วิชาสอนลูกให้เป็นมังกร ... ของครอบครัวชาวจีน
|
|
เวลาตกอยู่ในสภาวะเบื่อปัญหาหรือเบื่อการตัดสินใจเรื่องยากๆทีไร ...ผมมักจะนึกถึงลูกค้าคนหนึ่งที่เคยให้บทเรียนเรื่องนี้กับผม...
...
บ่ายวันหนึ่ง ผมมีนัดกับลูกค้าแถวสาธุประดิษฐ์ ลูกค้าโทรมานัดให้เข้าไปพบหน่อย เพราะเขาต้องการจะทำหนังโฆษณาขายสินค้าของเขาสักเรื่องหนึ่ง
ผมพยามเงี่ยหูฟังเสียงของเขาทางโทรศัพท์ให้ชัดที่สุด เพราะกำลังที่พยายามนึกให้ออกว่าใคร(วะ?) ...เสียงไม่คุ้นเคยเป็นที่สุด ผมรับนัดเขาด้วยความงุนงง พลันรีบกดดูเบอร์โทรศัพท์พร้อมพลิกเปิดดูสมุดบันทึกเทียบกับเบอร์ลูกค้าคนอื่นๆที่จดไว้
"หือ ? ชื่อคุณบุ๋น เป็นคนไต้หวัน ... หรือฮ่องกงอะไรเนี่ยแหละ" จดไว้ชื่ออย่างเดียว กับชื่อสินค้าที่จดไว้เล็กๆในสมุด ...คิดว่าน่าเป็นอุปกรณ์บีบยาสีฟันผลิตจากจีนชิ้นละไม่กี่ร้อยบาทนี่แหละ...
"หืมม? เครื่องบีบยาสีฟันก๊องแก๊งราคาหลักร้อยแบบนี้นี่เหรอจะหาญกล้าผลิตหนังโฆษณาราคาหลักหมื่น"
คิดอยู่ว่าจะไปดีมั้ย ...แต่เอาเถอะ ไหนๆรับนัดแล้วก็ไปดูหน่อย อยากรู้เหมือนว่าจะเป็นยังไง?
ผ่านไปไม่นาน...ผมก็ไปยืนอยู่หน้าคฤหาสถ์ที่มีกำแพงสูงปิดล้อมแน่นหนา ย่านสาธุประดิษฐ์...
หลังจากเสียงกริ่งไปนาน ...คนงานในบ้านก็ออกมาเปิดประตูต้อนรับที่ตระตูเล็กข้างๆ
เธอเดินนำผมเขาไปตามทางเข้าบ้าน แว๊บแรกที่ก้าวผ่นหน้าประตู ผมประหลาดใจเล็กๆ... อื๊อหือ บ้านใหญ่ลูกค้าคนนี้โตใช่เล่น มีสนามหญ้า บ่อตกปลา สระว่ายน้ำ สวนหิน...
ในใจแอบคิด "รวยแบบนี้ โดนฟันหัวแบะแน่ เมริง!หึหึ" จิตมารของการเป็นเซลล์มันบังเกิดทุกครั้งที่สัมผัสกับกลิ่นกองเงินของลูกค้า
คนงานเดินนำผมไปถึงห้องโถงด้านหน้าของคณหาสถ์หลังโต ...โอ้โห ... เหมือนกับฉากในละครช่องเจ็ดสี เบื้องหน้าของผมปรากฎเป็นภาพกลุ่มคนจีนกลุ่มใหญ่กำลังนั่งรอผมอยู่บนเก้าอี้ชุดรับแขกไม้สัก เลี่ยมทองชุดใหญ่ ผมกวาดสายตามองอย่างเร็วๆ สังเกตดูคร่าวๆได้วประมาน 7-10 ชีวิต
จากการเดานั้น ผมคิดว่าพวกน่าจะมีตำแหน่งเป็นคุณพ่อ คุณแม่ อากง อาอี้อ อาซิ่ม อาเจ็ก ลูกชายคนดต ลูกชายคนเล็กสองคน...และคนงานที่มาเดินป้วนเปี้ยนรอรับใช้
"สวัสดีครับคุณบุ๋น" ผมประนมมือไหว้สวยๆด้วยการโฟกัสไปที่ชายหนุ่มสูงอายุที่นั่งอยู่ตรงกลางวงศาคณาญาติ
"อ่า ...คับ" คุณบุ๋นขานรับคำสวัสดีของผมเบาๆ...แต่เดี๋ยวนะ...เอ๊ะ แต่เหมือนคนที่ขานรับคำผมถึงไม่ใช่ผู้ชายที่อยู่ตรงกลางโต๊ะ กลับเป็นเด็กหนุ่มที่ท่าทางเหมือนอยู่ในวัยเรียนคนหนึ่งแทน...
