Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
(นิยายกำลังภายใน) วิหคดั้นเมฆา ผู้กล้าฝ่ายุทธจักร ตอนที่ 88 ติดต่อทีมงาน

โมงยามเคลื่อนวิกาลคล้อย สำหรับผู้อื่น...ราตรีนี้ย่อมไม่ต่างจากราตรีก่อน มิผิดแผกจากราตรีถัดไป คือเพลาแห่งการหลับตาในย่ำค่ำและฝืนเปลือกตาเมื่อรุ่งอรุณ หมุนเวียนจวบจนชีวิตสิ้นสุด

หากมิใช่สำหรับสือหย่งหลุน วิกาลนี้จะไม่มีวันเหมือนวิกาลอื่น อาจเพราะวิกาลนี้มีแต่เรื่องบังเอิญมากเกินไป

บังเอิญที่มันต้องปะทะกับโจซานตง บังเอิญที่ยามโจซานตงฟาดฝ่ามือสุดท้ายมันพยายามรักษาชีวิตด้วยการใช้วิชาภูตฉกฉวย ดึงปราณสลายภพซึ่งแทรกผ่านถุงมือต้านพสุธาไปยังลมปราณไร้กำหนดเหมือนเช่นเคย บังเอิญให้ปราณสลายภพซึ่งเป็นพลังวัตรอันแข็งแกร่งที่สุดแห่งยุค ขับลมปราณไร้กำหนดมลายสิ้น จนบังเอิญให้ปราณพิษที่โดนดูดซับไว้ได้เป็นอิสระอีกครั้ง

หากความบังเอิญสิ้นสุดเพียงเท่านี้ สือหย่งหลุนคงตกตายดุจสุนัขไร้ค่า...

ทว่ากงล้อแห่งโชคชะตายังคงหมุน พัดพาความบังเอิญอีกอย่างส่งมา

ลมปราณซึ่งถูกปราณไร้กำหนดกักไว้หาได้มีแต่ปราณพิษ หากยังรวมถึงลมปราณจากหลากจอมยุทธ์ตามที่สือหย่งหลุนเคยประมือภายหลังฝึกวิชาภูตฉกฉวยสำเร็จ กระทั่งลมปราณสุดท้ายซึ่งมันพยายามดูดซับ...ปราณสลายภพ

ลมปราณเหล่านี้เล็ดรอดตามปราณพิษออกมาติด ๆ แล้วทะยานไปทั่วตัวของสือหย่งหลุนอย่างบ้าคลั่ง เพื่อกระทำหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมาย...ทำลายศัตรูจนกว่าจะสิ้นซาก!

สือหย่งหลุนดิ้นเร่าด้วยความทุรนทุราย มีสติเพียงเพื่อรับรู้ความเจ็บปวดเท่านั้น!

ร่างกายเด็กหนุ่มตอนนี้เปรียบเสมือนก้อนเนื้อที่ฝูงหมาป่ากระหายเลือดรุมดึงทึ้ง ก่อความรวดร้าวจนสุดจะบรรยาย ถ้าความเจ็บปวดทำให้คนตายได้ เพียงท่านคิดถึงความเจ็บปวดในครั้งนี้ หัวใจท่านก็คงหยุดเต้นไปแล้ว

บางที...นั่นอาจเป็นความกรุณาสูงสุดซึ่งจะมีให้สือหย่งหลุนก็ได้

โชคร้ายที่ร่างกายมันแข็งแรงเกินไป ความรู้สึกมันทนฝืนกับความเจ็บปวดได้มากเกินไป และมันอาจดันทุรังบ้าบิ่นจนเกินไป มันจึงยังไม่ตาย

ชีวิตสือหย่งหลุนคล้ายเส้นด้ายที่ตึงจวนจะขาดรอมร่อ ในตอนที่ความบังเอิญอย่างสุดท้ายสำแดงผล...ฤทธิ์ของยาที่ทำจากเห็ดหัวใจมังกร

