Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
นิยายเรื่อง หัวใจเพื่อรักเธอ ตอน 1-2 ติดต่อทีมงาน

หัวใจเพื่อรักเธอ
Heart to Love
บทที่ 1
..........................................................................................................................................................................................
แสงไฟนวลตาภายในห้องพักหรูหราทอประกายอบอุ่น สะท้อน

ผิวพรรณของหญิงสาวในชุดราตรีสีขาวซึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเวลานี้

นวลเนียนโดดเด่น บุรุษในชุดสูทสีขาวผูกหูกระต่ายยืนเยื้องด้านหลัง ใบหน้า

เปื้อนรอยยิ้มน้อย ๆ อย่างมีความสุขเมื่อมองเจ้าสาวในกระจกเงาเบื้องหน้า



“คุณสวยจังครับ” เขาเอ่ยคล้ายละเมอเบา ๆ

หญิงสาวมิได้ตอบคำใดนอกจากยิ้มอาย แล้วลุกขึ้นหมุนกายหัน
หน้ามาสบตากับเขานิ่ง ๆ พลางใช้มือขยับหูกระต่ายให้เข้าที่

“ผมไม่คิดเลยว่าเราจะมีวันนี้ด้วยกัน” เขาเอ่ยยิ้ม ๆ

หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ก่อนตอบ “มุกก็ไม่คิดเหมือนกันค่ะ”

“คุณตื่นเต้นมั้ยครับ”

“แล้วคุณล่ะคะ” เธอช้อนดวงตากลมโตขึ้นมอง

ชายหนุ่มไม่ตอบแต่จับมืองามของเธอมาวางไว้ตรงหน้าอกข้าง

ซ้ายเบา ๆ ทำให้หญิงสาวอดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้...แน่ล่ะถึงแม้ว่าในช่วงเช้า

วันนี้ทั้งสองจะผ่านพิธีรดน้ำสังข์กันมาพร้อมทั้งมีแขกเหรื่อมากมายมาเป็น

สักขีพยานแล้วก็ตาม หากทุกวินาทีก็ยังตื่นเต้นและยินดีเสมอเมื่อความรักที่

ทั้งสองมีให้กันนั้นเดินทางมาถึงวันนี้...วันวิวาห์ที่ทั้งสองเฝ้ารอคอย เพราะ

กว่าจะฟันฝ่าอุปสรรคมาถึงวันนี้ได้ไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว

“ว่าแต่เย็นวันนี้แขกเหรื่อจะเยอะกว่าเมื่อเช้าหรือเปล่าคะ”

“ก็คงจะอย่างนั้น เพราะคุณพ่อเชิญแขกของบริษัทที่รู้จักมาในงานนี้ด้วย”

“ทำไมละคะ” เธอถามแปลกใจ

“ผมเพิ่งได้ข่าวจากพี่ธรว่า วัชกำลังเดินทางมาร่วมงานเลี้ยงขอบคุณแขกของเราในคืนนี้...”

“หรือคะ”

กานต์ตะวันพยักหน้าเบา ๆ พลางยิ้มน้อย ขวัญมุกนึกถึงกานต์ธวัชแล้วก็น่ายินดีที่เขาเปลี่ยนจากคนไม่เอาไหนเป็นคนละคนและไปร่ำเรียนที่อเมริกาถึงสองปีกว่าเพื่อมาเป็นผู้บริหารบริษัทต่อไป...สองปีกว่าแล้วที่เขาไม่ได้กลับมาเมืองไทยเลยและคงตั้งใจร่ำเรียนเต็มที่ เขาจะเป็นอย่างไรบ้างนะ โดยเฉพาะความรักของเขากับหญิงสาวคนนั้น

ความรักที่พ่ายหวังจากเธอ แต่ทุกอย่างก็เข้าใจกันหมดแล้ว เพียงแค่ความรักครั้งใหม่ของเขาไม่ได้สวยหรูเหมือนใจคิด เรื่องราวความรักของกานต์ธวัชนั้น ขวัญมุกและคนอื่น ๆ รู้ดีว่ามีอุปสรรคอะไรบ้าง หากนั่นก็ขึ้นอยู่กับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นว่าจะฟันฝ่าไปให้ถึงจุดหมายได้หรือเปล่า

“แปลกใจมากหรือที่วัชจะมาร่วมงานในคืนนี้” เขาขมวดคิ้วถาม

“ก็นิดหนึ่งค่ะ”

ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งพลางมองหน้าสาวเจ้าอย่างค้นหา ขวัญมุกพอเดาออกว่าเขาคิดอะไรจึงทุบเบา ๆ

“นี่...อย่าบอกนะคะว่าคุณหึงฉันกับวัชน่ะ”

“ทำไมล่ะ...ทำไมผมจะไม่มีสิทธิ์หึงในเมื่อวัชเคยรักคุณ” บอกแล้วก็ทำท่าหันหลังให้หญิงสาว ขวัญมุกยิ้มพลางส่ายหน้าเบา ๆ

“คุณจะหึงมุกทำไมล่ะคะก็มุกไม่เคยรักใครเลยนอกจากคุณ”

“จริงหรือ” เขาทำเป็นงอน

ท่าทางของกานต์ตะวันยังทำเป็นงอนไม่เลิกทำให้หญิงสาวหันหลังงอนให้เขาบ้าง

“แต่งงานกันแล้วคุณยังจะหึงมุกอีกหรือ วัชเป็นเพียงเพื่อนของมุกนะคะ”

ร่างสูงเหลือบมองมาทางหญิงสาวเหล่ ๆ แล้วก็อมยิ้มก่อนจะโอบกอดเธอไว้หลวม ๆ

“ผมล้อเล่นเฉย ๆ หรอกครับ ผมไม่เคยคิดว่ามุกจะมีใจให้คนอื่น
เลยนอกจากผมคนเดียว ไม่งั้นมุกคงไม่รับรักและยอมแต่งงานกับผมหรอก”

