Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หัวใจก้นครัว ๘-๙-๑๐ (แก้ไขใหม่) ติดต่อทีมงาน

บทที่ ๘

               มือที่ถือถุงหิ้วพลาสติกและลังกระดาษบรรจุของจนเต็มทั้งสองข้าง ทำให้การเดินตามหญิงสาวที่เดินนำหน้าอยู่ เป็นไปอย่างเชื่องช้าและทุลักทุเล คนเดินนำหน้าอยู่ลิ่วๆ หันกลับมาร้องเย้าชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี

               "นี่แดง เดินให้มันเร็วๆหน่อยสิ เดินช้าเป็นเต่าคลานอยู่ได้ เดี๋ยวก็ไปไม่ทันนัดกันพอดี!”

               "โห...สิตา ไอ้ถุงกับลังของเธอนี่ มันรุงรังชะมัดเลย ถ้าอยากให้เดินเร็วกว่านี้ก็มาช่วยแบ่งไปถือบ้างซี" ชายหนุ่มเถียงกลับอย่างหงุดหงิด

              "โธ่เอ๊ย!... แค่นี้ทำเป็นโวยไปได้ ลังสองใบแค่นั้นเอง ต้วมเตี้ยมจัง เร็วน่า อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว" สิตา ยืนชี้ไปที่ห้องแถวข้างหน้าที่เป็นจุดมุ่งหมายของคนทั้งคู่

              เมื่อรักษภูมิเดินไปถึงห้องแถว ที่ตกแต่งไปด้วยผ้าที่มีลวดลายแบบแขกหลากสีสีนพันโยงใยไปมา โคมไฟแก้วส่องไฟแสงสีส้ม ยิ่งทำให้ห้องที่ฉาบด้วยสีแดงเข้มดูร้อนแรง มีรูปเทพเจ้าทางฮินดูใส่กรอบประดับไว้รอบห้อง รูปหล่อสัมฤทธิ์ถูกจัดเรียงอยู่บนโต๊ะหมู่ พร้อมของถวายหลายอย่างวางเรียงราย กลิ่นกำยานอบอวลปนกับกลิ่นธูปที่จุดไว้ตลอดเวลา ส่งให้บรรยากาศโดยรอบของห้องดูเคร่งขรึม

              สิตาที่นั่งไขว่ห้างรออยู่ และปรบมือให้พร้อมกับส่งเสียงดัง จนชายร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ในโต๊ะยิ้มขำๆกับท่าทีของหล่อน

              "วู้ววว ... ไชโย ในที่สุดคุณเต่าก็คลานมาถึงเส้นชัยจนได้ ไปเอาเหรียญมาห้อยคอให้เต่าแดงหน่อยสิคะพี่ป้อม"

             รักษภูมิ ค้อนใส่สิตา และเมื่อวางของลง ก็ยกมือสวัสดี ชายหนุ่มที่ชื่อป้อม ก่อนจะเข้าไปนั่งข้างๆสิตาที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

            "วันนี้ จะมาตรวจดวงพร้อมกันเลยทั้งสองใช่ไหมจ๊ะ? คุณหนูทั้งสอง" ชายร่างใหญ่กำยำ หน้าตาคมคาย แต่กริยาน้ำเสียงดูกระเดียดไปทางผู้หญิงมากกว่า เอ่ยทักทั้งสองคนอย่างเป็นกันเอง

               "ค่ะ พี่ป้อม แต่ขอเริ่มที่แดงก่อน ส่วนสิตาเอาไว้ที่หลังแล้วกัน" สิตาหันไปเอาศอกกระทุ้งรักษภูมิเบา ให้สับไพ่ “อธิษฐานสิแดง ตั้งสมาธิดีๆ จะได้แม่นๆไงล่ะ"

               "ถ้าอยากจะให้แม่นก็ช่วยเงียบด้วยนะ" รักษภูมิอดไม่ได้ที่จะแขวะสิตาคืนบ้าง แล้วจึงหันไปสับไพ่อย่างตั้งใจ