ยาผสานลมปราณดังกล่าวได้รับการกระตุ้นจากลมปราณหลายชนิดในตัวเด็กหนุ่ม ประกอบกับลมปราณไร้กำหนดสลายสิ้น วงโคจรกำลังภายในของสือหย่งหลุนเชื่อมต่อกันได้เป็นครั้งแรก นอกจากนี้ก็ยังมีลมปราณที่มันเคยฝึกฝนทว่าถูกลมปราณไร้กำหนดกักเก็บไว้ ลมปราณแต่ละสายจึงประสานกันช้า ๆ โดยมีลมปราณของมันเองเป็นแกนกลาง รวมตัวกลายเป็นก้อนพลังวัตรขนาดมหึมา ทะยานไปตามเส้นลมปราณดุจธนูพุ่งจากแล่ง ทะลวงจุดชีพจรทั่วร่างแทบพร้อมกัน!

สือหย่งหลุนพลันเกิดความรู้สึกแปลกประหลาด จู่ ๆ ความเจ็บปวดก็ปลาสนาการ ร่างกายเบาหวิวดุจล่องลอยบนปุยเมฆ ทุกอนูในกายเต้นเร่าเสมือนไม่ใช่ตัวมันเอง หากก็ยังเป็นตัวมันอย่างแท้จริง

ชั่วพริบตานั้น ท่ามกลางราตรีไร้เดือนดาวพลันบังเกิดแสงสว่างริบหรี่แล้วค่อย ๆ ขยายขึ้นเชื่องช้า คล้ายมันเป็นลูกนกซึ่งกำลังกะเทาะเปลือกสู่โลกภายนอกเป็นครั้งแรก กระทั่งฝาไข่หลุดลอกจนปรากฏแสงจ้าพุ่งมาขับไล่ความมืดพ้นสิ้น

...พร้อมเปลือกตาที่ลืมกว้างเต็มที่!

เบื้องหน้านั่นเอง โจซานตงกำลังโถมเข้าหาอย่างเกรี้ยวกราด รัศมีลมปราณแผ่ซ่านกดดันจนหายใจแทบไม่ออก ทุกอย่างเกิดกะทันหันทำให้เด็กหนุ่มไม่มีกระทั่งเวลาทบทวน ได้แต่กระทำตามสัญชาตญาณแรกสุดเท่านั้น...สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด!

สือหย่งหลุนกระโจนขึ้นยืนเต็มสองเท้า ลมปราณหลากหลายในร่างหลอมประสานผ่านการชักนำของฤทธิ์เห็ดหัวใจมังกร ทะยานผ่านเส้นชีพจรทั่วร่างราวน้ำป่าทะลัก แต่ร่างกายสือหย่งหลุนเปรียบเสมือนขวดน้ำใบกระจ้อยร่อย หรือจะรั้งพลังวัตรมหาศาลเช่นนี้ไว้ได้ เด็กหนุ่มรู้สึกราวทั้งร่างกำลังปริแตก ได้แต่ยื่นมือสะเปะสะปะเพื่อปลดปล่อยกำลังภายในกายออกมาเท่านั้น มิคาดปลายทางของการทำลาย ยังคงเป็นโจซานตงผู้อยู่เบื้องหน้า

ทว่าประมุขพรรคอสุราอาฆาตหาใช่เสือสิ้นลาย พริบตาก็สำเหนียกความผิดปกติได้ รีบรั้งฝ่ามือกลับมาประสานเหนือหน้าอกตั้งรับทันที พลังวัตรของวิชาสลายภพขยายจากสองมือหลอมรวมกลายเป็นกำแพงแข็งแกร่ง ปราการที่โจซานตงเชื่อมั่นว่าจะไม่มีวันถูกทำลาย!