บอกแล้วร่างสูงก็จับร่างระหงหมุนกายหันหน้ามาทางเขา

“ใกล้ถึงเวลาที่เราจะต้องออกไปขอบคุณแขกในงานแล้วนะ

ครับ...ยิ้มหน่อยสิครับ เดี๋ยวไม่สวยนะ” ชายหนุ่มกระเซ้าพลางยิ้มล้อ หญิงสาวค้อนวงหนึ่งเลย

“ค่ะ”
ร่างสูงยิ้มละมุนพลางจุมพิตหน้าผากหญิงสาว ขณะนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อทั้งสองหันไปมองจึงเห็นบุญยุดาและแทนภัทรเปิดประตูเข้ามาในห้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ” บุญยุดาเอ่ยขอโทษเมื่อเห็นท่าทางทั้งสองกำลังจู๋จี๋กันอยู่ ขวัญมุกหันมาค้อนให้กานต์ตะวันเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางเพื่อนรัก

“ไม่เป็นไรหรอกดา แทน...”

“แน่นะมุกว่าไม่มีอะไร...” แทนภัทรเอ่ยแซวยิ้ม ๆ

“ไม่มีอะไรจริง ๆ ครับคุณแทน...ว่าแต่ใกล้ถึงเวลาหรือยัง...เราสองคนพร้อมแล้ว”

“ใกล้แล้วค่ะ...เราสองคนเข้ามาบอกให้ทราบเพื่อให้เตรียมตัวให้พร้อม...หลังจากเปิดวีทีอาร์ตำนานรักของมุกกับคุณตะวันเสร็จแล้ว ดาและแทนจะประกาศอีกทีแล้วมุกกับคุณตะวันก็ออกไปที่เวทีได้เลยค่ะ”

“ขอบใจนะดา แทน”

หลังขวัญมุกเอ่ยจบทั้งแทนภัทรและบุญยุดาก็ขอตัวออกไปเตรียมตัวเช่นกัน ขวัญมุกหันมาทางกานต์ตะวันพลางใช้มือจัดหูกระต่ายให้เขาเบา ๆ พลางยิ้มหวาน ชายหนุ่มใช้มือปัดไรผมของเธอให้เข้าที่เช่นกัน

“ผมหวังว่าวัชคงไม่เปลี่ยนใจกลับมารักคุณอีกนะ”

ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กันอย่างเข้าใจ หากในใจลึก ๆ ของกานต์ตะวันกลับนึกไปถึงกานต์ธวัชซึ่งกำลังเดินทางมาร่วมงานในคืนนี้

..........................
รถยนต์คันหรูแล่นช้า ๆ เข้ามาจอดภายในบ้านหลังหนึ่งในซอย เมื่อจอดเสร็จแล้วบุรุษร่างสูงใหญ่เจ้าของรถก็ก้าวลงมาพร้อมกับขยับเน็กไทให้เข้าที่ก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน เขาเห็นคุณรณภพและคุณกัณตาเจ้าของบ้านนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นจึงไหว้ทั้งสองก่อนจะทรุดนั่งลงบนโซฟาใกล้ ๆ

“พ่อรุจมารับน้องไปงานเลี้ยงหรือ” คุณกัณตาเอ่ยถามสีหน้ายิ้มแย้ม

“ครับคุณอา...” เขาเอ่ยแล้วก็ยกนาฬิกาบนข้อมือดูเวลาแวบหนึ่ง

“รอแป๊บหนึ่งนะ เดี๋ยวน้องคงจะลงมา” คุณรณภพเอ่ยบอกพลางหันไปทางแป้น สาวใช้วัยรุ่นในบ้านให้ขึ้นไปเรียกลูกสาว

เมื่อได้รับคำสั่ง แป้นสาวใช้ในบ้านจึงเดินขึ้นไปเรียกหญิงสาวบนห้อง เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังเบา ๆ ทำให้หญิงสาวในชุดราตรีสีครีมเปิดไหล่ทั้งสองข้างซึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อรู้สึกตัวเธอจึงลุกขึ้นจัดชุดให้เรียบร้อยพร้อมทั้งสำรวจใบหน้าและเส้นผมให้เข้าที่ก่อนจะเดินมาเปิดประตูให้

“มีอะไรหรือแป้น”

“คุณผู้ชายให้มาเรียกคุณหนูค่ะ”

“พี่รุจมาถึงแล้วหรือ” เธอถาม

“ค่ะ...”

“เดี๋ยวฉันลงไป...” หญิงสาวบอกก่อนจะปิดประตู

รุจิภาถอนใจเบา ๆ หลายปีแล้วที่เธอไม่เคยแต่งตัวออกงานสังคมแบบนี้เลย ตั้งแต่เรียนจบและทำงานเป็นบรรณารักษ์ที่ห้องสมุดในหอสมุดแห่งชาติใกล้สนามหลวง ถึงแม้จะมีงานเลี้ยงบ้างแต่ไม่เคยออกงานเป็นกิจจะลักษณะเช่นนี้มาก่อน ครั้งนี้ถือว่าเป็นงานสำคัญไม่น้อย เมื่อนพรุจ ลูกชายของเพื่อนมารดาเอ่ยเชื้อเชิญให้เธอไปงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ด้วยกัน

แม้เธอจะปฏิเสธแต่คงไม่เป็นผลเมื่อมารดาคะยั้นคะยอให้ไปกับเขา และก็คงต้องไปเมื่อวันนี้เขาคือคนสำคัญของเธอ สองปีแล้วที่เขาและเธอคบหากันมาหลังจากผิดหวังในความรักกับกานต์ธวัช เมื่อนึกถึงเขาหญิงสาวก็ได้แต่ถอนใจเบา ๆ อีกครั้ง