               "เอาล่ะพร้อมแล้ว แม่หมอจะทำนายแล้วนะจ๊ะ อย่าลืมกฎ ฟังให้จบแล้วค่อยถาม" พี่ป้อม วางไพ่ที่รักษภูมิเลือกไว้ เรียงไปตามตำแหน่ง เพื่อทำนายความหมาย

                "สามใบนี้ บอกถึงอดีต เบื่องาน รักไม่สมหวัง รอคอยการเปลี่ยนแปลง หนูรักจ๋า... หนูมีเกณฑ์การศึกษาเพิ่มเติมนี่นา รุ่งด้วยนะ อยู่ในบ้านเรา แต่จะลำบากเพราะมิตรนะ เหนื่อยเลยล่ะ เค้าจะมาขอความช่วยเหลือกับเราตลอด แต่ไม่ได้มาให้โทษนะ ให้คุณมากกว่า ถ้าผ่านไปได้ ก็จะเจอคนที่จะช่วยให้เราไปต่อได้จนถึงที่หวังไว้ โกอินเตอร์เลยน้า เออ...ไพ่ไม่เลวนะ อ้อ! ระวังปลายปี อาจจะมีเลือดตกยางออก จากอุบัติเหตุ แต่ไม่หนักหนาอะไร สบายใจได้ สวดมนต์ ทำบุญเยอะๆ จะได้ช่วยหนักให้กลายเป็นไปเบาไปได้ เชื่อแม่นะลูก"

          สิตา หัวเราะกิ๊กกั๊ก เมื่อฟังสำเนียงและจริตของคนที่ตั้งตนเป็น 'แม่' แต่พอมองร่างอันกำยำแล้วช่างแตกต่างราวฟ้ากับดิน จนรักษภูมิ ต้องหันมาถลึงตาใส่เป็นเชิงปราม

          "แล้วความรักนี่จะมีหวังได้กลับมาหากันอีกไหมฮะ พี่ป้อม?" รักษภูมิ ถามเสียงเศร้าๆแล้วจึงเลือกไพ่มาอีกสามใบ จากวงไพ่ที่แม่หมอกรีดให้

           "ถ้าไม่ใช่คู่กัน มันก็คงแคล้วกันไป ถือซะว่าไม่มีวาสนาต่อกัน แต่ลูกสาวแม่ ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกจ้ะ ออกจะงามพร้อมไปทั้งกายวาจาใจ จริงไหม หนูสิตา" พี่ป้อมหันไปหาสิตาที่ ยังคงกลั้นหัวเราะอยู่

            "จริงเจ้าค่ะ คุณแม่ขา แดงนี่ งาม เริ่ด ที่สุดในปฐพี แล้วละค่า... "
รักษภูมิที่ตอนแรกเขินเพราะคำชมอยู่ หันมาจิกตาใส่สิตา ด้วยกริยาที่น้อยคนจะเห็นเขาหลุดจากสำรวมได้ แต่เป็นปกติต่อหน้าคนที่สนิทและเขาถือว่าเป็น'พวกเดียวกัน'

           "อุ๊ยๆ อย่ามาจิกตาใส่เพื่อนสาวสิเจ้าคะ คุณผู้หญิง เป็นกริยาที่ไม่งาม ไม่ควรทำนะเจ้าคะ" สิตาแกล้งแหย่ใส่ ในขณะที่พี่ป้อมเอาปิดปากหัวเราะคิกด้วยจริตอย่างตรงข้ามกับสภาพที่เป็น

           จนมาถึงตาของสิตาบ้าง ทันทีที่เห็นไพ่ที่หงายทั้งหมด พี่ป้อมก็ทำปากจุ๊ ตาโต ส่งเสียงวี้ดว้าย จนสิตาอดงงไม่ได้

