Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ฺBody Talk (Boys love) ทดลองโพสต์ บทที่ 10 / หายไปนานจากปัญหาน้ำท่วมจ๊ะ ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/09/W11123446/W11123446.html

บทที่ 2 http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=vanessia&month=10-2011&date=11&group=3&gblog=2

บทที่ 3 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11141850/W11141850.html

บทที่ 4 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11163455/W11163455.html

บทที่ 5 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11175649/W11175649.html

บทที่ 6 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11182060/W11182060.html

บทที่ 7 http://topicstock.pantip.com/writer/topicstock/2011/10/W11194112/W11194112.html

บทที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11228490/W11228490.html

บทที่ 9 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11629250/W11629250.html


บทที่ 10

รุจน์นิ่งมองมือถือที่สั่นไม่หยุดในมือเนิ่นนานก่อนตัดสินใจกดปิดเครื่อง ถอนใจพร้อมหันไปมองเมษาที่ยังหลับไหล ดวงหน้าอ่อนเยาว์พริ้มยิ้มอ่อนบาง  เขาคงกำลังฝันดีอยู่แน่นอน คนน่ารักแบบนั้นคงไม่มีวันฝันร้าย เขาไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่เคยและไม่มีวันอย่างแน่นอน  ดังนั้นไม่ว่าจะหลับหรือฝันเมษาก็ไม่มีทางสะดุ้งตื่นเหงื่อโทรมกายในคืนมืดมิด รุจน์คิดแบบนั้นเมื่อขยับไปนั่งข้างเมษา สองขายกเข่าขั้นชันแล้วซบหน้าบนเข่า คำนึงเปลี่ยนทิศทางราวลมที่พัดในฤดูอันหลากหลาย ทั้งเมษาและเขาและเมษาต่างก็ขาดพ่อแม่เหมือนกัน ในขณะที่เขายังมีพี่ชายต่างมารดาอีกคน ทว่าเมษาไม่มีใคร แต่ดูซิ เมษากลับดูคล้ายคนที่ยังเหลือคนข้างกายเสมอ ด้วยเหตุที่เขาไม่เคยทำให้ตัวเองหม่นหมองเหงาหงอย  แถมจิตใจอันเบิกบานราวฤดูร้อนของเขายังทำให้ผู้คนรอบกายมีสีสันด้วยทีท่าอันเป็นมิตรและอบอุ่น  ในทางกลับกันรุจน์กลับเดียวดายเหมือนชีวิตนี้ไม่มีใครเหลืออีกแล้ว  เขาเงียบเหงาทั้งที่ยังมีพี่ชายร่วมสายเลือด

“ผมอายนะ” เมษาค่อยลืมตาขึ้นมองรุจน์
“ตื่นแล้วเหรอ” รุจน์ยื่นมือไปลูบผมของเมษา
“ผู้จัดการนี่สุดยอดเหมือนเคย อืมไม่ซิ มากกว่าเคย ผมลุกไม่ขึ้นแล้วล่ะ ดีนะที่วันนี้เป็นวันหยุด ไม่งั้นต้องตายแน่ๆเลย ผมเพลีย อยากนอนต่อทั้งวัน” เมษาหลับตายิ้มแล้วพลิกตัวนอนหงาย

“ทะลึ่ง” รุจน์จิ้มศีรษะของเขา เมษาพรวดลุกขึ้นดึงรุจน์มากอด
“แต่เราจะต่อกันอีกก็ได้นะ ผมไม่มีวันพอหรอกถ้าเป็นผู้จัดการน่ะ”
“ไม่เอาแล้ว” รุจน์แกะมือเมษาออกแล้วรีบคลานไปที่นั่งขอบเตียงริมหน้าต่าง
“ล้อเล่น ขืนทำกันอีก มีหวังผมไร้สมรรถภาพไปแหง”
เมษาหัวเราะรุจน์จึงยอมคลานกลับมาสู่อ้อมกอดของเมษาอีกครั้ง เขาเอนกายพิงเมษาโดยมีอ้อมแขนของเมษารัดไว้หลวมๆ

