Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
-FATE- ตอนที่ 3 ติดต่อทีมงาน

บทนำ
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11595705/W11595705.html

ตอนที่ 1
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11609225/W11609225.html

ตอนที่ 2
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11630694/W11630694.html

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






ตอนที่ 3


ซันลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาพบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ยาว ใครคนหนึ่งเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับนั่งลงข้างๆ เด็กชายมองสำรวจเครื่องแบบตำรวจของอีกฝ่าย ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังกระบอกปืนข้างลำตัว สมองสั่งให้ร่างกายขยับหนีทันที แต่พอทิ้งน้ำหนักลงบนขาซ้าย ความเจ็บปวดบริเวณข้อเท้าก็กลับมาอีกจนเขาต้องนิ่วหน้า


อะไรบางอย่างสัมผัสที่บริเวณแขนขวา ซันสะบัดแขนหนีอย่างแรงจนนายตำรวจตกใจ ชายหนุ่มมองสายตาหวาดระแวงของเด็กชายที่มีท่าทางเหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรสักอย่างแล้ว เขาก็ชักจะรู้สึกหนักใจ ทีแรกตั้งใจจะรอให้ฟื้นแล้วค่อยถามไถ่ว่าบ้านอยู่ที่ไหน เพราะดูจากเสื้อผ้า รูปร่างหน้าตาที่ออกไปทางลูกครึ่งอย่างเด่นชัดแล้ว เขาไม่คิดว่าจะเป็นพวกขอทานหรือเป็นเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า ความเป็นไปได้อีกอย่างก็คือ อาจจะเป็นเด็กหลงทางและกำลังตกใจกลัวเพราะไม่ชินกับคนแปลกหน้าก็ได้ แม้เขาจะสงสัยรอยแผลเหมือนโดนกระสุนถากบนหัวไหล่ขวาของเด็กชาย แต่สภาพแบบนี้คงยากสำหรับการพูดคุย


หลังจากที่นายตำรวจหนุ่มหันหน้าไปทางอื่นไม่ถึงสิบวินาที ร่างเล็กบนเก้าอี้ก็รีบลุกขึ้น เดินกะโผลกกะเผลกออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว พยายามไม่สนใจความเจ็บปวดที่กำลังกัดกินข้อเท้าซ้าย แต่ยังไม่ทันพ้นประตูใหญ่อีกบาน ซันก็ได้ยินเสียงตะโกนโหวกเหวกว่าเด็กหายดังตามหลังมา เขาจึงรีบเดินหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้


นายตำรวจวิ่งออกมาดูที่หน้าสถานีตำเร็จ เห็นแผ่นหลังน้อยๆ อยู่ไม่ไกล เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งว่าจะตามไปดีมั้ย ก่อนตัดสินใจว่าจะปล่อยไป เพราะเด็กอาจจะรู้จักบ้านแล้วรีบกลับก็เป็นได้ แถมตอนนี้กำลังมีละครที่เขากำลังติดงอมแงมฉายอยู่พอดีอีกต่างหาก กับอีแค่เด็กหลงคนเดียวไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรสักหน่อย ดังนั้นเขาจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในสถานีตำรวจอย่างเดิม


ซันค่อยๆ เดินเลาะไปตามถนน ท้องของเขาส่งเสียงร้องมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว ยิ่งตอนเดินผ่านร้านอาหารเขาก็ต้องหยุดยืน มองอาหารหลากหลายตรงหน้าด้วยความหิวโหย แต่คำสอนของแม่ว่าไม่ให้ขโมยของของใครก็ปรากฏชัดขึ้นในหัว ซันจึงบังคับตัวเองให้เดินห่างออกจากร้านอาหารเหล่านั้น


