Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เสน่หา...ปารีส ตอนที่4(100%) ติดต่อทีมงาน

ตอนที่4(50%) http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11628746/W11628746.html

         

          นัยน์ตาดำขลับของบัวบูชายังคงสังเกตสังกาผู้ชายเจ้ามารยาที่กำลังจะเป็นจะตายอย่างไม่ละสายตา…เอเตียน เขาเป็นอะไรของเขากันนะ

           “ไหวมั้ยเอเตียน” แม้จะแปลกจะในอาการป่วยแบบปัจจุบันทันด่วนของชายตรงหน้า แต่ก็อดถามออกมาด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

           “ขอเข้าไปนั่งพักข้างในแล้วดื่มน้ำสักแก้วจะได้ไหม” คนใกล้ตายมองมาตาละห้อย

           มือเล็กอุ่นๆของบัวบูชา ค่อยๆเอื้อมขึ้นมาวางทาบลงบนหน้าผากของเอเตียนด้วยความรู้สึกแปลกใจไม่หาย ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังบอกว่าเขา...

           “อยากเข้าไปข้างใน...ขนาดนั้นเลยหรอคะ” ไม่ทันเสียแล้ว เธอยั้งปากไม่ให้ถามในสิ่งที่สงสัยไม่ทันเสียแล้ว ทั้งๆที่เขาทุรนทุรายอยู่ตรงหน้า แต่เธอก็ยังรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ดี บัวบูชาชักมือออกพลางนึกในใจ ตัวไม่ร้อนนะ แต่สีหน้าของเขา ไม่สู้ดีเอาเสียเลย

           เหมือนถูกสาปเมื่อได้รับสัมผัสที่แสนอ่อยโยนจากเธอเมื่อครู่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองแทบจะหยุดหายใจเลยทีเดียว แต่เดี๋ยว! ตกลงยัยนี่ ซื่อบื้อจริง หรือ แกล้งซื่อบื้อกันแน่

           “ฉันไม่สบายจริงๆนะ” หมาป่าหนุ่มยังแก้ตัวน้ำขุ่นๆ พลางมองนัยน์ตาแป๋วที่มักจะให้ความรู้สึกเหมือนมองนัยน์ตาของทารกน้อยๆ ใสซื่อบริสุทธิ์ ที่ตอนนี้แปลเปลี่ยนเป็นสงบนิ่งและราบเรียบ จนเขาแอบ...ขนลุก

           “อยากเข้าไปข้างในหรอคะ” เสียงเล็กถามอย่างตรงไปตรงมา พลางมองหน้าเขาตาปริบๆ เล่นซะจุก! พูดไม่ออก ไปต่อไม่เป็น ทำอะไรไม่ถูก

           “เอ่อ...อ” ควรจะตอบเธอไปว่ายังไงดี

           “อ๊ะ!” เสียงเล็กร้อง เมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือในเสื้อโค้ทสีแดงดังขึ้น ควานหาอยู่นานกว่าจะเจอ เมื่อเห็นชื่อสายเรียกเข้า เรียวปากจิ้มลิ้มของบัวบูชาก็ฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาทันที “อ้าว!” จะเงยหน้าขึ้นมาขออนุญาตรับโทรศัพท์คุณลุงก่อน คนป่วยก็ไม่อยู่เสียแล้ว อะไรของเขา...



           วันนี้ท่าจะฝนตกห่าใหญ่ เมอซิเออร์สั่งให้ทำอาหารเช้า...นิโกลาส์จรดปลายปากกา ลงบนไดอารี่ของเขาด้วยความประหลาดใจไม่หาย ขณะที่เอเตียนกำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งไฟฟ้าไปเรื่อยๆ ในห้องออกกำลังกาย

วันนี้ไม่ต้องออกไปมองหลังคาบ้านใครตั้งแต่เช้ามืด เพราะใครบางคนตัวเป็นๆมาให้มองถึงที่บ้าน แม้ว่าเมื่อคืนมันอาจจะน่าอายไปหน่อยก็เหอะที่(คิดไปเองว่า)โดนจับได้ แต่ร่างสูงสง่า ของชายวัยยี่สิบเก้าก็วิ่งไปยิ้มไปเหมือนคนเป็นบ้า ตั้งแต่ตีห้าจนถึงแปดโมงเช้า

           แปดโมงครึ่ง...เริ่มจิตตกว่าเธอจะมารึเปล่า

           เก้าโมงตรง...กระวนกระวาย เริ่มชะเง้อชะแง้มอง ทำไมยังไม่มา



           ติ๊งหน่อง! แทบจะไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครที่วิ่งกวดหน้าตั้งไปที่ประตูบ้านอย่างรวดเร็ว เสียจนนิกกี้เหลียวมองแทบไม่ทัน

           ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างเล็ก ที่กำลังยืนกล้าๆกลัวๆอยู่หน้าประตูบ้านของเขา ผมเส้นเล็กละเอียดส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ถูกรวบตึงและขมวดเป็นมวยแบบง่ายๆ เผยให้เห็นดวงหน้ากระจ่างใสชัดเจนมากขึ้นกว่าทุกครั้ง