“ฉันคิดถึงพี่ชาย” รุจน์จับจ้องขอบฟ้าที่กลายเป็นสีส้มกระจ่างทั้งผืนแล้ว
“เล่าเรื่องของเขาให้ผมฟังได้ไหมครับ”
“เรื่องของเขาในความทรงจำของฉันคือคำถาม เพราะอะไร เรากลายเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วฉันจะทำอย่างไร  ตั้งแต่ฉันจำความได้ พี่ชายไม่ค่อยเข้าใกล้ฉัน ภาพของเขาสำหรับฉันคือเด็กผู้ชายอีกคนที่อยู่ไกลๆ เด็กผู้ชายคนนั้นมองฉันด้วยสายตาเย็นชา และอยู่คนละโลกกับฉัน เราอยู่ด้วยกันแบบนั้นเสมอมา พอพี่ชายเริ่มโตเขาก็หายออกจากบ้านบ่อยๆ บางครั้งฉันก็ได้ยินเสียงทะเลาะของพ่อและพี่ ดังและรุนแรงในคำพูด แม่มักเข้ามาในห้องของฉันแล้วบอกให้ฉันอยู่เงียบๆ แม่กอดฉันไว้แน่นตลอดเวลา

ฉันนอกจากสับสนแล้วยังกลัวด้วย   ฉันไม่เคยเข้าใจว่าเขาคิดอย่างไรกับฉัน  เขาเกลียดฉันหรือเปล่า ฉันไม่อยากเป็นแบบนั้น ความสับสนอันนั้นทำให้ฉันไม่กล้าเข้าใกล้พี่ชาย  เราเติบโตกันมาด้วยความห่างเหิน  เขาออกจะเป็นเด็กหนุ่มที่เกเรหัวรั้น แต่ฉันเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายของพ่อแม่ โดยเฉพาะแม่ ฉันติดแม่มากเพราะแม่รักฉัน แม่ให้ทุกอย่างที่ฉันขอ ฉันคิดเสมอว่าในโลกนี้ไม่ต้องมีใครฉันก็อยู่ได้ตราบที่แม่กับพ่อยังอยู่กับฉัน แต่ความไม่แน่นอนก็พรากพวกเขาไป สิ่งที่ฉันหวาดหวั่นที่สุดคือการอยู่ร่วมกับพี่ชาย ฉันรักเขา แต่ฉันไม่รู้จักเขา

พ่อกับแม่ตายตอนที่ฉันเพิ่งเรียนจบ ไม่นานมานี้ พี่ชายก็ขายบ้านที่แต่เดิมเราคิดจะเก็บไว้โดยไม่ถามฉันสักคำว่าต้องการแบบเดียวกับเขาไหม” รุจน์หยุดพักโดยหันไปมองเมษา  เมษาสบตาเขานิ่งครู่เดียวก็เอ่ยวาจานิ่มนวลเบาแผ่ว

“วันนี้วันหยุดนี่นา ไปเยี่ยมเขาเถอะนะครับ คุณสองคนต้องคุยกัน ถ้าเขาเป็นพี่ของผม ผมจะไม่มีวันปล่อยเขาแบบนี้ ผมไม่ยอมอยู่คนละโลกกับเขา”
“ฉันพยายามมาตลอด แต่เขาก็เมินเฉยมาตลอดเหมือนกัน”
“พอเขาบอกว่าอย่ามายุ่งกับฉัน ผู้จัดการก็ตามใจหรือครับ” เมษายกมือประคองใบหน้าของรุจน์
“ฉันไม่รู้จะทำอย่างไรนี่นา ฉันกลัวเขา”

“ไม่คิดบ้างหรือว่าเขาอาจกำลังรอคอยผู้จัดการเหมือนกัน เขาเองก็รอคอยให้ผู้จัดการกล้าพอที่จะทำลายกำแพงเยือกเย็นเพื่อเข้าไปพบกับตัวตนที่อ่อนแอของเขา”
“นายคิดแบบนั้นหรือ”
“ผมมันพวกลัทธินิยมทำวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่รู้ว่ากับพี่ชายผู้จัดการทำดีที่สุดแล้วหรือยังครับ” เมษาลดมือลงจากใบหน้ารุจน์ ปลายนิ้วของเขาไล้ลูบแขนของรุจน์นิ่มนวล

“.....” รุจน์ก้มหน้า
“วันนี้วันหยุดของเขาหรือเปล่าครับ”
“เท่าที่รู้ที่ทำงานของพี่หยุดตามธนาคาร”
“ก็เหมือนของเราน่ะสิ  แจ๋วเลย” เมษาดีดนิ้ว
“นายจะไปกับฉันไหม”

