Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
xxxซีรี่ย์ ดอกไม้ หัวใจในควันปืน : ไฟซ่อนรัก..บทที่๒ xxx (กรณ์ วรรณกานต์) ติดต่อทีมงาน

บทที่๑
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11620422/W11620422.html

.....................................................


ในความเงียบสงบของราตรีอันแสนสุข..จู่ๆเสียงเคาะกึ่งทุบบานประตูพร้อมเสียงเรียกดังรัวราวกับหนีตายใครมา ฉุดกระชากให้ผู้ที่นอนคว่ำหน้าหลับใหลบนเตียงกว้างหนานุ่มถึงกับสะดุ้งเฮือก

‘ อะไรวะ! ’

“คุณจิล! ตื่นเร็วๆ เกิดเรื่องกับเสี่ยครับ”

ประโยคที่ได้ยินทำให้คนฟังลุกพรวดขึ้นนั่งหายงัวเงียเป็นปลิดทิ้ง ในจังหวะเดียวกันกับที่บานประตูเปิดออกให้ร่างสูงใหญ่ของคนสนิทก้าวเข้ามา
“คนที่บ่อนโทรมาบอกว่ารถของเสี่ยโดนถล่ม”

“เฮ้ย! แล้วป๊าอั๊วล่ะ” น้ำเสียงนั้นเปี่ยมด้วยความร้อนรน

“พวกนั้นกำลังพาไปโรงพยาบาลครับ” และขณะที่ลูกน้องกำลังโทรศัพท์รายงานเข้ามา เสียงยิงปะทะยังแว่วลอดผ่านตามสัญญาณให้ได้ยินประปราย

“บ้าเอ้ย! เป็นไปได้ยังไงวะ” อนาวินพึมพำฉุนเฉียวระคนห่วงใยผู้ให้กำเนิด พร้อมสะบัดผ้าห่มออกจากท่อนขา พาร่างเปล่าเปลือยมาเปิดตู้เสื้อผ้า ฉวยหยิบเสื้อ-กางเกงมาสวมเร่งรีบ ในขณะที่คนสนิทรีบรุดออกจากห้องลงไปเตรียมคนและรถให้ผู้เป็นนาย


ภายในคฤหาสน์ไม้เก่าแก่หลังใหญ่ที่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วยังมืดสลัวสงบเงียบ ทว่า..ช่วงนาทีนี้ดวงไฟทุกดวงถูกเปิดสว่างเห็นชัดถึงความวุ่นวาย ด้วยความร้อนรนของผู้ที่ได้รับข่าวร้าย โดยเฉพาะนายผู้หญิงของบ้านถึงกับลนลานทำอะไรไม่ถูก มือที่เร่งรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าสั่นสะท้าน น้ำตาคลอสองหน่วยตาจนพร่าเลือน

เสียงเคาะบานประตูพร้อมเสียงเรียกของลูกชาย ทำให้ร่างที่ยืนเคว้งรีบหันมาเปิดประตูรับร่างสูงให้ก้าวเข้ามา

“แม่พร้อมแล้วใช่ไหม เราจะได้ไปกันเลย”

เมธิกาพยักหน้ารับ พร้อมรีบใช้หลังมือปาดเช็ดน้ำตา พยายามเรียกความเข้มแข็งให้ตนเอง มั่นใจว่า..สามีของตนต้องปลอดภัย

อนาวินยื่นมือมาประคองร่างแบบบางของมารดาพาเดินออกจากห้องลงมาชั้นล่าง สมทบกับพิมพ์กมลผู้เป็นอาสะใภ้กำลังยืนกุมมือแน่นกับพิมพ์ศิริ ลูกสาวเพียงคนเดียว ซึ่งลงมาคอยก่อนหน้าได้ไม่กี่นาที

และทั้งหมดจึงพากันไปโรงพยาบาลที่ครอบครัวใช้บริการเป็นประจำ พร้อมขบวนผู้ติดตามอีกนับสิบชีวิต เพราะเกรงจะเกิดเหตุซ้ำรอยเช่นเดียวกับผู้เป็นนายใหญ่



บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ ผู้คนที่มารอผลการรักษาของญาติหรือคนรู้จัก ต่างพากันไปรวมตัวกันนั่งกระจุกอยู่มุมข้างเคาน์เตอร์ ปล่อยพื้นที่ส่วนใหญ่ให้กลุ่มชายฉกรรจ์หลายสิบชีวิตได้ยึดครอง ซึ่งใบหน้า ลักษณะท่าทางของแต่ละคนล้วนเหี้ยมเกรียม ดุดัน และบางคนยังมีคราบเลือดเปรอะเปื้อนตามมือและเสื้อผ้าก็ยิ่งสร้างความหวาดหวั่นจนไม่อยากเฉียดเข้าใกล้

และไม่นาน..อนาวินก็เดินนำเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ขณะที่มารดาเดินจับมือมากับพิมพ์กมลโดยมีลูกสาวคอยเคียงข้าง และร่างสูงใหญ่ของคนสนิทของอนาวินตามมาไม่ห่าง โดยให้ผู้ติดตามที่เหลือคอยอยู่ที่รถ..ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มคุมกาสิโนเหลือบมาเห็นชายหนุ่มที่แม้จะเห็นหน้ากันไม่กี่ครั้ง แต่ก็จำได้ว่าเป็นลูกของนายใหญ่ จึงรีบก้าวยาวๆเข้ามาหา

ซึ่งชายหนุ่มเอ่ยถามทันที เพราะจำเขาได้เช่นกัน
“ป๊าอั๊วเป็นไงบ้าง”

“หมอเพิ่งย้ายเข้าห้องผ่าตัดเมื่อกี้เองครับ รวมทั้งเฮียด้วย..แต่หมอไม่ให้ตามไป พวกผมเลยคอยฟังข่าวกันแถวนี้ล่ะครับ”

เมื่อฟังสิ่งที่ลูกน้องของบิดารายงาน เขาก็หมายจะเดินไปถามเจ้าหน้าที่ ว่าพาบิดาเขาเข้าห้องผ่าตัดที่ห้องไหน แต่เจ้าหน้าที่สาวของโรงพยาบาลสองคนที่เคยเห็นหน้าค่าตาก็กำลังเดินลิ่วเข้ามาหาเช่นกัน

“คุณอนาวินคะ คุณหมอกำลังเตรียมการผ่าตัดให้กับคุณพ่อของคุณกับคุณศราอยู่นะคะ รบกวนเซ็นเอกสารผ่าตัดให้หน่อยค่ะ” หนึ่งในสองยื่นเอกสารให้เขาและพิมพ์กมลเซ็นชื่อยินยอมลงไปในช่อง และส่งคืนให้เธอพร้อมกับคำพูดของอนาวิน

“ผมอยากจะรู้อาการของพ่อผมหน่อยครับ”

“เดี๋ยวจะมีคุณหมออีกท่านที่อยู่ในทีมผ่าตัดมาบอกอาการค่ะ..คุณตามน้องคนนี้ไปคอยที่ห้องรับรองก่อนนะคะ”
หญิงสาวบอกเขาจบก็หันเดินจากไป เพื่อเร่งนำเอกสารไปดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

เจ้าหน้าที่สาวอีกคนจึงเอ่ยย้ำ
“เชิญทางนี้ค่ะ”

ญาติคนไข้ทั้งหมดจึงพากันเดินตามการนำพาของหญิงสาว และเข้าไปนั่งรอภายในห้องรับรองใหญ่ไม่กี่นาที นายแพทย์วัยกลางคนที่สวมชุดกาวน์สวมทับชุดผ่าตัดก็เดินเข้ามาอธิบายถึงสาเหตุที่ต้องทำการผ่าตัดให้ฟังคร่าวๆ และจบด้วยคำพูดว่า “พวกผมจะพยายามจนสุดความสามารถครับ” ก่อนจะก้าวออกจากห้อง


เวลาที่ผ่านไปแต่ละนาทีมันช่างสร้างความทรมานสำหรับผู้ที่เฝ้ารอจนแทบทนไม่ไหว อาการกระสับกระส่ายแสดงออกมาทั่วทุกคนในหลายรูปแบบ..ร่างสูงของอนาวินผุดลุกผุดนั่ง เดินไปมาจนสิ้นความอดทน ก็หันมาพูดกับมารดาที่นั่งบีบมือแน่นกับเพื่อนสนิท

“แม่ เดี๋ยวผมลงไปดูเจ้าพวกข้างล่างหน่อยนะครับ”

เมื่อมารดาพยักหน้ารับ เขาก็เลยไปพูดกับญาติสาว
“ขวัญ พี่ฝากดูแม่ด้วยนะ”