ในขณะที่ร่างเล็กตัวนุ่มนิ่มน่ากอดสวมเพียงชุดลำลองง่ายๆตามประสาวัยรุ่นทั่วไป เสื้อยืดพิมพ์ลายเก๋ไก๋แปลกตา กับกางเกงยีนส์สกินนี ผ้าพันคอไหมพรมผืนหนานุ่มสีน้ำตาลพันลำคอเล็กๆที่เมื่อวานนี้เขารู้สึกอยากจะขบเบาๆให้มันเป็นรอย จะได้รู้ว่าเธอเป็นของๆใครซักที...เธอน่ารักขึ้นทุกวินาทีจริงๆนะ

           “เอ่อ..อรุณสวัสดิ์ค่ะ” บัวบูชามองหน้าเจ้าของบ้านตาปริบๆ แต่กระนั้นเขาก็ยังคงมองเธอนิ่ง ไม่ไหวติง รู้สึกว่าเธอจะไปขัดจังหวะอะไรของเขาสักอย่างก็ไม่รู้

           วันนี้เขาดูแปลกตา..ร่างกายสูงใหญ่กำยำสวมเพียงเสื้อยืดสีขาวและกางเกงขายาวสำหรับออกกำลังกาย ใบหน้าหล่อเหลาที่พราวไปด้วยเหงื่อ ยังคงจับจ้องมาที่บัวบูชา ด้วยแววตานิ่งเฉยราวกับรูปปั้น เอเตียนทำให้สาวน้อยใยบัวรู้สึกหวั่นลึกๆอยู่ในใจ ยังโมโหเธออยู่รึเปล่าเรื่องที่เมื่อคืนไม่ให้เขาเข้าบ้าน

           “เอเตียน ขอใยบัวเข้าบ้านได้ไหม” เธอใช้สรรพนามที่ทั้งคู่ต่างก็คุ้นเคยมานานแสนนาน ทำเอาเจ้าของชื่อสะดุ้ง

           เขาเบี่ยงตัวพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญ

“เอ่อ..เชิญ” จะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่ผู้หญิงคนนี้มักจะทำให้เขาเสียการทรงตัวเสมอๆ ไม่เคยเปลี่ยน

           บัวบูชาเอ่ยขอบคุณก่อนจะแทรกตัวผ่านร่างใหญ่ที่ดันประตูเปิดไว้เข้ามาในบ้าน พยายามทำตัวลีบที่สุดแต่ก็ไม่วายโดนตัวเจ้าของบ้านร่างยักษ์ที่ชุ่มไปด้วยเหงื่ออยู่ดี เธอเพิ่งรู้ว่าเอเตียนเป็นผู้ชายสมบูรณ์แบบจริงๆ ขนาดกลิ่นเหงื่อของเขายังให้ความรู้สึกเหมือนกลิ่นโคโลญอ่อนๆ

เช้านี้ระหว่างเธอกับเขาจะเป็นยังไงกันนะ จากกรณีศึกษาเมื่อวาน แทบจะไม่ต้องเดาเลยว่า วันนี้เธอจะต้องทำใจให้มั่นคงกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเขา ก็เอเตียนไม่ใช่คนธรรมดา แต่เธอก็เตรียมตัวเตรียมใจมาพร้อมแล้วล่ะ



           การปรากฏตัวของบัวบูชาในยามเช้าเล่นเอานิโกลาส์ที่ขมีขมันกับการจัดอาหารเช้าชุดใหญ่ รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง

           “Bonjour ค่ะนิกกี้” ผู้มาเยือนเอ่ยทักทายคุณพ่อบ้านด้วยเสียงหวานใส พร้อมส่งยิ้มสดใสให้คนตรงหน้าจนคนแอบมองตาพร่ามัว เจ้าของร่างดำทะมึนฉีกยิ้มกลับเผยให้เห็นฟันขาวสะอาดเรียงตัวสวยแทบจะทุกซี่

“อรุณสวัสดิ์ครับ มาดมัวแซล”

           “จะรังเกียจมั้ยคะ ถ้าจะขอมาทานมื้อเช้าด้วยคน” คนตัวเล็กทำตาปริบๆเสียน่ารักน่าชัง ก่อนจะมองหาพี่ชายตาเขียวของเธอ ปรกติเขาชอบวนๆเวียนๆอยู่แถวนี้นี่นา

           “ยินดีดีต้อนรับครับมาดมัวแซล” นิโกลาส์ค้อมหัวอย่างสุภาพ แล้วหันเหความสนใจไปหามื้อเช้าที่ยังไม่เสร็จตามเดิม เห็นได้ชัดว่าผู้ชายบ้านนี้แต่ละคนมีโลกส่วนตัวสูง รวมถึงเจ้าของบ้านที่เธอเห็นเขาเดินหายขึ้นไปด้านบนเมื่อครู่

           “พี่ชายละคะ” บัวบูชาหย่อนก้นลงบนเก้าอี้แพนทรี่ ถามพ่อครัวตัวดำที่กำลังง่วนอยู่กับการทำไข่กวนใส่เห็ดตรงหน้า กลิ่นหอมของเนยในกระทะเรียกน้ำย่อยจนท้องเริ่มส่งเสียงครวญคราง