“ผมก็อยากไปนะ แต่วันนี้ ผมมีที่ที่ต้องไป จากนั้นก็ต้องไปเยี่ยมผู้ช่วยพ่อครัวแทนพนักงานทุกคนก่อนไปทำงานพิเศษน่ะครับ” เมษาจับไหล่รุจน์หันมาที่เขา
“ผู้จัดการการที่เราจะรู้ว่าเราจะสามารถเติบโตต่อไปหรืออ่อนเปลี้ยสิ้นแรงต่อโลกใบนี้ก็คือความกล้าและความกลัวที่จะเผชิญหน้าหรือหลีกหนีทุกสิ่งที่เราควรต่อกรกับมัน” เมษากระชับไหล่รุจน์
“ผมอยากให้ผู้จัดการกล้าที่จะเดินไปบอกกับพี่ว่า ผู้จัดการอยากคุยกับเขาทุกเรื่องที่ไม่เคยเข้าใจกัน”
“ อย่างนั้นหรือ” รุจน์ไม่อาจมั่นใจในสิ่งที่เมษาพูดว่าเขาจะทำได้ ถึงเขาอยากทำแต่พี่ชายจะให้ความร่วมมือกับเขาหรือเปล่ายังเป็นที่น่าหวั่นใจ

“ผมเองก็อยากจะมีส่วนร่วม อยากช่วยเหลือผู้จัดการไปซะทุกเรื่องเหมือนกันนะครับเพราะว่าผมชอบผู้จัดการมากที่สุด แต่ผมก็เหมือนพ่อกับแม่ของผู้จัดการ วันนี้จึงไม่อาจรับปาก ไม่อาจมั่นใจได้ว่าจะอยู่เคียงข้างผู้จัดการตลอดไปได้หรือไม่ เพราะเหตุนี้ผมจึงอยากให้ผู้จัดการเข้มแข็งด้วยตัวเอง เข้าใจผมไหมครับ” เมษายกมือรุจน์ขึ้นจูบ รุจน์ยื่นริมฝีปากไปกดที่หน้าผากของเมษา
“ขอบใจนะ นายนี่ช่างน่าเหลือเชื่อจริง ฉันชอบนายมากเหมือนกัน” รุจน์ไล้กลีบปากพรมจูบทั่วใบหน้าของเมษาพร้อมกระซิบ เด็กหนุ่มพาเขานอนลงแล้วเคลื่อนกายลงใต้ผ้าห่ม ไม่นานร่างกายของรุจน์ก็บิดเร่ารัญจวน

                   หัวหน้าพ่อครัวดันข้าวของตรงหน้ามาที่เมษา มีทั้งกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงยี่ห้อครองตลาด และตะกร้าผลไม้
“นี่ว่ะ ของเยี่ยมมัน ฝากด้วยนะ แล้วก็กลับมาทำงานให้ทันนะ”หัวหน้าพ่อครัวตีหน้าขรึม เมษาแอบยิ้มเขารู้แท้จริงแล้วเฮียแกก็เป็นห่วงลูกน้องคนสนิทมากอยู่ไม่น้อยแม้ที่ผ่านในการทำงานจะตีหน้าโหดชอบดุด่าเป็นประจำก็ตาม

“แต่ผมต้องไปธุระที่อื่นก่อนนะเฮีย แล้วถึงจะแวะไปน่ะ บอกเฮียแล้วนะ”
“เออๆ ขอให้ไปดูมันหน่อยก็พอ” หัวหน้าพ่อครัวหันหลังเดินกลับห้องพักผ่อน เมษาถอนใจแล้วหิ้วของทั้งหมดเต็มสองมือ ไม่ทันจะออกจากประตูก็เหลือบเห็นร่างเพรียวบางที่คุ้นเคยยืนอยู่หลังประตูด้านหลังครัว เมษารีบวางของแล้วผลักประตูออกไป
“ซีซ่า” เขาเรียก เจ้าของร่างจึงหันมาตามเสียง ใบหน้าซีดเซียวและผอบผอมซ่อนอยู่หลังม่านผมที่ย้อยลงมาปิดใบหน้า เมษาหยุดเท้าตรงหน้าหล่อน เมื่อเห็นหล่อนเต็มตาเขาต้องเงยหน้าถอนใจ บางทีเขาก็อดคิดไม่ได้ว่านี่หล่อนเป็นคนเดียวกับผู้หญิงคนนั้นจริงหรือ ทำไมกาลเวลาและชีวิตร้อนแรงถึงทำลายความสวยของหล่อนได้มากมายในเวลาไม่นานเช่นนี้

