บทที่ 24 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11624969/W11624969.html
บทที่ 25
ฉวีแทบละสายตาจากไหล่กว้างล่ำสันซึ่งล้ำเลยพนักที่นั่งคนขับทางตอนหน้าของรถมาให้เห็นไม่ได้เลย เวลาที่เขาขยับตัว กล้ามเนื้อแน่นเครียดภายใต้เสื้อเครื่องแบบสีกากีทำให้เลือดในกายหล่อนระอุขึ้นมาได้ทุกครั้ง ยิ่งเมื่อเขาหันมารับรู้คำพูดของสามีหล่อนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ
บนที่นั่งผู้โดยสาร เสี้ยวหน้าคมชวนหลงใหลก็ตรึงหล่อนไว้ที่นั่นได้เสมอ จมูกโด่งเป็นสันนั้นสวยเกินกว่าจะเป็นจมูกของผู้ชาย แม้บางขณะจะไม่เห็นตาเข้มระยับคู่ที่หล่อนเคยแอบฝันถึง หากก็แทบจะบอกได้ว่ากำลังสะท้อนความรู้สึกใด หล่อนฝังใจกับการแสดงความรู้สึกออกมาทางสายตาของเขาถึงขนาดนั้น เวลาที่เขาพยายามทำความเข้าใจเรื่องอะไรก็แล้วแต่ คิ้วหนาพาดตรงจะย่นเข้าหากันนิดหนึ่ง รับกับแพขนตาที่หล่อนเองยังอิจฉา ยิ้มละลายใจนั่นก็อีก ทุกครั้งที่เขายิ้ม หล่อนให้รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก ราวอากาศรอบตัวถูกดูดหายไปหมดสิ้น
ตลอดทางจากชะอำเข้าอำเภอเมืองเพชรบุรี ไพจิตรผูกขาดการสนทนาอยู่เพียงคนเดียว และเขาก็เป็นนักฟังที่ดี นานๆ หรอกจึงจะเสริมอะไรขึ้นมาสักครั้ง ที่สำคัญสำหรับหล่อนคือดูท่าทีไพจิตรมั่นใจว่าจะขอย้ายตามเขาไปได้ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็แล้วแต่ และเขาเองก็ยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่าถ้าฝ่ายนั้นไม่มีโอกาสเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัด เขาก็จะเจรจาให้เอง เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวเท่านั้นในบทสนทนาของทั้งคู่ที่หล่อนสนใจ
ไพจิตรชอบเขา ชอบทำงานกับเขา หล่อนรู้นับแต่วันแรกที่ย้ายมาชะอำและไพจิตรไปรายงานตัวกับเขาแล้ว สามีหล่อนกลับมาชมเขาไม่ขาดปาก ยิ่งเมื่อเขาบอกให้เข้าอยู่อาศัยในบ้านพักหลังใหญ่ที่สุดในจำนวนสามหลัง เป็นบ้านซึ่งทิ้งร้างไว้นับแต่นายอำเภอคนก่อนเกษียณอายุจากงานแล้วย้ายออกไป ไพจิตรก็ยิ่งชอบเขา
ก็ดูเอาเถอะ ตัวท่านเองไม่ไปอยู่หลังนั้นทั้งๆ ที่สภาพบ้านดีกว่า กว้างกว่าด้วย ท่านบอกว่าอยู่หลังเดิมดีแล้วเพราะเป็นผู้ชายตัวคนเดียว พี่ได้นายดีแล้วแม่ฉวี ไพจิตรว่าอย่างนั้น
และนั่นก็ทำให้หล่อนสนใจเขาขึ้นมาบ้างเหมือนกัน จากสนใจกลายเป็นชื่นชม และต่อมาก็กลายเป็นความรู้สึกอื่นไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้เห็นตัวจริงของเขาครั้งแรก เป็นความรู้สึกรุนแรงที่เวลานี้กู่ไม่กลับเสียแล้ว