เขาเดินต่อไปเรื่อยๆ พยายามไม่หันไปมองร้านอาหารเมื่อเดินผ่าน เรี่ยวแรงทั้งหมดลดฮวบลงจนน่าตกใจ เขารู้สึกคอแห้งเพราะไม่ได้ดื่มน้ำเลยตั้งแต่เมื่อคืน หลายครั้งที่เขาขยับเข้าไปใกล้ร้านอาหารอย่างไม่รู้ตัว จนได้ยินเสียงเจ้าของร้านถามว่าจะสั่งอะไรนั่นแหละ เขาถึงได้รีบเดินหนีออกมาจากร้าน


ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีเข้มพร้อมกับแสงไฟจากหลอดไฟข้างถนน ซันทรุดตัวนั่งลงบนพื้น เอาหลังพิงกำแพงเพราะความอ่อนเพลีย สายตาเลื่อนลอยมองเท้าตัวเองแล้วเลื่อนไปจับจ้องที่ผู้หญิงคนหนึ่งในร้านขายข้าวแกงใกล้ๆ เธอดูเหมือนเจ้าของร้าน ส่งเสียงดังถามลูกค้าว่าจะสั่งอะไร ซันนั่งมองเธออยู่พักใหญ่ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็หายเข้าไปในร้าน เด็กชายมองเข้าไปในร้านเห็นลูกค้านั่งกันอยู่ไม่กี่คน และต่างก็พูดคุยกันเองไม่ได้ให้ความสนใจกับการไม่มีคนเฝ้าหน้าร้านเลยสักนิด


ไม่มีใครอยู่


เด็กชายไม่รู้ว่าร่างกายเขาขยับไปเองตอนไหน เขากำลังเดินเข้าไปใกล้ร้านนั้นขึ้นเรื่อยๆ ซันกลั้นหายใจยืนมองอาหารหลายอย่างวางเรียงรายอยู่ตรงหน้า เขาหยิบไส้กรอกและน่องไก่ทอดในถาดขึ้นมาถือไว้ในมือ


“ไอ้เด็กบ้า!” เสียงตะโกนลั่นดังมาจากผู้เป็นเจ้าของร้าน แม้จะยังเจ็บข้อเท้าอยู่ แต่ซันก็รีบวิ่งหนีทันทีโดยไม่หันไปมอง มือจับไส้กรอกและน่องไก่เอาไว้แน่น


เขาวิ่งมาหลบในซอยถัดมา ยืนหายใจหอบสักพักก่อนจะค่อยๆ นั่งลงกับพื้น ไส้กรอกและน่องไก่ในมือถูกจัดการจนหมดอย่างรวดเร็วเพราะความหิวโหย หลังจากนั้นอยู่อย่างนั้นไม่นาน เขาก็สังเกตเห็นว่าถนนตรงข้ามมีตึกสูงใหญ่ เห็นป้ายเขียนอะไรสักอย่างที่เขาอ่านไม่ออก แต่ซันรู้ว่ามีคำหนึ่งในนั้นหมายถึงที่พักเพราะพ่อของเขาเคยสอนไว้ตอนที่ไปพักโรงแรมด้วยกัน


สำหรับเด็กอายุแค่หกขวบอย่างซัน เขาไม่รู้เลยว่าการจะเข้าพักที่โรงแรมจะต้องทำอย่างไรบ้าง เด็กชายรีบขึ้นสะพานลอยใกล้ๆ เดินข้ามไปอีกฟากด้วยความรู้สึกดีใจที่ได้เจอที่พักแล้ว เขาเดินไปใกล้ตรงประตูทางเข้าของโรงแรม เห็นรถคันหนึ่งเข้ามาจอด ประตูรถด้านคนขับเปิดออกพร้อมกับมีผู้ชายท่าทางเหมือนคนขับรถลงมาเปิดประตูให้คนที่นั่งอยู่ด้านหลัง ซันมองผ่านไป แต่เขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นอีกคนกำลังก้าวลงมาจากรถ


พีรเทพ!