           "ต๊าย...ตายแล้ว! คุณหนูของแม่ ไหงไพ่ของหนูเหมือนกับน้องรักล่ะค้า... เอาล่ะ! ถึงจะไม่เหมือนทุกใบ แต่ก็จะขอทำนายอีกครั้งแล้วกันนะ ชีวิตโดยรวมที่ผ่านมาไม่มีอะไรหวือหวามากมายนัก แต่ต่อจากนี้...”
พี่ป้อมแกล้งหยุดไว้ ให้สิตากับรักษภูมิลุ้นเล่นๆ ก่อนจะทำนายต่อไป
“...วุ่นวายแน่ๆเจ้าค่ะ ทั้งเหนื่อยและหนัก ทั้งงานเก่าที่ค้างไว้ แถมงานใหม่ก็ยังจะทำให้ปวดหัวอีก แต่ก็ผ่านพ้นไปด้วยดี อดทนไว้แล้วกัน อ้อ! ระวังปลายปี จะมีเลือดตกยางออก แต่ไม่หนักหนาอะไรนัก แต่ที่โดดเด่นจนคุณแม่ประหลาดใจม้าก...มาก ก็เรื่องความรักเนี่ยล่ะค่า ดูกันมานานนม ไม่ยักเคยเจอ แต่ไหงคราวนี้มาแรง ปฏิเสธไม่ได้ หนีไม่พ้นเลยทีเดียวเสร็จแหงมๆ "

           "พูดเป็นเล่นน่า พี่ป้อมก็... ไม่อยากรู้เลยสักนิด เรื่องรักๆเนี่ย แล้วมีปัญหาอะไรที่จะต้องระวังไหมคะ" สิตาเสียงแข็งเมื่อแม่หมอป้อม ทักเรื่องความรัก

           ทุกทีก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่คราวนี้ถึงขั้นเอ่ยทัก คงไม่ธรรมดาแน่ แต่เอาไว้ก่อนเถอะ หล่อนอยากรู้เรื่องงานมากกว่าน่า หญิงสาวเลือกไพ่มาอีกสามใบส่งให้แม่หมอ

              "อืม...ไอ้ที่มันค้างๆคาๆไว้ก็คงจะสำเร็จเสร็จสิ้นละจ้ะ เหนื่อยหน่อยนะ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ ดวงเขาว่าไว้อย่างนี้ แต่ที่คุณแม่ อยากเตือนไว้ ให้ระวังให้ดี ก็คือเรื่อง ปาก คำพูดคำจาเนี่ยระมัดระวังไว้ให้ดี มันทั้งให้โทษ และก็ให้คุณ ได้ทั้งสองอย่าง อยู่ที่คุณหนูจะเลือกใช้นะเจ้าคะ คราวนี้มันแสดงผลออกมาอย่างเด่นชัดเลยล่ะ นี่ซีเรียสนะจ๊ะ ลูกสาว"
คุณแม่หมอ กำชับด้วยน้ำเสียงเอาการเอางาน ไม่วี้ดว้ายเหมือนที่เคย

                สิตา ล้างไพ่ส่งคืนอย่างหมดอารมณ์ แต่แม่หมอค้านเสียงแข็ง บอกสิตาอีกว่า

                "อย่าเพิ่งเลิกสิเจ้าคะ ต่อมคันของคุณแม่ ทำงานยิกๆแล้วค่า อธิษฐานแล้วตัดส่งมา นั่นแหละ เลือกมาสามใบ ใช่แล้ว แบบนั้น พร้อมจะดูแล้วใช่ไหมคะ คุณลูกขา"

                  สิตากับรักษภูมิ หันมามองหน้ากันเอง อย่างสงสัยและตื่นเต้นกับความกระตือรือร้นของแม่หมอ

                "ใบแรก ผู้ชายร่างสูงโปร่ง ผิวขาว หน้าตาคมเข้ม ใบที่สอง ทำงานเกี่ยวกับศิลปะ ใบที่สาม จะทำให้วุ่นวาย ยุ่งยาก แต่จะช่วยกันฝ่าฟันไปจนพบสิ่งที่ดี" แม่หมอ ทำหน้าตาและน้ำเสียงพอใจกับคำตอบที่ได้รับ

