สวัสดีค่ะ
ตอนนี้มาลงช้าหน่อย ช่วงนี้วุ่นๆ อยู่ ไม่ว่ากันนะคะ
ตอนนี้ลูน่าจะเริ่มการผจญภัยของเธอแล้วค่ะเอาใจช่วยลูน่าด้วยนะคะ
เขมปัณณ์ : ลองเขียนดูสิคะ อาจจะสนุกกว่าเรื่องนี้ก็ได้ค่ะ
กุลธิดา : สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะคะ
Setakan :เรื่องคนละแนวกับคุณ Setakan เขียนเลยค่ะ ออกแนวแฟนตาซีมากกว่า
อมราวตี : วิลเลี่ยมไม่อยากตายก็ต้องขอร้อง โชคดีที่ลูน่าได้สติค่ะ
XueYitan : อาจจะมีบทให้เขินแซมเป็นระยะ ๆ ค่ะ
สายลมที่พริ้วไหว : ต่อไปอาจจะไม่สยิวหันมาสยองแทนก็ได้นะคะ
จันทร์ฉายแสง : ปิดตาข้างหนึ่งเลยเหรอคะ
===========================================
5
ลมหนาวพัดเหนือยอดไม้อ่อนสีเหลืองริมเชิงเขาที่ขาวโพลนด้วยหิมะ ทิวไม้ใหญ่ทอดตัวยาวตามแนวเส้นทางรถไฟสายจากออสเตรีย มุ่งหน้าสู่ฮังการี สองข้างทางเต็มไปด้วยหิมะขาวทับถมสีเขียวไว้ อีกไม่นานหิมะจะละลายและสีสันของพืชพรรณจะอวดโฉมกลางแสงแดดอันอบอุ่น
อากาศที่นี่ต่างจากอังกฤษมาก ทั้งแห้งทั้งหนาว ขณะที่ลอนดอนชื้นฝน หากเสน่ห์อันแตกต่างกันนั้นชักชวนผู้คนที่ชื่นชอบการแสวงหาสิ่งใหม่ๆ ให้แก่ชีวิตดั้นด้นมาค้นหา ดูได้จากนักท่องเที่ยวที่นั่งกันเต็มโบกี้รถไฟ มีทั้งสกี ทั้ง สโนว์บอร์ดหลายสีสันมีให้เห็น อันที่จริงจะหาเช่าข้างหน้ายังจะสะดวกกว่า แต่คนพวกนี้ยินดีที่จะแบกหามไปด้วย หลอดพลาสติกใสเล็กๆ ที่มีเม็ดยาอมสีดำอยู่ภายใน กลิ้งหลุนไปตามทางกระทบรองเท้าของแมตต์ ไครตัน เขาก้มตัวลงเก็บพลางเอ่ยถามเป็นภาษาอังกฤษ
ของใครครับ?
ครั้นไม่มีใครตอบ เขาจึงเปลี่ยนไปถามเป็นภาษาฮังการีแทน เพราะคนท้องถิ่นหลายคนไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้
ของฉัน...ขอบคุณค่ะ เสียงหนึ่งตอบขึ้นมาด้วยภาษานั้น เขาจึงเดินไปเบื้องหน้าและยื่นหลอดพลาสติกคืนให้แล้วก็ต้องแปลกใจไม่แพ้คนที่ยื่นมือมารับ
ดวงตาสีฟ้าใสของหนุ่มผมทองเบิกกว้างเขาตะลึงค้างอยู่กับที่ เมื่อได้พบคนที่ตามหารวดเร็วกว่าที่คิด เพียงแต่มือที่ยื่นมารับขวดนั้น นิ้วยาวเรียวสวยไว้เล็บยาวกว่าที่เคยเห็นนักผิดวิสัยคนที่เคยไว้เล็บสั้นมาตลอด ใบหน้าขาวนวลนั้นซ่อนดวงตาตกตะลึงไม่แพ้แมตต์ไว้ใต้แว่นกันแดด เธอใส่หมวกไหมพรมสวมทับซ่อนเรือนผมยาวเอาไว้แต่จากโคนผมทำให้รู้ว่าเธอผมดำ ไม่ผิดแน่ผู้หญิงตรงหน้าคือคนที่เขาตามหา
