/
มนัญชยาพยายามเก็บกด ความรู้สึกขัดใจ ต่อการแสดงออก ที่ทำให้เธอรู้ว่า ณิชนันท์เกลียดเธอปานใด เธอไม่เห็นว่าที่ผ่านมาเธอก็ไม่ได้เข้าไปวุ่นวายอะไรกับณิชนันท์อีก แต่ถ้าหากเห็นว่าเธอแสดงออกต่อ บิดา มารดา และอาทัชของที่แสนห่วงอีกฝ่าย
ก็ช่วยไม่ได้ เพราะนั่นจะเป็นการแสดงออกแบบหนึ่งที่จะทำให้คนทั้งสามทั้งรักและเอ็นดูเธอ เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะแย่งคนที่ณิชนันท์แสนจะหวงแต่ฝ่ายเดียวสักหน่อย เพราะถือว่าคนทั้งสามเต็มใจที่จะหยิบยื่นส่วนดีๆ ส่วนนี้ให้เธอกลับมาเอง เธอที่โหยหาในส่วนนี้มาตลอดก็สมควรจะยื่นมือไปรับมันเอามาเก็บไว้ไม่ใช่หรือ
“ฝ้ายเตรียมตัวรึยังลูก?”
คำถามของธีริทธิ์ดังขึ้น ทำให้มนัญชยารีบปัด ความรู้สึกขัดใจจากณิชนันท์ออก ค่อยๆ ช้อนสายตาขึ้นไปมองหน้าผู้สูงวัย และไม่ลืมที่จะตอบคำถาม
“ฝ้ายเตรียมไว้แล้วล่ะค่ะ” เด็กสาวตอบลุงธีด้วยรอยยิ้ม และประกายแววตาแห่งความมั่นใจเช่นเดียวกัน แต่เธอไม่ได้ระบุให้ธีริทธ์รู้ว่าเธอจะสอบเข้าที่ไหน เพราะที่นั่นเป็นที่เดียวกันกับณิชนันท์หมายปองเป็นมหาวิทยาลัยเดียวกัน และคณะเดียวกัน!
ณิชนันท์กลับเข้ามาในบ้านอีกครั้งในตอนเย็น เด็กสาวเดินลงจากรถยนต์ผู้ปกครองของเพื่อนสนิทที่มักจะอาศัยติดรถกลับบ้านเสมอๆ ยามเมื่อรถยนต์สีเลือดหมูแล่นลับไปแล้ว ณิชนันท์ก็หมุนตัวกลับมาทอดสายตามองบ้านตรงหน้า บ้านหลังใหญ่ช้าๆ พลางถอนหายใจออกด้วยความเซ็ง
บ้านทั้งบ้านเวลานี้กำลังตกอยู่ในความเงียบ เพราะ เย็นนี้คุณพ่อและคุณแม่ของเธอออกไปงานเลี้ยงของเพื่อน ส่วนนนทัชอาหนุ่มก็ติดงานอยู่ที่มหาวิทยาลัย... ดังนั้นไม่ต้องถามว่าเวลานี้ จะเหลือเพียงใครบ้างอยู่ในบ้านหลังนี้
ณิชนันท์เดินตามทางที่ทอดยาวเข้ามาในบ้าน ทุกวินาทีที่อยู่ร่วมกับหญิงสาวอีกคนนับตั้งแต่วันที่มนัญชยาก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะในฐานะผู้อยู่อาศัย หรือสมาชิกคนหนึ่งของบ้านที่ทุกคนต่างให้การยอมรับ ก็ตามแต่
... แต่ทว่า ณิชนันท์ก็รู้สึกว่าในช่วงเวลาเหล่านั้นมันช่างทรมานสำหรับเธอเหลือเกิน มันอึดอัด คับข้องอยู่ในอก จนบางครั้งเธอทนไม่ไหวจะต้องหาเรื่องออกนอกบ้าน ดั่งเช่นวันนี้นั่นเอง
และพอก้าวเดินมาได้ระยะ สายตาคู่ขุ่นมัวที่มีมาก่อนหน้า ก็กลายเป็นแข็งกระด้างขึ้นมาฉับพลัน ยามที่สายตาเธอและเห็น หญิงสาวคนนั้นกำลังนั่งง่วนอยู่กับการท่องตำราอ่านหนังสืออยู่ตรงชุดโต๊ะนั่งเล่นในสวนสวย ที่คุณพ่อเธอชื่นชอบนัก ...