หล่อนเชื่อเรื่องเนื้อคู่ หล่อนว่าความรู้สึกรุนแรงที่มีให้เขาแบบที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อนเลยนี้จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากความรู้สึกของคนซึ่งเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ เท่านั้น หล่อนกับเขามีอะไรบางอย่างร่วมกันอย่างแน่นอน เพียงแต่เวลานี้เขายังไม่รู้เหมือนที่หล่อนรู้ ก็เท่านั้นเอง
แต่พอไพจิตรบอกว่าเขาถูกสั่งย้าย หล่อนตกใจแทบสิ้นสติ เป็นนานกว่าจะเข้าใจความหมาย
พี่จะขอย้ายตามท่านไปด้วย
สามีหล่อนผู้ปกติไม่เคยมีความมั่นใจในเรื่องใดสักอย่าง คราวนี้กลับตัดสินใจได้ฉับพลัน
ไพจิตรเป็นครูมาก่อน และเพิ่งสอบเข้าเป็นปลัดอำเภอได้ ชะอำเป็นอำเภอแรกที่เขาเข้าทำงานในตำแหน่งนั้น จึงมีอะไรให้ต้องเรียนรู้อีกมาก และนับแต่เข้าเป็นปลัดของชะอำ ก็ได้นายอำเภอกริชซึ่งเคยอยู่ในตำแหน่งเดียวกันมาก่อนคอยให้คำแนะนำและสอนงานให้มาโดยตลอด หล่อนมั่นใจว่าไพจิตรยังไม่ปีกกล้าขาแข็งพอจะพ้นออกมาจากร่มเงานี้ได้ จึงได้มีความคิดนั้นขึ้นมา
ถ้าเป็นคนอื่นหล่อนคงมองว่าโง่ นี่เป็นโอกาสดีที่อาจได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นนายอำเภอแทน แต่กรณีนี้กลับตรงข้าม และหล่อนก็คงขาดใจตายถ้าไพจิตรไม่ได้ย้ายตามเขาไป
สามีหล่อนหุบปากลงได้ในที่สุด หล่อนจึงคว้าโอกาสนั้นไว้โดยไม่รั้งรอ
น่าเสียดาย คุณหญิงไม่ได้มาด้วยนะคะ
พยายามสบตาเขาทางกระจกส่องหลัง หากเขาก็เพียงเหลือบขึ้นดูแวบเดียวแล้วเมินไปทางอื่นเสีย
ให้ขัดใจเมื่อไพจิตรกลับเป็นคนตอบเสียแทน
ก็คุณหญิงเห็นว่าพี่มาด้วยแล้วอย่างไรล่ะแม่ฉวี ตอนแรกที่คุณหญิงจะมาด้วยก็เผื่อว่าท่านขับรถต่อไปไม่ได้ จะได้ช่วยกัน แต่เมื่อพี่มาด้วย คุณหญิงก็เลยไม่มาเสีย คงเพราะเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องงาน
ประโยคต่อมายังไม่วายขอคำยืนยันจากผู้เป็นนาย
ใช่ไหมครับ
และเขาก็ตอบรับอย่างสุภาพ
ฉวีลอบค้อนสามี มีความรู้สึกว่าประโยคหลังกระทบกระทั่งมาถึงหล่อน ทำอย่างกับว่าตัวเองขับรถเก่งเสียนักหนา ไพจิตรเพียงแค่พอขับรถได้เท่านั้นเอง แค่ติดเครื่องยนต์เป็น ถอยหน้าถอยหลังได้นิดหน่อย ขับไปข้างหน้าสักกิโลสองกิโลก็เต็มกลืนแล้ว ให้ขับมาไกลขนาดนี้ไม่มีวันทำได้อย่างเด็ดขาด แต่ก็ดีแล้วที่ คุณหญิง ของ เขา ไม่ได้มาด้วย หล่อนจะไม่บ่นเลยเรื่องนั้น
และแม้เวลานี้จะมีสามีคอยขัดคอ แต่ก็ช่างเถอะ ยังมีโอกาสอีกมากที่จะสร้างความสนิทสนม จากชะอำไปอำเภอเมืองในสภาพถนนแบบนี้ใช้เวลาอย่างน้อยก็สองชั่วโมง แล้วยังขากลับอีก หล่อนมีเวลามากมายที่จะทำอะไรก็ได้