ไม่อยากจะคิดถึงคนโกหกหลอกลวงคนนั้น แต่สำหรับเธอแล้วคงยากจะทำใจยิ่งนัก ไม่ใช่แค่เขาทำให้เธอรักแต่เขายังทำให้หัวใจของเธอเจ็บปวดไม่น้อยทีเดียวและเธอก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ใจอ่อนให้เขาอีกเป็นอันขาด ถึงอย่างไรสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับเธอก็คงเป็นเพียงภาพหลอนในอดีตเท่านั้นก็ในเมื่อทุกอย่างผ่านไปหลายปีแล้วเธอไม่เคยติดต่อกับกานต์ธวัชอีกเลย

เมื่อเตรียมใจให้พร้อมแล้วหญิงสาวจึงเปิดประตูแล้วเดินลงมาข้างล่างจึงเห็นนพรุจนั่งคุยอย่างอารมณ์ดีกับบิดาและมารดาในห้องนั่งเล่น ครั้นชายหนุ่มหันมาเป็นร่างบางในชุดราตรีสีครีมเปิดไหล่เดินลงบันไดตรงมาหาเขาถึงกับตะลึงชั่วขณะ ด้วยไม่เคยเห็นหญิงสาวที่คบหากันมาแต่งตัวสวยเช่นวันนี้มาก่อนเลย

รุจิภาเดินมาหยุดตรงหน้าชายหนุ่มได้แต่ก้มหน้าอาย ๆ เมื่อเขาได้แต่ยืมมองเธอด้วยสายตาเป็นประกายเนิ่นนาน

“ภาพร้อมแล้วค่ะพี่รุจ”

“วันนี้ภาสวยมากครับ”

หญิงสาวไม่ได้รู้สึกอะไรมากกับคำชมนี้ บ่อยครั้งที่มีชายหนุ่มเข้ามาพัวพันกับเธอ คำเอ่ยเหล่านี้เป็นเพียงน้ำตาลให้ความหวานยามหลงใหลเท่านั้น นพรุจไม่เอ่ยคำใดอีกนอกจากหันมาทางบิดามารดาของเธอ

“ผมขออนุญาตนะครับคุณอา”

“จ้ะ ฝากดูแลน้องด้วยนะ”

“ครับ”

นพรุจไหว้ผู้อาวุโสทั้งสองก่อนจะผายมือเชิญให้หญิงสาวเดินไปขึ้นรถยนต์ที่จอดหน้าบ้าน

นพรุจเดินมาเปิดประตูรถให้เธอขึ้นนั่งก่อนจะยิ้มบางอย่างในสีหน้าแล้วเดินอ้อมไปขึ้นนั่งประจำที่คนขับพร้อมกับสตาร์ตแล้วขับออกไปจากบ้านช้า ๆ

“พี่รุจยังไม่บอกภาเลยว่าจะพาไปงานเลี้ยงอะไรคะ”

นพรุจหันมายิ้มน้อย ๆ ก่อนหันไปทำหน้าที่สารถีต่อไป

“งานเลี้ยงฉลองสมรสลูกชายของเพื่อนคุณแม่น่ะครับ”

“ที่ไหนคะ” เธอหันมาถามสงสัย

“ที่โรงแรม...” นพรุจบอกชื่อโรงแรมให้เธอทราบ

หญิงสาวได้แต่นิ่งครุ่นคิดบางอย่างในใจ เมื่อเช้านี้เธอได้ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์หลายช่องรายงานข่าวเรื่องการแต่งงานของกานต์ตะวันและขวัญมุก พี่ชายของกานต์ธวัช ซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตพอสมควร เธอได้แต่คิดในใจว่าคงไม่ใช่งานเดียวกันกระมัง

“ใช่งานเลี้ยงแต่งงานลูกชายเจ้าของบริษัทเมืองหรรษาหรือเปล่าคะ”

“เอาไว้ภาไปถึงก็รู้เองแหละครับ”

คำตอบของเขาไม่ได้ทำให้เธอกระจ่างใจแม้สักนิดเดียว หญิงสาวไม่เอ่ยคำใดนอกจากนั่งมองแสงไฟริมถนนยามค่ำคืนเงียบ ๆ และฟังนพรุจพูดเรื่องร้านอาหารที่เขาอยากเปิดมานานให้ฟังไปเรื่อย ๆ แต่ดูเหมือนว่าถ้อยคำเหล่านั้นไม่ได้อยู่ในโสตประสาทเธอเลยสักนิดเดียว ด้วยความคิดของเธอเวลานี้มีบางอย่างให้ครุ่นคิดมากกว่า

กระทั่งรถแล่นมาถึงทางเข้าหน้าโรงแรมหรูกลางเมือง นพรุจเลี้ยวรถปาดหน้ารถยนต์หรูคันหนึ่งเข้าภายในโรงแรมโดยไม่ทันระวังทำให้รถยนต์อีกคันถึงกับเบรกตัวโก่ง

“เกิดอะไรขึ้นหรือ” ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มซึ่งนั่งอยู่ตอนหลังของรถเอ่ยถามคนขับ

“รถยนต์คันเมื่อกี้ขับปาดหน้าครับ”

ชายหนุ่มผู้เอ่ยถามชะเง้อมองตามหลังรถยนต์หรูคันที่เอ่ยถึงซึ่งแล่นช้า ๆ เข้าภายในลานจอดรถโรงแรมอย่างสงสัย แวบหนึ่งที่เขาเห็นเสี้ยวหน้าของหญิงสาวที่นั่งข้างคนขับทำให้หัวคิ้วเข้มของเขาขมวดมุ่นไม่น้อย

“...ภา...” เขารำพึงเบา ๆ

“ใครหรือครับ” คนขับหันมาถามเจ้านาย

“รีบตามรถคันนั้นไปเร็ว!” เขาออกคำสั่ง

คนขับรถจึงแล่นรถเข้าไปจอดภายในลานจอดรถโรงแรม เมื่อจอดแล้วร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มก้าวลงจากรถอย่างรีบร้อนพลางเหลียวมองไปรอบ ๆ แต่กลับเห็นเพียงหลังของหญิงสาวและชายหนุ่มเจ้าของรถคันเมื่อครู่ผ่านเข้าลิฟต์ไปก่อนแล้ว ร่างสูงกำลังจะก้าวตามไปแต่คนขับเรียกไว้เสียก่อน

“คุณวัชจะไปไหนครับ...”