และยามที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาเห็นเธอ มนัญชยาก็มีเพียงการปรายสายตาตามณิชนันท์ที่กำลังก้าวเร็วๆ ผ่านไป เพราะณิชนันท์ไม่คิดที่จะเอ่ยทักอะไรกับอีกฝ่ายอย่างแน่นอน มนัญชยาถอดแว่นตาออกจากดวงตาคู่งามช้าๆ พูดทักอีกฝ่ายราบเรียบ พลอยทำให้ณิชนันท์รู้สึกว่า ตกลงใครคือคนที่อยู่ในฐานะคนอยู่อาศัย และใครกันแน่ที่จะเป็นเจ้าของบ้านจริงๆ...
“ไปไหนมาล่ะ ? ทำไมเพิ่งกลับมา? แล้วนี่ทานข้าวเย็นมาหรือยัง?” ณิชนันท์เพียงหยุดเดินดื้อๆ มนัญชยาก็ผุดลุกจากเก้าอี้นั่งเล่น รวบรวมหนังสือเข้าไปด้วยกัน แล้วเดินไปหาณิชนันท์ช้าๆ
“ในห้องครัวมีกับข้าวอยู่ ฉันทำเอาไว้ หิวก็ทานได้เลยนะ” มนัญชยาเอ่ยขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเรียบๆ อีกครั้ง
ในเวลานั้น ณิชนันท์เองไม่ค้นพบ ความปารถนาดีจริงๆ ในกระแสน้ำเสียงของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย กลับรู้สึกว่านี่เป็นการไถ่ถามธรรมดาๆ ไถ่ถามเพียงให้หมดภาระ ผู้หญิงที่แสนดี อ่อนหวาน ในสายตาของคนในบ้านหลังนี้ ให้หมดๆ ไปเสียมากกว่า
“อยู่ต่อหน้าฉันไม่จำเป็นก็อย่าเสแสร้งแกล้งทำหรอก... เพราะฉันเห็นแล้วเหนื่อยแทน...”
ณิชนันท์หันกลับมาต่อว่า ด้วยแววตาประกายเยาะหยัน มันช่างดูรับกันดีกับคำพูดเสียดสีจนมนัญชยาสะอึก
“เธออาจจะหลอกใครต่อใครให้หลงติดกับ ไปกับความสงสาร เห็นใจเธอได้ แต่กับฉัน มันไม่ได้ผลหรอกนะ”
วาจาที่ติดเหน็บแหนมกลับมา ... ทำเอามนัญชยากำปากกาที่ถือเอาไว้ในมือแนบแน่น ... มันดูเผ็ดร้อนเจ็บแสบดีเหลือเกินกับคำต่อว่าที่ออกมาจากปากของณิชนันท์ ช่างดูถูกเธอเกินไปแล้วนะ และในเมื่อเห็นอีกฝ่ายว่าเธอมาอย่างใจเย็น มนัญชยาก็เลือกวิธีที่ใจเย็นเพื่อจะโต้ตอบอีกฝ่ายไป
“ช่วยไม่ได้ ถ้าเธอจะมองว่านั่นคืออาการหลอกลวง ฉันจะไม่เสียเวลาพูดจาอะไรกับเธออีก เพราะฉันก็ไม่ให้ความสำคัญกับคนที่มองฉันในด้านลบเช่นกัน!”
แล้วมนัญชยาก็เป็นฝ่ายสะบัดตัวเดินผ่านหน้าณิชนันท์ออกไปด้วยความใจเย็น ทิ้งไว้ให้ณิชนันท์ยืนด้วยความรู้สึกร้อนรุ่มแต่เพียงลำพัง...
ปัง!
เสียงกระแทกประตูดังสนั่นหวั่นไหว ทำเอาคนที่ทำให้เกิดเสียงดังเช่นนั้นกับมือต้องเหลือบสายตามองไปทางด้านหลังอย่างนึกห่วงประตูบานเดียวเสียไม่ได้ ว่ามันจะพังเพราะมือเธอจริงๆ เป็นแน่
แต่ณิชนันท์ก็ไม่สนหรอก ยามนี้เธอหงุดหงิดเหลือเกิน หงุดหงิดจนต้องเหวี่ยงกระเป๋าที่ถือเอาไว้ในมือลงไปบนเตียงตรงหน้าอีกครั้ง เผื่อมันจะช่วยเธอระบายความหงุดหงิดขึ้นมาได้
ก็จะไม่ให้เธอนึกหงุดหงิดได้ไง นั่นเป็นเพราะแม่เด็กสาวปากดีอีกคนที่มาอยู่ในบ้านเธอในฐานะคนมาขออยู่อาศัย แต่กลับกลายเป็นว่าแม่นี่จะทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของทุกอย่างในบ้านหลังนี้เสียเอง ... หลายๆ ครั้งทำให้เธออยากจะไปถามบิดามารดาให้รู้แล้วรู้รอดเสียเลยว่า ....ตกลงบ้านหลังนี้ใครกันแน่ที่เป็นลูกสาวของเจ้าของบ้าน เธอหรือว่า มนัญชยา!