"เอ่อ...อ่าาา" ผมประนมมือข้างไว้ สายสาสอดไปที่ชายหนุ่มสูงอายุตรงกลาง "อาบุ๋นคนนี้แหละ อี คืออาบุ๋น คนที่อยากเรียกมาพบวันนี้" ชายสูงอายุคนนั้นพูดพร้อมผายมือไปยังเด็กน้อยคนนั้นที่นั่งอยุ่ข้างๆ
หืมมมมม...ลูกค้าที่เราดั้นด้นมาพบวันนี้ คือ เด็กชายที่ดูยังยังไม่บรรุนิติภาวะคนนี้นี่หรือ?
หลังจากอ้ำอึ้งปึ้งแดกอยู่สิบวิ ...พอตั้งสติได้ ก็เลยขอโอกาสรับบรีฟและอธิบายรายละเอียดงาน ...ถือเป็นการขายงานเป็นกดดันที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิต เนื่องจาก บรรดาอาม่า อาอี้ อาเจ็ก โคตรตระกูลทั้งหลายแหล่ (ซึ่งไม่คิดว่าคนอย่างอี้ที่ผมเริ่มเปลี่ยนเป็นสองสี จะเกี่ยวข้องกับรายละเอียดงานในครั้งนี้)...มาล้อมวงนั่งฟังกันอยู่ด้วย
ทุกสายตาจับจ้องมาที่ลมปากปากของผม...อ้าว เชี่ยละสิ ขายงานที่กลุ่มคนที่ช่วงอายุกล้างขนาดนี้ กรูจะต้องใช้ระดับภาษาขนาดไหน?
แล้วกรูจะต้องจับจ้องสายตาขายงานให้ใครก่อนดีที่สำคัญที่สุด เพราะทุกคนล้วนส่งจิต ส่งอาย์คอนแทคมาที่ใบหน้าของเรา...นี่ถ้าแบ่งปันไม่ทั่วถึงงอนกันมั้ยฮะ?
ก็เลยขายไป สบสายตาตี่ๆของอาม่าอากงไป...ไม่แคร์อาอี้ที่กำลังซดขนมอี๋เข้าปากไปเคี้ยวแจ๊บๆ ไปด้วย ... เอ้ย! ถ้าแก่ง่วงขนาดนั้นก็ขึ้นเหล่าเต๊งไปนอนก่อนมั้ย? หลับคาโต๊ะจนฟันปลอมเผยอแล้ว ...
ปวดตับ ...ขมับเครียด
ทนเล่าต่อไป...ในที่สุด ผมก็เล่ารายละเอียดจบไปแบบ มึนๆ ตัวเอง ...เฮ้อ เป็นการขายที่ไม่คาดหวังเลยว่าว่าตัวเองจะปิดการขายได้...
หลังสิ้นเสียงผมไม่ทันไร...ก็มีมวลเสียงขนาดใหญ่ไหลเข้ามาแทนทีทันที...
"นี่อาตี๋ อั๊วว่าแพงไปนะ ทำโฆษณาอะไรตั้งเป็นหมื่น แล้วนี่ต้องขายกี่ชิ้นถึงจะได้ทุนได้กำไรคืนละ...อาตี๋เพ้งง ลดหน่อยสิ" อาเจ็กเริ่มเสนอแนะความคิดเห็นคนแรกด้วยสไตล์โผงผางดุดันแบบคนจีน...
...ซึ่งหารู้ไม่ว่านั้นเป็นการจุดประกายความคิดให้อาอี้ อาซิ่ม ตัวแจ้ อาม๊า ต่างช่วยกันระดมพลังลมปราณความคิดใส่อาบุ๋นแบบไม่ยั้ง!!