“ฉัน...”

“เชิญทางนี้ครับ ป่านนี้คุณท่านและทุกคนคงรอคุณวัชแล้ว”

ร่างสูงของกานต์ธวัชยืนลังเลครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเดินไปอีกทางตามที่คนขับผายมือเชิญเมื่อเวลาเปิดงานเลี้ยงใกล้เริ่มแล้ว หากภาพของหญิงสาวเมื่อครู่กลับทำให้เขาครุ่นคิดบางอย่าง

ถ้าหากหญิงสาวที่เขาเห็นเป็นเธอจริง ๆ แล้วชายหนุ่มคนนั้นเล่าเป็นใครกัน


บทที่ 2
..........................................................................................................................................................................................
ภายในห้องโถงกว้างหรูหราของงานจัดเลี้ยงแขกในงานฉลองมงคลสมรสค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ด้านหน้ามีเวทียกสูงจากพื้นประดับด้วยซุ้มไม้เลื้อยสีเขียวแซมด้วยดอกกุหลาบสีชมพูได้อย่างลงตัว ด้านข้างซ้ายของเวทีมีจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่ บริเวณหน้าเวทีมีลานกว้างเป็นฟลอร์เต้นรำ ส่วนเนื้อที่ที่เหลือจัดเป็นโต๊ะรับรองแขกเหรื่อหลายร้อยโต๊ะ ซึ่งตรงกลางห้องโถงนั้นประดับด้วยโคมไฟระย้าจากยุโรปให้แสงสีนวลเจิดจ้าดูอบอุ่นเหมาะสำหรับงานเลี้ยงขอบคุณแขกยิ่งนัก

ด้านขวามือใกล้เวทีนักข่าวกลุ่มใหญ่กำลังรัวชัตเตอร์เก็บภาพนางแบบสาวน้องใหม่ที่มาร่วมงานในครั้งนี้ด้วยความสนใจ เพราะเธอคือไอรยา นางแบบน้องใหม่ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ของวงการบันเทิงไทย

โต๊ะด้านหน้าฟลอร์เต้นรำ คุณจิรัสและคุณมัตรา บิดามารดาของขวัญมุกนั่งร่วมโต๊ะกับคุณทิวารัตน์และคุณสุธารวมทั้งวาคิมและณรานุชอีกด้วย ส่วนคุณวิกานต์นั้นนั่งเป็นประธานในงานอยู่ที่โต๊ะใกล้กันโดยมีคุณอรุณีและคุณนันทพรร่วมอยู่ด้วย ทุกสายตาต่างมองไปยังไอรยาด้วยความสนใจ

“ลูกสาวคุณณีน่ารักนะครับ ไม่น่าเชื่อจะเป็นที่สนใจของนักข่าวมากมายขนาดนี้” คุณวิกานต์ซึ่งนั่งร่วมโต๊ะกับคุณอรุณี มารดาของไอรยา เอ่ยชื่นชมจากใจ เพราะตั้งแต่ภรรยาของท่านจากไปก็ไม่มีโอกาสได้พบคุณอรุณีและไอรยาเลยสักครั้งและเมื่อมีโอกาสจัดงานในครั้งนี้ท่านจึงไม่ลืมที่จะเชิญเพื่อนของภรรยามาร่วมงานนี้ด้วย

คุณอรุณีปรายตามาทางคุณนันทพรที่นั่งร่วมโต๊ะแวบหนึ่งพลางหัวเราะอารมณ์ดี

“ก็อย่างนี้แหละค่ะลูกสาวดิฉัน...ตอนแรกดิฉันไม่อยากให้เข้าวงการหรอก เพราะกลัวว่าจะมีข่าวไม่ดีตามมาทำให้เสื่อมเสีย แต่ลูกสาวก็ตั้งใจและชอบด้านนี้มาก ๆ ดิฉันก็เลยจำยอมและก็ไม่ผิดหวังจริง ๆ ค่ะ”

คุณวิกานต์ได้แต่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม คุณนันทพรที่นั่งร่วมโต๊ะอดขำไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายชักเคืองเล็ก ๆ กานต์ธรและเกศเกล้านั่งร่วมโต๊ะด้วยโดยมีน้องกัส ลูกชายวัยสองขวบนั่งคั่นกลางเหลือบมองตากันอย่างขัน ๆ ที่งานนี้มีการเกทัพกันเสียแล้ว

“จริงหรือคะ ไม่เหมือนลูกชายดิฉัน พ่อรุจกลับไม่อยากเข้าวงการทั้งที่โมเดลลิ่งติดต่อมาให้เดินแบบและเล่นหนังหลายเรื่องเลย”

ได้ยินเช่นนั้นคุณอรุณีถึงกับเบ้ปากอย่างหมั่นไส้ทีเดียว

“หรือคะ ไม่เหมือนลูกไอซ์ของดิฉันนะคะ ถึงจะเป็นนางแบบน้องใหม่แต่ก็เข้ามาในวงการด้วยความสามารถตัวเองทั้งนั้น”