                 "จะไปกันถึงขั้นไหนกันละฮะ พี่ป้อม" รักษภูมิ ถามอย่างอดอยากรู้ไม่ได้

                  สิตาทำหน้าบอกบุญไม่รับ เมื่อถูกบังคับให้เลือกไพ่จากสำรับอีกหนึ่งใบ

                  “อุ๊ยๆๆ...อู๊ยยย...ดูซีคะ ชีวิตใหม่ สดใสซาบซ่า จะแต่งก็ได้นะจ๊ะ ถ้าขึ้นใบนี้เนี่ย คิ้กๆๆ" พี่ป้อม ปิดปากหัวเราะ อย่างสะใจเมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าทำหน้าบอกบุญไม่รับ

                  ยิ่งฟัง ก็ยิ่งนึกถึงตาเชฟภัทรจอมยโส หน้าทะเล้นจอมกวนโมโหคนนั้น ทำไมหล่อนถึงสลัดภาพสายตาคมกล้าของชายหนุ่มที่เขาคอยลอบมองหล่อนเวลาเผลอ จนทำให้หล่อนขนลุกหน้าร้อนผ่าวในทุกๆครั้ง ไม่ได้เสียทีนะ?

                 คิดไปคิดมาก็เพลียใจเหนื่อยเปล่าเหมือนพายเรือในอ่าง สิตาจึงหันไปบอกกับรักษภูมิ อย่างงอนๆ

                 "แดง เอาทุเรียนกับมะม่วงในถุงกลับบ้านเถอะ ไม่เอามาฝ่งมาฝากใครแล้วทั้งนั้น อารมณ์เสีย!"

                 "โถๆๆ...คุณลูกขา... คุณแม่อุตส่าห์บอกด้วยความเป็นห่วง เอาน่า ดวงมันก็คือดวง ถ้าหนูไม่อยากให้เป็น ก็อย่าไปทำตามสิเจ้าคะ ดูกันขำๆน่า ดูซี่! เดี๋ยวทุเรียนกับมะม่วงที่น้องรักอุตส่าห์หอบหิ้วมาจะเสียความตั้งใจนะค้า ผลไม้ไม่มีความผิดนะคะ น่า..น่า ไม่งอนนะคะ คุณลูก ทำหน้างอมากๆไม่สวยนะคะ" พี่ป้อม แก้ตัวพัลวัน

                   สิตาเห็นฝ่ายตรงข้ามง้อตนขนาดนั้นแล้วก็ไม่รู้จะเคืองต่อไปทำไม จึงยิ้มให้แล้วหันมาเม้าธ์กันสามคนต่อไปอย่างสนุกสนานสมกับที่ตั้งใจมาแต่แรก

       
                    เมื่อเสร็จธุระที่สำคัญที่สุดของสิตาแล้ว รักษภูมิคิดว่าภารกิจในวันนี้คงจะเสร็จสิ้นลงเสียที แต่ตนก็ได้รับมอบหมายงานใหม่ ขณะที่ทั้งสองกำลังเดินกลับมาที่รถนั่นเอง

                      "หิวจังเลยแดง ไปนั่งกินอะไรเบาๆที่ริมท่าน้ำดีกว่า พระอาทิตย์กำลังจะตกพอดีเลย ไปดูพระอาทิตย์ตกน้ำกันดีกว่า นะ ...นะ" ฟังคล้ายจะเป็นประโยคคำสั่งแกมขอร้อง ที่ตอนนี้คนเอ่ย เดินนำลิ่วเข้าไปในสวนข้างหน้าแล้วเรียบร้อย

                     สวนสันติชัยปราการ ในยามเย็นของวันอาทิตย์แบบนี้ มีบรรยากาศครึกครื้นที่เต็มไปด้วย ผู้คนมากมาย ทั้งเด็กวัยรุ่นที่มารวมกลุ่มกันเล่นกีฬาผาดโผนพร้อมทั้งเปิดเพลงเสียงดัง อยู่บริเวณลานด้านหน้า