“ไม่ต้องห่วงค่ะ เฮีย”

ชายหนุ่มจึงหันเดินออกจากพื้นที่บริเวณนั้นลงมายังชั้นล่าง และหันไปพูดกับคนสนิทที่ก้าวตามมา
“โจ้..เดี๋ยวโทรเรียกให้ใครขึ้นมาดูแม่อั๊วด้วย”

“ครับ”
หลังรับคำ ชายหนุ่มโทรบอกลูกน้องให้ขึ้นมาสองคน เพื่อดูแลความปลอดภัยให้นายหญิง



อนาวินสั่งให้ลูกน้องที่คุมกาสิโนกลับไปก่อนเพราะคิดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรเกิดขึ้นแล้ว ขืนอยู่ก็รังแต่จะสร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้คนทั่วไป และคนติดตามของเขาก็มีมากพอที่จะคุ้มครองบิดาได้..แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจอยากจะฟังคำสั่งนี้ของเขานัก เพราะความเป็นห่วงกังวลในอาการของนายใหญ่ และชายหนุ่มก็รู้ดีว่า คำสั่งของเขาไม่ค่อยศักดิ์สิทธินัก เพราะตลอดมาบิดาจะไม่ให้เขาเข้าไปมีส่วนยุ่งเกี่ยวภายในกาสิโนเลย นอกจากว่าเขาจะขอตามไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น เขาก็ไม่สนใจแล้ว เพราะในชีวิตมีเรื่องที่น่าสนใจให้ทำมากกว่า ทั้งเรื่องของเพื่อนฝูงในแวดวงสังคมและผู้หญิงที่ผลัดเปลี่ยนเข้ามาเติมสีสันและความรื่นรมย์ให้กับชีวิต

“ถ้ารู้อาการของป๊าแล้ว อั๊วจะให้คนโทรไปบอกอีกทีก็แล้วกัน”

เขาพูดดั่งคำมั่นให้อีกฝ่ายคลายใจ และยอมพากันกลับไปในที่สุด หลงเหลือแต่บอดี้การ์ดของบิดาที่ได้รับการรักษาบาดแผลแตกที่ศีรษะและตามเนื้อตัวอีกไม่กี่แผลเรียบร้อยแล้ว และในแววตาคมกล้าของบอดี้การ์ดหนุ่มซึ่งยามนี้ดูอ่อนแสงโรยรา ทั้งเหน็ดเหนื่อย เคียดแค้นและโศกสลดกับการสูญเสียกลุ่มเพื่อนร่วมอาชีพและคนที่นับถืออย่างตฤน กับยักษ์ ที่เป็นดั่งครูฝึก สั่งสอนทักษะการต่อสู้ต่างๆ และเคี่ยวกรำจนเขาสามารถขึ้นมาเป็นคนสนิทของนายใหญ่ร่วมกับเพื่อนรักอีกสองคน แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ มันได้พรากทุกคนไปจากเขาจนหมดสิ้น

“ลุงไมค์อยู่ไหน”

“ไปดูศพคนของเราครับ..พวกมูลนิธิไปเอามาแล้ว แต่ส่งไปอีกโรงพยาบาลครับ..อีกไม่นาน..พวกตำรวจคงมาหาเรา”

“อืมม์..” ใบหน้าเคร่งขรึมของคนฟังพยักรับรู้เพียงเล็กน้อย “ตอนนี้นายกลับไปพักผ่อนก่อน..พรุ่งนี้ คงมีเรื่องมากมายที่ต้องทำ”

“แล้ว..อาการของเสี่ยล่ะครับ”

“อั๊วก็กำลังคอยอยู่..นายกลับไปก่อนก็แล้วกัน  ถ้าได้เรื่องอะไร แล้วจะให้โจ้โทรไปบอก”

บอดี้การ์ดหนุ่มเลยสายตาไปมองหนุ่มรุ่นน้องที่ยืนหลังเจ้านายพยักหน้าให้เล็กน้อย เขาจึงหันกลับมารับคำกับนายหนุ่ม “ครับ” และหันเดินจากไป..

