี้ยบราวท่านชายย่างเท้าออกมาจากบ้านอย่างไรกลับเข้าไปก็มักจะอยู่ในสภาพนั้นเสมอไม่มีบุบสลาย



การมองหาปณิตาท่ามกลางหมู่คนคลาคล่ำนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ด้วยรูปร่างหน้าตาจวบจนเสื้อผ้าทรงผมอีกทั้งบุคลิกเฉิดฉาย ทุกสิ่งอย่างขับเน้นให้เธอโดดเด่นสะดุดตา คล้ายกับว่ามีลูกศรเรืองแสงแดงโร่โผล่ขึ้นกลางอากาศชี้เป้าแม่นยำไปที่ตัวเธอทำนองนั้น...



อดีตนักเรียนเมืองผู้ดีเดินดุ่มเข้าไปหาหญิงสาวผมซอยสั้นย้อมประกายแดงล้อแสงไฟบ่งบอกถึงความมั่นใจล้นปรี่ของเจ้าตัว ต่างหูทรงเรขาคณิตอันใหญ่รับกับใบหน้าผ่องซึ่งแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางจนสวยฉ่ำ มองเธอแล้วทำให้เขานึกไปถึงผลเชอรี่สีแดงปลั่งรสหวานอมเปรี้ยวส่งกลิ่นหอมชวนลิ้มลอง ...คงไม่ใช่เขาคิดในแง่นี้คนเดียวกระมัง...ชายมาดสำราญคนหนึ่งเกาะแกะอยู่ข้างโต๊ะ ช่วงอธิวัฒน์กำลังเดินเข้าไปถึงชายไก่แจ้ก็ทึกทักอนุญาตตัวเองนั่งแต้ที่เก้าอี้ไร้เจ้าของ ไม่ว่าปณิตาจะหน้าเง้าออกปากไล่ท่าไหนหมอนั่นก็หน้าทนนั่งยิ้มกรุ้มกริ่มส่งสายตาหวานหยดไม่ยอมขยับเขยื้อนราวทอดสมอไว้



อธิวัฒน์ถอนหายใจแรง นึกหมั่นไส้ตงิด ๆ เขาไม่ได้หมั่นไส้ผู้ชายเจ้าชู้ประตูดินคนนั้นเลย แต่หมั่นไส้เจ้าของเรือนร่างโค้งเว้าเร่าร้อนในชุดพลิ้วบางนั่นต่างหาก ท่อนบนเธอสวมเสื้อลูกไม้แขนกุดเปิดช่วงหน้าท้องแบนราบ ส่วนท่อนล่างยิ่งแล้วใหญ่เป็นกางเกงขายาวก็จริงแต่เนื้อผ้าบางเฉียบมองทะลุทะลวงไปเห็นกางเกงซับในขาสั้นแค่คืบสีดำกับเรียวขางามเสลาสล้าง นี่ถ้าเกิดเป็นน้องเป็นนุ่งเขาล่ะก็จะหยิกให้เนื้อขาว ๆ นั่นเขียวเป็นจ้ำเปิดโชว์ใครไม่ได้ทีเดียว



ถึงจะหมั่นไส้แค่ไหนก็ตามทีพอได้เห็นสีหน้าโล่งอกระคนดีใจที่เห็นเขามาถึงทันเวลา ต่อมใจอ่อนขี้สงสารก็พลันทำงาน ผู้บริหารหนุ่มออกปากทักชายแปลกหน้าด้วยน้ำเสียงเข้มแบบที่พนักงานในอาณัติหลายร้อยชีวิตล่ำลือกันนักหนาว่าดุขาดใจ



“ผมว่าคุณกำลังแย่งเก้าอี้ผมอยู่นะ แล้วโต๊ะตัวนี้ก็แคบเกินไปด้วยที่จะนั่งกันสามคน...”