ลูน่า ผมดีใจที่ได้เจอคุณอีก ชายหนุ่มถือวิสาสะนั่งลงตรงเก้าอี้ว่างเบื้องหน้าเธอ
คุณจำคนผิดแล้ว หญิงสาวปฎิเธอทันใด
ผมจำได้นี่ยาประจำตัวลูน่า
มันก็แค่ยาอม เธอเถียง
มันไม่เหมือนยาอมทั่วไป ผมจำได้มันเป็นยาสมุนไพรจากเมืองไทย ประเทศบ้านเกิดของเธอ
เมืองไทยเป็นบ้านเกิดของแม่ฉัน ไม่ใช่ของฉัน
ฮ่า ฮ่า นั่นไงลูน่าจริงๆ ด้วย เขาหัวเราะก่อนจะดึงแว่นกันแดดออกจากใบหน้าของเธอ ในขณะที่หญิงสาวได้แต่นิ่งอึ้งสิ้นคำพูด
ผมดีใจที่ได้เจอกันอีก รู้ไหมผมตามหาลูน่าไปทั่วเลย
จะตามไปทำไม ไม่เข็ดอีกหรือไง?
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น แต่รู้ว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิม เขากลับไปสืบที่มหาลัยก็พบว่าทั้งคณะในยามกลางวันเงียบสงัดไม่ต่างกับป่าช้า
แล้วก็รู้ว่าทุกอย่างมันเริ่มต้นที่รูปสลักปีศาจนั่น มันมีชีวิตขึ้นมา เสียงเขาขมขื่นนัก
เพื่อนๆ คนอื่นไม่มีใครกลับบ้านเลย บางคนผู้ปกครองมาตามหาถึงคณะ แต่พวกนั้นก็ปฎิเสธ...เหมือนเป็นคนแปลกหน้ากันเลย ลูน่าพยักหน้าช้าๆ น้ำตาคลอเบ้า พวกนั้นไม่ใช่เพื่อนคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ดีเท่าไรแล้วที่ไม่กลับบ้านไปฆ่าพ่อแม่ตัวเองด้วย
ผมไปตามหาลูน่าที่หอพักแต่ก็ไม่เจอ คิดว่าอาจจะกลับบ้านหรือเปล่า
ฉันไม่ได้กลับไปบ้าน แค่ไปเก็บของที่หอเท่านั้นแมตต์พยักหน้ารับรู้
แล้วจะไปทำอะไรที่ฮังการีเหรอ จะลงสถานีไหน
นายก็รู้อยู่แล้วนี่...เธอหลบสายตา
หมู่บ้านโฮแมตสินะ...คิดจะทำอะไรหรือ จะไปสุสานโบราณที่ขุดหมอนั่นมาได้น่ะรึ? หญิงสาวยังไม่ทันตอบเสียงกริ่งเตือนว่าใกล้ถึงสถานีข้างหน้าอันเป็นจุดหมายปลายทางของเธอแล้ว
ฉันดีใจที่ได้พบคุณนะ แมตต์ ดีใจที่ได้รู้ว่าคุณปลอดภัยดี แต่..ลาก่อน กลับไปเถอะอย่าตามฉันมา สาวผมดำลุกขึ้นหยิบกระเป๋าใบโตไม่สนใจไยดีเขาอีก
แมตต์ไม่สนใจท่าทางเย็นชาที่เธอแสดงใส่ เขาคว้าเป้ก้าวตามไปบ้าง ระหว่างเดินตามหลังก็นึกประหลาดใจ เธอสวมแจ๊คเก็ตกันหนาวสีเหลืองสดตัวเดียวเท่านั้น ไม่มีถุงมือหรือผ้าพันคอใดอีก แค่นี้ไม่น่าอบอุ่นพอแต่เจ้าหล่อนไม่ได้แสดงท่าทีเดือดร้อนกับอากาศหนาวอย่างที่เขานึกห่วง