เมื่อคล้อยหลังร่างสูงใหญ่ไปแล้ว อนาวินก็หาที่สงบเงียบโทรศัพท์พูดคุยกับไมค์ ซึ่งเพิ่งจะปิดผืนผ้าดิบสีขาวขุ่นคลุมใบหน้าของตฤนและยักษ์ลงท่ามกลางร่างไร้วิญญาณของบรรดาผู้ติดตามวางเรียงรายรอการชันสูตร เขาเดินออกมาจากบริเวณพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกแสนหนักอึ้ง ขณะกดรับโทรศัพท์ของชายหนุ่ม

“ครับ คุณจิล”

“บาสบอกว่าลุงไปดูศพคนของเรา..”

“ครับ”

“..พวกนั้น..อยู่กันครบทุกคนใช่ไหม” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงแผ่ว เมื่อนึกถึงใบหน้าของคนเหล่านั้น ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้คลุกคลีใกล้ชิด แต่ก็เห็นหน้าค่าตากันทุกวัน..จู่ เมื่อคนเหล่านั้นมีอันต้องจากไปและมีสาเหตุมาจากการปกป้องบิดาของเขา มันก็ทำให้รู้สึกใจหายจนบอกไม่ถูก

“ครบทั้งเก้าคนเลยครับ..” ซึ่งรวมทั้งเพื่อนรักทั้งสองด้วย

น้ำเสียงเครียดอัดแน่นด้วยความคลั่งแค้นของผู้พูด จนคนฟังจับกระแสได้
“ลุงพอจะเดาได้ไหม ว่าเป็นพวกไหน”

“ตอนนี้ยังมืดแปดด้านครับ..แต่ดูจากอาวุธแล้วก็รูปแบบที่โจมตี..เป็นพวกมีสีแน่นอนครับ”

“ใครกันที่กล้าทำถึงขนาดนี้..”

“ขอเวลาผมหน่อย รับรอง ผมหามันเจอแน่”

“ลุงมั่นใจเรอะ”

“ผมมั่นใจครับ” ไมค์ยืนยัน..เพราะเบาะแสชิ้นสำคัญได้ถูกส่งมาให้เขาเรียบร้อยแล้ว

“ถ้ามั่นใจก็ดี ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใคร ผมจะได้ตอบแทนอย่างสาสม”

“..ขอแค่เวลาเท่านั้น พวกมันต้องได้ชดใช้แน่”

“อืมม์ เรื่องนี้มันคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ..ถ้าอย่างงั้นตอนนี้ลุงช่วยจัดการเรื่องงานศพคนของเราก่อนก็แล้วกัน..ทำให้ดีที่สุด รวมทั้งครอบครัวของพวกเขาด้วย”

“ครับ..แล้ว อาการของเสี่ยเป็นไงบ้างครับ”

“หมอกำลังผ่าตัดอยู่..แต่ผมว่าคงไม่เป็นอะไรมากหรอก..ป๊าน่ะ หนังเหนียวจะตาย”
เขาแค่นหัวเราะ แม้จะรับรู้ว่าอาการของผู้ให้กำเนิดนั้นหนักหนาสาหัสแค่ไหน แต่ในใจยังหวัง ว่าผู้ให้กำเนิดจะรอดปลอดภัยจากเหตุร้ายครั้งนี้

หลังจากวางสายไมค์ลงแล้ว ชายหนุ่มก็ทรุดตัวลงนั่ง ถอนใจเฮือก..พยายามคิดทบทวนถึงความเป็นไปได้ ว่าใครที่อยู่เบื้องหลังแผนการครั้งนี้และชื่อของ ชนาธิป ก็ผุดขึ้นมาเป็นลำดับแรก เพราะธุรกิจของบริษัททำให้ต้องมีเรื่องกระทบกระทั่งกับคู่แข่งบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็ไม่รุนแรงเท่ากับกลุ่มของรัตนากรที่ยืดเยื้อยาวนานนับสิบปี ซึ่งในระยะหลังมักมีเรื่องให้ต้องปะทะกันบ่อยครั้งทั้งทางตรงและทางอ้อม และล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนก่อน การยื่นซองประมูลงานเม็กกะโปรเจคของรัฐบาลที่บริษัทเขาได้มา สร้างความไม่พอใจกับฝ่ายตรงข้ามเป็นอย่างมากจนยื่นคำร้องประท้วง ว่าฝ่ายเขาฮั้วการประมูล แต่เมื่อไม่มีหลักฐานชัดแจ้ง ทุกข้อกล่าวหาจึงเป็นอันตกไป

แต่อีกใจก็ยังไม่อยากปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของชนาธิป..เพราะการทำธุรกิจ เรื่องการแข่งขันและแทคตริกมันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งคนระดับอย่างชนาธิปเองก็น่าจะรู้ดี ไม่น่าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้

โจ้มองใบหน้าครุ่นคิดของนายหนุ่ม และยอบตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวถัดไป
“จะส่งข่าวเรื่องนี้ให้คุณหนูเล็กรู้เมื่อไหร่ครับ..”