ชายที่นั่งเก๊กหล่อสะดุ้ง เอี้ยวตัวแหงนมองเจ้าของเสียงแล้วทำหน้าเจื่อนดูไม่จืด



ลองใครเจอเข้าแบบนี้ก็ยากที่จะดันทุรังทำตัวเป็นเนื้องอกต่อ ชายหนุ่มตัวสูงผิวพรรณขาวผ่องฟ้องชาติตระกูลมายืนตระหง่านอยู่ตรงหน้า เขาไม่ได้เพียงแต่ท่าทางเป็นคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่เฉพาะผิวพรรณเท่านั้น เสื้อผ้าและเครื่องประดับล้วนเป็นของแบรนด์เนมหรูหราชนิดพนักงานออฟฟิศธรรมดา ๆ อาจต้องทำงานหนักตลอดทั้งปีเพื่อที่จะซื้อหาของพวกนี้ได้สักชุด แถมน้ำเสียงนั้นก็เยือกเย็นเด็ดขาดน่าขนลุก เพียงแค่ได้ยินจมูกก็เหมือนจะได้กลิ่นฉุนชวนวิงเวียนของโรงพยาบาลลอยมาด้วย ลางมรณะชัด ๆ ส่วนเกินจึงตัดสินใจถอนสมอล่าถอยกลับถิ่นในทันใด



หญิงสาวย่นจมูกโบกมือไล่ชิ่วตามหลัง ตวัดตาคมมองชายเสียงเข้มหน้าเคร่งที่ไล่ไก่แจ้จนเปิดแนบ หมอหนุ่มค่อย ๆ นั่งลงที่เก้าอี้พร้อมรอยยิ้มเป็นมิตรผุดพรายที่มุมปากรูปกระจับ



“ความจริงคืนนี้ถึงผมไม่มา คุณก็หาเพื่อนนั่งดื่มได้อยู่แล้วนี่ครับ”



ปณิตาทำปากยื่นรู้สึกเหมือนโดนแขวะกลาย ๆ จากที่เพื่อนสนิทคนหนึ่งเล่าให้ฟังคุณหมอผิวขาวกระแทกตานี่นิสัยก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกนอกเสียจากติดจะเวอร์ไปนิด รสนิยมสูงล้ำคำฟ้ามากไปหน่อย เห็นทีคนเล่าอาจจะลืมไปข้อหนึ่งละมั้งว่าคุณหมอนี่ยังดุเหมือนลุงแก่อีกด้วย ดูสายตาที่จ้องมารึ...ยังกับพ่อมองเธอตอนหนีออกมาจากบ้านยังงั้นนั่นแหละ



“หมอเอ็กซ์มองฉันหัวจรดเท้ายังกะจะสแกนกรรมเลยนะคะ” ณิตาหยุดปากที่ไวเท่าความคิดไว้ไม่ทัน



“ไม่ครับ คือ...ผมก็แค่สงสัยว่าคุณแต่งตัวออกมาข้างนอกแบบนี้ทุกวันเลยรึเปล่า?”



“ทำไมเหรอคะ?” สาวสวยถามกลับพลางยกแก้วดรายมาร์ตินี่ขึ้นจิบกลั้วคอ



“ก็จะได้เตือนให้คุณระวังตัวไว้น่ะสิ คุณคงไม่อยากขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์คดีฆ่าข่มขืนหรอกใช่มั้ย สมัยนี้ไว้ใจใครได้ ยิ่งคุณไม่ค่อยมีเพื่อนแล้วยังจะออกมาทำเก๋นั่งดื่มล่อเสือล่อจะเข้คนเดียวแบบนี้อีก”



“หมอบ่นเป็นคนแก่เลย ฉันชวนออกมานั่งดื่มเป็นเพื่อนไม่ได้ให้มานั่งเทศนานะคะ อื้อ...หมอจะดื่มอะไรดีคะ? วอดก้าไหม?” เธอรีบเบี่ยงเบนประเด็นน่าเบื่อด้วยการยกมือขึ้นเรียกบริกร