คุณนันทพรได้ยินคำโอ้อวดของอีกฝ่ายถึงกับค้อนเล็ก ๆ อย่างหมั่นไส้ทำให้คุณวิกานต์และทุกคนที่ร่วมโต๊ะได้แต่สบตากันขำ ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายไม่ยอมลดลาวาศอกกันเลยสักนิด...ขณะนั้นน้องกัส ลูกชายของกานต์ธรได้แต่นั่งมองคนนั้นทีคนนี้ทีจึงหันมาถามผู้เป็นบิดา

“คุณพ่อครับ อาวัชยังไม่มาหรือครับ” น้องกัสเอ่ยถามบิดาพลางหันมาทางมารดาอย่างสงสัย

“สงสัยอาวัชกำลังเดินทางมาน่ะลูก”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นคุณนันทพรก็ชักเป็นกังวลเช่นกันเมื่อยังไม่เห็นนพรุจลูกชายและรุจิภามางานสักที

“ลูกชายคุณณียังไม่มาหรือครับ” คุณวิกานต์หันมาถามอีกฝ่าย

“ยังเลยค่ะ...เอ...ทำไมช้าจัง...เอ๊ะ! นั่นไงคะ มากันแล้วล่ะ”

คุณนันทพรเอ่ยพลางหันไปทางประตูเข้างานก็เห็นลูกชายในชุดสูทสีเข้มเดินควงแขนหญิงสาวน่าตาน่ารักในชุดราตรีสีครีมเปลือยไหล่ขาวเนียนเดินเข้ามาในงานพอดี นักข่าวที่กำลังสัมภาษณ์และถ่ายภาพไอรยาเปลี่ยนความสนใจหันมาถ่ายภาพหนุ่มสาวทั้งสองที่เพิ่งเดินเข้ามางานทันที ทำให้หญิงสาวเสียหน้าเล็ก ๆ ถึงกับหน้าบึ้งที่มีคนมาแย่งความสนใจจากสื่อมวลชนเช่นนี้ เธอได้แต่เบ้ปากเมื่อมองพิจารณาหญิงสาวที่ควงมากับชายหนุ่มก่อนจะเดินเชิดเข้ามานั่งร่วมโต๊ะกับมารดา

“อ้าว! ทำไมไม่ให้นักข่าวสัมภาษณ์ต่อล่ะลูกไอซ์” คุณอรุณีเอ่ยถาม

“ก็สองคนนั้นสิคะคุณแม่ทำให้นักข่าวไม่สนใจหนูเลย” เธอหมายถึงนพรุจและรุจิภา คุณอรุณีได้แต่เหลือบมองคุณวิกานต์และคนอื่น ๆ ด้วยไม่อยากให้ทุกคนมองลูกสาวในแง่ร้ายเกินไป นางจึงสะกิดแขนลูกสาวเบา ๆ เป็นการเตือนสติพร้อมทั้งปั้นหน้ายิ้มแย้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลังจากช่างภาพเก็บภาพหนุ่มสาวทั้งสองแล้ว นพรุจและรุจิภาเดินเข้ามาไหว้ผู้อาวุโสเจ้าของงาน หากคนที่ทำอะไรไม่ถูกกลับเป็นรุจิภา เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่างานเลี้ยงค่ำคืนนี้จะเป็นงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของกานต์ตะวันและขวัญมุก ซึ่งก็คือพี่ชายของกานต์ธวัชนั่นเอง มิหนำซ้ำขวัญมุกก็คือคนที่กานต์ธวัชเคยรักเคยชอบมาก่อน ยิ่งกว่านั้นเธอคือคนที่กานต์ธวัชรักมากคนหนึ่งจนทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจถึงทุกวันนี้

“ว่าที่ลูกสะใภ้หรือเปล่าครับคุณพร” คุณวิกานต์เอ่ยถา
มเมื่อนพรุจและรุจิภานั่งร่วมโต๊ะแล้ว

“ค่ะ...หนูภาเป็นลูกสาวของเพื่อนดิฉันที่เรียนมาด้วยกันน่ะค่ะ ก็คุณกัณตาไงคะ”

คุณวิกานต์ได้แต่พยักหน้ายิ้ม ๆ เมื่อทราบเช่นนั้นก่อนจะหันมาทางคุณอรุณีและลูกสาวที่นั่งอยู่อีกด้าน

“มีแต่คนกันเองทั้งนั้นเลย คุณอรุณีก็เป็นเพื่อนของคุณจันทรา ภรรยาของผม และนี่ก็หนูไอซ์ ลูกสาว คงไม่ใช่คนอื่นคนไกลใช่มั้ยครับ”

ทุกคนต่างยิ้มแย้มให้กัน นพรุจค้อมศีรษะให้ไอรยาเล็กน้อยเพื่อทักทายกัน หากดวงตาของเขากลับเป็นประกายบางอย่างแวบหนึ่งซึ่งไม่ต่างจากหญิงสาวเลย หากคนที่รู้สึกอึดอัดด้วยไม่เคยมางานเลี้ยงหรูหราเช่นนี้กลับเป็นรุจิภา เธอแทบทำตัวไม่ถูก ทว่าโชคดีที่เกศเกล้าคอยชวนคุยเพื่อให้ไม่ให้เหงาทำให้เธอเบาใจขึ้นมาบ้าง

เมื่อถึงเวลาที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวต้องออกมากล่าวขอบคุณแขกในค่ำคืนนี้ ทั้งแทนภัทรและบุญยุดาก็ก้าวขึ้นบนเวทีและทำหน้าที่เป็นพิธีกรเริ่มงานในคืนนี้ เสียงดนตรีบรรเลงเบา ๆ ในงานหรี่เสียงเบาลง

“สวัสดีครับแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน งานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสระหว่างคุณกานต์ตะวันและคุณขวัญมุก ในค่ำคืนนี้ถึงเวลาที่ทุกท่านจะได้พบกับเจ้าบ่าวและเจ้าสาวแล้วครับ”