                        ถัดเข้ามาอีกหน่อย  บรรดาหนุ่มสาวต่างพากันมาออกกำลังกาย ประกอบการเล่นดนตรีที่บรรเลงกันเอง รอบๆก็มีหลายๆครอบครัว พากันนั่งปูเสื่อล้อมวงกัน เด็กเล็กวิ่งเล่นไล่กันไปมาส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว น่าสนุกสนานครึกครื้น

                        รักษภูมิ เดินผ่านกลุ่มคนที่ส่วนใหญ่จะมีแต่แม่บ้าน กำลังเต้นแอโรบิก ตามคนนำเต้นที่อยู่บนเวทีขนาดเล็ก มาถึงที่นั่งปูน ที่ถูกปูด้วยหินอ่อนไว้สำหรับนั่ง โดยกั้นแบ่งเป็นช่อง ขั้นด้วยหัวเสาที่ประดับด้วยโคมไฟเรียงรายยาวเป็นกำแพงตามขอบริมแม่น้ำ

                        สิตา ยืนหันหน้ามองแม่น้ำเจ้าพระยาและสะพานพระรามแปดที่ตั้งตะหง่านอยู่อย่างเพลิดเพลินใจ ผมยาวสีน้ำตาลเข้มสลายปลิวไปตามแรงลมที่พัดมา รับกับแสงแดดสีส้มอ่อนของอาทิตย์ยามเย็น ที่ส่องขับให้ใบหน้าสวยได้รูปมีมิติ ดูงดงามราวกับตุ๊กตาบลายธ์ที่มีชีวิต แม้จะเห็นแต่เพียงด้านข้างก็ตาม

                         และเมื่อรักษภูมิเดินไปนั่งที่ม้านั่งข้างๆ ตุ๊กตามีชีวิตก็กลายร่างมาเป็นตุ๊กตาเจ้าสาวของชัคกี้แทน หันหน้ามาแยกเขี้ยวสยดสยอง พร้อมคำรามเสียงใส่เขาว่า

                        "แดง เปิดลังเอาขนมปังมากินหน่อยสิ หิวจะแย่อยู่แล้ว ของสิตาเอาไส้รวมมิตรนะ"

                        รักษภูมิ ทำหน้าหน่ายเมื่อแกะลังกระดาษออก เขาพลิกถุงขนมปังดูป้ายชื่อตามไส้ต่างๆที่สั่งไว้ แต่ในลังนั้นมีขนมปังวางไว้กว่าสิบก้อน สิตาเห็นเขาหยิบไส้รวมมิตรได้แล้ว จึงรีบฉวยไปจากมือ แล้วแกะถุงกัดกินคำโตอย่างเอร็ดอร่อย ด้วยความหิว

                         "ไหนเล่ามาซิ เรื่องที่พี่ป้อมบอกมาน่ะ เรื่องรักไม่สมหวังมันเป็นไงกัน?"
สิตาซัก ทั้งๆที่ยังยืนกินขนมปังอยู่ สายตามองออกไปที่สายน้ำที่ไหลไปตามแรงของลม และไม่หันหน้ามามองชายหนุ่ม ทั้งที่จริง หล่อนกำลังเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจที่สุด

                 รักษภูมิ รู้ทันสิตาว่า ถ้าหญิงสาวต้องการจะสืบอะไรล่ะก็ มักจะใช้อุบายต่างๆนานา อย่างคราวนี้เองก็เช่นกันที่ เขาจะต้องตกมาเป็นจำเลย ให้ทนายซักเอาความจริง แล้วเรื่องก็ผ่านไปนานแล้ว ชายหนุ่มจึงไม่คิดจะปิดบังอะไรสิตาอีกต่อไป

                ขนมปังไส้รวมมิตร จากร้านโปรดแห่งบางลำพู กำลังจะหมดก้อน เมื่อสิตา ได้ฟังเรื่องในอดีตที่รักษภูมิ เล่าให้ฟังจนจบ