“ผมขอซอฟดริ้งค์ดีกว่า” คนเรื่องมากปฏิเสธเครื่องดื่มดีกรีร้อนแรงที่สาวสวยตั้งใจนำเสนอ หวังทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี



ชายตัวผอมในชุดฟอร์มสีเทาเข้มเดินเข้ามารับออเดอร์ ดีไซน์เนอร์สาวตีหน้าซื่อสั่งเสียงหวานบาดไส้

“น้องขา ขอน้ำขิงอุ่นๆ ให้คุณผู้ชายท่านนี้แก้วนึงสิคะ”



“น้ำขิงไม่มีครับ” รู้เต็มอกว่าลูกค้าสาวแกล้งสั่งบริกรก็ยังยิ้มแย้มตอบสุภาพ ทว่าคนขี้เล่นไม่ยอมยุติอารมณ์ขัน เปลี่ยนเมนูราวสั่งของกับแม่ค้าในตลาดโต้รุ่ง



“เอาน้ำเต้าหู้ก็ได้”



บริกรสั่นศีรษะ ยิ้มแหย เริ่มมีแววอ่อนใจฉายขึ้นในหน่วยตาเล็กหรี่



“งั้น...ขอเปลี่ยนเป็นนมสดรสสตรอเบอรี่แล้วกันค่ะ” ยิ่งสั่งก็ยิ่งเตลิดไปกันใหญ่ เสียงทุ้มจึงเอ่ยแทรกตัดรำคาญแม่สาวคอทองแดงที่สั่งเครื่องดื่มราวจะเย้ยเขาอยู่ในที



“แบล็คเลเบิ้ลออนเดอะร็อคแก้วนึงครับ”



สาวผมแดงเท้าคางดูหมอหนุ่มจำใจสั่งเครื่องดื่มกันเสียหน้าแล้วหัวเราะคิก ตาพราวระยับแบบเด็กได้เล่นสนุก เธอเหลือบมองแก้วดรายมาร์ตินี่แห้งขอดของตัวเองแล้วสั่งบ้าง “เหมือนเดิมอีกแก้วด้วยค่ะ”



บริกรค้อมศีรษะรับคำสั่งแล้วเดินจากไป อธิวัฒน์เร่งทำลายความเริงโลดของสาวผมแดงด้วยสายตาจับผิดและคำถามห้วน



“คุณดื่มแบบนี้ทุกวันเลยรึเปล่า?”



ณิตาโคลงศีรษะกับคำซักถามของแพทย์จอมเฮี้ยบ เมื่อตะกี้ซักเรื่องแต่งเนื้อแต่งตัวมาคราวนี้ถามเรื่องพฤติกรรมการดื่มยังกับเธอเป็นคนไข้ที่เขากำลังจะซักประวัติยังงั้นล่ะ คนขี้เล่นเลยแก้ปัญหาด้วยการตอบแผลง ๆ



“ไม่ใช่แบบนี้ทุกวันหรอกค่ะ บางวันก็เบียร์บ้าง ไวน์บ้าง เหล้าขาวหรือพวก สรถ. ก็ดื่มค่ะ”



“อะไรคือสรถ.?” นายแพทย์ผิวใสเลิกคิ้วถาม ดวงตาบ่งบอกว่าสนใจจริงจัง



“ก็สุราเถื่อนไงคะ หมอไม่รู้จักเหรอ?” ณิตากลั้นหัวเราะ ประหลาดใจนิดๆ ที่ชายหนุ่มท่าทางมีความรู้กว้างขวางในเรื่องเครื่องดื่มกลับไม่รู้จักคำย่อของเหล้าพื้นบ้าน คิดดูอีกที...ก็แน่ล่ะใครจะเป็นนักเลงสุราเทียบชั้นเธอกัน สาโท กระแช่ ของพื้นบ้านยันเหล้านอกอึกละหลายพันบาทก็ล้วนแต่ผ่านปากเธอมาหมดแล้วทั้งนั้น