“เกิดอะไรขึ้น ”เมษากระซิบด้วยเสียงอันแห้งพร่า หล่อนกัดปากน้ำตารื้น
“เม ฉัน....” หล่อนจับแขนเมษาแน่น เมษาถอนใจหันไปมองทางอื่น เขาไม่อยากสานสบดวงตาแล้งแค้นแห้งผากนั่นจริงๆ
“พูดออกมา” เมษากลืนก้อนแข็งลงคอ และดูเหมือนมันไม่ง่ายด้วยเพราะคล้ายกับมีใบมีดโผล่ออกมาจากก้อนแข็งนั้นเมื่อริมฝีปากซีดของหล่อนขยับพูดออกมา
“เม... ฉัน....คือว่าลูก ลูกน่ะ”

เมษายกมือขึ้นแตะขมับถอนใจหนักก่อนจะหยิบกระเป๋าเงินออกมาเปิดหยิบธนาบัติขึ้นมา
“ตอนนี้ไม่มีเงินสดติดตัวมากนักเอาไปแค่นี้ก่อน ตอนเย็นผมจะไปกดมาให้อีก” เมษายัดเงินใส่มือหญิงสาว
“ฉันจะมารอตรงนี้นะ”
“อืม ถ้ามีอะไรฉุกเฉินก็โทรมานะ พรุ่งนี้ผมจะไปหาพวกคุณ”
ซีซ่าพยักหน้าเร็วแล้วหันหลังเดินห่างออกไป เมษาพิงกำแพงเหม่อมองตามความเสื่อมโทรมนั้นด้วยจิตใจที่หดหู่ หล่อนเคยสวยงามและเคยเป็นที่รักของเขามาก่อน และหล่อนก็เป็นสิ่งที่เขาพลาดพลั้งด้วยไม่เดียงสาเรื่องความรัก รักครั้งแรกที่แสนจะเร่าร้อนลืมวันลืมคืนเมื่อได้อยู่ด้วยกัน  ความจริงทำให้ทั้งสองคนตื่น เขาต้องอยู่กับมันหากแต่ซีซ่าไม่สามารถรับได้กับสิ่งที่เป็นไปได้ ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองคนไม่อาจทนสบตากันได้อีกแม้เสี้ยววินาที หล่อนหนีหายและไม่เคยกลับมา ส่วนเขาต้องทนอยู่กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น


ขณะที่เขากำลังจะลืมเลือนหล่อนก็กลับมา
“ช่วยด้วย เมษาฉันกำลังจะมีลูก”
เมษาเงยหน้าสูดหายใจลึก คำพูดนั้น คำพูดที่ทำให้โลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงของเขาหยุดนิ่ง  ในหัวใจแม้มีแค่คำถามเดียว ทว่ามันก็กลายเป็นอะไรที่หนักหนาราวกับถูกก้อนหินขนาดใหญ่หล่นใส่บ่า...แล้วเขาต้องทำอย่างไรต่อจากนี้?....

               รุจน์มองอาคารสูงทันสมัยตรงหน้าด้วยความรู้สึกหวั่นหวาด  ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามทางที่พี่ชายต้องการเพียงฝ่ายเดียวพี่ชายได้ให้ที่อยู่ไว้อย่างไม่ค่อยเต็มใจนักเมื่อรุจน์เอ่ยปากขอ  แต่เพราะรุจน์ยกเหตุผลเหตุยามฉุกเฉินและธุระอันจำเป็นที่อาจเกิดขึ้น พี่ชายจึงยอมให้หลังคิดอยู่นานพร้อมสำทับว่าต้องจำเป็นและฉุกเฉินจริงๆเท่านั้น รุจน์ปิดประตูรถกดรีโมทแล้วก้าวไปตามทางเดินเข้าอาคาร แต่ที่ผ่านมาเขาไม่ได้ทำตามคำสั่งพี่ชายเท่าไหร่นัก จำเป็นหรือไม่จำเป็น ฉุกเฉินหรือเปล่าไม่รู้  ก็แค่เขาทนคิดถึงพี่ชายไม่ไหวเลยแวะเวียนมาบ่อยๆ มายืนหลบอยู่แค่หน้าอาคารบ้าง ในร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามบ้างเพื่อรอคอยที่จะได้เห็นพี่ชาย  นั่นเป็นสิ่งที่เขาทำได้เท่าที่ผ่านมา  แต่วันนี้เขาตกลงใจที่จะทำมากกว่านั้น เมษาอาจพูดถูกเขาไม่ควรหนีความขัดแย้งนี้อีกต่อไปแล้ว หากเขาต้องการพี่ชายที่เป็นของเขาอย่างแท้จริงเขาต้องทำได้