เสี้ยวเวลานั้นเอง บังเกิดสายลมกรรโชกแรง เมฆาเคลื่อนเข้าบดบังแสงจันทราเหลือเป็นช่องแค่เล็กน้อย ส่องตรงยังเบื้องหน้าสือหย่งหลุน นำพาสำนึกมันย้อนสู่อดีตแสนไกล ในถ้ำมืดมิดซึ่งเคยซ่อนตัวฝึกวิชาด้วยความอดสู ไอลมปราณของโจซานตงพลันกลายเป็นกำแพงถ้ำทึมทึบ ที่มันใช้ลองกำปั้นคราแล้วคราเล่า จนผิวหนังปริแตกให้โลหิตชโลมกำแพงเป็นชั้นหนา ทว่าก็มิเคยกระทำสำเร็จ...

ดุจอยู่ในห้วงความฝัน ท่าทางสะเปะสะปะเมื่อแรกเริ่มมลายหาย หวนคืนสู่การวาดมือป่ายเท้าในกระบวนท่าเพลิงโกรธาออกมาอย่างช่ำชอง พลังวัตรมหาศาลถูกบังคับหมุนวนไปตามเส้นชีพจรจนบรรจบรอบ ก่อไอลมปราณสีแดงก่ำดุจเปลวไฟห่อหุ้มหมัดขวาเอาไว้

สือหย่งหลุนกำนิ้วทั้งห้าแน่น แล้วชกใส่กำแพงเลือดเสมือนที่เคยทำมาไม่รู้กี่ร้อยหมื่นเที่ยว!

ฝ่ามือโจซานตงซึ่งตรึงขนานกันอยู่เหนืออกสะบัดคว้างราวโดนฉีกกระชาก ปราการลมปราณที่เคยได้ชื่อว่ามิมีวันถูกทำลายพลันแตกกระจายก่อนสลายไปราวหมอกยามเช้า หากหมัดเพลิงของสือหย่งหลุนยังคงทะลวงต่อไม่หยุดยั้ง เพราะมิอาจหยุดได้...หรือมีสิ่งใดสามารถหยุดความพยายามชั่วชีวิตของคนผู้หนึ่งได้?

กำปั้นเปลือยเปล่ากระแทกใส่ลิ้นปี่โจซานตงด้วยความเกรี้ยวกราด ไอลมปราณจากหมัดยังลอยเคว้งกลางอากาศตราตรึงจนใจผู้ชมอย่างฟ่านไป่หนิงสะท้านสั่น กระทั่งยามที่ประมุขพรรคอสุราอาฆาตล้มกองพร้อมโลหิตกลบปากในช่วงถัดมา ก็มิทำให้หัวใจนางระรัวถึงเพียงนี้

จากสายตาดรุณีน้อย ภาพไอลมปราณสีเลือดซึ่งพุ่งทะยานสู่ฟากฟ้า คล้ายปีกวิหคเพลิงแผ่กว้างเตรียมโผบินก็มิปาน ปีกอันจะนำพาเจ้าของร่างดั้นด้นสู่เมฆาเบื้องบน!

หากเพียงกะพริบตา ภาพที่งดงามราวความฝันพลันอันตรธานหาย เหลือแต่ร่างโจซานตงที่นอนหงายบนพื้นเท่านั้น

สือหย่งหลุนสยบโจซานตงลงได้เพราะสาเหตุใดกันแน่ อาจเพราะโจซานตงยังฝึกวิชาสลายภพไม่สมบูรณ์จึงเผยช่องโหว่ให้เด็กหนุ่มฉกฉวยในจังหวะพอดี อาจเพราะหมัดเพลิงของสือหย่งหลุนยังเสริมด้วยพลังวัตรบริสุทธิ์จากบรรดาจอมยุทธ์ ซึ่งเป็นพลังวัตรส่วนที่เห็ดหัวใจมังกรไม่มีเวลาพอจะประสานรวมกับร่างเด็กหนุ่ม  และในนั้นก็มีลมปราณสลายภพจากโจซานตงรวมอยู่ด้วย หรือสิ่งที่ทำลายจะทำลายตัวเองได้ก็คือตัวมันเอง คาดว่าแม้แต่สวรรค์ยังสุดปัญญาจะชี้แจงเรื่องเหล่านี้ได้

สิ่งที่ไม่มีคำตอบ บางคราเรามักเรียกมันว่าปาฏิหาริย์!