“เดี๋ยวนี้ล่ะ..เพราะเต้ ต้องรีบลงมาไหว้ศพน้าตฤนด้วย”

เขาตอบก่อนจะปัดเรื่องที่คิดในหัววางไว้ชั่วคราว เพราะมั่นใจว่าไม่ช้าก็เร็ว เขาต้องรู้ว่าใครมันเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอน และกดโทรศัพท์ทางไกลข้ามประเทศหาน้องสาวที่เขามักจะเรียกว่า นางมารน้อย ซึ่งขณะนี้กำลังเริ่มศึกษาระดับปริญญาโท โดยมีลูกชายของตฤนที่อายุมากกว่าเขาเพียงแค่เดือนเดียว คอยเป็นทั้งพี่เลี้ยงและบอดี้การ์ดดูแลกันมาตั้งแต่น้องสาวยังเป็นเด็กน้อยจอมซน..และจนถึงเดี๋ยวนี้ น้องสาวของเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยเตชิตให้ห่างตัว

สองพี่น้องใช้เวลาโต้ตอบบทสนทนากันไม่นานก็วางสาย โดยผู้เป็นน้องสาวบอกว่า.. “หนูเล็กจะกลับเมืองไทยให้เร็วที่สุด”

หลังจากนั้น อนาวินกลับขึ้นไปรอผลการผ่าตัดอีกครั้ง ซึ่งผลการผ่าตัดของศรานั้นเสร็จสิ้นลงก่อน แม้ว่าทีมแพทย์จะบอกว่าพ้นขีดอันตราย แต่ยังต้องรอดูอาการ เช่นเดียวกับบิดาของเขาที่ผลการผ่าตัดสำเร็จในเวลาไล่หลังกันนานร่วมครึ่งชั่วโมง..ชายหนุ่มฟังผลความคืบหน้าการรักษา ก่อนนายแพทย์เจ้าของไข้จะเดินจากไป เขาจึงให้คนสนิทจัดคนมาดูแลความปลอดภัยให้บิดาและอาของเขาเต็มกำลัง ก่อนหันกลับมายังมารดาที่ยืนเกาะแผ่นกระจก ดวงตาฉ่ำชื้นมองร่างนอนนิ่งของสามีที่อยู่ภายในห้องปลอดเชื้อซึ่งร่างกายเต็มด้วยสายระโยงระยางของอุปกรณ์ช่วยชีวิตหลายอย่าง หากไม่เป็นเพราะคำสั่งห้ามเยี่ยมของแพทย์เจ้าของไข้ ป่านนี้ตนคงเข้าไปนั่งกุมมือสามีและถ่ายทอดความรักความห่วงใยให้เขาอยู่ข้างเตียงแล้ว

“แม่ เรากลับบ้านกันก่อนเถอะ ถึงอยู่ตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร”

“แต่แม่อยากอยู่กับป๊า เผื่อป๊าฟื้นขึ้นมาแล้วจะไม่เห็นใคร”

“กว่าป๊าจะฟื้นจากฤทธิ์ยาของหมอก็คงจะเป็นช่วงสายๆเที่ยงๆนั่นล่ะ..แม่กลับไปอาบน้ำอาบท่าให้สดชื่น แล้วก็แต่งตัวสวยๆ รอป๊าตื่นขึ้นมาจะดีกว่านะครับ”

“แต่..”