               ขณะจะก้าวเข้าใกล้ตัวอาคารรุจน์เห็นพี่ชายกำลังออกมาจากร้านสะดวกซื้อที่อยู่ใกล้ประตูทางออกของอาคาร เขานึกอยากรู้อารมณ์พี่ชายว่าประมาณไหนจะได้ปรับให้ตัวเองอ่อนโอนกว่าหากสถานการณ์ของพี่ยังแข็งกับเขา เลยหยิบมือถือขึ้นมากดพลางเลี่ยบหลบเข้าด้านข้างอาคาร  รอสายพร้อมจับตามองพี่ชาย  พี่ชายหยุดเดินหยิบมือถือขึ้นดู รุจน์กลั้นใจเมื่อเห็นพี่ชายเอาแต่มองมือถือในมือ สัญญาณที่เขาแนบหูฟังอยู่ก็ดังนานกว่าสี่ห้าครั้งแล้ว รุจน์ถอนใจเมื่อพี่ชายตัดสินกดรับ
“ว่าไง”
“วันนี้วันหยุดพี่ไปไหนหรือเปล่าครับ” รุจน์ยิ้มกับมือถือสลับกับมองพี่ชายที่กำลังจะเดินไปที่ลิฟท์

“ทำไมล่ะ”
“ผมไปหาพี่ได้ไหมครับคือวันนี้ผมก็ว่างอยากชวนพี่ไปกินข้าวกลางวันกัน”
“อืม คงไม่ได้หรอก”
รุจน์เดินตามพี่ชายห่างๆเขากำลังรอลิฟท์อยู่
“อ้าว พี่หยุดนี่นา”
“หยุดก็จริงแต่ตอนนี้พี่อยู่ที่ทำงาน ทำโอทีอยู่”
รุจน์หยุดเท้าที่กำลังก้าว เขามองพี่ชายที่ยืนอยู่หน้าลิฟท์


“มีอะไรอีกไหมพี่ต้องรีบทำงาน ไว้เราค่อยคุยกันนะ” พี่ชายตัดสายไปแล้ว แต่รุจน์ยังแนบหูกับเครื่อง สัญญาณไม่ว่างยังถี่สม่ำเสมอ รุจน์ตัดสายรีบกดใหม่ มีเสียงผู้หญิงที่เขาไม่มีวันได้เห็นหน้าจริง จนคิดว่าน่าจะเป็นวิญญาณสถิตย์อยู่ในสัญญาณของผู้ให้บริการพูดกับเขาแทนพี่ชาย หล่อนบอกว่าไม่สามารถติดต่อหมายเลขที่รุจน์เรียกได้ รุจน์ยืนนิ่งมองพี่ชายที่กำลังก้าวขึ้นลิฟท์ด้วยความรู้สึกที่คล้ายน้ำไหลบ่าแรง เขาวิ่งไปที่ลิฟท์อีกตัวกดเรียกรอไม่นานลิฟท์ก็มาจอดเปิดประตู  รุจน์รีบก้าวเข้าไปในลิฟท์กดชั้นที่ต้องการ ออกจากลิฟท์เขาก็ก้าวไปตามโถงทางเดินด้วยหัวใจอันสั่นเทา  พอถึงหน้าประตูห้องของพี่ชายก็กดกริ่ง
“ครับ” เสียงพี่ชายดังมาจากด้านใน ครู่เดียวก็ได้ยินปลดโซ่คล้องประตูตามด้วยการปลดล็อคที่ประตู