“ค่ะ...ความรักของทั้งสองเดินทางผ่านอุปสรรคขวากหนามมากมายกว่าจะมารักกันได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะกว่าจะมีวันนี้ เราจึงมีวีทีอาร์เรื่องราวความรักของทั้งสองมาให้ชมกันค่ะ”

หลังสิ้นเสียงประกาศของบุญยุดา ดนตรีบรรเลงหวาน ๆ คลอเบา ๆ ก็ดังขึ้น ภาพฉายบนจอโปรเจ็กเตอร์ด้านข้างปรากฎขึ้น เป็นภาพเรื่องราวความรักของกานต์ตะวันและขวัญมุกที่ได้พบกันตั้งวัยเยาว์ และดำเนินเรื่องด้วยตัวการ์ตูนน่ารักและจบลงด้วยตุ๊กตาบาร์บี้ที่อยู่ในความทรงจำของทั้งสองจนกลายมาเป็นความรัก

เมื่อดนตรีบรรเลงจบลงพร้อมกับภาพบนจอนั้น เจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ก้าวออกมาบนเวที กานต์ตะวันก้าวออกมาพร้อมกับจับมือขวัญมุกประคองเดินมาด้วยกัน สีหน้าของทั้งสองต่างมีความสุขในหัวใจ เสียงปรบมือกราวใหญ่ของแขกเหรื่อนับพันดังกระหึ่มด้วยความยินดีในความรักของทั้งสองเนิ่นนานก่อนจะซาลง

“เรื่องราวความรักของทั้งสองที่เริ่มต้นจนมาถึงวันนี้ทุกท่านก็ได้ทราบกันแล้ว...ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวกล่าวขอบคุณแขกผู้มีเกียรติและพูดถึงความเป็นมากว่าจะมารักกันได้...เชิญค่ะ”

บุญยุดาทำหน้าที่พิธีกรกล่าวเชิญทั้งสอง กานต์ตะวันหันมายิ้มหวานให้เจ้าสาวก่อนจะเป็นคนกล่าวคนแรก หลังจากเสียงปรบมือเงียบลง

“ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามาร่วมงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของผมและคุณมุกในคืนนี้ครับ ความรักงดงามเสมอเมื่อเรารู้จักรัก เช่นความรักที่เราสองคนมีให้กัน กว่าจะมาถึงวันนี้ได้นั้น เส้นทางของความรักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ความรักก็นำทางมาให้เราได้พบกันอีกครั้งแม้พรหมลิขิตจะเล่นตลกไปบ้าง ความรักที่เกิดขึ้นนั้นผมสัญญาครับว่าจะรักษาและดูแลหัวใจของคุณมุกที่มอบไว้ให้ผมไปจนลมหายใจสุดท้าย”

สิ้นคำเอ่ยของกานต์ตะวัน เสียงปรบมือกราวใหญ่ก็ดังขึ้นอีกครั้งท่ามกลางความซาบซึ้งใจในความรักของทั้งสอง ก่อนที่พิธีกรชายจะมอบหน้าที่กล่าวขอบคุณให้เจ้าสาวบ้าง

“ขอบคุณความรักที่คุณตะวันมอบให้มุก...มุกก็จะเก็บรักษาความรักของคุณตะวันที่มอบให้มุกไว้จนลมหายใจสุดท้ายเช่นกันค่ะ”

คำเอ่ยของเจ้าสาวไม่ยาวนัก แต่กลับกินใจแขกเหรื่อในงานพร้อมทั้งเสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วห้อง เมื่อพิธีการเสร็จสิ้นแล้ว คุณวิกานต์ก็ขอตัวขึ้นบนเวทีเพื่อกล่าวอะไรบางอย่าง

“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านครับ หลังจากที่งานแต่งงานของธรและหนูเกศผ่านพ้นไปเมื่อสองปีที่แล้ว ผมก็ได้หลานชายน่ารักมาอุ้มสมใจ งานครั้งนี้ก็ถือว่าน่ายินดีไม่แพ้กันที่ได้ลูกสะใภ้อีกคนและไม่นานก็คงจะได้เป็นตาของหลาน ๆ วันนี้บริษัทเมืองหรรษายังคงอยู่และมีผู้บริหารที่ดีคอยดูแลและลูกสะใภ้ที่เก่งคอยเอาใจใส่ แต่สำหรับกานต์ตะวันและหนูมุก ทั้งสองมีอาชีพของตนเอง ผมจึงไม่ห่วงมากนัก...ที่ผมพูดเช่นนี้ก็เพราะยังมีลูกชายอีกคนที่ยังไม่เป็นฝั่งเป็นฝาอย่างลูกคนอื่น ๆ นั่นก็คือกานต์ธวัช...สองปีกว่าที่เขาไปเรียนเมืองนอกเพื่อกลับมาบริหารบริษัทอีกแรงหนึ่ง วันนี้เขาทำสำเร็จแล้ว โอกาสนี้ผมขอแนะนำผู้บริหารบริษัทเมืองหรรษาดีกรีนักเรียนนอก...กานต์ธวัช...ลูกชายผมเองครับ”

สิ้นเสียงประกาศของคุณวิกานต์ เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องขึ้นพร้อมทั้งร่างสูงโปร่งของกานต์ธวัชในชุดสูทสีเข้ม สง่าผึ่งผายก็ก้าวขึ้นบนเวทีแล้วเดินมายืนเคียงข้างบิดาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แขกเหรื่อในงานต่างมองเป็นสายตาเดียวกันเมื่อคุณวิกานต์เปิดตัวลูกชายคนเล็กผู้บริหารอีกคนของบริษัทในวันนี้ ด้วยรูปร่างและลักษณะโดดเด่นไม่แพ้พี่ชายทั้งสองทำให้แขกสาว ๆ ในงานต่างหมายตาไม่น้อย แม้กระทั่งไอรยาก็ถึงกับตะลึงชั่วครู่

