Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สวย แสบ ซ่า นางฟ้าของผม บทนำ ติดต่อทีมงาน

บทนำ
            “หยุดส่งกลิ่นนั้นมาใส่บ้านฉันซักที ก่อนที่ฉันจะแจ้งตำรวจ” ร่างสวยสะโอดสะองกรีดร้องลั่น ข้ามรั้วไม้สีขาว ตลอดเดือนที่หญิงสาวกลับยังบ้านเกิดแห่งนี้ เธอไม่เคยจะหลับได้สนิทเลยสักหน เมื่อไอ้เพื่อนบ้านตัวแสบของเธอมันเล่นประกอบพิธีกรรมการกวนทุเรียนในทุกๆตีสามของวันแบบที่ไม่คิดจะเว้นวันพระวันโกนไว้สักวัน
          “หยุดโวยวายซะทีเถอะน่าคุณ ต่อให้คุณร้องจนเส้นเสียงอักเสบ บ้านผมก็ไม่มีทางเลิกกวนทุเรียนหรอก” เสียงทุ้มในเงามืดตอบข้ามรั้วมาอย่างไม่ใส่ใจนัก
            “ฉันจะแจ้งตำรวจ!” เสียงร้องขึ้นอย่างเด็ดเดี่ยว ถ้าเป็นที่ปารีส หมอนี่โดนจับเข้าคุกไปแล้วล่ะ
            “ข้อหาอะไรมิทราบครับ มาดมัวแซล” เสียงเอ่ยล้อเลียนแม่สาวปารีเซียนอย่างนึกสนุก
            “กรี๊ด!” เธอหวีดร้องอย่างเจ็บใจ เพราะรู้ทั้งรู้ว่าตำรวจไทยไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออะไรเธอได้เลย แถมยังมองปัญหาระดับชาติของเธอเป็นเรื่องตลกอีกต่างหาก นี่มันก๊าซพิษที่ร้ายแรงพอๆกับอาวุธชีวภาพเลยนะคุณตำรวจ!
            “เมื่อคืนกินนกหวีดเข้าไปรึไงกันคุณ เสียงถึงได้แปดหลอดขนาดนี้ แหมเสียงดีขนาดนี้จะจับไปช่วยคุณตำรวจกรี๊ดๆอยู่กลางสี่แยกไฟแดงนะ ท่าจะรุ่ง” ร่างใหญ่เผยตัวออกมาจากเงามืดมาเกาะรั้ว เอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงยียวนสุดๆ แบบที่ทำเอาอีกฝ่ายดิ้นพล่านๆ
            “จำเอาไว้เลยนะ ซักวันฉันจะต้องพาคุณยายออกไปจากที่นี่ให้ได้” เธอประกาศกร้าวก่อนจะสะบัดแพผมสีน้ำตาลเข้มเป็นประกายกลับไปอย่างหงุดหงิดเป็นที่สุด
            ในขณะที่ใบหน้าคมเข้มยิ้มให้กับร่างบางที่เดินจากไปอย่างอารมณ์ดี เกลียดทุเรียน แต่ใครใช้ให้มาเป็นเพื่อนบ้านกับเจ้าของสวนทุเรียนล่ะ ยัยคนนี้ก็แปลกคน