           “เลโอเนลไปจัดการธุระให้เมอซิเออร์ครับ กว่าจะกลับก็ประมาณบ่ายๆ” นิโกลาส์ชี้แจง ขณะที่บัวบูชาได้แต่ทำเสียงเออออ น่าเสียดายที่เลโอเนลไม่อยู่ ทั้งๆที่เธอตั้งใจจะมากินมื้อเช้ากับเขาด้วยแท้ๆ

           “ให้ใยบัวช่วยอะไรมั้ยคะ” บัวบูชาเสนอตัวขณะที่เท้าคางนั่งมองนิโกลาส์อยู่ที่แพนทรี่ได้สักพักใหญ่ๆ แล้วเธอก็ควรจะทำตัวให้เป็นประโยชน์กับเขาบ้าง

           “สักครู่ก็จะเสร็จแล้วล่ะครับ” พ่อครัวบรรจงช้อนไข่ทอดน้ำขึ้นมาจากกระทะ หยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าจะช่วย...เอ่อ ช่วยไปตามเมอซิเออร์ให้ลงมาทานมื้อเช้าด้วยกัน จะสะดวกไหมครับ” นิกกี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพพร้อมๆกับสีหน้าเกรงอกเกรงใจสุดพลัง

           คนอยากช่วยถึงกับลังเล เริ่มคิดหนัก นิกกี้ไม่รู้สินะว่าเธอกลัวเอเตียนมากแค่ไหน แต่สุดท้ายสาวน้อยจากแดนสยามก็จำใจพยักหน้าตอบรับคุณพ่อบ้านแต่โดยดี เขาว่ากันว่าอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดายปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น นิกกี้ใจดีทำอาหารอร่อยๆให้กิน ไหว้วานเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ จะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ

         

           ร่างเล็กยืนหวั่นๆอยู่ตรงทางขึ้นบันไดไปชั้นสองของบ้าน ก่อนที่จะรวบรวมความกล้า ตะโกนขึ้นไป

“เอเตียน ข้าวเช้าเสร็จแล้ว”

เสียงเล็กดังมาจากชั้นล่างของบ้าน ขณะที่ร่างใหญ่หลังประตูหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เอเตียนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว และกำลังจะลงไปข้างล่างพอดี เดินลงบันไดขั้นแรกปุ๊บก็ได้ยินนิกกี้สั่งให้ใครบางคนมาตามเขาปุ๊บ เลยต้องใส่เกียร์ห้าวิ่งหน้าตั้งกลับเข้าห้องนอนปั๊บ

หึๆๆ ได้เวลาโชว์ของแล้ว

           คนถูกตามรีบปลดกระดุมคอเสื้อโปโลสีฟ้า ก่อนจะถอดออกมาทางหัวอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาสีน้ำเงินมองเรือนร่างของตัวเองในกระจกบานใหญ่อย่างพอใจ กล้ามเนื้อเน้นๆ ไม่มีไขมันสักออนซ์ มือเรียวลูบหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของตัวเองอย่างภูมิอกภูมิใจ ไม่เสียแรงที่พยายามโหมออกกำลังกายอย่างหนักไม่แพ้ทำงาน มันมีประโยชน์ก็ตอนนี้ล่ะ คราวนี้บัวบูชาจะต้องตกตะลึงในความงดงามของเรือนร่างของเขา เป็นใครได้เห็นก็ต้องน้ำลายสอกันทั้งนั้น ดูดี๊ ดูดี

           เจ้าของซิกแพคหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจอยู่คนเดียว แล้วก็นึกขึ้นได้ มือเรียวเอื้อมไปหยิบขวดน้ำหอม โปโลแบล็กกลิ่นประจำตัวของเขา มาฉีดเบาๆที่ต้นคอเพื่อสร้างความมั่นใจอีกที ไหนๆตั้งใจจะยั่วกันแล้ว ก็ต้องยั่วให้ถึงที่สุด บัวบูชาเธอไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมือฉันไปได้หรอก มา...ซะดีๆ

         

           บัวบูชาเริ่มจะหงุดหงิด แหกปากดังลั่นบ้านจนคอแทบแตกแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ลงมาซักที แต่ก็ไม่ดีแน่หากว่าเธอจะต้องขึ้นไปด้านบนคนเดียว จริงๆแล้วเธอไม่ควรเดินขึ้นบ้านคนอื่นโดยพลการ โดยเฉพาะกับบ้านของเอเตียน เขาเป็นคนน่ากลัวและเธอก็กลัวเขาจริงๆ

           “เดินไปทางขวา ห้องในสุดครับมาดมัวแซล” เสียงนิกกี้ร้องขึ้น พร้อมๆกับนำเหยือกน้ำส้มคั้นสดเข้าไปในตู้เย็น