เมธิกาคิดจะแย้ง แต่ลูกชายก็พยายามโน้มน้าวในแบบฉบับของเขา
“เชื่อผมสิ..ป๊าชอบให้แม่แต่งตัวสวยๆ แล้วก็คอยยิ้มให้ มากกว่าที่จะเห็นยายเพิ้งหน้าตามอมแมมนะครับ”

คนฟังค้อนขวับกับคำเปรียบเปรยนั้น แต่ก็เริ่มคล้อยตามเช่นกัน
“งั้นเรารีบกลับบ้านเลย..อ้อ! แล้วลูกสั่งให้คนมาดูแลความปลอดภัยให้ป๊ารึยัง ขอกำลังพวกตำรวจก็ได้นะ..แม่กลัวว่าพวกคนร้ายมันจะกลับมาทำร้ายป๊าอีก”

“ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ต่อให้พวกมันยกมาทั้งกองทัพ พวกเราก็กวาดเรียบ..แม่ก็ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่ว..งั้นเราไปหาอาน้ำหวานกับหนูขวัญก่อน จะได้รีบไปกันเลย”

“ครับ”

หลังจากกลับมาถึงบ้าน..เมธิกาอาบน้ำแต่งตัว แต่งหน้าตามที่ลูกบอกและจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปหลายชุด เพราะดูอาการของสามีแล้ว คงต้องใช้เวลากิน-นอนอยู่ภายในโรงพยาบาลหลายวันเป็นแน่




อนาวินเรียกทนายความประจำตระกูลให้มาที่บ้าน และทั้งหมดพากันไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งในตอนสาย ทว่า..คราวนี้ผู้ที่รอต้อนรับนอกจากจะเป็นทีมแพทย์ และตำรวจแล้ว ยังเต็มไปด้วยกองทัพนักข่าวหลากหลายสำนักทั้งไทยและต่างประเทศที่ต่างรัวแสงแฟลชพร้อมยิงคำถามสารพัด..อนาวินโอบมารดาไว้แนบอกขณะเดินตามการเปิดทางแหวกฝูงนักข่าวของบรรดาลูกน้องร่างใหญ่พร้อมผู้ติดตามทั้งหมดเข้าไปยังพื้นที่ด้านในที่นักข่าวไม่สามารถเข้าไปได้ และพบกับ จตุพลที่มารอเยี่ยมบิดาเขาด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ชายหนุ่มยกมือไหว้ผู้อาวุโสที่นับถือกันมาหลายสิบปี
“สวัสดีครับ คุณลุง”

“สวัสดีคุณจิล..ลุงเพิ่งจะรู้ข่าวเมื่อเช้านี้เอง ก็รีบมาเลย..ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดเรื่องอย่างนี้กับคุณอชิร”

“ผมก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันครับ”

และขณะที่พูดคุย นายแพทย์เจ้าของไข้ก็เดินมา เขาจึงหันไปถามอาการของบิดากับศรา แต่ผลก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า และทั้งสองก็ยังไม่ได้สติ..หลังจากนายแพทย์เดินจากไป นายตำรวจทั้งสามที่รอสอบปากคำเขาตามขั้นตอน ก็เข้ามาถามเพื่อสืบหาเบาะแสของคนร้ายโดนให้น้ำหนักเรื่องความขัดแย้งของผลประโยชน์มากที่สุด

“คุณพอจะทราบไหมครับ ว่าตอนนี้พ่อของคุณกำลังขัดแย้งกับใครหรือกลุ่มไหนบ้าง”

“ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกเลยครับ”

อนาวินตอบกลับนายตำรวจหนุ่ม ซึ่งคาดคะเนว่า อายุอาจจะอ่อนกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ และน้ำเสียงที่ถามนั้นมันช่างเรียบเรื่อย ชวนให้ไม่น่าจะฝากความหวังอะไรได้เลย

“อย่างนั้นหรือครับ..ไม่เป็นไรครับ ทางเราจะพยายามสืบเต็มที่ และถ้าคุณมีเบาะแสอะไรหรือสงสัยใครเป็นพิเศษก็ช่วยแจ้งให้ทางเราทราบด้วยนะครับ แล้วก็พยายามอย่าพูดอะไรหรือแสดงความคิดเห็นอะไรกับนักข่าว เพราะมันอาจจะกระทบไปถึงรูปคดีได้”

“ครับ”

“งั้นพวกผมขอตัว” พูดไปตามไดอะล็อกที่มักจะได้ยินบ่อยครั้ง ก่อนพากันเดินจากไป เมื่อคล้อยหลังจากกลุ่มนายตำรวจ จตุพลที่ยืนเงียบก็แสดงความคิดเห็นออกมา

“ลุงว่า พวกรัตนากรต้องมีเอี่ยวแน่นอน..เมื่อกี้คุณจิลน่าจะบอกพวกตำรวจไปเลยนะครับ”

