คฤหาสน์หลังใหญ่..ภายในห้องนั่งเล่นของบ้านรัตนากร..สมาชิกแทบทุกคนไม่สนใจที่จะไปนั่งรวมตัวกันในห้องอาหารเช่นเช้าวันปกติ เพราะข่าวการลอบสังหารประธารบริษัทไพศาลกรุ๊ป เรียกความสนใจได้มากกว่า
ชนาธิปนั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดบนโซฟาตัวยาวข้างลูกชายคนเล็กและลูกสาวนั่งกอดอกบนพนักเท้าแขนฝั่งน้องชาย และคณินนั่งบนโซฟาเดี่ยวใกล้ๆกัน ในขณะที่ราโมน่ายืนหัวใจเต้นระทึกอยู่ด้านหลังสุด สายตาทั้งคู่เผลอส่งความห่วงใยผ่านจอโทรทัศน์ กับภาพของอนาวินที่สวมแว่นตาดำเดินจูงมือร่างเพรียวบางของญาติสาวคนสวย โดยปัดที่จะตอบคำถามใดๆขณะเดินตามเหล่าบอดี้การ์ดร่างใหญ่ที่พยายามแหวกบรรดานักข่าวจนกระทั่งขึ้นรถคันใหญ่ติดฟิล์มทึบ และตนขับพารถแล่นจากไป พร้อมๆกับการรายงานข่าวที่คาดเดาไปต่างๆนานาของนักข่าวกับคดีสะเทือนขวัญครั้งนี้
ชนาธิปหันไปเอ่ยกับคณิน น้ำเสียงติดกังวล เดี๋ยวใครๆคงต้องคิดว่าเราอยู่เบื้องหลังแน่
คงไม่มากหรอก เพราะใครๆก็รู้ ว่าฝ่ายนั้นน่ะศัตรูเยอะอยู่แล้ว
ผมแค่กลัวว่าจะกระทบมาถึงชื่อเสียงของเราเท่านั้น
คงมีบ้างล่ะ อย่ากังวลไปเลย เดี๋ยวอีกหน่อยเรื่องก็เงียบแล้ว
คณินลุกขึ้นยืนและยื่นมือมาตบไหล่น้องชาย ก่อนจะพูดกับหลานๆ เอ้าเด็กๆ ไปกินข้าวกันดีกว่า
แล้วก็เดินนำออกจากห้องอาหาร เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลูกสาวลงมาจากห้องนอนพอดี สองพ่อลูกจึงพากันเดินเข้าห้องอาหาร สมทบกับฉันทิกาผู้เป็นน้องสะใภ้และสั่งคนรับใช้จัดเตรียมอาหารเสร็จพร้อมพอดี และหันมาถาม
แล้วพวกนั้นล่ะคะ
เดี๋ยวก็ตามมา เพิ่งจะดูข่าวของพวกไพศาลน่ะ
อะไรกัน..เมื่อคืนก็ดูแล้ว ยังจะดูอะไรกันอีก ฉันทิกาบ่นงึมงำอย่างหัวเสีย ซึ่งเป็นอารมณ์พาลพาโลมาจากเมื่อคืน ตั้งแต่ลูกน้องคนสนิทของสามีโทรมาปลุกตอนเช้ามืด จากนั้น สามีก็เอาแต่นั่งดูข่าวจนไม่หลับไม่นอน และมันส่งผลลามมาถึงเธอที่ต้องถ่างตาตื่นเป็นเพื่อนเขาด้วย
แล้วก็หันมายังหลานสาว แอ้ม ไปตามพวกลุงๆ พี่ๆเขามากินข้าวที ไป๊
ค่ะ คุณอา ร่างปราดเปรียวของหญิงสาววัยยี่สิบหันก้าวยาวๆออกจากห้องอาหาร และเจอกับผู้เป็นอาเข้าพอดี
อาน้อยกำลังบ่นอุบเลยค่ะ คุณอา
ชนาธิปยิ้มให้กับเสียงใสๆที่เอ่ยรัวเร็ว งั้นอาคงต้องรีบไปหาอาน้อยเร็วๆแล้วล่ะ ก่อนที่จะโดนบ่นจนหูตึง
หญิงสาวยิ้มกว้างและหันร่างก้าวตามร่างของอาไป เมื่อเห็นว่า บรรดาญาติผู้พี่เดินตามกันมาแล้ว โดยไม่รู้ว่า กำลังมีสงครามประสาทเล็กๆเกิดขึ้นระหว่างสามหนุ่มสาว โดยเริ่มจากชญาภาที่เหยียดยิ้มเยาะเย้ยญาติสาว
ฮึ! นี่แค่เกิดเรื่องกับคนพ่อนะ ยังหน้าถอดสีถึงขนาดนี้ แล้วถ้าเกิดกับคนลูก มิเป็นลมไปเลยเรอะ แม่คนทรยศ
ราโมน่าเม้มปากแน่น โม้นาไม่ได้เป็นคนทรยศอะไรอย่างที่พี่ภาพูดนะ
ไม่ทรยศ แต่แค่การมีใจให้ มันก็เข้าข่ายเหมือนกันนั่นล่ะ..รึเธอจะเถียง ว่าไม่ได้ชอบหมอนั่น