ฟ่านไป่หนิงผุดลุกพลางปรี่หาสือหย่งหลุนความอาการดีใจยิ่ง นางไม่สนใจหรอกว่าที่เพิ่งผ่านตาไปจักเกิดอันใดขึ้นบ้าง ขอเพียงเด็กหนุ่มยังรอดชีวิตก็เพียงพอแล้ว

ทว่าแทบทุกครั้ง ปาฏิหาริย์ไม่เคยส่งผลอยู่นาน...

ร่างสือหย่งหลุนเริ่มส่ายโงนเงนก่อนล้มกลิ้งไม่เป็นท่า มือยกกุมหน้าอกเปลือยเปล่าแน่นขณะเปล่งเสียงโหยหวนราวสัตว์บาดเจ็บ ดรุณีน้อยสะดุ้งผวา รีบกระชากมือมันออกเพื่อตรวจให้ชัด ก่อนจะนิ่งขึงด้วยอาการขนลุกซู่

รอยช้ำกลางหน้าอกจากปราณพิษย้อนปรากฏเป็นคำรบสอง มิหนำซ้ำการขยายตัวกัดกินยังรวดเร็วกว่าครั้งแรกเสียอีก!

นั่นแสดงว่าซินแสเทวะวิเคราะห์ผิดพลาด เห็ดหัวใจมังกรไม่สามารถทอนฤทธิ์ของปราณพิษลงได้ คาดว่าเมื่อครู่การโคจรลมปราณได้เป็นครั้งแรกคงเสริมหนุนให้ร่างกายสือหย่งหลุนแข็งแกร่งขึ้น จึงต้านทานปราณพิษได้ชั่วคราว แต่อันตรายซึ่งถูกเก็บกักมานานไม่ยอมศิโรราบโดยง่าย เพียงพริบตามันก็ฟื้นตัวมาเหยียบขย้ำเจ้าของร่างอย่างไม่ปรานี

ขณะฟ่านไป่หนิงสิ้นหวังจนถึงที่สุด ประมุขพรรคอสุราอาฆาตกลับค่อย ๆ ยันร่างขึ้นราวผุดจากขุมนรก มันยกมือเช็ดคราบเลือดตรงมุมปาก พร้อมเสียงหอบหายใจด้วยความเจ็บปวดเป็นระยะ ทว่าแววตากลับเย็นเยียบจนแทบแช่แข็งแม้เปลวไฟ จอมยุทธ์หลายคนยินดีเชือดคอตายเสียมากกว่ายอมให้โจซานตงมองมันเช่นนี้ เพราะการเดินสู่ปรภพด้วยสองขาตนเอง ยังดีกว่าไปในสภาพกองเนื้อแหลกเละ!

“ไป่หนิง” เด็กหนุ่มรวบรวมสติที่ใกล้ขาดผึงรอมร่อ เรียกชื่อนางออกมา “หนีไป...”

ฟ่านไป่หนิงไม่ตอบคำมัน เพียงดึงร่างอ่อนระโหยมากอดแน่น หนทางเดียวที่จะพรากนางไปจากสือหย่งหลุนได้ ก็คือตัดแขนนางออกเท่านั้น!