"โกว่า ทำไปไม่คุ้มนะอาบุ๋น ไปตระโดนขายตลาดนัดเอาก็ได้ ไม่ต้องทำหรอก" "แบ่งเงิน แบ่งกำไรเกับเค้าท่าไหร่? อย่าให้มันขาดทุนนะ" "อาบุ๋นคิดไว้ยังว่าจะส่งของมาเดือนละกี่โกดัง ถ้าขายไม่หมดลื้อต้องเสียค่าโกดัง เปลืองตายห่า" "อาบุ๋น ทำขายเด็กๆ ม๊าว่าทำเรื่องราวให้มันสนุกๆก็ดี เด็กจะได้ดูกัน" "อาตี๋เม้ง คอลเซนเตอร์ คืออะไร?"
"เอ่อ...อ่าครับ...คือว่า...ห๊ะ...อะไรนะครับ? หลังจากโดนพลังลมปราณของตระกูลนี้ซัดเข้าใส่ ผมถึงกับจุกเข้าท้องน้อยจนคิดอะไรไม่ออก ...
"เอาละ ทุกคนหยุด...ฟังจบแล้ว เดี่ยวให้อาบุ๋นอีตัดสินใจเอง ว่าอีจะเอายังไง" อาป๊า พ่อของอาบุ๋นพูดเสียงดังกลบบทสนทนาของทุกคนในห้องให้เงียบลงได้
"เฮีย อั๊วว่าเงินสามหมื่นมันเยอะไปนะ สำหรับทีจะให้อาบุ๋นมาลงทุนขายของ นี่อีก็เพิ่งจะอายุ 15 ทำดีไม่ดีอั๊วว่าจะเอาเงินไปละลายเล่นๆนา..." อาอี้พยามเตือนอาป๊าอย่างเกร็งๆ
สมาชิกคนอื่นๆนั่งเงียบนิ่ง...เหมือนค่อยๆจับตาดูความเคลื่อนไหว
"อาบุ๋น จะเอายังไงป๊าให้ลื้อตัดสินใจ ...เล่าให้อีฟังไปสิว่าอยากได้แบบไหน ทำยังไง ... คนอื่นๆเค้าช่วยกันคิดหมดแล้ว แต่สุดท้ายลื้อต้องเป็นคนตัดสินใจเองนะ" ป๊าพูดแล้วหันไปพยักหน้าให้อาบุ๋นที่กำลังทำหน้ามึนงง
"แต่ป๊า..." อาม๊า จะเปิดปากพูดแย้ง...อาบุ๋นนั่งนิ่ง มองหน้าอาป๊าอย่างตั้งใจ
"เอาเถอะ แค่สามหมื่น ถือว่าอั๊วให้อีเป็นค่าเรียนรู้ ให้อีลองคิดเอง แล้วพวกเราช่วยกันดู แต่อย่าตัดสินใจให้อีเด็ดขาดนะ ให้อีตัดสินใจเอง...อีจะได้เก่งไวๆ "
สมาชิกในตระกูลเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้...อาอี้วางชามขนมอี๋ลง... ทุกสายตาจับจ้องมาที่อาบุ๋น...
ภาพเบื้องหน้าของผม คือ ภาพอาบุ๋น เด็กชายอายุ 15 ปี ขณะกำลังพยายมอธิบายความคิดและความต้องการของตัวเองให้คนขายสินค้าอย่างผมในวัย 25 ปีฟัง
...ท่ามกลางสายตาอันกดดันของครอบครัวซึ่งส่งผลออกมาได้ชัดทางแววตาที่ขาดความมั่นใจและมีความสงสัยปนอยู่ตลอดเวลาที่ฟังและถามผม
ผมมองหน้าอาป๊าที่มองเผินๆแล้วเหมือนจะเป็นผู้ร้ายของเรื่องนี้...แต่ถ้าพินิจสีหน้าดูดีๆแล้วละก็ มันคือสีหน้าช่วยเฝ้ารอให้อาบุ๋นได้เติบโตขึ้นจากบททดสอบที่อาป๊าได้แกล้งมอบให้...
อาป๊าใจร้ายชะมัดเลยนะนี่ ...หรือว่าเป็นวิธีฝึกมังกร?
...
จากคุณ |
:
หนึ่งกระบี่ แปรสามแจ้ง
|
เขียนเมื่อ |
:
2 ก.พ. 55 14:01:24
|
|
|
|