..เปล่านะ..พี่จิลแค่เป็นรุ่นพี่ของโม้นาเท่านั้น.. หญิงสาวพยายามยืนยันเสียงแข็ง ทั้งๆที่หัวใจกำลังเต้นรัวเร็วกับการถูกจี้ตรงจุด
และฉันทัชที่มีอายุไล่เลี่ยกับเธอก็เอ่ยสนับสนุนพี่สาว ฮึ! ผู้ร้ายปากแข็ง
นี่ หยุดหาเรื่องโม้นากันซะทีได้ไหม ราโมน่าขึ้นเสียงอย่างเหลืออด และชญาภาก็โต้กลับ
ฉันไม่ได้หาเรื่อง..ตัวเธอเองนั่นล่ะ อยู่ดีไม่ว่าดีกลับเอนเอียงเข้าหาศัตรู..หึ แค่ที่พ่อฉันรู้ว่าเธอสนใจนายนั่นเป็นพิเศษเขาก็ไม่พอใจมากแล้วนะ อย่าให้พ่อฉันต้องความดันขึ้นเพราะพฤติกรรมนอกลู่นอกทางของเธออีกเลย
นั่นสิ..แค่แม่ของเธอคนเดียวก็ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนพอแล้ว อย่าทำตัวใจง่ายตามอย่างแม่ของเธออีกคนเลย
และเสียงกระแอมไอของพี่สาว ทำให้ชายหนุ่มเพิ่งสำนึกว่าพูดอะไรออกไป ในขณะที่ญาติสาวเขม็งมองอย่างโกรธจัด ก่อนแค่นเสียงพูด
แค่หาเรื่องโม้นาคนเดียวก็พอแล้วนะ ทำไมต้องลามปามไปถึงแม่ด้วย
และแม้จะสำนึกว่าตนนั้นพูดเกินเลยไป แต่เขากลับไม่คิดขอโทษให้เสียฟอร์ม มิหนำซ้ำยังตอกย้ำถึงความอัปยศนั้นเพิ่มโทสะอีกฝ่ายให้โหมกระพือ ก็มันจริง..แม่เธอน่ะหลงผู้ชายจนไม่สนใจอะไรเลย แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้าย..เธอมันก็เป็นลูกไม่มีพ่อ
สิ้นประโยคไม่ถึงอึดใจ กำปั้นน้อยๆของญาติสาวก็พุ่งตรงเข้าที่ปากครึ่งจมูกครึ่งอย่างจังจนผู้ที่มีร่างกายใหญ่โตกว่าถึงกับผงะหงาย ก่อนที่ร่างอวบอิ่มจะหันเดินกระแทกส้นจากไป
ฉันทัชยกมือกุมบริเวณที่ถูกชก และเงยใบหน้าขึ้นเมื่อรับรู้ว่าเลือดกำเดากำลังไหลออกมา โดยมีเสียงเหน็บแหนมของพี่สาวกระหน่ำซ้ำเติม
สมน้ำหน้า นายไม่ควรจะเอาเรื่องพ่อ-แม่ของโม้นามาพูดเลยนะ ชญาภาติติงน้องชาย เพราะแม้จะไม่ถูกชะตากับญาติสาว แต่ก็ไม่ถึงกับจงเกลียดจงชังถึงขั้นต้องหยิบยกเรื่องชาติกำเนิดของอีกฝ่ายมาเหยียบย่ำ
ผมก็ไม่ได้ตั้งใจ แค่มันปากไปหน่อยเท่านั้นเอง บอกพร้อมล้วงผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกงมาซับเลือด
ฮึ! ปากพล่อยน่ะสิ ว่าพลางก็แย่งผ้าเช็ดหน้าน้องชายมาเช็ดเลือดให้แทนอย่างอดรนทนไม่ไหว แล้วก็อย่าลืมไปขอโทษโม้นาด้วยนะ
ร่างสูงที่โน้มตัวลงเล็กน้อยให้พี่สาวเช็ดเลือดได้ถนัดตอบรับในลำคอ อือ และยังไม่วายบ่นงึมงำ ยายบ้านั่น นอกจากจะนมโตแล้ว หมัดยังหนักชะมัด
ชญาภาหัวเราะพรวดพร้อมยัดผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนเลือดคืนใส่มือคนพูด ก่อนจะส่ายหน้าให้กับอารมณ์ขันปนทะลึ่งของน้องชาย นายนี่ คิดเรื่องพวกนี้ได้ทุกสถานการณ์จริงๆเลยนะ
แล้วก็หันเดินนำไปยังโต๊ะอาหาร โดยมีเสียงน้องชายพึมพำแว่วมาอีกเล็กน้อย..และทันทีที่สองพี่น้องก้าวเข้าห้องอาหาร เสียงเข้มของมารดาก็ดังขึ้นอย่างไม่พอใจ
มัวทำอะไรกันอยู่ ปล่อยให้ผู้ใหญ่เขารออยู่ได้..เสียมารยาทจริงๆ