“ดื่มจัดอย่างนี้ระวังนะครับ โรคตับแข็งจะถามหาเข้าสักวัน”



สุ้มเสียงจริงจังที่หมอทักทำให้ดีไซน์เนอร์สาวเริ่มฉิว อีตาหมอนี่ดูจะตึงเปรี๊ยะไปเสียทุกเรื่องจริงเชียว เธออาจจะทำผิดมหันต์ที่คืนนี้ชวนเขามานั่งดื่มด้วย เค้าความน่าเบื่อหน่ายปรากฏรำไรจนณิตาทอดถอนใจ ยิ้มแกน นึกโทษตัวเองอยู่ครามครันว่าเมื่อหลายเดือนก่อนไม่ควรคิดการณ์ไกลขอเบอร์โทรศัพท์เอาไว้เลย นี่ถ้าเผลอหลุดปากปรึกษาเรื่องการบริหารห้องเสื้ออย่างที่หมายมั่นไว้แต่แรกล่ะก็บรรดาคำพร่ำบ่นจี้ใจดำของวิล แมคอดัมต้องกระเด็นตกขอบเป็นแน่



แก้วออนเดอะร็อคและแก้วเครื่องดื่มทรงสูงใส่ลูกมะกอกถูกนำมาเสิร์ฟ หมอหนุ่มและสาวผมแดงต่างยกแก้วของตนขึ้นมาจิบกลั้วหัวข้อสนทนาสุดชืดกร่อย ความเงียบงันเข้ามาร่วมโต๊ะเพราะต่างฝ่ายปล่อยใจดื่มด่ำไปกับรสร้อนแรงที่ทำให้เลือดในกายฉีดพล่าน



อธิวัฒน์เหลือบมองใบหน้าสวยซึ้งของหญิงสาวที่แอลกอฮอล์ระบายสีแดงเรื่อทั่วพวงแก้มปลั่ง ลึกในดวงตากลมโตคู่งามมีความเศร้าแฝงอยู่ หรือเขาจะเผลอพูดอะไรแสลงใจเธอไปนะ... ผู้หญิงต่อให้เข้มแข็งก๋ากั่นปานใดก็ย่อมซุกซ่อนความอ่อนไหวเอาไว้ ศัลยแพทย์หนุ่มรู้สึกมีความผิดติดหลังยังไงชอบกล



คนนัยน์ตาเศร้ายกดรายมาร์ตินี่ดื่มจนพร่องไปครึ่งแก้ว ช่วงที่เสียงเพลงสากลในร้านบรรเลงถึงท่อนโศกเธอก็นิ่วหน้าตัวงอยกมือกุมท้อง ครางโอดโอยโดยไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ



“คุณณิตา! เป็นอะไรไปครับ?!” หมออธิวัฒน์ปรี่เข้าไปประคองร่างหญิงสาวตามสัญชาตญาณกลัวว่าเธอจะล้มหน้าคว่ำลงกับพื้น แม้จะยังไม่ทราบแจ้งชัดว่าเธอเป็นอะไรแต่เขารู้สึกได้ว่าตัวเธอสั่น...



เพียงชั่วเสี้ยววินาทีดวงหน้าเนียนก็เงยขึ้นไร้วี่แววความเจ็บกายระคายผิว ดวงตาที่ช้อนขึ้นมาฉายแววชอบใจยิ่งนักที่หลอกหมอลงหม้อตุ๋นจนเปื่อย



“ฉันเจ็บซี่โครงจังค่ะ สงสัยตับจะทิ่ม!” เธอเล่นคารมยียวน ตัวยังไม่หยุดสั่นจากการหัวเราะครึกครื้น



