Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ฺBody Talk (Boys love) ทดลองโพสต์ บทที่ 11 ติดต่อทีมงาน

บทที่ 11

Other part

   เมษาเปิดประตูรั้วก้าวเข้าไปบริเวณของบ้านสองชั้นแบบเรียบง่ายขนาดกระทัดรัด ไม่ใหญ่ไม่เล็กด้วยขนาด หนึ่งห้องนั่งเล่น ห้องครัว และห้องน้ำอย่างละหนึ่งห้องชั้นล่าง และสองห้องนอน หนึ่งห้องอเนกประสงค์ ชั้นบน เมษายกมือขึ้นแตะกิ่งไม้ของไม้ประดับที่แนวเรียงรายตลอดทางเดินเข้าตัวบ้าน  อีกไม่นานเขาคงต้องเข้ามาตัดแต่งอีกแล้ว กิ่งยาวๆและใบไม้เริ่มไร้ระเบียบมากขึ้นอีกครั้ง เมษาหยุดก้าวหันไปมองแปลงดอกไม้หลากพันธ์ หลากสีที่เบ่งบานรับแดดแล้วยิ้มอ่อนโยน ระบบการจัดการอัตโนมัติของการให้น้ำยังทำงานได้อย่างไร้ข้อบกพร่อง ไม่คิดเสียดายสักบาทที่กัดฟันจ่าย  ต้นไม้ของพ่อ ดอกไม้ของแม่จึงยังร่มรื่นและสดสวยสบายตา ร่มรื่นเหมือนอัธยาศรัยของพ่อ สวยเหมือนรอยยิ้มของแม่ นี่แม่กับพ่อคงกำลังยิ้มต้อนรับเขากลับบ้าน

เมษาเอ่ยคำที่เขามักบอกคนในบ้านยามที่กลับมาจากที่อื่นในสมัยนั้น คำกล่าวที่ไม่ดังตั้งแต่หน้ารั้วเหมือนเคยหากแต่แผ่วเบาผ่านอากาศสดใสที่ห่อหุ้มกายของเขาไว้ราวอ้อมกอดของพ่อของแม่
“ผมกลับมาแล้วครับ ข้างนอกไม่มีอะไรน่าสนุกเลย กินของอร่อยๆของแม่ เล่นกับพ่อดีกว่า”
พูดจบเมษาก็ถอนใจทรุดตัวลงนั่งที่เฉลียงหน้าบ้าน ทอดสายตาทั่วบริเวณรอบบ้านอีกครั้งก่อนจะไขกุญแจเข้าบ้าน ผลักบานประตูแบบสองบานออก กลิ่นภายในบ้านอันแสนคุ้นเคยไม่ว่าจะกลับมาอีกสักครั้ง ลอยล่องผ่านโสตรับรู้และความทรงจำราวสายลมในกาลฤดู

เมษายิ้มให้กับทุกสิ่งที่อยู่ในบ้านไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือบรรยากาศที่นิ่งเงียบแต่ก็สุดอบอุ่นแค่แทรกตัวเข้าอยู่ ตั้งแต่พ่อกับแม่เสียเมษาก็ย้ายออกจากบ้านไปอยู่ข้างนอก ด้วยว่าไม่สามารถทนอยู่คนเดียวในบ้านที่เคยอบอุ่นสามคนพ่อแม่ลูกไม่ไหว ขอเก็บความทรงจำแห่งความผูกพันธ์ความรักไว้ ณ บ้านแห่งนี้ แล้วเขาจะกลับมาซึมซับยามที่ต้องการกำลังใจหรือคำปลอบโยน  เมษาแตะนิ้วบนโต๊ะเขาจะกลับมาดูแลบ้านอาทิตย์ละสองครั้งหรืออาจบ่อยเท่าที่รู้สึกว่าต้องการไออุ่นและคำสั่งสอน คำพูดแสนดีของพ่อแม่อยู่ที่นี่...ในบ้านหลังนี้