           หิวแล้ว เลยเวลามื้อเช้ามามากแล้ว และอาหารของนิกกี้ก็กำลังหอมฉุยไปทั่วบ้าน เฝ้ารอให้เธอมาลิ้มลอง บัวบูชาสูดหายใจเข้าเป็นเต็มปอดก่อนจะตัดสินใจ ค่อยๆย่องขึ้นไปด้านบน  เหลียวซ้ายแลขวากล้าๆกลัวๆ ไปจนถึงบันไดด้านบนสุด เดินไปทางขวาเจอกับมุมรับแขกเล็กๆที่มีโซฟาหนานุ่มชุดหนึ่ง และรูปภาพละลานตาเต็มฝาฝนังไปหมด

           บัวบูชาหยุดยืนดูอยู่นานค่อยๆไล่สายตาไปมองภาพทารกเล็กๆนัยน์ตาสีน้ำเงินสดใสกำลังฉีกยิ้มกว้าง อยู่ในอ้อมอกของหญิงสาวผมสีบลอนด์อ่อนตาสีเดียวกัน เธออมยิ้มเล็กๆ ขณะที่มีชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งโอบเธออยู่ ผมสีเข้ม ตาสีฟ้าสด และมีรอยยิ้มที่เปล่งประกายที่สุดเท่าที่บัวบูชาเคยเห็นมาเลยทีเดียว ยิ้มสวยของเขา ถูกถ่ายทอดมายังเด็กชาย เอเตียนตอนเด็กๆน่ารักจัง บัวบูชายิ้มตอบกลับให้กับเด็กชายตาสีน้ำเงิน ผมสีน้ำตาลเข้มเป็นประกาย เพิ่งจะรู้ว่าเวลาต้องแสงแดดมันจะกลายเป็นสีอ่อน

เมื่อไหร่กันนะที่รอยยิ้มของเขาหายไป เพราะรู้ตัวอีกที เด็กชายคนนี้ก็มีสีหน้าราบเรียบ และเฉยชาไปเสียแล้ว รูปหลังๆตอนที่เขาโตขึ้นไม่มีภาพครอบครัว เป็นภาพเขาในอิริยาบถต่างๆ เด็กผู้หญิงคนนี้คุ้นๆแฮะ บัวบูชาจับจ้องมายังภาพเด็กชายหญิงในเครื่องแบบนักเรียนกำลังยืนยิ้มน้อยๆ พร้อมกับใบประกาศอะไรสักอย่าง ด้านหลังเป็นป้ายผ้าเขียนด้วยสีเป็นภาษาฝรั่งเศสว่า “ค่ายศิลปะสำหรับเยาวชน” จริงๆแล้วมันไม่เข้ากับสองคนนี้เลยจริงๆ เพราะเด็กสองคนดูหรูหราฟู่ฟ่า เกินกว่าจะอยู่ในค่ายที่เต็มไปด้วยสีเลอะๆแบบนี้

         

             นัยน์ตากลมโตเป็นประกายสีน้ำตาลเข้ม เส้นผมสีน้ำตาลดำถูกถักเป็นเปียสองข้าง จมูกรั้นๆ แววตาหยิ่ง ทระนง ราวกับว่าโลกทั้งใบเป็นของเธอคนเดียว แบบนี้นี่มันแม่นี่นา การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสของบัวบูชา ก็คือการได้เจอแม่ของเธออีกครั้งนั่นเอง สาวน้อยยิ้มให้แต่ด้วยความภูมิอกภูมิใจ ก่อนที่จะไล่ดูรูปต่อๆไปอย่างสนุกสนาน โดยลืมไปเสียสนิทเลยว่าขึ้นมาข้างบนเพื่ออะไร และอาจจะมีใครบางคนเฝ้ารอเธออยู่อย่างใจจดใจจ่อ



           ...นานเกินไปจนเขาเริ่มเซ็ง หลายครั้งหลายคราที่บัวบูชาทำให้คนอย่างเขารู้สึกผิดหวัง จะมีสักครั้งมั้ย ที่เธอจะทำให้ได้ดั่งใจเขาสักที เธอคิดว่าเธอเป็นใครกันล่ะเนี่ย ถึงได้ปั่นหัวคนอย่างเขาไม่เว้นแต่ละวัน พ่อคนเจ้าแผนการเริ่มจะมีน้ำโหขึ้นทุกที จนต้องยอมเสียฟอร์มแอบไปแง้มประตูดู เผื่อแฟนขาสั้นของเขาจะใกล้เข้ามาแล้ว โกรธจนแทบบ้า มัวแต่ยืนดูรูปตรงฝาฝนังอยู่นั่นล่ะ ไม่รู้รึไงว่าตัวจริงยืนร้อ รออยู่ในห้องเนี่ย แล้วมือเรียวก็รีบคว้าเสื้อโปโลที่พาดอยู่บนเตียงมาสวมก่อนจะรีบร้อนออกจากห้องไป เกิดมายังไม่เคยเห็นใครซื่อบื้อเท่าแฟนเขามาก่อนเลยจริงๆ