หมอชักสีหน้า ตาสีน้ำตาลเข้มส่อเค้าดุ  รีบปล่อยมือจากคนเนื้อนิ่ม ยิ่งเขามีอาการฉุนแบบนี้ปณิตาก็หัวเราะสนุกขึ้นอีกเป็นเท่าตัว



“เด็กเลี้ยงแกะ!” คนหน้าเคร่งตำหนิเสียงแข็ง ทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้แล้วกอดอก



“โธ่คุณหมอ! ไม่มีอารมณ์ขันบ้างเลยระวังอายุสั้นนะคะ” ผู้ถูกกล่าวหาแก้ตัวเสียงแจ๋ว



“แล้วคุณสนุกอย่างนี้ได้ตลอดเลยรึเปล่าล่ะครับคุณณิตา แต่ผมว่าคุณดูจะเป็นคนอย่างนั้นเสียด้วยสิ” หนุ่มต่อมขันตายด้านถามกลับ คราวนี้ปณิตาหน้าม่อยไปถนัดใจ



หญิงสาวยกแก้วขึ้นเขย่าเบาๆ ดูผลมะกอกลอยไปมาก่อนจะดื่มน้ำสีขาวที่เหลืออยู่เพียงครึ่งจนหมดเพื่อดับคลื่นความกังวลใจลูกน้อยใหญ่ที่ถั่งโถมเข้ามาเป็นระลอก



“ก็ไม่เสมอไปหรอกค่ะ... อือ ช่างมันเถอะเรื่องนั้นน่ะหมอคงไม่อยากฟังปัญหาโลกแตกของฉันหรอก” เธอเหน็บผมทัดหูแก้เก้อก่อนเปลี่ยนประเด็น “แต่...เรื่องคืนนี้ฉันจะขอบอกไว้อย่างนึงนะคะ ที่ฉันชวนหมอออกมานั่งดื่มเนี่ยเพราะฉันไม่มีเพื่อนหรอกนะ ไม่ได้มีอย่างอื่นแอบแฝง”



“ครับ ผมเข้าใจ” อธิวัฒน์พยักหน้ารับคำ นึกขำที่เธอออกตัวแจ่มแจ้งแบบกลัวเข้าใจผิด ตอนแรกเขาแอบเคลือบแคลงอยู่บ้างแต่เท่าที่นั่งอยู่กับเธอมาพักใหญ่ก็ยังไม่พบวี่แววสะพานที่จะก่อตัวทอดมาสักนิด



“กำลังคิดอะไรอยู่คะ? ผิดหวังล่ะซี่!” ล้อคนนั่งนิ่งครุ่นคิดแล้วปณิตาก็หัวเราะตาเป็นประกาย



น่าประหลาด...เสียงใสและรอยยิ้มไร้จริตขัดกับบุคลิกเปรี้ยวเข็ดฟันมั่นใจสุดขั้วของเธอทำให้ชายหน้าตึงอดยิ้มและสุดท้ายก็เผลอหัวเราะตามไปด้วยไม่ได้



สาวผมแดงปรบมือร้องเย้! ชอบอกชอบใจจนคู่ดื่มร้องถาม



“ดีใจอะไรเหรอครับ?”



“ก็ดีใจที่ฉันตีไข่แตกแล้วน่ะสิคะ!”



ร่างผึ่งผายสะดุ้งนิด ๆ ตอนเธอพูดถึงไข่ เดี๋ยวนี้อะไรที่เกี่ยวกับไข่มักจะทำให้นึกไปถึงฉายาที่พี่ชายหนวดรกตั้งให้อยู่ร่ำไป เขาเลิกคิ้วทำตาโตแบบขอคำอธิบายเพิ่มเติม ขัดใจเหมือนกันที่อยู่กับเธอแล้วเขาดีแต่ถาม ๆ ๆ