เมษาก้มตัวลงนั่งบนพื้นไม้ขัดเงากลางบ้าน
“ขอโทษที่ผมตัวไม่น่ารัก ทำเป็นพวกอันธพาล แถมกลับมาในสภาพที่ย้ำให้เห็นถึงการกระทำอันบ้าระห่ำอีก” เมษาหัวเราะพลางใช้นิ้วแตะแผลมุมปาก
“แต่ผมก็ทำเพื่อปกป้องคนที่ผมรักครับ ได้ยินแล้วพ่อกับแม่คงผิดหวังในตัวผมนะครับ  ผมที่พวกท่านเห็นเป็นปกติ เป็นเด็กดีมาแต่ไหนแต่ไรคนนี้กลับกลายเป็นแบบนี้ ผมขอโทษที่ทำให้ผิดหวังทั้งเรื่องของซีซ่า ผมปิดบังพวกท่านมาตลอดจนพวกท่านเสีย  ผมขอโทษที่ความรักของผมไม่เลือกเพศ ผมคิดแต่เพียงผมรัก คนๆนั้นจะเป็นหญิงหรือชายหากผมมีความสุขที่อยู่ด้วยกัน เขาก็คือความรักของผม   ความรักในสิ่งที่เขาเป็น

ผมรักผู้จัดการ รักมาก รักทั้งที่ไม่รู้ว่าเราสองจะจบลงแบบไหน เขาทำให้ผมมีทั้งความสุขและความทุกข์ไปในวินาทีเดียวกัน และแม้ผมจะแสดงออกว่าเข้มแข็งได้มากมายขนาดนั้นแต่ข้างในนี้”เมษาจับอกตัวเอง คำพูดของรุจน์ แนวโน้มของโรคที่เขาเป็น สายสัมพันธ์ที่ไม่เคยขาดสะบั้นของเขาและทศวรรษ
“ลึกๆแล้วก็อดรู้สึกหวาดกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้ไม่ได้ พ่อครับ แม่ครับ โปรดให้พลังกับผมออกไปสู้กับอุปสรรคของผมและผู้จัดการด้วยนะครับ”

เมษาหมอบตัวลงแนบใบหน้ากับพื้นไม้ที่ริ่มมีฝุ่นเกาะบางๆ ความเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจที่พกพามา ยามเมื่ออยู่ในบ้านที่เปรียบเสมือนที่หลบภัยอันสงบ เมษารู้สึกผ่อนคลาย เขาหลับตาลงแล้วปล่อยให้ร่างกายได้คลายความตึงเครียดลง ดวงตาค่อยๆปรือปรอยจนพริ้มลงหลับ
             
                     กลิ่นหอมของอาหาร เสียงกรรไกรตัดแต่งกิ่งไม้ เพลงสุนทราภรณ์จากเครื่องเล่น แว่วอยู่ในโสตของเมษาเสียจนเขาไม่อาจทนหลับต่อได้อีก เด็กหนุ่มผุดลุกขึ้นรีบวิ่งไปที่หน้าบ้าน แม่ของเขากำลังชี้บัญชาการให้พ่อของเขาเอาต้นดอกกุหลาบแดงสีโปรดลงในแปลง พ่อวางกรรไกรตัดกิ่งไม้แล้วหัวเราะเกาหัวเดินไปย้ายให้ในตำแหน่งที่แม่ต้องการ
“พ่อครับ แม่ครับ” เมษาพึมพัมคนเดียว
“อ้าว เมษา”แม่ที่หันมาเห็นกวักมือ

“มาดูต้นไม้ใหม่ของแม่ซิ” แม่ตะโกน
“ฮะ” เมษารีบโดดลงก้าววิ่งด้วยเท้าเปล่า พอเข้าไปใกล้เขาก็รู้สึกตัวเองหดเตี้ยลง มองแม่ที่ตัวสูงกว่าเขาอย่างมึนงง
“สวยไหมจ๊ะ กุหลาบแดงต้นนี้น่ะ” เมษามองแม่ผู้ซึ่งรักต้นกุหลาบขนาดว่าหากโลกนี้ไม่มีกุหลาบจะไม่ปลูกต้นอะไรเลย  
“ครับ”เมษาตอบแบบงงๆ
“ปกติกุหลาบที่แม่ซื้อมาลงแปลง จะไม่ค่อยแข็งแรงชอบออกอาการแพ้แมลงศัตรูที่เข้าเล่นงานแบบกัดกร่อนทีละนิดจนตายตลอดเลย แม่เซ็งมาก”
“แต่แม่แกเขารักกุหลาบ รักแบบไม่ยอมปล่อยน่ะ เขาก็เลยลองทุกวิธีที่จะทำให้กุหลาบของเขาอยู่รอดให้ได้ ทำทุกวิธีที่ใครเขาว่าดีเพื่อประคองให้กุหลาบของเขาทุกต้นอยู่ได้” พ่อที่กำลังกลบดินหลังเอาต้นกุหลาบลงแล้วพูดต่อ