แต่ถึงอย่างไร เธอไม่น่าจะไปเสียเวลาถามอีกทำไม เพราะเท่าๆ ที่ดูเวลาที่ผ่านคำตอบมันก็บอกแก่เธอทนโท่อยู่แล้วว่า คือมนัญชยาต่างหาก ... ช่างตลกดีแท้ .. ทุกวัน เธอจะเป็นฝ่ายหาเรื่องออกนอกบ้านเสมอๆ เพียงเพราะไม่อยากอยู่เห็นภาพบาดตาบาดใจ เห็นว่ามนัญชยาเอาเอกเอาใจบิดา ก้าวก่ายหน้าที่คนเป็นลูกอย่างเธอ
แต่แม่นั่นยังอยู่ในบ้านหลังนี้ได้อย่างใจเย็น ..!
อ้อ ไม่ใช่มีเพียงแค่คุณพ่อ คุณแม่เธอเท่านั้นหรอก กับอาทัชของเธอเองก็เช่นเดียวกัน อาทัชเอ็นดูมนัญชยาเหลือเกิน อาจจะเป็นเพราะเด็กสาวคนนั้นอ่อนหวานไปทั้งตัว ไม้เว้นแม้กระทั่งคำพูดจา ที่สำคัญหล่อนเอาใจเก่งด้วยนี่ ทุกสิ่งทุกอย่างมันช่างแตกต่างกับเธอลิบลับ นี่เธอจะต้องทนอยู่ที่บ้านหลังนี้ไปด้วยความรู้สึกอัดอัดเช่นนี้ไปอีกนานเท่าใดนะ เธอจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว!
ร่างบอบบางของเด็กสาวคนหนึ่งกำลังเดินเตร่อยู่แถวตรงที่เป็นพุ่มไม้ไสวที่เป็นแนวกั้นบ้านสองหลังให้มีพื้นที่แยกจากกันเป็นสัดเป็นส่วน ถึงแม้ว่ามันจะถูกปลูกในพื้นที่เดียวกันก็ตาม เด็กสาวสีหน้าแจ่มใส สองแก้มผุดผาดระเรื่อแข่งกับดอกไม้ที่บานไสวตรงหน้า ความจริงวัยของเธอในเวลานี้ก็คงเปรียบได้กับวัยดอกไม้แรกแย้มนั่นแหละ นนทัชบอกให้เธอมายืนรอเขาอยู่ตรงนี้ เขาบอกเธอว่า วันนี้จะมีข่าวดีมาแจ้ง น่าแปลกเขาเลือกที่จะแจ้งข่าวๆ ดีๆ นั้นให้เธอทราบเป็นคนแรก แทนที่จะเป็นคนอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในบ้านหลังใหญ่อันเป็นฉากหลังที่เด็กสาวกำลังยืนเตร่อยู่แถวนี้นั่นเอง
และไม่นาน คนที่นัดหมายเธอก็มาถึง เขาขับรถเก๋ง แอคคอร์ด คันสีดำสนิทก็แล่นเข้ามาในบ้าน เวลาสายตาเขาเห็นเธอยืนรอตรงที่นัดหมาย นนทัชก็เลื่อนกระจกลงอย่างช้าๆ ใบหน้าคมคายกำลังอวดรอยยิ้มสวยๆ น่าดูอยู่
ไม่นานเขาก็ลงจากรถที่จอดสนิท เดินอวดรอยยิ้มชวนมองเข้ามา แล้วเรียกขานชื่อเด็กสาวด้วยอารมณ์ดีๆ ตลอดเวลา
“ฝ้ายๆๆ..”
“คะ?”
“มายืนรอนานรึยัง?”
“ก็ตั้งแต่... คุณทัชบอกฝ้ายให้มายืนรออยู่ตรงนี้ ฝ้ายก็มารอเลยค่ะ”
เธอตอบด้วยรอยยิ้มน้อยๆ นนทัชก็รับคำนวณเวลาตั้งแต่ที่เขาได้โทร.มาหามนัญชยาก่อนหน้านั้น ... ก็ราวๆ เกือบครึ่งชั่วโมงเพราะตอนนั้นรถบนท้องถนนกำลังติดเขาก็เลยใช้มือถือโทร.มาให้มนัญชยาเตรียมตัวรอฟังข่าวดี จากปากของเขาก่อน
“เหรอ” นนทัชรับด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม ก่อนจะแกล้งกระแอมไอเพื่อตั้งใจจะบอกข่าวดีกับมนัญชยา “อ่ะแฮ่ม งั้นเธอเตรียมตัวฟังข่าวดีจากฉันนะ...”