หากคนที่ช็อกกว่าคนอื่นคงจะเป็นรุจิภา หญิงสาวถึงกับมองร่างสูง ๆ ของกานต์ธวัชที่ยืนเด่นอยู่บนเวทีนิ่งอึ้งไปนาน เวลาสองปีที่เขาเรียนจบและเวลาอีกสองปีกว่าที่เขาไปเรียนเมืองนอก เธอไม่เคยเจอเขาอีกเลย...และวันนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน หญิงสาวไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่ได้เจอเขาในวันนี้ เหมือนภาพในวันเก่าฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวไม่หยุด

ด้านบนเวที คุณวิกานต์ยื่นไมโครโฟนให้ลูกชายเพื่อกล่าวบางอย่างกับแขกในงาน เมื่อรับไมค์มาแล้ว ชายหนุ่มจึงเอ่ยขึ้น

“สวัสดีครับ ผมกานต์ธวัช ลูกชายของคุณพ่อ...ผมยินดีอย่างยิ่งที่ได้กลับมาร่วมงานแต่งงานของพี่ตะวันและคุณมุกในวันนี้ ผมขอให้ทั้งสองมีความสุขและดูแลความรักของกันและกันตลอดไป และผมเองก็คงจะได้เป็นอาของหลานในไม่ช้า...เวลาสองปีกว่า ๆ ที่ผมเรียนอยู่อเมริกา ความรู้ด้านบริหารทุกอย่างที่เก็บเกี่ยวมา ผมจะนำมาบริหารบริษัทให้ดีสมกับที่คุณพ่อและพี่ ๆ ไว้วางใจ...ผม...!!!...ภา!...” ท้ายประโยคแผ่วเบาเมื่อสายตาปะทะเข้ากับใบหน้าสวยอันสะดุดและคุ้นตามาก่อน

ร่างสูงของกานต์ธวัชคล้ายกลายเป็นหิน สายตาของเขามองทะลุผ่านแขกในงานตรงมายังร่างบางที่นั่งบนเก้าอี้เบื้องหน้า...รุจิภา...นั่นเธอจริง ๆ หรือ

แขกเหรื่อในงานต่างมองตามสายตาของเขาเป็นตาเดียวกัน

“เจ้าวัช...!” คุณวิกานต์กระซิบเตือนสติลูกชาย กานต์ธวัชจึงได้สติกลับมา

“ผม...ขอขอบคุณทุกท่านครับ” เขากล่าวจบทันทีคุณวิกานต์จึงจับไมค์มาพูดต่อ

“คงไม่มีอะไรแล้ว ขอเชิญทุกท่านร่วมฉลองงานในค่ำคืนนี้ได้ตามอัธยาศัยครับ”

สิ้นคำเอ่ยของคุณวิกานต์ ดนตรีบรรเลงแผ่วเบาจึงดังขึ้นพร้อมกับหนุ่มสาวในงานทยอยออกมากลางฟลอร์เต้นรำและสังสรรค์ตามอัตภาพ

เมื่อทุกอย่างดำเนินต่อไป รุจิภารู้สึกอึดอัดไม่น้อยจึงขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยมีเกศเกล้านำทางไป ส่วนนพรุจนั้นกลับเป็นโอกาสที่เขาได้นั่งคุยกับไอรยาอย่างออกรส หากนั่นไม่ได้ทำให้คุณนันทพร มารดาของเขาพอใจเลยสักนิด เพราะคนที่วาดหวังให้เป็นลูกสะใภ้คือรุจิภา ไม่ใช่นางแบบอย่างไอรยา

.........................

รุจิภาขอตัวไปเข้าห้องน้ำไม่นาน กานต์ธวัชเดินตรงมายังโต๊ะที่กานต์ธรและเกศเกล้านั่งอยู่พร้อมทั้งไหว้ผู้อาวุโสและทักทายตามอัธยาศัย คุณอรุณีได้โอกาสจึงเอ่ยขึ้นกับชายหนุ่ม

“พ่อวัชหเรอคะเนี่ย ไม่เห็นตั้งนานแน่ะ ดูสิโตเป็นหนุ่มเชียว...เออ...จริงสินะ พ่อวัชคงยังไม่รู้จักกับน้อง...นี่น้องไอซ์ ลูกสาวของแม่เองจ้ะ”

คุณอรุณีได้โอกาสแนะนำให้ทั้งสองได้รู้จักกัน ไอรยาลุกขึ้นแล้วไหว้กานต์ธวัชพลางยิ้มหวานให้เขา ชายหนุ่มรับไหว้พร้อมกับยิ้มตอบเช่นกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ”

“เชิญตามสบายนะครับ ผมขอตัวก่อน”

กานต์ธวัชขอตัวด้วยจิตใจของเขาในเวลานี้ไม่อยู่กับตัวเสียแล้ว ชายหนุ่มเหลียวมองไปทั่วห้องโถงอย่างค้นหาใครบางคนทำให้ผู้เป็นพี่ชายที่อยู่ใกล้ต้องถามสงสัย

“มีอะไรหรือวัช...นายกำลังมองหาใครอยู่” ผู้เป็นพี่ชายถามน้องชายอย่างสงสัย

“ผู้หญิงคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ไปไหนครับ”

“นายกำลังหมายถึงคุณภาหรือเปล่า” พี่ชายถาม

“ครับ...”