                 หล่อนจับใจความได้ว่า แดงได้ไปตกหลุมรักกับนายแพทย์หนุ่ม หลานเจ้าของโรงเรียนที่แดงเป็นครูอยู่ ทั้งคู่ตัดสินใจคบหากันมาพักหนึ่ง ในที่สุดจึงตัดสินใจจะลองไปใช้ชีวิตร่วมกันที่ประเทศอังกฤษ เพราะคุณหมอหนุ่มจะไปเรียนต่อด้านผิวหนังที่นั่น แดงจึงอยากจะไปเรียนทำอาหารด้วย จะได้อยู่ด้วยกันตามปรารถนา

                 แต่ก็มาเจอก้างชิ้นใหญ่ก็คือ หล่อน! การที่ต้องดูแลสิตา ตามที่พ่อแม่ขอร้องระหว่างทำเพลงนั้น ทำให้เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันยืดออกไปอีก เมื่อแดงนำเรื่องนี้ไปปรึกษากับคุณหมอ กลับได้รับรู้ความจริงว่า จริงๆแล้วคุณหมอมีแฟนอยู่แล้ว และถ้าจะให้รอไปพร้อมกันกับแดง แฟนที่อยู่ที่โน่นคงจะไม่ยอมและเขาเองก็ไม่เห็นว่าแดงจำเป็นจะต้องตอบแทนบุญคุณของทางบ้านสิตาด้วยการอยู่เป็นคนดูแลสิตา

                เมื่อถึงความจำเป็นที่จะต้องเลือก แดง ตัดสินใจอยู่เพื่อดูแลสิตา และขอจบความสัมพันธ์กับคุณหมอหลายใจนั่นไปด้วย

               “แดง... แดง...อึกๆๆ” สิตาชี้นิ้วไปที่กล่องน้ำผลไม้ที่อยู่ในถุงข้างๆ ซึ่งแอบไปซื้อมาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

               “เฮ้อ! ค่อยยังชั่วหน่อย กินน้ำแล้วค่อยหายติดคอ สงสัยสิตาคงจะอินมากไปหน่อย คิดแล้วก็อยากจะเห็นหน้าไอ้หมอหลายใจนั่นจริงๆเลยนะเนี่ย” สิตา ทุบอกตัวเองเบา ขณะที่บ่นอยู่

               “คงไม่ใช่อินในเรื่องที่เราเล่าให้ฟังละมั้งสิตา เล่นเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างงั้น ค่อยๆกิน ค่อยๆกลืนสิ จนจะหมดก้อนแล้วเนี่ย” รักษภูมิอดจะกัดไม่ได้ แม้ว่ากำลังจะอยู่ในอารมณ์เศร้าก็ตาม

                “ขอโทษจริงๆนะแดง ที่สิตาต้องมาเป็นต้นเหตุของเรื่องเศร้าๆนี้ มิน่าล่ะ ที่ผ่านมาแดงดูเหม่อลอย  ยังไงพิกล สิตาก็มัวแต่ห่วงตัวเองจนลืมแดงไป สิตาเสียใจจริงๆนะ...”

                จู่ๆหล่อนก็อยากจะร้องไห้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น แค่ได้ยินว่าแดงเจ็บปวด หล่อนเองก็รู้สึกร่วมไม่ต่างไปเท่าไหร่หรอก...

                ที่ผ่านมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ใช่สิ! ตั้งแต่มีแดงเข้ามาในชีวิต แดงก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของหล่อนไปแล้ว แม้ว่าหล่อนเองจะเป็นฝ่ายแผลงฤทธิ์ให้แดงต้องคอยตามแก้ ตามดูแลอยู่เสมอๆ แต่แดงก็ไม่เคยมีท่าทีที่จะละเลยการทำหน้าที่พี่และเพื่อนที่ดี ตามที่พ่อกับแม่ ต้องการให้แดงมาทำหน้าที่นี้แม้แต่ครั้งเดียว

                  แล้วหล่อนยังมาทำเรื่องปวดหัว ให้แดงต้องมาคอยกระเตงหล่อนไปเรียนไปสอบ อย่างกับแม่ลูกอ่อน เพียงเพราะว่าหล่อนอยากจะเอาชนะคนบางคนเพียงเท่านี้หรือ?