แม่ตอนเด็กๆน่ารักจัง อยากได้รูปแม่รูปนี้จัง...บัวบูชาไล้นิ้วแตะไปบนกรอบรูปสีขาว มองรูปเด็กสาวท่าทางสวยสง่า ในเดรสชีฟองสีฟ้าน้ำทะเล ที่กำลังส่งยิ้มสดใสให้กล้อง ฉากหลังเป็นงานเลี้ยงอะไรสักอย่าง แม่ของเธอสวยจังเลย

           “ใครอนุญาตให้แตะ!” เสียงเข้มร้องร้องขึ้นจากด้านหลัง เล่นเอาบัวบูชารีบชักมือกลับแทบไม่ทัน

           เสียวสันหนังวาบเมื่อเจอร่างสูงสง่ายืนกอดอกมองมาตาเขม็ง ก็แค่รูปแม่ไม่ได้มีรูปเขาเสียหน่อยทำไมต้องดุขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้

“ไม่มีเหนมีป้าย ‘ห้ามจับ’ ” คนตัวเล็กเถียงข้างๆคูๆ พลางเฉไฉหลบสายตาดุๆไปทางอื่น คราวนี้เธอผิดจริงๆ แล้วยังจะมาเถียงเขาทำไมก็ไม่รู้

           มันโมโหตรงที่ เธอเอาแต่จ้องรูปของปาลิตาไม่ละสายตาซักวินาทีเดียว ทั้งๆที่รูปเขาก็เต็มฝาผนังไปหมด

“เพิ่งจะรู้ว่าต้องมี โทษทีที่บ้านของฉันไม่เคยมีเด็กที่ไม่รู้จักโต ที่ชอบเล่นซนไปทั่ว(จนลืมแฟนตัวเอง)”

           “ใยบัวไม่ได้เล่นซน แล้วก็ไม่ใช่เด็ก” เสียงเล็กแย้งขึ้น พลางจ้องหน้าเขาตาเขม็ง “แค่จะมาตามลงไปกินอาหารเช้า” บัวบูชายังคงเถียงฉอดๆ

“เอเตียนน่าจะไปพบแพทย์หน่อยนะ หูเริ่มตึงแล้วแน่ๆ ใยบัวเรียกตั้งนานไม่ได้ยินหรอ”

           “เธอคงไม่ตั้งใจจะเรียกฉันหรอก ไม่งั้นฉันต้องได้ยินแล้ว” คนตัวใหญ่ไม่ยอมลดละ ชักจะมากไปแล้วเห็นว่าเขารักเขาหลงแล้วได้ใจใช่มั้ย ถึงได้เถียงคำไม่ตกฟากแบบนี้ คนตัวเล็กอ้าปากจะเถียงต่อแต่ก็ต้องหุบปากฉับ กลั้นเสียงหัวเราะสุดความสามารถ จ้องคนตรงหน้าตาโตแบบไม่เชื่อสายตา

           “มองอะไรของเธอ” เป็นเอเตียนที่เริ่มงงบ้าง

           “เอเตียนห้ามโกรธใยบัวนะ” บัวบูชากระซิบเสียงแผ่ว เจ้าของชื่ออมยิ้มเล็กๆพร้อมกับพยักหน้าหงึกหงักอย่างงงๆ  

           “เอเตียน...” คนฟังกลั้นหายใจรอคอย “เอเตียน...ใส่เสื้อกลับตะเข็บอ่ะ”

           เฮือก! สิ้นเสียงใส ร่างใหญ่ก็รู้สึกอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีไปไกลๆเลยทีเดียว ให้มันได้อย่างนี้สิโว้ย ยิ่งกว่าถูกบอกรักเสียอีกคราวนี้ ใบหน้าหล่อเหลาของท่านผู้บริหารรูปหล่อแดงซ่านไปหมดโดยเฉพาะส่วนของใบหูที่ใยบัวรู้สึกว่ามันแดงจัดๆ เหมือนคนเป็นไข้

           สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจถอดเสื้อต่อหน้าเธอ ถึงแม้ว่าจะเป็นท่วงท่าการถอดเสื้อออกทางหัวที่งดงามเหมือนตามแบบฉบับของหนุ่มหล่อล่ำ ที่อยากจะโชว์สาว แต่คราวนี้มันอยู่เหนือการควบคุมเหลือเกิน อยากจะร้องไห้ออกมาเป็นภาษามนุษย์ต่างดาว ให้ตายสิ!

           หลังจากพิธีกรรมกลับตะเข็บอันน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับสาวน้อยวัยสิบเจ็ดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็ผายมือให้เธออย่างสุภาพ เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกินขึ้น “ไปกินขาวกันเถอะ หิวแล้ว” มันโกหกเธอไม่ได้ว่าเขายังเขินอยู่ เพราะใบหูของเขายังแดงจัด รู้สึกร้อนซ่านไปทั่วหน้า

           “เอ่อ..ค่ะ” บัวบูชาลอบยิ้มให้กับแผ่นหลังกว้างของคนที่ยังคงอายไม่เลิก แบบนี้เขาก็เหมือนคนธรรมดาๆคนนึงที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบตลอดเวลา ยิ่งเวลาที่ชายหนุ่มเขินอายเขายิ่งดูน่ารัก