            เกือบเดือนแล้วที่ฉันต้องตื่นมากรี๊ดๆกร๊าดๆเหมือนคนบ้า ตอนตีสามของทุกวัน เพราะไอ้กลิ่นทุเรียนกวนงี่เง่านั่น ยาดม น้ำหอม แมสก์ปิดปากหรืออะไรก็ช่วยไม่ได้ทั้งนั้น ทางเดียวที่ฉันจะอยู่ร่วมโลกกับกลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นได้ก็คือหน้ากากกันก๊าซพิษ ที่สั่งซื้อมาทางอินเตอร์เน็ต อดทนไว้ลิตา เธอต้องอดทนไว้ อีกแค่วันเดียวหน้ากากกันก๊าซนั่นก็จะมาถึงดินแดนที่ห่างไกล บ้านนอกคอกนาเช่นนี้ เธอต้องอดทนเข้าไว้นะ
            หลังจากที่ฉันแผดเสียงสู้รบกับไอ้เพื่อนบ้านสุดจะกวนบาทานั่นเสร็จ ฉันก็ต้องมาฝึกโยคะ เพื่อข่มใจตัวเอง โดยมีกลิ่นทุเรียนแทนกลิ่นอโรมาเธอราพี เก๋ไหมล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากจะเอาทุเรียนฟาดหน้ามันจริงๆ ทำไมชีวิตของริต้า จิวเวลรี่ดีไซน์เนอร์สาวสุดรุ่ง แห่งLa Belle Paris ต้องมาพบเจออะไรบ้าบอเยี่ยงนี้ด้วยก็มิรู้ ชีวิตที่เคยตื่นขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นขนมปังอบใหม่ๆในปารีส กลายเป็นต้องตื่นขึ้นมาด้วยกลิ่นทุเรียนกวน หรอเนี่ย โธ่! เห็นแล้วก็อยากจะร้องไห้ออกมาเป็นภาษาฝรั่งเศส
            “เจ๊ตาขา คุณยายเรียกให้ไปทานข้าวค่ะ” เสียงหวานใสรับอรุณของยัยหนูตัวน้อยดังขึ้นจากด้านหลังของฉัน ขณะที่ฉันกำลังคร่ำเคร่งกับการฝึกโยคะเพื่อสงบจิตใจอยู่ ยัยเด็กนี่มันน่าตีชะมัดยากเลยให้ตายสิ ไม่ว่าสิ่งใดในที่นี่ก็ดูจะขัดอกขัดใจคุณลิตาคนนี้ไปเสียหมด ไม่เว้นแม้แต่เด็กน่ารักน่าชังอย่างยัยหนูนี่
            “เห็นไหมว่าทำอะไรอยู่” ฉันเอ่ยเสียงเรียบขณะที่ยังคงวาดลวดลาย ท่วงท่าโยคะอย่างอ่อนช้อยให้สมกับที่เคยได้ร่ำเรียนกับอาจารย์ที่อิมพอร์ทมาจากอินเดีย มันช่วยได้มากตอนฉันอยู่ปารีส แต่กับที่เมืองไทยฉันคิดว่า มวยไทยหรือไม่ก็ยูโด คาราเต้ท่าจะเหมาะกว่า เอาเก็บไว้ไปกระทืบไอ้เพื่อนบ้านงี่เง่านั้นไงล่ะ โอ๊ย!หงุดหงิดแค่คิดก็จี๊ดขึ้นสมองแล้ว
            “เอ่อ...ค่ะ” เสียงยัยตัวอวบอ้อมแอ้มตอบด้วยความเกรงใจ หงุดหงิดระดับหนึ่งฉันจะรู้สึกว่า ลมหายใจของตัวเองเริ่มติดขัดอีกครั้ง
            “เห็นแล้วก็ควรจะรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ” ฉันหันมาตวาดกลับไปเสียงดังลั่นบ้าน ฉันไม่ชอบเด็กเล็กๆ เพราะมันน่ารำคาญ ยัยหนูจะวิ่งหลุนๆออกไปแบบที่ไม่คิดชีวิต “เดี๋ยวก่อน! ฉันร้องขึ้นอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ขณะที่ยัยอวบตัวน้อยหยุดกึกราวกับต้องคำสาป
            เด็กน้อยคนนั้นหันกลับมาด้วยน้ำตาไหลพราก นี่แหละคือเหตุผลที่ฉันเกลียดเด็ก ไอ้พวกนี้มันขี้แยได้อีก แล้วฉันก็เป็นประเภทที่ว่าปลอบใครไม่ค่อยจะเป็นเสียด้วยสิ
          “อย่ามาเดินเสียงดังตึงตังในบ้าน” ฉันสอนเสียงเรียบ ขณะที่ยัยหนูแก้มกระติก หลุบตาลงต่ำเห็นแล้วมันน่าโมโห ฉันไม่ชอบให้ใครมาหลบตาเวลาคุยด้วยเลยจริงๆ “ใยบัวบอกแล้วใช่ไหมเวลาคุยกับพี่ ให้มองตาพี่” ฉันพ่นลมหายใจออกอย่างไม่พอใจนัก โยคะไม่ได้ช่วยอะไรเลย ยัยหนูตัวสั่นพร้อมกับพับน้ำตาที่หยดแหมะๆลงพื้นด้วยความกลัว ฉันเดินเข้าไปหายัยตัวเล็ก พร้อมกับหยิบผ้าขนหนูสีขาวขึ้นมาซับน้ำตาที่ไม่หยุดไหลเสียทีของเด็กน้อย
            “ใยบัวขอโทษ” ตัวเล็กเอ่ยพร้อมกับเสียงสะอื้น
            “เอาล่ะ เงียบซะ” ฉันปลอบขณะที่ยัยหนูสูดน้ำมูกตั้งใจฟังคำสั่งแต่โดยดี “ไปบอกคุณยายว่า อีกสิบนาทีพี่ตามไป”