“ตีไข่แตก...เพราะหมอเลิกเอาแต่นั่งหน้าตึงยอมหัวเราะแล้วไงคะ ถ้ายังไม่มีใครเคยบอก ฉันบอกหมอเองก็ได้ว่าเวลาหมอหัวเราะแล้วน่ารักกว่าตอนทำหน้าเฉยตั้งเยอะแน่ะค่ะ จริง ๆ นะ แบบว่าตอนหมอทำเฉยมันคล้ายก้อนชีสแข็ง ๆ ด้าน ๆ แล้วพอหมอหัวเราะ มันก็กลายเป็นชีสที่โดนความร้อนแล้วละลายน่ะค่ะ”



ท่านรองเจอการเปรียบเทียบแบบนี้เข้าแล้วทำหน้าแทบไม่ถูก มันทั้งน่าขันพอ ๆ กับน่างุนงง เขายิ้มแล้วเหมือนชีสเยิ้มยืดเนี่ยนะ...

“ผมว่า...นั่นมันน่ากินมากกว่าน่ารักแล้วมั้งครับ”



คนช่างเปรียบเทียบหัวเราะแหะ เพิ่งนึกได้ว่าเผลอพูดอะไรประหลาด ๆ ออกไปแล้วซี



“สงสัยฉันจะหิวเกินไปตอนนึกตัวอย่างน่ะ”



“ถ้างั้นผมก็คงต้องบอกคุณไว้เหมือนกัน ที่ผมออกมาหาคุณเนี่ยเพราะผมหนีพี่ชายมา ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่นนะครับ” ชายหนุ่มได้ทีเย้ากลับหน้าตายตามถนัด



“แหม...ฉันไม่จีบหมอหรอกค่ะ อย่าพูดหลงตัวเองนักสิ!” ณิตาชักเริ่มหมั่นไส้ย่นจมูกใส่หมอหน้าขาว ลืมฉุกใจไปเลยว่าต้นตำรับประโยคนี้น่ะคือตัวเธอเองต่างหาก



บริกรนำเครื่องดื่มแก้วใหม่มาเปลี่ยนให้ปณิตา อธิวัฒน์รู้สึกสนุกยิ้มกว้างยกแก้วขอชนเสียหน่อยหลังจากที่ต่างคนต่างดื่มกันจนหมดไปหลายแก้ว



“เพื่อมิตรภาพครับ” ...เป็นอีกครั้งที่เขาต้องแปลกใจ คู่ดื่มไม่ได้กรีดนิ้วยกแก้วมาร์ตินี่สีใสของเธอขึ้นมา หากแต่ยื่นฝ่ามือที่ดูอ่อนนุ่มมาตรงหน้า



ชายหนุ่มวางแก้วแล้วยื่นมือไปสัมผัสฝ่ามือเรียวบางที่ยื่นมาอย่างอ่อนโยน



“เราเป็นเพื่อนกันนะคะ” เธอบอกชัดคำน้ำเสียงจริงใจ กระชับมือศัลยแพทย์แน่นทีหนึ่งแทนคำสัญญาแม่นมั่น



ค่ำคืนนี้อาจไม่ใช่คืนพิเศษราวอยู่ในฝันของอธิวัฒน์เพราะมันไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบเลย บาร์ระดับกลางบรรยากาศเทียบไม่ได้เลยกับบาร์ที่เขานัดสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนเก่า คู่ดื่มเป็นสาวสวยหมดจดก็จริงแต่คอทองแดงน่าดูแถมยังถนัดหาเรื่องสนุกใส่ตัวเหมือนเป็นเด็กน้อย แต่ไม่รู้สิ...เขาว่ามันก็ดีกว่าที่คิดเอาไว้ตอนแรกเยอะและตัวเขาเองก็หลวมตัวดื่มไปหลายแก้วเหมือนกัน


+++++++++++++

(ติดตามต่อตอนหน้าจ้า)

จากคุณ : ปลากินเมฆ
เขียนเมื่อ : 28 ม.ค. 55 20:07:56




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com