สาวน้อยจงใจผ่อนความเร็วนะหว่างเดินลงบันไดให้ช้ากว่าเขาสองถึงสามขั้น แล้วใช้นิ้วเรียวสะกิดไหล่กว้างเบาๆ

“ใยบัวจะไม่บอกใคร” เสียงใสๆติดจะขำจากด้านหลัง ทำให้คนทีรู้สึกอายจนแทบจะกระโดนน้ำตาย ถึงกับแอบอมยิ้ม ถึงจะเป็นเรื่องน่าอาย แต่ประโยคสุดท้ายและรีแอ็กชั่นของบัวบูชา ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่ามันทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก



           วันนี้มีแค่เธอกับเขาที่ได้ร่วมโต๊ะอาหารเช้าที่เริ่มจะสายขึ้นทุกทีๆ แม้จะเป็นอาหารแบบง่ายๆแต่อะไรๆก็ดูน่ากินไปเสียหมดเมื่อผ่านมือของนิโกลาส์คนนี้ ไข่คนใส่เห็ดแชมปิยองที่หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นเนยและชีสหอมฉุยสีเหลืองทองอ่อนๆ แบคอนย่างเกรียมกำลังดี สีน้ำตาลอ่อนดูดีมหาศาลเมื่อมันถูกจัดให้มีลักษณะเหมือนริบบิ้นเล็กๆ ด้วยไอเดียสุดบรรเจิด แต่ที่หรูหราอลังการงานสร้างที่สุดก็เห็นจะเป็นทาร์ทีน ขนมปังฝรั่งเศสฝานบางๆ แล้วนำมาอบให้หอมแล้วทาด้วยหน้าต่างๆตามอัธยาศัย(ของนิกกี้) ทั้งหน้าพิซซ่า สลัดทูน่า แกงกะหรี่ญี่ปุ่น เนื้อแพะย่าง อะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด รวมไปถึงหน้าง่ายๆ อย่างแยมส้ม เนยถั่ว  ช็อกโกแลต ละลานตาน่าตื่นเต้นเต็มไปหมด จนบัวบูชายิ้มไม่หุบ สาวน้อยละเลียดทาทีนทีละชิ้นแต่ละหน้าที่วางอยู่กลางโต๊ะด้วยความชอบอกชอบใจ

ในขณะที่เจ้าของบ้านแตะเพียงไข่ทอดน้ำสองฟองกับกาแฟดำ แต่แค่นี้ก็สร้างความรู้สึกรื่นรมย์ให้กับคนที่ร้อยวันพันปีไม่เคยกินอาหารเช้าอย่างเอเตียนได้อย่างมากมาย แค่มีบัวบูชาร่วมโต๊ะด้วยในทุกๆมื้อ ต่อให้เขาต้องกินบะหมี่ซองแช่น้ำร้อนไปจนตาย เขาก็จะไม่ปริปากบ่นสักคำ



           เวลาแห่งความสุขช่างแสนสั้น เผลอแป๊บๆคลาสเรียนภาษาและศิลปะของบัวบูชาก็เปิดเรียนแล้ว ทำให้ช่วงเกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ได้กินข้าวด้วยกันหมดไปอย่างรวดเร็ว

วันนี้บัวบูชาไม่มา รู้ทั้งรู้ว่าเธอจะต้องไปเรียนหนังสือแต่เช้า แต่มันชินไปเสียแล้วสำหรับเอเตียนที่ต้องมานั่งกินกาแฟทุกเช้า ตรงนี้ไปพร้อมๆกับมองใครบางคนไปด้วย

           “เมอซิเออร์ ถึงเวลาแล้วครับ” นิโกลาส์ในสูทสีดำทรงภูมิกระซิบกับเจ้านายเบาๆ ขณะที่เอเตียนที่นั่งอยู่บนโต๊ะกินข้าวถอนหายในเฮือกใหญ่ๆ วันนี้ไม่มีอาหารเช้า ไม่มีเค้ก ขนมนมเนย ไม่มีเบคอน ไข่ ทาร์ทีน น้ำส้ม กาแฟ หรืออะไรต่อมิอะไน

           “อืมๆ” เอเตียนพยักหน้าช้าๆให้กับบอดี้การ์ดคู่ใจที่กลับมาทำงานอีกครั้ง ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้ ติดกระดุมสูทหรูสีเทาเข้มอย่างเคยชิน ได้เวลาเข้าออฟฟิศเสียทีหลังจากที่โยกย้ายมากบดานทำงานอยู่ที่บ้าน เขาคงต้องเข้าไปเยือนที่สำนักงานเสียบ้างพนักงานจะได้ไม่ลืม



           ไปโรงเรียนวันแรกบัวบูชาตื่นเต้นจนนอนแทบไม่หลับ หลังจากที่รอคอยมาหลายสัปดาห์ คอร์สภาษาที่ลงไว้ก็เริ่มเทอมใหม่เสียที ประจวบเหมาะกับคอร์สวิชาศิลปะในตอนบ่ายจรดเย็นที่เพิ่งตอบรับเธอเข้าเรียนพอดิบพอดี ต่อไปนี้เธอคงไม่ค่อยมีเวลาเอ้อระเหยลอยชายไปมาเหมือนที่ผ่านมา