“คุณรู้จักภาด้วยหรือครับ” คนที่เอ่ยถามคือนพรุจ เขาหรี่ตามองกานต์ธวัชอย่างแคลงใจไม่น้อย

“ผม...ไม่แน่ใจว่าใช่เธอหรือเปล่า...ผมขอตัวก่อนนะครับ”

บอกแล้วกานต์ธวัชก็เดินเลี่ยงออกไป กานต์ธรได้แต่ส่ายหน้าที่น้องชายยังอารมณ์ร้อนเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน วาคิมและณรานุชที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ ๆ ถึงกับถอนใจเมื่อเห็นท่าว่าจะยุ่งกันไปใหญ่เสียแล้ว

นพรุจสงสัยไม่น้อยเมื่อมองตามร่างสูงของกานต์ธวัชที่เดินผละไปแล้ว ไอรยาก็เช่นกัน เธอยังสนใจกานต์ธวัชจึงมองตามร่างสูงที่เดินผละไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมาคุยกับนพรุจตามมารยาท

ถึงแม้จะคุยกับนพรุจ แต่เธอก็คิดว่ากานต์ธวัชคงจะรู้จักกับรุจิภามาก่อนเป็นแน่ ผู้หญิงธรรมดาไม่มีอะไรอย่างนั้นหรือที่เขาสนใจ ถ้าเปรียบกับเธอแล้วคนละระดับก็ว่าได้ แต่เอาเถอะ ยังไงเธอก็ยังมีเวลาที่จะได้รู้จักกับเขาอีกนาน

ขณะเดียวกันนั้น ภายในห้องรับรองเจ้าบ่าวเจ้าสาว บุญยุดาและแทนภัทรก็รีบเข้ามารายงานให้ขวัญมุกและกานต์ตะวันทราบเรื่องกานต์ธวัช เพราะจำได้ว่าหญิงสาวที่กานต์ธวัชเผลอเอ่ยชื่อออกมานั้นคือน้องร่วมสถาบันกันมาก่อน

“ดาแน่ใจนะว่าตาไม่ฝาด”

“ฉันจะตาฝาดได้ยังไงกันมุก...นายแทนก็เห็นเต็มสองตาเหมือนกัน”

“ใช่ครับ” แทนภัทรยืนยันเสียงแข็ง

กานต์ตะวันนิ่งครุ่นคิดบางอย่างในใจ มันอาจจะเป็นเกมของพรหมที่ลิขิตเอาไว้ก็เป็นได้ เวลาหลายปีที่กานต์ธวัชไปเรียนเมืองนอกแล้วกลับมาในวันนี้ จู่ ๆ ก็ได้พบหญิงสาวที่เคยรักอีกคราหนึ่ง

“ถ้าหากนายวัชจำผู้หญิงคนนั้นไม่ผิดจริง ๆ ก็นับว่าโลกกลมเหลือเกิน แต่ทั้งสองเคยมีปัญหากันมาก่อนไม่ใช่หรือครับ”

“ค่ะ เมื่อก่อนเคยมีปัญหากับมุก แต่มุกกับเธอไม่เคยรู้จักกันมาก่อนนะคะ”

“ถ้าหากนายวัชจะกลับไปรักเธอจริง ๆ ก็คงจะยากเอาการ เธอมีชายหนุ่มควงมาในงานด้วยนี่ครับ” แทนภัทรเอ่ยตามที่รู้มา

“อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ความรักที่แท้จริงต้องการเครื่องพิสูจน์ใจเสมอ” กานต์ตะวันบอกอย่างเข้าใจถ่องแท้ทำให้ทุกคนเห็นด้วยกับเหตุผลนี้ ด้วยความรักของเขาและขวัญมุกผ่านบทพิสูจน์ใจมาแล้ว

.............................

กานต์ธวัชเดินทั่วงานแต่ก็ไม่พบหญิงสาวอย่างที่ตั้งใจจนกระทั่งเดินมาถึงห้องน้ำสตรี เขาจึงเห็นเกศเกล้า พี่สะใภ้ยืนอยู่หน้าห้องน้ำ เกศเกล้าหันมาเห็นพอดีจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย

“วัชมาเข้าห้องน้ำหรือ”

“เปล่าครับพี่เกศ...ผมแค่ตามหาผู้หญิงคนหนึ่ง” เขาถามพลางเหลียวมอง

หญิงสาวที่เดินเข้าออกห้องน้ำไปด้วย

“ใครหรือ...อย่าบอกนะ ผู้หญิงคนนั้นคือคนที่วัชมองตอนอยู่บนเวที”

“ใช่ครับพี่เกศ...พี่เกศเห็นเธอมั้ยครับ”

เกศเกล้ามองหน้าอีกฝ่ายอย่างช่างใจก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ด้วยรู้ว่าคงจะหมายถึงรุจิภาที่เธอมาพาเข้าห้องน้ำ หญิงสาวพอรู้บางอย่างเกี่ยวกับกานต์ธวัชมาบ้างจึงขอให้เขาไปรอด้านนอกกระทั่งรุจิภาออกมาจากห้องน้ำ เกศเกล้าจึงชวนเธอออกมาเดินเล่นด้วยกัน

“พี่เกศมีอะไรหรือคะ”

“เปล่าหรอกจ้ะ พี่เห็นภาไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ก็เลยชวนมาเดินเล่น...”

รุจิภาไม่ตอบนอกจากพยักหน้าเบา ๆ สีหน้าคล้ายมีเรื่องครุ่นคิดในใจ

“ภารู้จักคุณกานต์ธวัชหรือเปล่าจ๊ะ”

จู่ ๆ เกศเกล้าก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมาทำเอารุจิภาทำอะไรไม่ถูก

“เอ่อ...ภา...คือ...”

ยังไม่ทันเอ่ยอะไรมากไปกว่านั้น ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มก็ปรากฏกายออกมาจากกำแพงแล้วมายืนอยู่ตรงหน้าในระยะไม่ไกลนักเล่นเอารุจิภาแทบหยุดหายใจ...กานต์ธวัช...

จากคุณ : พันชิต
เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 18:58:22




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com