สายตาตะลึงงันมองมาที่เขา พีรเทพเองก็เห็นศัตรูอาฆาตแค้นเช่นกัน ชายหนุ่มโทษความผิดทั้งหมดไปที่เด็กชาย ถ้าหากไม่มีมัน เดือนดาราก็ยังคงอยู่กับเขา และไม่ต้องมาวิ่งวุ่นไปกับการจัดฉากการตายให้กับหญิงสาว


เพราะสถานที่ไม่อำนวยจึงทำให้พีรเทพได้แต่มองร่างเล็กของซันวิ่งหนีไกลออกไปด้วยสายตาเคียดแค้น เขาอยากจะกลับไปคว้าปืนในรถเอามายิงไอ้เด็กนั่นให้ตายเสียตอนนี้ หากไม่ติดว่ากำลังมีประชุมใหญ่รออยู่ล่ะก็เขาทำไปแล้ว แต่รู้แค่ว่ามันยังอยู่แถวนี้ก็พอแล้ว ไว้ค่อยออกตามฆ่ามันทีหลังก็ยังไม่สาย


“จวนได้เวลาแล้วครับ”


“อ้อ งั้นรีบไปกันเถอะ” ชายหนุ่มหันไปยิ้มน้อยๆ ให้กับหุ้นส่วนของตน ก่อนจะเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในโรงแรม


แม้จะวิ่งห่างออกมาจากโรงแรมได้ไกลพอสมควรแล้ว แถมแผลบริเวณข้อเท้าก็ดูเหมือนจะบวมขึ้นกว่าเก่า แต่ซันก็ยังฝืนตัวเองให้วิ่งหนีต่อไป เขาวิ่งไปเรื่อยๆ จนเห็นตึกร้าง เด็กชายจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปหลบในนั้น ทีแรกเขาคิดว่ามันคือตึกเดิมที่เขาเคยแอบซ่อนตัว แต่หลังจากวิ่งขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ แล้วจึงรู้ว่าไม่ใช่เพราะตึกนี้สูงกว่ามาก


ซันเริ่มรู้สึกเหนื่อยจึงหยุดพัก แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงรองเท้าดังขึ้นใกล้ๆ เด็กชายรีบหันขวับไปมองที่มาของเสียง ลุกขึ้นเตรียมพร้อมวิ่งหนีอีกครั้ง


“เดี๋ยวสิ!” เสียงเล็กตะโกนบอกเมื่อเห็นว่าซันทำท่าจะวิ่งหนี เด็กชายหยุดชะงักหันไปมองเจ้าของเสียง แต่เพราะความมืดจึงทำให้มองเห็นไม่ชัด เขารู้สึกถึงการเคลื่อนไหวในความมืด แล้วในที่สุด ร่างเล็กๆ ก็ปรากฏให้เห็นชัดภายใต้แสงจันทร์


เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนมองเขาอย่างสนใจ เธอสูงพอๆ กับเขา อาจจะเตี้ยกว่าสักหน่อยแต่ดูๆ แล้วก็น่าจะอายุไล่ๆ กัน ชุดสะอาดสะอ้านและใบหน้าน่ารักสดใสเกินกว่าจะเป็นเด็กขอทาน อีกฝ่ายยิ้มให้เขาอย่างเป็นมิตรพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้อย่างไม่กลัวเกรง ผิดกับซันที่เป็นฝ่ายก้าวถอยหลังอย่างหวาดระแวง


“ฉันกำลังเล่นซ่อนหาน่ะ มาเล่นด้วยกันมั้ย” เสียงใสเอ่ยชวน แต่แล้วใบหน้ายิ้มแย้มก็ต้องหมองเศร้าลงพร้อมกับหยุดเดินเมื่อเห็นคนที่เธอชวนเล่นซ่อนหาค่อยๆ เดินถอยหลังห่างเธอออกไปเรื่อยๆ