ดี! โจซานตงคิดอย่างอำมหิต อยากอยู่ด้วยนักใช่หรือไม่ ข้าจะเสียบพวกเจ้าไว้ติดกันให้สมใจ แล้วค่อยฉีกกระชากแขนขาออกทีละข้างสลับกันไปมา พวกเจ้าจะได้แต่มองคนรักตายอย่างทรมานช้า ๆ ให้รู้ว่าการหยามเกียรติคนเช่นข้า ต้องพบจุดจบอย่างไร

แม้สติจะใกล้ดับอยู่รอมร่อ สือหย่งหลุนซึ่งแลเห็นแววตาเหี้ยมเกรียมของอีกฝ่ายชัดแจ้ง จึงพยายามสะสมพลังเฮือกสุดท้ายผนึกลงยังแขนขวา รู้ดีว่าเสมือนเป็นการนำไม้ซีกไปงัดไม้ซุง แต่มันจะไม่มีวันยอมพ่ายแพ้ง่ายดายเป็นแน่

อันที่จริงเมื่อตอนที่โจซานตงยังนอนบอบช้ำอยู่นั้น เป็นโอกาสเหมาะให้ฟ่านไป่หนิงจู่โจมซ้ำเติมได้แล้ว ทว่ามีดสั้นอาบยาพิษกลับบังเอิญหล่นหาย ส่วนนางเองก็ถูกแรงกดกันจากพลังวัตรของโจซานตงทำร้ายจนไม่สามารถเดินลมปราณปะติดปะต่อ สุดปัญญาจะใช้ฝ่ามือกระเรียนล่าลมจัดการมันได้ แล้วในระหว่างคิดหาวิธีอื่นทดแทนนั้น สือหย่งหลุนก็เกิดเรื่องเข้าเสียก่อน นางจึงหมดกำลังใจจะดิ้นรนต่อสู้อีกแล้ว

ส่วนการที่โจซานตงลุกขึ้นมาในยามนี้ หาได้เกิดจากการใช้วิชาสลายภพรักษาตัวไม่ ด้วยแม้การโจมตีของสือหย่งหลุนจะทำมันบอบช้ำสาหัส แต่เพราะปราณคุ้มกายทำให้ไม่รุนแรงถึงขั้นที่จะใช้วิชาสลายภพรักษาได้ กลายเป็นว่าความเจ็บปวดยิ่งทำให้มันเกรี้ยวกราดบ้าคลั่ง ดังนั้นรวบรวมพลังวัตรทั่วร่างไว้ยังฝ่ามือขวา หมายบดทำลายสองหนุ่มสาวเสียให้ป่นปี้

พริบตาที่พละกำลังอำมหิตโถมขยี้ลงมา เงาร่างหนึ่งก็สะอึกเข้าประชิดโจซานตงทันที

แต่ผู้นั้นมิใช่สือหย่งหลุน ทั้งไม่มีทางเป็นฟ่านไป่หนิง...มันคือสือหย่งจวิน!

โจซานตงแตกตื่นลนลาน ก้มมองกระบี่ซึ่งแทงทะลุอกตนเองดุจไม่เชื่อสายตา สือหย่งจวินยังคง:-)อาวุธแห่งความแค้นเดินหน้ามิหยุดยั้ง ปากก็คำรามลั่น

“อย่าได้บังอาจ ทำร้ายคนตระกูลสืออีก!”

ไม่แค่โจซานตงจะแตกตื่นกับเรื่องผิดคาด กระทั่งฟ่านไป่หนิงยังจ้องดูปลายกระบี่โชกเลือดด้วยอารมณ์อันสุดจะพรรณนา นางจินตนาการไม่ออกด้วยซ้ำว่าด้วยสภาพของสือหย่งจวินยามนี้ ยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างไร การเคลื่อนไหวที่แลกมาด้วยอายุขัยสิบปี หรือไม่ก็ความพิการของตนเอง

...เพื่อช่วยชีวิตสือหย่งหลุนและนาง!

เนื่องจากโจซานตงโกรธจนขาดสติมิทันสังเกตรอบข้าง ทั้งเอาแต่รวบรวมลมปราณทั้งหมดยังฝ่ามือเพื่อเตรียมประหารสองหนุ่มสาว จนไม่เหลือสำหรับปราณคุ้มร่าง ทำให้สือหย่งจวินกระทำการได้สำเร็จ

จากคุณ : จันทร์พันฝัน
เขียนเมื่อ : 3 ก.พ. 55 19:49:21




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com