            ภายในโต๊ะอาหารทุกคนในบ้าน(คุณยายกับใยบัว)นั้นกำลังรอคอยการมาของปาลิตาอย่างใจเย็น ผิดกับศิรการที่นั่งหน้านิ่วรอหญิงสาวคู่กัดด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์นัก
            “ทานเถอะครับคุณยาย อาหารเย็นชืดหมดแล้ว” ชายหนุ่มเสนอขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว ถึงอย่างไรเธอก็เป็นเด็ก ทำไมต้องให้คุณยายต้องมานั่งรอด้วยก็ไม่รู้
            “รอเจ๊ตาแป๊บนึงนะคะเฮียมิ่ง” บัวบูชาตัวน้อยเสนอขึ้นอย่างเกรงอกเกรงใจ เพราะทราบดีว่าถึงอย่างไรคุณยายก็รอได้อยู่แล้ว
            “ลิตาบอกว่าสิบนาทีก็สิบนาทีนะตามิ่ง เดี๋ยวน้องก็มา” คุณยายเอ่ยอย่างอ่อนโยน จนชายหนุ่มแปลกใจว่าตกลงแล้วยัยแปดหลอดมหาปะลัยนั่นใช่หลานสาวแท้ๆของคุณยายจริงๆรึเปล่า
            “คุณยายไม่ต้องรอหรอกครับ หลานอะไรปล่อยให้ยายรอทานข้าว” ศิรการรบเร้า ขณะเดียวกันกับที่ร่างระหงของปาลิตา ค่อยๆย่างเท้าเข้ามาราวกับนางพญาก็ไม่ปาน
            หญิงสาวในเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์สี่ส่วนเดินตรงมาที่คุณยายของเธอ พร้อมกับใช้แก้มใสชนกับแก้มของคุณยายเบาๆทั้งสองข้างเป็นการทักทายแบบฝรั่งเศส ก่อนที่จะหันไปยักคิ้วให้กับใยบัวตัวน้อยพร้อมกับส่งสายตาสื่อความมายนัยๆ เห็นไหมฉันเป็นคนตรงต่อคำพูดแค่ไหน
“ใครเชิญ ร่วมโต๊ะมิทราบ” เสียงใสร้องขึ้นพร้อมกับมองเพื่อนบ้านหนุ่มด้วยแววตารังเกียจ ไอ้ทุเรียนสัปปะรังเคนี่ มาอาศัยข้าวเช้าบ้านเธอกินตลอด ไม่ได้มีความเกรงใจเลยจริงๆ
            “ผมก็ร่วมโต๊ะของผมกับบ้านนี้มาตั้งหลายปีดีดัก ไม่เห็นต้องมีใครเชิญ” เสียงทุ้มพึมพำอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนที่จะตักแกงเลียงใส่ในจานข้าวของคุณยายอย่างเอาอกเอาใจ “ทานเถอะครับคุณยาย เดี๋ยวจะเลยเวลาทานยาเสียหมด” มันร่วมวงกินข้าวบ้านเธอหน้าตาเฉยทั้งๆที่เจ้าของบ้านออกปากไล่ปากเปียกปาแฉะเนี่ยนะ ให้ตายสิ
            “เจ๊ตาขา ทานข้าวกันเถอะค่ะ” ใยบัวตัวน้อยร้องชวนพี่สาวคนสวยที่ยืนมองศิรการด้วยดวงตาคมที่วาวโรจน์ไปด้วยความโกรธ
            “ลิตาทานข้าวเถอะลูก เดี๋ยววันนี้ซักสิบโมงคุณทนายจะมาเปิดพินัยกรรมนะ” คุณยายสายม่านเอ่ยกับหลานสาวคนสวยอย่างอ่อนโยน
            ใช่สินะ! วันนี้คุณทนายจะมาเปิดพินัยกรรมของคุณตา ที่ได้ทำไว้ก่อนที่ท่านจะสิ้น พูดแล้วก็ทำให้ดวงตาคมโตฉายแววเศร้าหมองด้วยความรู้สึกผิด เธอเองที่เป็นหลานสาวคนเดียว แต่กลับมาไม่ทันก่อนที่คุณตาจะสิ้นใจลงด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ทำไมหนอเธอจึงเป็นคนเดียวที่ไม่เคยได้ล่วงรู้ข่าวคราวการป่วยของคุณตาเลย กว่าเธอจะกลับมา คุณตาอันเป็นที่รักของลิตา ก็กลายเป็นเถ้ากระดูกไปเสียแล้ว พูดแล้วก็พาให้หัวใจของหญิงสาวรู้สึกเจ็บแปลบอย่างบอกไม่ถูก สิ่งเดียวที่สำคัญที่สุดในชีวิตที่ปาลิตาหลงเหลืออยู่ในตอนนี้ก็คือหญิงชราตรงหน้า เธอไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่า การเกลี้ยกล่อมให้คุณยายไปใช้ชีวิตอยู่กับเธอที่ปารีส หญิงสาวอยากดูแลคุณยายของเธอคนนี้ให้ดีที่สุด เพื่อทดแทนในส่วนที่เธอไม่ได้ทำให้กับคุณตาของเธอ
            “ลิตาไม่เห็นเคยอยากได้อะไรจากคุณตาเลยสักนิด” หญิงสาวมองบ้านหลังทรงไทยหลังไหญ่อย่างเหยียดๆ ทั้งๆที่ภายในใจนั้นกลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก
            “คุณตารักคุณมากนะ เมื่อก่อนเวลาทานข้าวท่านบ่นหาคุณอยู่บ่อยๆ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงความน้อยใจที่เจืออยู่ในน้ำเสียงของหญิงสาว
            “คนนอกอย่างคุณจะไปรู้อะไร” มือเรียวเล็กตบโต๊ะทานอาหารดังปัง ก่อนที่จะเดินหนีไป

...ไม่ใช่เขาที่เป็นคนนอก แต่เป็นเธอต่างหาก เป็นเธอที่เป็นคนนอกในบ้านหลังนี้...

จากคุณ : พบพร
เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 17:58:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com