ไอรีนละมือจากผ้าที่กำลังดึงลงจากราวเมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถดังกระหึ่มอยู่หน้าบ้านพัก เดินออกมาดูก็เห็นรถคันใหญ่จอดอยู่นอกประตูรั้ว และผู้ชายร่างสันทัดค่อนไปทางท้วมในชุดเครื่องแบบนายทหารเปิดประตูก้าวลง พอแน่ใจว่าเป็นใครเธอถึงกับชะงัก จ้องเขม็งราวไม่เชื่อสายตาตัวเอง จนเขาโบกมือให้ จึงจำต้องเดินไปหา ในอ้อมแขนยังคงมีเสื้อผ้าแห้งแล้วหอบติดไปด้วย
พี่ไปที่บ้าน ที่นั่นบอกว่าเธอมาชะอำหลายวันแล้ว เห็นว่ามีเรื่องมีราวอะไรใช่ไหม พี่เป็นห่วง ก็เลยตามมา เขาตะโกนนำเข้ามาก่อนเมื่อเห็นหญิงสาวมีทีท่าลังเล
ไอรีนกระพุ่มมือขึ้นไหว้ทั้งหอบผ้า มาหยุดยืนอยู่เพียงหน้าประตู ไม่กล้าเปิดให้เข้ามาแม้ประตูรั้วจะไม่ได้ลงสลักไว้ก็ตาม เธอยังตะขิดตะขวงใจกับการกระทำของเพื่อนพี่ชายที่บางปูในคืนวันลอยกระทงอยู่ไม่หาย แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าเขาอาจทำไปโดยไม่รู้ตัวเพราะกำลังเมา แต่ในเมื่อไม่เคยมีใครทำอะไรหยาบหยามถึงขนาดนั้นกับเธอมาก่อน ความหวาดระแวงนี้จึงยากจะลบเลือนไปได้ง่ายๆ
ใครบอกพี่คะ
หน้าเขาเสียไปนิดหนึ่งเพราะสุ้มเสียงห่างเหินที่เธอใช้ หากก็ยังไม่ยอมละเลิกง่ายๆ
คนที่บ้านเธอบอกว่ามีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเธอ แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร บอกว่าเธอมาที่นี่กับน้องชายของเธอ พี่ก็เลยไปหาน้องชายเธอที่ที่ทำงาน ก็เลยได้รู้เรื่องขึ้นมา เธอเป็นยังไงบ้าง
เห็นสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยอย่างแท้จริงของเขา ใจเธอเริ่มอ่อนลง น้ำเสียงจึงนุ่มนวลตามไปด้วย
ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ แต่ถ้าไม่ได้กริชก็คงแย่เหมือนกัน
อ้อ อย่างนั้นหรือ
ประพันธ์ตวัดสายตาขึ้นไปชั้นบนของตัวเรือนอย่างระแวดระวัง ให้สงสัยว่าคนซึ่งหญิงสาวพูดถึงกำลังอยู่บนนั้นหรือไม่ เมื่อครู่แวะไปที่ที่ทำการอำเภอแล้วก็ไม่เห็นว่าอยู่ที่นั่น
ที่จริงพี่ประพันธ์ไม่น่าจะต้องลำบากมาถึงที่นี่เลยนะคะ
พี่เป็นห่วง เขาย้ำอีกครั้ง
เห็นสายตาเขาไอรีนก็พอจะเข้าใจ ที่บางปูในคืนนั้นกริชคงปรามเพื่อนพี่ชายคนนี้ไว้อย่างได้ผล ดูท่าทางเขายังขยาดอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
จึงแสร้งยกเรื่องนั้นขึ้นมาสำทับ
ไม่มีอะไรแล้วนี่คะ กริชก็อยู่
เขาจะเข้าใจเป็นว่าอย่างไรก็แล้วแต่ เธอถือว่าไม่ได้โกหก กริชอยู่ที่นี่จริงๆ แม้จะไม่ใช่เวลานี้ก็ตาม
ว่าแต่ตอนนี้กริชไปถึงไหนแล้ว ทำไมตลอดห้าวันที่ผ่านมาเขาอยู่บ้านตลอดเวลาเพราะไม่ไหนมาไหนลำบาก แต่กลายเป็นว่าในวันที่เขาต้องเดินทางไปที่อื่นเธอกลับมีแขกไม่พึงประสงค์เสียได้ จะบังเอิญอะไรขนาดนี้ แล้วนี่เธอจะถ่วงเวลาไว้ไม่ให้เพื่อนพี่เข้ามาในบ้านนานพอจนกว่ากริชกลับได้ไหม ในเมื่อดูๆ เขาจะไม่ยอมไปไหนง่ายๆ