                  “ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้ เรื่องมันผ่านไปแล้วน่า ถ้าไม่หยุด เราจะร้องไห้ไปกับสิตาด้วยนะ พอๆๆ พอได้แล้ว ไม่เอา ดูสิคนเขาเข้าใจผิดกันหมดแล้ว เดี๋ยวจะหาว่าเรามาหักอกสิตา ที่สวนนี่นะ ไม่สวยเลย คนขี้แง…” ชายหนุ่มปลอบ แต่ก็ยังมีอาการเสียงเครือเจือมาด้วย

                “บ้าสิ! น้ำหน้าอย่างแดง ไม่มีวันได้ผู้หญิงสวยอย่างสิตาไปครองหรอกย่ะ เพราะสิตา จะอยู่เป็นโสดไปตลอดชาติ รู้ไว้ด้วย!” คนที่เพิ่งจะร้องไห้ไปหยกๆ บัดนี้ปาดน้ำตาแล้วกลับมาแผลงฤทธิ์เหมือนเดิมได้แล้ว

                 “ ของอย่างงี้ มันห้ามกันได้เหรอ สิตา จริงๆแล้ว เธอมันก็ฝ่อ ขี้แหย แค่พี่ป้อม อ่านไพ่มา ทำหน้าหยั่งกะจะคว่ำโต๊ะเค้าเลยนะ ขนาดนายพงศ์ภพ ที่เธอเคยลองคบกับด้วย พอจะจริงจัง เธอก็หนีหายไปจากเขาซะงั้น แล้วก็มาทำเป็น ป่าวประกาศว่า โดนหักอก อย่างสิตา ถ้าเป็นความจริง รับรอง นายนั่นอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ อย่างล่าสุดที่เธอไปเจอเขามาที่ห้างน่ะ เขาต้องเป็นฝ่ายหนี ไม่ใช่เธอที่หนีนะ แต่จริงๆแล้วเธอเองรู้อยู่นะว่าอะไรมันคือความจริง ถูกไหม?”

                รักษภูมิ ปล่อยหมัดเด็ดที่เขาเก็บไว้มานานเพื่อกะจะน็อคสิตา ตั้งแต่รู้เรื่องนี้แล้ว

                “แหม...เห็นเงียบๆนี่ ปากร้ายไม่ใช่เบานะ เอาน่า จะยอมให้วันนึงละกัน ถือว่าชดใช้ที่ทำให้แดงโดนหักอก แต่ยังไง สิตาก็ขอยืนยันว่า ชาตินี้จะขออยู่เป็นโสดอย่างงี้ไปจนตายดีกว่า!” สิ้นคำมั่น หญิงสาวก็หันมาคุ้ยในลังใส่ขนมปังอีกครั้ง

                 “เอ...ไส้เนย นี่มันยังอุ่นๆอยู่เลยนะเนี่ย อื้มมมม...หอมเนยด้วยอ่ะ งั้น สิตาจะช่วยแดงกินแล้วกันนะ เห็นว่ามัวแต่เล่า ยังไม่ได้กินอะไร กินหน่อยแล้วกันนะ เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะเอานะ กินเข้าไปสิ สิตากินเป็นเพื่อนเอง จะได้ไม่เขินไง...ฮิๆๆ”

                   คนพูดพลางแกะห่อพลาสติกและหักขนมปังไม่ถึงหนึ่งในสี่ ส่งให้รักษภูมิกินบ้าง ส่วนที่เหลือเจ้าตัวหักครึ่งและกัดกินตรงไส้ที่ชุ่มไปด้วยเนยอย่างเอร็ดอร่อย และหันมายิ้มให้กันราวกับว่าทั้งคู่ไม่ได้มีพูดคุยถึงเรื่องเศร้าๆที่ผ่านมาเลย

จากคุณ : Awork
เขียนเมื่อ : 31 ม.ค. 55 01:55:59




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com