คุณลุงอาสาขับรถไปส่งหน้าโรงเรียนในวันแรก ในระหว่างทางก็คอยชี้ให้เธอดูนั่นดูนี่ไปตลอดทาง บัวบูชาพยายามจดจำเส้นทางรวมถึงสถานีเมโทรที่ใกล้โรงเรียนที่สุด สำหรับการมาเรียนเองในวันถัดไป ซึ่งพบว่ามันก็ไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิด โรงเรียนสอนภาษาของบัวบูชาเป็นสถาบันในสังกัดมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในเขต 5 ซึ่งเป็นย่านที่บัวบูชารู้สึกว่ามีบรรยากาศที่ช่วยส่งเสริมการศึกษายิ่งนัก ผู้คนในย่านนี้ช่างดูเป็นกันเอง หรือแม้แต่ตรอกซอกซอยเล็กๆก็ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในยุคกลางเลยไปจนถึงยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา โบสถ์หรือตึกรามบ้านช่องล้วนแต่สร้างมาสำหรับให้คนไว้ใช้อย่างแท้จริง ไม่ได้หรูหราจนเหมือนจะจับต้องไม่ได้

ปิแอร์ชะลอความเร็วลงก่อนจะเปิดไฟกระพริบเพื่อจอดรถริมบาทวิถีที่ใกล้กับทางเข้าโรงเรียนให้มากที่สุด  

“แน่ใจนะจ๊ะว่าจะไม่ให้ลุงเข้าไปเป็นเพื่อน” ปิแอร์อดห่วงสาวน้อยที่มาส่งไม่ได้ ทั้งๆที่เธอก็โตแล้ว แต่ทำไมเขารู้สึกเหมือนกับตัวเองน้ำตาซึมๆยังไงก็ไม่รู้ ให้ความรู้สึกเหมือคุณพ่อที่กำลังส่งลูกสาวเข้าโรงเรียนอนุบาลวันแรกยังไงยังงั้น

           “โธ่คุณลุง รีบไปประชุมเถอะค่ะ เดี๋ยวไม่ทันเอา” บัวบูชาปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะรวบสัมภาระเตรียมจะเปิดประตู ก็อยากจะปอดแหก แต่เจอหน้าคุณลุงทำท่าตลกๆแบบนี้ ใยบัวไม่กล้าปอดแหกเลยจริงๆ

           “โชคดีนะจ๊ะ เห็นท่าไม่ดียังไงก็โทรมานะ” คนมากวัยกว่าใช้มือลูบหัวเธอเบาๆ ขณะที่สาวน้อยโน้มตัวมาใช้แก้มชนที่แก้มเขาเบาๆเพื่อล่ำลา

           “ประชุมให้สนุกนะคะ ตอนเย็นเจอกัน” สาวน้อยสวมกอดร่างใหญ่หนึ่งที ขจัดความตื่นเต้นแล้วลงจากรถไป



           บัวบูชาเข้าไปติดต่อที่เคาท์เตอร์ด้านหน้าเพื่อลงทะเบียน รับตารางเรียน แล้วคุยกับเจ้าหน้าที่นิดหน่อยเรื่องหนังสือประกอบการเรียนที่เธอต้องซื้อเพิ่มเติม บัวบูชากวาดตาดูรายชื่อหนังสือที่ต้องซื้อเพิ่มจากร้านหนังสือในโรงเรียนเกือบสิบรายการ ก่อนจะพาตัวเองมานั่งในส่วนที่เป็นแคนทีนเล็กๆ วันนี้เธอมาก่อนเวลานานพอสมควร เพราะเป็นวันแรกของการเปิดเรียนครอสภาษาฝรั่งเศสสำหรับการสอบเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งส่วนใหญ่คนที่เข้าเรียนครอสนี้จะเป็นชาวต่างชาติที่หวังจะเรียนระดับมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศส แม้ว่าเธอจะอ่านออกเขียนได้ และพูดคล่องแต่ยังไม่เพียงพอตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดไว้

           เหมือนองค์การสหประชาชาติอยู่กลายๆเมื่อมีนักเรียนทยอยเข้ามาเรื่อยๆเพราะเป็นเวลาใกล้จะเริ่มเรียนในภาคเช้า บัวบูชาก็คนพบคนๆหนึ่งที่เธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน เขากำลังกระหืดกระหอบเข้ามาอย่างรีบร้อน เขาเองก็เหมือนจะจำเธอได้เช่นเดียวกัน

           อาบังน้อยที่มาส่งผักผลไม้หน้าบ้านนี่นา แต่วันนี้เขาดูแปลกตาจากครั้งสุดท้ายที่เธอได้พบ