ประตูเปิดออกพร้อมใบหน้าของพี่ชาย พอเห็นรุจน์พี่ชายก็มีสีหน้าประหลาดแต่ก็เพียงแวบเดียว
“พี่ไม่ได้อยู่สำนักงานทำโอทีนี่ฮะ” รุจน์ยิ้มเก้อๆ
“ใช่” พี่ชายเท้ามือกับประตู
“ผมอยู่ข้างล่าง ผมคิดว่าถ้าโทรบอกพี่ก่อนก็คง...” รุจน์ยกมือประกอบคำพูดแต่มันก็เปะปะ จนน่าเกะกะมาก
“มีอะไร?”พี่จ้องรุจน์จริงจัง
“ผมเข้าไปได้ไหมครับ” รุจน์ยิ้มด้วยความรู้สึกว่าช่างเปล่าประโยชน์เสียจริงรอยยิ้มนี้
“รุจน์ ต้องให้พี่พูดออกมาจริงๆเหรอ ว่าพี่ไม่ต้องการเจอนาย ไม่ต้องการเกี่ยวข้องอะไรกับนายอีก รู้ไหมทำไมพี่ถึงตัดสินใจขายบ้านเอาเมื่อเร็วๆนี้  ก็เพราะมันสถานที่สุดท้ายที่แสดงถึงความผูกพันธ์เราสองคน พี่ถึงไม่ต้องการมันไง  ไม่มีบ้านแล้วเราสองคนก็ไม่ใช่อะไรกันอีก กลับไปซะอย่ามาที่นี่อีก พี่เกลียดนาย รู้ไว้นะ” พี่ชายของรุจน์เอนตัวกลับเข้าข้างในกำลังจะปิดประตู

“แต่ผมเป็นน้องของพี่ในตัวผมในตัวพี่เราเหมือนกันครึ่งหนึ่ง” รุจน์ รีบตะโกน เขารู้สึกเหมือนลมหายใจกำลังจะขาดห้วง เลือดในตัวกำลังจะแห้งเหือด สุดท้ายเขากำลังจะกลายเป็นซากของสัตว์ที่น่ารังเกียจที่สุดในโลก เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยงจนสายเลือดเดียวกันยังเกลียดชัง
“พี่ไม่เคยคิดว่าใช่”
“พี่พูดกับผมแบบนี้ไม่ได้นะ”

“ก็บ้าคลั่งตะโกนไปซิ ไอ้บ้าเสียสติหรือไงพูดไม่รู้เรื่อง” พี่ชายปิดประตูใส่หน้ารุจน์  รุจน์ผวาเข้าจับที่จับประตูเขย่า
“พี่ครับ อย่าทำแบบนี้กับผม ผมทำผิดอะไร ผมไม่ดีตรงไหน พี่บอกผมซิ เราเป็นพี่น้องกันพูดคุยกันเถอะนะครับ ผมไม่อยากอยู่คนเดียวในโลกทั้งที่ผมมีพี่ พี่ไม่ชอบอะไรในตัวพี่บอกมาซิ ผมจะปรับปรุงตัวนะพี่นะ  พี่บอกผมซิครับว่าที่ผ่านเกือบชั่วชีวิตของเราสองคน   ผมล่วงเกินพี่ตอนไหน เมื่อไหร่ ผมพร้อมจะกราบขอโทษพี่ พี่อย่าเกลียดผมนะครับ พี่ยกโทษให้ผมด้วย  พี่ครับ พี่ผมขอโทษจริงๆนะครับ” รุจน์ยกมือเช็ดน้ำตาพลางเขย่าที่เปิดประตู  แต่ไม่มีสิ่งใดตอบรับสิ่งที่เขาพูดนอกจากความเงียบ รุจน์ทรุดตัวลงนั่งที่หน้าประตู ก้มหน้าปิดปากสะอื้นคนเดียวอย่างเงียบเหงา

            เมษาวางดอกไม้ลงบนหน้าหน้าที่ฝังศพของพ่อแม่ เขายิ้มอ่อนโยนให้กับรูปบนหินอ่อนหน้าหลุมฝังศพ ยื่นมือออกไปแตะรูปของท่านทั้งสอง
“ผมมาเยี่ยมนะครับ ช่วงนี้ผมอาจมาได้ไม่บ่อยเท่าไหร่ เพราะงานผมค่อนข้างยุ่ง อ้อ!ผมได้งานประจำทำแล้วนะครับ เจ้านายทั้งคู่เป็นคนดีมาก ผมชอบทั้งสองคนเลย โดยเฉพาะผู้จัดการ” เมษาอมยิ้มก้มมองปลายเท้า แต่พอเงยหน้ามองรูปพ่อกับแม่เขาก็หุบยิ้ม