“ใช่จ๊ะ นี่...เมษาลูกรัก”แม่ของเมษาย่อตัวลงมาพูดกับเขา
“เพราะแม่เชื่อว่ากุหลาบของแม่ทุกต้นจะต้องแข็งแรงด้วยมือที่ทุ่มเทดูแลเอาใจใส่ด้วยหัวใจของแม่คู่นี้” แม่ยกมือขึ้น
“และไม่ว่าเขาจะลงดินที่ไหนเขาก็จะเติบโตงอกงาม ออกดอกใหญ่โตแข็งแรงให้แม่ได้เห็น ได้ชื่นชม”
“ลูกมีกุหลาบที่ปลูกอยู่หรือเปล่าจ๊ะ” แม่อมยิ้มถามเมษา เมษานึกพลางเกาหัว

“ไม่มีนี่ฮะ ผมปลูกอะไรไม่ค่อยขึ้นแม่ก็รู้”
“มีซิจ๊ะ ลูกเพิ่งบอกแม่เมื่อครู่นี้เอง พยายามเข้านะ กุหลาบต้นนั้นน่ะ ไม่ต้องกังวลที่มันถูกแมลงร้ายศัตรูพืชลงเสียจน ทั้งดอกและต้นไม่แข็งแรงแล้วนะจ๊ะ ลูกรัก...สองมือหนึ่งหัวใจของลูกนั่นแหละ  จงดูแลเอาใจใส่รักษาเท่าที่ลูกสามารถทำได้  แม่กับพ่อจะเอาใจช่วยนะ” แม่ยืดตัวลุกยืน

“แม่ครับแต่ว่า...”
“แม่กับพ่อรักในทุกสิ่งที่ลูกรักจ๊ะ ความรักไม่มีนิยามตายตัวหรอก แค่ทำตามที่หัวใจเรียกหา   กับใครก็ไม่สำคัญหรอก หนูเมษาของแม่เป็นคนมีความรับผิดชอบเสมอพ่อกับแม่ไม่กังวลเลยนะ ต่อจากนี้ทำให้ดีที่สุด มีความสุขให้มากที่สุด นั่นน่ะพอแล้วสำหรับพ่อกับแม่”
“อืม เราสองคนจะเดินทางไกลกันแล้วคงไม่กลับมาอีกแล้วล่ะ ดูแลตัวเอง ดูแลคนที่รักให้ดีนะลูก” พ่อเดินมาโอบไหล่แม่
“พ่อกับแม่จะไปไหนฮะ”
“ที่คนเขาชอบพูดไง ที่ชอบ ที่ชอบน่ะ พ่อกับแม่ก็มีสถานที่ที่อยากไปนะ ฮ่าๆๆ” พ่อหัวเราะแม่ใช้ศอกถองพ่อเบาๆก่อนจะค้อมตัวลงมาจับบ่าเมษา

“อย่าลืมนะ กุหลาบต้นนั้นน่ะอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันของมันถูกทำลายยับเยินมาตั้งแต่ยังเป็นต้นอ่อน ลูกต้องเข้มแข็งอย่าท้อถ้าหากบางครั้งใบมันจะเหี่ยวเฉา ดอกมันจะเน่าไปบ้าง หนอนบางตัวก็เอาแต่ฉอนไชไร้ปรานี ลูกต้องเอาชนะสร้างภูมิให้มันให้จงได้นะ แม่รู้ว่าเจ้ากุหลาบต้นนั้นน่ะจริงๆแล้วสวยมากๆ  ดูซิแม้ยับเยินขนาดนั้น ลูกก็ยังแลเห็นความสวยงามจนหลงไหลไม่ใช่หรือ  นะจ๊ะ แม่รอชื่นชมดอกใหญ่ๆแข็งแรงของมันนะ” แม่ของเมษาดึงตัวขึ้นยืนเคียงกับพ่อ ทุกสองคนยิ้มแล้วโบกมือก่อนจะเดินออกจากบ้านทางประตูรั้ว เมษาร้องเรียกแต่ทั้งคู่ก็ไม่ยอมหันกลับมา
ในความเงียบสงบของบ้าน เมษาสะดุ้งปริบตาปรับให้คุ้นชินภาพเพดานตรงหน้า เขาลุกขึ้นนั่งแล้วน้ำตาไหลไม่รู้ตัว“คุณพ่อ คุณแม่ครับ ขอบคุณมากนะครับ”