“..เรายังไม่มีหลักฐานอะไร ผมเลยไม่อยากพูดอะไรออกไปตอนนี้..ไว้รอให้มีหลักฐานเมื่อไหร่ ผมเล่นไม่เลี้ยงแน่” ชายหนุ่มพูดอย่างเข่นเขี้ยว

“อืมม์..ตอนนี้คุณอชิรคงยังต้องพักฟื้นยาว หนำซ้ำ คุณศรายังเป็นไปด้วยอีกคน..คราวนี้ คุณจิลคงต้องรับภาระงานที่บริษัทหนักหน่อยนะ”

“เรื่องนั้นผมไม่ห่วงหรอกครับ เพราะยังไง บริษัทยังมีทีมบริหารเก่งๆอีกหลายคน..แต่ที่ผมห่วงก็แค่อาการของป๊ากับอาเจ๊กเท่านั้นล่ะครับ”

จตุพลตบบ่ากว้างแกร่งกำยำของหนุ่มรุ่นลูกดั่งให้กำลังใจ
“คุณอชิรกับคุณศราคงไม่เป็นอะไรหรอก..ตอนนี้ คุณตัวคุณเองก็ต้องระวังตัวด้วยนะ”

“ครับ คุณลุง”

“งั้นวันนี้ลุงกลับก่อนล่ะ..แล้วค่อยพบกันวันจันทร์นะครับ”

“ครับ..ขอบคุณมากนะครับ”

“ไม่เป็นไร คนกันเองน่ะ”

จตุพลกล่าวทิ้งท้ายพร้อมรอยยิ้ม ก่อนหันก้าวนำร่างของคนสนิทจากไป..อนาวินหันมาทางทนายความหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่อีกมุมห้อง กำลังดูรูปภาพความเสียหายของรถยนต์ซีดานคันใหญ่ของผู้เป็นนายจากรูปถ่ายที่ลูกน้องส่งมาให้ทางเครือข่ายเน็ตเวิร์ด

และเมื่ออนาวินยอบตัวลงนั่งเก้าอี้ใกล้กับตน เขาจึงเงยหน้าขึ้นพูด
“พวกนั้นคงรู้ความเคลื่อนไหวของเสี่ยมากทีเดียว คนของเราถึงพลาดท่าถูกโจมตีได้ถึงขนาดนี้”

เพราะครอบครัวของเขานั้นข้องเกี่ยวกับครอบครัวของอชิรมาตั้งแต่ครั้งสมัยเจ้าสัวอานนท์ ผู้เป็นประมุขคนก่อน จึงรู้เรื่องราวตื้นลึกพอสมควร และเขาก็รู้ว่า ผู้ติดตามของอชิรแต่ละคนนั้นล้วนแต่ฝีมือดีทั้งนั้น ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ทุกความเคลื่อนไหว คงไม่สามารถหาจุดอ่อนมาเล่นงานขบวนผู้ติดตามยกทีมได้เช่นนี้เป็นแน่

“มันกะระเบิดให้ป๊าเละคาซากเลยด้วยซ้ำ” อนาวินแค่นเสียงคำรามลึก “คุณจัดการตามบี้เรื่องนี้ให้ผมก็แล้วกัน อ้อ! ผมอยากจะให้เปลี่ยนตำรวจชุดนี้ด้วย..บอกตรงๆ เห็นหน้าแล้วผมไม่ค่อยเชื่อน้ำยาเลย”

“ผมเองก็ว่าจะขอเปลี่ยน..ปกติหัวหน้าทีมสอบสวนคดีใหญ่แบบนี้จะเป็นผู้กองทะนง รายนั้นน่ะเก๋าเกมทีเดียว แต่ผู้กองคนนี้เหมือนเพิ่งจะได้รับตำแหน่งด้วยซ้ำ แต่กลับได้ทำคดีใหญ่”

“แค่เริ่มต้นก็มีกลิ่นซะแล้ว..อยากรู้ชะมัด ใครกันที่มันอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

“ผมจะพยายามสืบให้ครับ”

“ฝากด้วยนะครับ”

“ครับ”
ทนายหนุ่มรับปากมั่นเหมาะกับความท้าทายชิ้นใหม่

ต่อค่ะ

จากคุณ : ระรินใจ
เขียนเมื่อ : 30 ม.ค. 55 20:28:23




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com