“สิ่งที่ผมไม่ได้บอกพ่อกับแม่คิดว่าตอนนี้พวกท่านบนสวรรค์คงรู้เห็นหมดแล้ว ผิดหวังหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ผมก็ขอโทษด้วย เมื่อผมรู้จักตัวเองลึกซึ้งแล้วผมก็เลือกที่จะเป็นในสิ่งที่เป็นตัวผม ที่ผ่านการโกหกไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ในทางกลับกันผมได้ทำร้ายคนใกล้ชิด และตัวเองด้วย ผลของมันทำให้ผมเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้เห็น ผมจึงตั้งใจไว้แล้วว่าผมจะเลือกความสุขตามฉบับของผม  เรื่องนี้พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงผมนะครับ ตอนนี้ผมมีความสุขมากๆเลย ผมสัญญาผมจะมีชีวิตให้ดีที่สุดครับ” เมษาโค้งคำนับแล้วหันหลังเดินออกจากสุสาน พลิกข้อมือมองนาฬิกาแล้วหยิบมือถือขึ้นมากด รอจนสายตัดไปจึงตัดสาย

“สงสัยกำลังกินข้าวกลางวันกับพี่ชายล่ะซิท่าผู้จัดการ”เมษามองมือถือในมือ
“have a nice นะครับ” เขาจูบมือถือตัวเองก่อนจะหันกลับไปมองที่สุสาน
“อย่างไรเขาก็เป็นคนที่ผมชอบหมดใจ พ่อครับแม่ครับ ท่านยินดีกับผมมากกว่าเสียใจใช่ไหมครับ”
รุจน์เหวี่ยงมือถือลงเบาะข้างตัวแล้วซบหน้ากับพวงมาลัยรถ

เขาไม่มีความกล้าพอที่จะบอกกับเมษาถึงสิ่งที่มันล้มเหลววันนี้ รุจน์ยิ้มเยาะกับตัวเอง ที่จริงเขาก็ไม่ได้ล้มเหลวนี่นะ ผลลัพธ์มันออกมาตรงกับที่เมษาพูดทุกอย่าง เขาได้เข้าใจกับพี่ชายแล้ว เข้าใจจริงๆว่าพี่ชายเกลียดขนาดที่เรียกได้ว่าไม่อยากร่วมสายเลือด รุจน์ปวดบีบเบ้าตาจนน้ำอุ่นไหลเอ่อทะลัก เขาเคยคิดว่าระหว่างพี่น้องต้องมีสิ่งผิดพลาดที่ทำให้พี่ชายของเขาไม่อยากใยดี แต่เมื่อพี่ชายพูดถึงขนาดนั้นแล้วย่อมแสดงว่า ไม่มีอะไรเหลือพอที่จะซ่อมแซมแล้วกับสายสัมพันธ์นี้ นอกจากรอ รอให้พี่ชายหันกลับมาหาเขาเอง

รุจน์ปาดน้ำตาเหลือบขึ้นมองห้องชุดของพี่ชายบนอาคารอีกครั้ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่งที่พี่ชายเขาพร้อมจะหันมา เขาจะพบว่ารุจน์ยังคอยอยู่ที่เดิมด้วยความรู้สึกที่ไม่เปลี่ยนแปลง รุจน์สตาร์ทรถพลางนึกกลัวแล้วถ้า...ไม่มีวันนั้นจริงเขาจะทำอย่างไร มันมีทีท่ามากอยู่ไม่น้อยไม่ใช่หรือ รุจน์สะอึกน้ำตาออกมาอีกครั้งขณะออกรถ  ขณะสูดน้ำมูกเช็ดน้ำตามองถนนเบื้องหน้าโดยไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน ด้วยไม่ได้วางแผนสำรองให้กับความผิดหวัง คิดว่าอย่างไรเสียวันนี้ต้องได้มีมื้อกลางวันอันแสนวิเศษกับพี่ชายแน่นอนหลังเปิดใจคุยกันแล้ว

แก้ไขเมื่อ 29 ม.ค. 55 23:24:42

จากคุณ : vannessia
เขียนเมื่อ : 29 ม.ค. 55 22:56:52




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com