ซันวิ่งขึ้นบันไดอีกครั้ง ขึ้นไปเรื่อยๆ จนมาถึงชั้นบนสุด บนนี้เป็นดาดฟ้ากว้าง เด็กชายยืนหอบพลางมองไปรอบๆ ก่อนจะหันกลับไปมองที่บันไดว่ามีใครตามมาหรือไม่ เขาค่อยๆ เดินถอยหลังให้ห่างจากบันได พอหันหลังกลับก็พบว่าตัวเองเดินมาจนเกือบจะชนรั้วกั้น เขาเดินเข้าไปเกาะรั้วนั่น ถ้าสำหรับผู้ใหญ่มันคงเตี้ยเกินไป แต่สำหรับเขาแล้วระดับความสูงของรั้วอยู่ตรงอกพอดี คาดว่าเจ้าของตึกคงไม่ได้ให้ความสำคัญในการสร้างรั้วกั้นนี่สักเท่าไหร่ เพราะสำหรับผู้ใหญ่แล้ว ความสูงของมันคงอยู่แค่ระดับต้นขาเท่านั้น


เขาก้มมองลงไปข้างล่าง เห็นรถหลายคันวิ่งไปมาบนท้องถนน เด็กชายเหม่อมองไกลออกไป พลางปล่อยจิตใจให้ล่องลอยจากความกดดันที่เจอมาตลอดทั้งวัน เขาไม่รู้ว่าตัวเองกลัวความสูงหรือเปล่า แต่คงจะไม่กลัว เพราะมายืนแบบนี้เขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร สายตาเขามองเห็นป้ายโฆษณาตัวเบ้อเริ่มบนตึกสูง เคยคิดจะถามพ่ออยู่หลายครั้งเหมือนกันว่าป้ายใหญ่โตพวกนั้นขึ้นไปอยู่บนตึกสูงๆ ได้ยังไง แต่เขาก็ลืมถามทุกที วันนี้แหละที่เขาต้องกลับไปถามให้รู้เรื่อง


ถาม...


ถามใคร?


ซันค่อยๆ ก้มมองที่มือทั้งสองข้างของตัวเอง เขาเห็นเลือดเต็มมือไปหมด ภาพในวันนั้นผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง เขาเห็นตัวเองกำลังวิ่งขึ้นไปที่ห้องทำงานของพ่อ เปิดประตูเข้าไปด้านใน แล้วเขาก็เห็นร่างของพ่อนอนนิ่งอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดพร้อมเลือดสีแดงสดตรงข้อมือ เขาร้องลั่นหันหลังกลับไปที่ประตู เห็นแม่ยืนอยู่ตรงนั้น ชุดสีขาวของแม่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แม่ล้มลงก่อนจะนอนแน่นิ่งไม่ต่างกับพ่อ แล้วห้องทั้งห้องก็ถูกย้อมด้วยสีแดงในที่สุด


มือที่จับรั้วกั้นกำแน่น ร่างเล็กทรุดลงกับพื้นก้มหน้าลงซบกับหัวเข่า ซันปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มอยู่เงียบๆ ในหัวมีภาพของพ่อและแม่ในวันนั้นสลับกันไปมาไม่ยอมหยุด


‘หนีไปเลย! หนีหัวซุกหัวซุนเป็นหมาไปเถอะ ไม่ว่าแกจะไปไหนก็ไม่มีที่สำหรับหมาอย่างแก จำใส่หัวไว้ซะ! ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้!!’ เสียงกร้าวของพีรเทพดังลั่นขึ้นในหัว ทั้งสายตาเคียดแค้นและน้ำเสียงอาฆาต ภาพของชายหนุ่มถือปืนวิ่งไล่ยิงเขายังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำ


ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ซันรู้สึกว่าพื้นเบื้องล่างค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เด็กชายค่อยๆ ขยับตัวก้าวขาปีนขึ้นไปนั่งบนรั้ว เขานั่งอยู่พักใหญ่พลางมองไปยังพื้นข้างล่าง มันใกล้เข้ามาจนเกือบจะอยู่ในระดับเดียวกันกับเท้าของเขาแล้ว เด็กชายหลับตาลง เหลือเพียงแค่ดันตัวลงไปยืนบนพื้นนั่น