เมื่อใดก็ตามที่เข้ามาที่บริษัทนี้ S มักมานั่งในห้องนี้เพราะมันได้เห็นคนๆนั้นนั่งที่เดิมในเวลาเดิมทุกครั้ง แม้แน่ใจว่าไม่ใช่พวกชอบเพศเดียวกัน หากแต่Sก็ไม่อาจหาคำตอบให้ตัวเองได้ว่าทำไมผู้ชายคนนั้นถึงทำให้เขารู้สึกสบายใจยามได้เห็น  ตรงนี้ที่เขานั่งเป็นห้องรับแขกของบริษัทลูกอันเป็นสาขาของบริษัทใต้ปีกองค์กรใหญ่ของ S และ ทศวรรษอีกที ในสามเดือนผู้บริหารต้องมาตรวจดูบัญชีและการบริหารงานหนึ่งครั้ง แต่ละครั้งนั้นอาจจัดให้มีประชุมหรือไม่ก็ได้ ทศวรรษไม่เคยสนใจการเยี่ยมเยือนแบบนี้ เขามักโบ้ยให้ S เป็นคนมาดูแทน โดยเหตุผลว่าหากวันไหน S ไม่ว่างเขาถึงจะมาแทน หากมาเองได้ก็มาเองไปซะ

“เฮ้ย เหม่ออะไร” ทศวรรษตบบ่า S ที่กำลังทอดสายตาเหม่อมองบนถนนนอกหน้าต่างชั้นสามของตึก  S หันมามองทศวรรษที่กำลังหยิบซองบุหรี่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูท ก่อนจะดึงผ้าคาดปากออกวางบนโต๊ะ แต่คราวนี้ทศวรรษจำต้องมาด้วเพราะติดเหตุจำเป็นว่าผู้บริหารสองคนต้องลงลายมือร่วมกันในการเบิกจ่ายด้านงบประมาณของโครงการใหญ่
“อ๊ะ! เปล่า กำลังคิดเรื่องจะจ่ายงานมาที่บริษัทนี้บ้าง ไม่งั้นเดี๋ยวไปไม่รอด” S เหลือบมองมือของทศวรรษที่ตอนนี้มีเพียงพาสเตอร์ใหญ่แปะทับสองที่

“มือนายดูดีขึ้นนะเป็นไงบ้างล่ะ” เขาพูดเสียงอ่อย
“จะถามไปทำไมในเมื่อนายไม่สนใจมันแต่แรก” ทศวรรษหยิบบุหรี่มาจุด

“ประชดแบบนี้ ว่าจะถามต่อเรื่องแผลช้ำที่หน้าจนต้องผ้าปิดปากคาดไว้นี่เปลี่ยนใจดีกว่า แล้วกับน้ำฟ้าเป็นไงบ้าง”
“ก็ดี ฉันจะเป็นอะไร หรือคบกับใคร แม้จะตายหรืออยู่นายก็ไม่สนมานานแล้วนี่  ทำไมไม่แต่งงานแต่งการไปกับนังหน้าใสบ้าเซ็กส์นั่นซะทีรออะไร”
“หุบปากนะ นายกร้าวร้าวฉันคนเดียวก็พอ เรื่องอะไรไปพูดถึงเขาแบบนั้น” S ทุบโต๊ะ ทศวรรษคีบบุหรี่ออกจากปาก ลุกขึ้นยื่นหน้าไปพ่นควันใส่ S
“แล้วจะทำไม ก็ฉันเกลียดมัน มันทำให้ฉันกลายเป็นธาตุอากาศในสายตานาย มันน่าแค้นไหมล่ะ” ทศวรรษส่งเสียงเชอะก่อนจะผละออกไปทิ้งตัวนั่งฝั่งตรงข้าม