“ค่ะ” มนัญชยารับคำดิบดี แต่เห็นนนทัชไม่ยอมบอกสักที อีกฝ่ายเอาแต่อมยิ้มอยู่เช่นนั้น อดไม่ได้เลยที่มนัญชยาต้องถามกลับอีกครั้ง สีหน้าดูหงุดหงิดขึ้นเล็กน้อย
“บอกเสียทีสิคะ”
นั่นทำให้คนเร่งรู้ตัวเลยว่า พลาด ...นันทัชหัวเราะออกมาเบาๆ เธอเลยได้รู้ว่าถูกเขาแกล้งให้แล้ว
“งั้น ถ้าไม่บอก ฝ้ายจะกลับไปช่วยป้ามนทำกับข้าวต่อ” มนัญชยาแกล้งหงุดหงิด ทำเหมือนจะหันหลังกลับเร็วๆ ร้อนจนนนทัชที่กำลังหัวเราะขอบใจอยู่ต้องวิ่งไปดักหน้า แล้วร้องห้ามเด็กสาวเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนสิๆ ล้อเล่นแค่นี้เองก็ไม่ได้”
มนัญชยาตวัดสายตาค้อนๆ ขึ้น นันทัชยิ้ม ก่อนจะยกมือขึ้นมาป้องแสดงอาการจำนน “เอาล่ะๆ ฉันจะพูดแล้ว”
“...เธอจำได้มั้ยว่าฉันเคยบอกกับเธอ ในตอนนั้นว่ากำลังจะเตรียมตัวสอบหาที่เรียนต่อปริญญาโท”
มนัญชยาย้อนนึกกลับไปถึงวันที่นนทัชหมายถึง ก่อนจะหันมาพยักหน้าขึ้นลง “จำได้ค่ะ”
และไม่นาน เธอก็ค้นพบได้เองว่าเรื่องดีๆ ที่นนทัชหมายถึงคือ “งั้นก็แสดงว่า”
“ใช่ .. “ นนทัชพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ฉันหาที่เรียนต่อแล้วนะ เธอดีใจไปกับฉันมั้ย ”
ในความรู้สึกที่ยังอื้ออึ้งอลอยู่ มนัญชยาพยักหน้ารับว่าดีใจไปด้วยกับเขาได้ยังไงไม่รู้ ดีใจน่ะเธอดีใจแน่ๆ แต่ทว่าหลังจากแสดงความดีใจไปแล้ว เธอกลับรู้สึกหน่วงๆ อยู่ในใจเช่นไรไม่รู้ เห็นใบหน้าคมคายระบายรอยยิ้มทั่วน้า อดไม่ได้ที่จะต้องเค้นรอยยิ้มอันแสนอ่อนหวานเพื่อแสดงความดีใจร่วมไปกับนนทัชด้วยอีกครั้ง
“ฝ้ายดีใจกับคุณด้วยนะคะ”
“ขอบคุณมาก .. ฉันดีใจนะ ที่เห็นเธอก็ดีใจไปกับฉัน และขอบคุณ ที่คอยช่วยทำนั่นทำนี่ให้ตลอด โดยเฉพาะที่เธอหาของว่างอร่อยๆ มาให้กินระหว่างที่ฉันอ่านหนังสืออย่างหนักตอนสอบ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฝ้ายก็ทำตามหน้าที่” เสียงเด็กสาวตอบเอื่อยๆ แต่ใบหน้ายังระบายรอยยิ้มดุจเดิม
“หน้าที่?”