สองพี่น้องต่างแยกย้ายกันนั่งเก้าอี้ประจำ ก่อนชญาภาจะอ้างถึงเหตุผลขอโทษค่ะ พอดีนายทัชดันเลือดกำเดาไหลน่ะ
เมื่อได้ฟังดังนั้น อารมณ์ขุ่นมัวของฉันทิกาแปรเปลี่ยนเป็นห่วงใยลูกชายทันที ไม่สบายหรือตาทัช ไปหาหมอดีกว่าไหม..เดี๋ยวแม่พาไปเลยดีกว่านะ
ชญาภาเอือมระอาปนหมั่นไส้เล็กน้อยกับอาการโอ๋ลูกชายจนมากไปของมารดา ทั้งๆที่น้องของเธอนั้นอายุยี่สิบสี่แล้ว ทัชมันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะแม่..แค่ดูหนังโป๊มากไปเท่านั้นเอง
เฮ้ย! ผู้ถูกกล่าวอ้างหันขวับมองหน้าพี่สาวแย้งเสียงยานคาง ในขณะผู้เป็นพ่อกับลุงแทบสำลักข้าวที่เพิ่งตักเข้าปาก และแอ้ม หรืออรดีนั่งหัวเราะคิกคัก ส่วนราโมน่าแม้จะยังเคืองขุ่นฉันทัชก็ยังลอบอมยิ้มกับประโยคที่ได้ยิน
ยายภา! เป็นสาวเป็นนางพูดจาแบบนั้นได้อย่างไง..เดี๋ยวเถอะ
หญิงสาวทำไม่รู้ไม่ชี้ลงมือตักอาหารเข้าปาก ในขณะที่น้องชายรีบแก้ต่างกับทุกคน ผมเปล่านะครับ
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจที่จะยอมรับคำแก้ต่างนั้นเลย ได้แต่พากันก้มหน้าทานอาหาร สีหน้าฉันทัชสลดลง แล้วหันไปทำปากขมุบขมิบต่อว่าพี่สาวที่นั่งยิ้มเยาะเย้ยอยู่ฝั่งตรงข้าม
หลังจากมื้ออาหารผ่านไป..แม้ว่าราโมน่าจะไม่อยากเก็บถ้อยคำที่ฉันทัชพูดมาคิดให้รกสมอง แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีความจริงของชาติกำเนิดได้..ฉันทัชพูดถูก..เธอเป็นลูกไม่มีพ่อ และเป็นรอยด่างของวงศ์ตระกูล สาเหตุมาจากมารดาที่เข้าพิธีวิวาห์กับเพื่อนนักธุรกิจของคุณลุง โดยไม่รู้ว่ามีเธอก่อกำเนิดอยู่ในครรภ์แล้ว..และความลับทุกอย่าง เปิดเผยทันทีที่เธอคลอดออกมาเหมือนประจานความอัปยศในครั้งนั้น จนสองครอบครัวมองหน้ากันไม่ติด และผู้ชายที่คาดว่าจะเป็นพ่อของเธอก็ไม่ยอมรับ เพราะตัวเขาก็มีครอบครัวอยู่แล้ว..หลังจากหย่าร้างกับสามี แม่ของเธอก็มีข่าวคาวกับผู้ชายอีกหลายคน และทิ้งเธอไว้ข้างหลังปล่อยให้เธอเติบโตขึ้นมาในความอ้างว้างจนอายุเก้าขวบ แม่ก็จากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ในขณะที่กำลังท่องเที่ยวในต่างประเทศพร้อมกับผู้ชายที่แม่กำลังคบหาในขณะนั้น..ส่วนเธอ ญาติๆต่างก็เบือนหน้าหนี เพราะเอือมระอากับพฤติกรรมของแม่ มีเพียงแต่ลุงชัชของเธอเท่านั้นที่ยื่นมือมาโอบอุ้มและให้ความรัก ความใส่ใจไม่ต่างไปจากลูกคนหนึ่งเลยทีเดียว
โม้นา.. เสียงเรียกของชนาธิป ทำให้ร่างที่เดินเชื่องเหงาหงอยหันมา
คะ คุณลุง
มีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่า เห็นซึมๆตั้งแต่อยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วนะ
หญิงสาวยิ้มฝืด ไม่นึกว่าลุงจะสังเกตเห็น..นี่เธอคงเป็นคนที่เก็บความรู้สึกไม่อยู่เลยมั้ง ใครๆถึงได้รู้กันหมด ว่าเธอรู้สึก หรือนึกคิดอะไรบ้าง
..ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ..ก็แค่ปัญหาเรื่องงานละครนิดหน่อยค่ะ เธอยกสิ่งที่คิดได้ในขณะนี้มาอ้าง
ทำไมล่ะ..ก็ละครเพิ่งปิดกล้องไปไม่ใช่เรอะ
ค่ะแต่เจ้ต้อยกำลังวิ่งเต้นหาละครอีกเรื่องให้หนูเล่นอีก..ทั้งๆที่หนูบอกว่าไม่ชอบเล่นละคร เพราะบทแต่ละครั้งที่ได้มามันมีแต่ทำให้เธอเปลืองเนื้อเปลืองตัว ซึ่งใครๆต่างก็พูดว่า บทมันเข้ากับรูปลักษณ์ที่เธอมี
ชนาธิปนึกไปถึงผู้จัดการหนุ่ม ที่หลานสาวเคยบ่นถึงความเห็นแก่ตัวของผู้จัดการคนนี้ที่นับวันจะเอาเปรียบแทบทุกอย่าง จนเคยมาปรึกษาว่า จะยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับผู้จัดการคนนี้แล้ว แล้วหนูว่าไงล่ะ
หนูบอกเด็ดขาดเลยว่า ไม่เอา เธอย้ำชัดหนักแน่น
ชนาธิปอมยิ้ม ยกมือขึ้นยีผมหลานสาวเบาๆ เล่นตัวมากๆเดี๋ยวไม่มีใครจ้างนะ
ถ้าเป็นอย่างนั้น หนูก็จะมาสมัครเป็นพี.อาร์ให้คุณลุงเต็มตัวเลยดีกว่าค่ะ
เห็นพูดอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว ก็ไม่เห็นจะมาทำงานให้ลุงเต็มตัวเสียที
คราวนี้แน่นอนเลยค่ะ..ว่าแต่ คุณลุงห้ามไล่หนูออกนะ ไม่งั้นหนูอดตายแน่ แสร้งออดสีหน้าละห้อย
รับรอง ลุงจะเซ็นสัญญาจ้างหนูตลอดชีวิตเลย
ว้าว! คุณลุงใจดีที่สุดเล้ย
หญิงสาวยิ้มกว้างโผกอดคุณลุงของเธอแน่น ชนาธิปหัวเราะและกอดตอบเด็กน้อยขี้อ้อนของเขาอย่างมีความสุข..แต่ฉันทิกาที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลกลับไม่ชอบใจนักกับภาพความสนิทสนมนี้ เพราะความสวยงามจับตาจับใจตลอดเรือนร่างเย้ายวนของหญิงสาว สร้างความกังวลใจให้ในหลายครั้งหลายคราว ด้วยเกรงสามีจะหลงมัวเมาจนลืมสิ้นถึงศีลธรรมอันดีเฉกเช่นผู้ชายคนอื่นในแวดวงสังคม ที่พวกคุณหญิงคุณนายทั้งหลายมาพร่ำบ่น บ้างก็ติติงให้เธออับอาย ถึงเสน่ห์ของหลานสาวคนสวยของสามีที่เที่ยวหวานเสน่ห์ไปทั่ว จนพวกผู้ชายทั้งหนุ่มทั้งแก่พากันเก็บไปละเมอเพ้อพก บางคนถึงกับขุดพฤติกรรมนอกลู่นอกทางของน้องสามีมาเปรียบเปรยว่าอาจจะสืบทอดมาถึงผู้เป็นลูกสาว จนเธอเองชักเริ่มหวาดระแวงไปต่างๆนานา
แล้วยังจะลูกชายของเธออีก แม้จะมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับราโมน่าตั้งแต่เล็กมาจนโต..แต่ใครจะสามารถล่วงรู้อนาคตได้ ว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ซึ่งวันดีคืนดี ลูกชายของเธอเกิดหน้ามืดตามัวทำเรื่องไม่ดีไม่งามขึ้นมา แล้วเธอจะทำอย่างไรกัน..เพราะฉะนั้นเธอต้องหาทางป้องกันครอบครัวอันเป็นที่รักของเธอให้หลุดพ้นจากเสน่ห์มายานั้น และวิธีที่ดีที่สุดของเธอเท่าที่คิดได้ในขณะนี้คือ เฉดหัวตัวต้นเหตุแห่งปัญหาออกไปให้พ้นจากบ้านหลังนี้โดยเร็ว !
จบตอนค่ะ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ
จากคุณ |
:
ระรินใจ
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ม.ค. 55 20:36:24
|
|
|
|