           “Bonjour!!” แม้จะดูเหนื่อยหอบแต่เขาก็ทักทายเธอก่อนพร้อมกับรอยยิ้มเป็นมิตร

           “Bonjour!!” บัวบูชาทักกลับแบบงงๆ ไม่คิดว่าจะเจอเขาที่นี่

           “เอ่อ..ดีใจที่เจอเธอที่นี่นะ ” เขาเอ่ยไปตามมารยาท    

“ฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่นะคุณคนส่งผักผลไม้” ‘คุณคนส่งผักผลไม้’ ขำกับชื่อใหม่ที่สาวน้อยเอเชียตั้งให้ ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะมีฉายาอะไรแบบนี้เป็นครั้งแรก จริงๆแล้วเขามีโอกาสได้เจอเธออยู่สองสามครั้งตอนที่ไปส่งผลไม้ที่บ้านเธอในเขต 16 แต่ไม่ได้คุยกันอย่างจริงจังแบบนี้เสียที

           “เตรียมเข้ามหา’ลัยหรอ” คุณคนส่งผักผลไม้มองหนังสือเตรียมสอบในอ้อมแขนบัวบูชาสลับกับมองหน้าเจ้าของหนังสือ ขณะที่บัวบูชาเริ่มจะสงสัย “เอ้อ.. ขอโทษที ฉันคิดว่าเธอเรียนชั้นประมาณ...น้องสาวฉันน่ะ” เขาเอ่ยเลี่ยงๆ พร้อมกับเกาหัวแกรกๆ

           “ฉันดูไม่เหมือนคนจะเข้ามหาวิทยาลัยเลยหรือไง” สาวน้อยย้อนถาม ขณะที่เขาพยักหน้าหงึกหงัก แก้เก้อ “จะไม่ถามให้เสียความรู้สึกก็แล้วกัน ว่าน้องสาวเธออายุเท่าไหร่” บัวบูชาระบายยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างรู้ทัน ก็นี่มันเป็นปัญหาระดับชาติเลยก็ว่าได้ เรื่องที่เธอหน้าเด็ก ตัวก็เล็กตามมาตรฐานเอเชีย ไม่แปลกที่เวลามาต่างบ้านต่างเมืองใครๆจะคิดว่าเธอเด็กกว่าอายุจริงเสมอ จริงๆก็ไม่ได้เสียหายอะไรแต่ขี้เกียจจะอธิบาย

“ฉัน..การิม อยู่คลาส C1” คุณคนส่งผักผลไม้แนะนำตัว “แต่จะเรียกว่าคุณส่งผักผลไม้ก็ได้ ไม่ว่ากัน” เขาขยิบตาล้อเลียน

“บัวบูชา..เอ่อ เรียกใยบัวก็แล้วกัน” บัวบูชาเขย่ามือเพื่อนใหม่ เขินอยู่เหมือนกันที่เที่ยวไปตั้งชื่อเขาแบบนั้น

           “นามสกุลกาลาสรึเปล่า” หนุ่มน้อยนัยน์ตาคมเอ่ยถามด้วยความสงสัย ก็เธออยู่บ้านเดียวกับปิแอร์ กาลาส นี่นา ดูแล้วน่าจะเป็นคนเอเชียแท้ๆ แต่อาจเป็นลูกบุญธรรมหรือหลาน ถ้าหากเธอนามสกุลเดียวกับเมอซิเออร์ก็คงจะเป็นเซเลบตัวน้อยๆดังระเบิดระเบ้อ แล้วเธอจะอยากเป็นเพื่อนกับเขาไหมนะ

“เปล่า ฉันจะนามกุลเดียวกับคุณลุงได้ยังไง”

“เธอเรียกเมอซิเออร์กาลาสว่าอะไรนะเมื่อกี้” เขายังคงสงสัย

“ก็เรียกว่า...”

“โอ๊ะ!! สายจนได้..” คุณส่งผักผลไม้ร้องลั่นเมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาดิจิตอลขนาดใหญ่เบิ่มที่ผนัง “ไม่ทันแล้ว โทษทีนะ ไว้คุยกัน”

"อ้าว.." แล้วคนขี้สงสัยก็วิ่งปรู๊ดหายไป

           คุณคนส่งผักผลไม้ชื่อการิมหรอกหรือ  บัวบูชามองตามหลังเพื่อนใหม่ที่วิ่งหายไป บังเอิญจริงๆที่เจอการิมที่นี่ เพราะในตอนแรกเธอยังเคยชื่นชมชายหนุ่มอยู่ห่างๆ ทุกครั้งที่เขามาส่งผลไม้ที่บ้านด้วยความกระตือรือร้น ดูเอาการเอางาน และตรงต่อเวลา บางทีเธออยากจะเป็นแบบการิมบ้าง เป็นผู้ใหญ่และมีความรับผิดชอบ เธอเดาว่าเขาคงต้องทำงานพิเศษเพื่อหาเงินเรียนเองแน่ๆ แม้ว่าจะไม่รู้จักกันดีเท่าไหร่แต่เธอรู้สึกว่าการิมดูเป็นคนดีและน่าคบหา..บัวบูชามัวแต่คิดถึงเพื่อนใหม่อยู่ครู่ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็สายแล้วเหมือนกัน

จากคุณ : พบพร
เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 16:55:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com