“ก็หน้าที่คนที่อยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ยังไงล่ะคะ”
มนัญชยาตอบตามความจริง แต่ทำเอานนทัชหน้าเสีย เขาตวัดมือหนาขึ้นมาลูบศีรษะเด็กสาวตรงหน้าแผ่วเบา ดูมีความเอ็นดูอย่างท้วมท้น ซึ่งนนทัชคิดว่าเป็นความรู้สึกเหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งที่มีให้แก่เด็กอีกคนหนึ่ง
“ใครใช้ให้เธอคิดอย่างนี้กัน เธอไม่ใช่แค่คนอาศัยแต่เป็นส่วนหนึ่งในบ้านหลังนี้เลยล่ะ เธอทำให้ทุกคนในบ้านมีความสุข โดยเฉพาะพี่ธีร์ พี่ธีร์ชอบเด็กที่เอาเอกเอาใจเก่งๆ เธอทำให้พี่ธีร์อยู่ติดบ้านบ่อยๆ ไม่สังเกตเหรอ”
นนทัชเอ่ยชมตามความเป็นจริงบ่อยครั้งจะตายไปที่เขาเห็นพี่ธีร์หัวเราะอย่างมีความสุขเวลาฟังเด็กสาวตรงหน้าพูด มนัญชยาก็เป็นอย่างนี้แหละพูดตามสิ่งที่ตัวเองคิด อันเป็นความคิดใสสะอาดคำพูดคำจาหลายๆ ครั้งทำให้คนฟังพลอยรู้สึกเมตตามากขึ้นไปอีก
นี่ยังไม่รวมถึงหน้าตายิ้มแย้ม ที่เริ่มจะมีให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่เมื่อวันที่เธอก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้แรกๆ กิริยาการแสดงออกก็ละมุนตา เธอเปรียบเสมือนดอกไม้กลางบ้านจริงๆ ริ้วความอ่อนหวานไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง การกระทำ คำพูดที่แสดงให้เห็นถึงความใสซื่อบริสุทธิ์ทำให้ คนอื่นๆ รู้สึกสบายใจ ไม่แตกต่างแม้กระทั่งเขาเอง
“คุณ จะไปเมื่อไหร่เหรอคะ?”
“ก็อีกไม่นานหรอก” นนทัชตอบ รู้สึกลำบากใจเสียแล้วสิ ที่จะต้องจากที่นี่ไป ในห้วงความรู้สึกเขากำลังจะบอกว่าใจหายที่จะจากบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิด ห่างพี่ชายที่เขารักและเคารพอย่างพี่ธี ห่างพี่สะใภ้ที่แสนดีอ่อนโยนอย่างพี่มน ห่างหลานสาวคนเดียวที่กำลังโตเป็นสาวเช่นณิชนันท์... และ ห่างเด็กสาวตรงหน้านี่อีกคน ที่เอ่อ กำลังโตเป็นสาวเช่นเดียวกัน! จู่ๆ นนทัชก็มีสีหน้านิ่งขรึม เขารีบดึงมือหนาๆ ที่ลูบศีรษะเด็กสาวออก พลางถอนหายใจเฮือก
“ถ้าฉันไปเรียนที่โน่น เรียนจบฉันจะรีบกลับ สัญญาสิ ว่าวันที่ฉันกลับมา เธอจะมายืนรอฉันเหมือนวันนี้ วันที่ฉันจะนำความสำเร็จในการเรียนกลับมา...”
เขาแค่ขอคำสัญญากับใครบางคน ที่มีความผูกพันกันดีคนหนึ่ง..แค่นั้น
“ค่ะ ฝ้ายสัญญา ฝ้ายจะอยู่ที่นี่แหละค่ะ วันที่คุณกลับมา ฝ้ายจะอยู่ตรงนี้รอ”
“ขอบคุณมากๆ เข้าไปข้างในเถอะ ฉันจะบอกข่าวดีกับพี่ธี พี่มน และยัยเพลิน”
นนทัชเอ่ย เขามีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะรีบกลับมาบอกข่าวดีให้ทุกคนรับรู้ แล้วก็เป็นฝ่ายจูงมือเดินเด็กสาวเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม
ตลอดทางที่เดินแทรกแมกไม้ที่ทอดตามแนวทางเดินไปสู่ล้านหลังใหญ่ตรงหน้า มนัญชยาก็เอาแต่ทอดสายตาหลุบมองดูที่มือหนาที่กำลังจูงมือเธอเข้าไปในบ้านตรงหน้า สัมผัสที่ก่อเกิดความรู้สึกอบอุ่นมากมายนั้นทำให้มนัญชยารู้สึกไม่เข้าใจเลยว่า ...มันคืออะไร ... และเขาทำอย่างนี้ทำไม?
.. เด็กสาวค่อยๆ เลยสายตาขึ้นไปมอง รอยยิ้มกริ่มที่ยังประดับที่ใบหน้าของชายหนุ่มที่อารมณ์ดีที่สุดคนหนึ่งในเวลานี้
และคิดเอาเองว่า.. นนทัช คงไม่ตั้งใจที่จับมือเธอเดินหรอก เขาคงดีใจเกินไป ไม่ทันคิด พอคว้ามือเธอได้ก็เดินจูงมือเธอไปเสียอย่างนั้น คงไม่มีอะไรหรอก ..
(จบตอนที่10)
.
แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 55 22:18:55
จากคุณ |
:
พิณพลอย
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ก.พ. 55 22:10:41
|
|
|
|