“เห็นนายไปคบกับน้ำฟ้า คิดว่านายสามารถทำใจรักผู้หญิงได้แล้วเสียอีก ดีใจว่านายจะได้เข้าใจฉันเสียที แล้วนายจะให้ฉันทำอย่างไรล่ะ ถึงจะพอใจ” S สานมือแล้วบีบแน่นจนข้อซีด เขากระดากปากเต็มทนที่ยังพูดได้แบบนี้  ทั้งที่ทศวรรษเคยขอเดินไปตามทางที่ตนเองต้องการ เขาจะรักคนอื่นและจะให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าตนเอง เหมือนจะเข้าใจความรู้สึกนั้นเพราะก็มีความรักเหมือนกัน ทว่าความริษยาที่ก่อตัวเงียบงันและรุนแรงมากขึ้นทำให้เขาใช้ความรักของทศวรรษที่มีต่อเขาดึงทศวรรษกลับมา เขาเพิ่งตะหนักในวินาทีที่เห็นหน้าทศวรรษหลังกรีดข้อมือตัวเองจนเลือดท่วม  ความกลัวว่าทศวรรษจะไม่อยู่ข้างกายเขาอีก ทำให้รู้สึกสั่นสะท้านทั้งตัวจนลืมตัวกอดทศวรรษแน่น  มันผิดด้วยหรือที่เขาอยากมีทั้งคนรักและเพื่อนผู้ภักดีอยู่ข้างกายตลอดไป

“หึ ว่ามาซิ จะให้ทำอย่างไร กล้าพูดนะ หน้าด้านดีว่ะ ทำขนาดว่าฉันขยับตัวยังไม่กล้า กลัวจะเอามีดมาเชือดคอหอยเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  และขอโทษนะทำไมฉันคบกับน้ำฟ้านายไม่แทงยอดอกตัวเองตายไปเสียเลยล่ะ  ก็เพราะนายรู้ใช่ไหมว่า น้ำฟ้าไม่ใช่คนที่นายต้องกลัว ฉันกับเขายังไม่สามารถพูดได้ว่าคนรักไง อย่ามาทำหน้าใสใจคดเหมือนนังนั่นอีกคนเลย” ทศวรรษถีบขาโต๊ะ แล้วลุกขึ้นเดินออกมาจากห้อง พ้นกรอบประตูดวงตาก็เหลือบไปด้านหลัง พลางพิงแผ่นหลังข้างประตู
“แล้วเมื่อไหร่วันนั้นจะมาถึงซักทีล่ะ ทศวรรษนายบอกฉันหน่อยซิ” เขากระซิบกับตัวเอง พลางหลับตาเงยหน้าพิงศีรษะด้านหลังกับกำแพง

ในห้อง S กระแทกตัวกับพนักพิงโซฟา เขาเหลือบมองลงไปที่ถนนอีกครั้ง ร้านกาแฟตกแต่งสไตล์ตะวันตกร้านนั้นอยู่มุมถนน  ที่จริงร้านแบบนั้นที่ไหนในกรุงเทพฯก็มีไม่อะไรให้สนใจหรอก หากเบื้องหลังกระจกใสของทุกร้านไม่มีใครสักคนนั้นเช่นนั้นนั่งอยู่บนเคาเตอร์ที่หันออกหน้าร้าน มองยามใดก็ให้รู้สึกสบายตา รูปร่างสูง ผิวขาวสะอาดตา ในชุดทำงานอันแสนเข้ากับบุคลิกเรียบง่าย ท่าทางเหม่อลอย นานๆจะขยับยกถ้วยกาแฟจิบด้วยท่าทางสง่างามชนิดไม่อาจหาเหตุผลมาตอบได้ว่าทำไมถึงช่างน่าจับตามองเช่นนั้น


“ถ้าตอนนี้นายอยู่ตรงนี้ ตรงที่ฉันนั่งอยู่นี่  นายจะทำอย่างไรต่อไปนะ” S มองชายหนุ่มที่กำลังเปลี่ยนกริยาจากนั่งเหม่อเป็นรับโทรศัพท์

 
 

จากคุณ : vannessia
เขียนเมื่อ : 2 ก.พ. 55 19:59:12




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com