อยู่ๆ ร่างของเขาก็ถูกกระชากไปข้างหลังอย่างแรง ร่างของเขาล้มกระแทกกับพื้น แต่ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวก็มีมือหนึ่งคว้าแขนของเขาลากไปอีกทาง ห่างออกจากรั้วกั้นทีละนิด เขาสะบัดแขนสุดแรงให้หลุดจากการเกาะกุม ไม่สนใจแม้แต่จะหันไปมองคนที่เข้ามาขัดขวางด้วยซ้ำ เขารีบพุ่งตัวกลับไปยังรั้วกั้นอีกหน แต่ยังไปไม่ถึงไหนก็ต้องโดนดึงแขนกลับไปอีกทางอีกรอบ พอหันไปมองถึงรู้สึกแปลกใจเพราะคนที่กำลังลากเขาอยู่ก็คือเด็กผู้หญิงที่เจอกันก่อนหน้านี้


ซันสะบัดแขนหลุดได้ในที่สุด เขารีบวิ่งไปที่รั้วกั้นเป็นครั้งที่สาม แต่ครั้งนี้คนขัดขวางนั้นกระโจนกอดเขาเอาไว้ทั้งตัวจนล้มลงกับพื้นด้วยกันทั้งคู่ เด็กชายพยายามดิ้นให้หลุดแต่ก็โดนอีกฝ่ายยึดแขนเอาไว้แน่น เขาพยายามแกะเท่าไหร่ก็แกะไม่ออก


“หยุดบ้าสักที!” เสียงตะโกนไม่มีผลอะไรต่อเขา ในหัวมีแต่ภาพพื้นเบื้องล่างเท่านั้น ซันพยายามตะเกียกตะกายไปยังรั้วกั้นซึ่งอยู่ห่างไม่ไกลแล้ว เขากัดฟันกรอดหันไปตะคอกใส่เด็กหญิงด้วยความโกรธ


“ปล่อย!” แต่แล้วเขาก็ถูกจับแขนทั้งสองข้างแน่น มือเล็กออกแรงบีบจนเขารู้สึกเจ็บก่อนมือข้างหนึ่งของอีกฝ่ายจะเปลี่ยนมาทุบอกเขาสุดแรง


“ไม่ปล่อย! ถ้ายังไม่หายบ้าก็ไม่ปล่อย!” เพราะแรงทุบเลยทำให้ซันเริ่มได้สติกลับคืนมา เขาเห็นใบหน้าน่ารักตรงหน้าจ้องมาที่เขาอย่างเอาเรื่อง ชุดสะอาดมีรอยเปื้อนเล็กน้อยเพราะต้องลงมากลิ้งตัวบนพื้นพร้อมกับเขา แต่แม้จะเป็นเด็กเหมือนกัน ซันก็ยังคงมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่ไว้ใจ


“หายบ้ารึยัง” เสียงจริงจังคาดคั้น ซันเงียบไปสักพักก่อนพยักหน้าเบาๆ ตอบกลับ ซึ่งก็ทำให้ใบหน้ามุ่ยของเด็กหญิงคลายลง แขนที่ถูกจับแน่นถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ เขารีบถอยออกห่างจากอีกฝ่ายทันที เด็กชายสังเกตเห็นใบหน้าน่ารักนั้นหมองลงเล็กน้อย


“ฉันก็นึกว่าข้างบนนี้จะมีอะไรสนุก แล้วเธอขึ้นมาทำอะไรบนนี้เหรอ” เสียงใสพยายามชวนคุยพร้อมกับเดินไปรอบๆ ดาดฟ้าพลางมองสำรวจเหมือนกำลังจะหา ‘ของเล่น’


เพราะความเป็นเด็กเหมือนกันเลยทำให้ซันเริ่มรู้สึกผ่อนคลายลง แต่อยู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังวิ่งขึ้นมาใกล้ดาดฟ้า เด็กผู้หญิงคนนั้นเองก็มีท่าทางตกใจไม่แพ้กัน


“ยื่นมือมาสิ”


“...ทำไม...”


“เร็วเข้าสิ!” อีกฝ่ายเร่ง ซันเลยตัดสินใจยื่นมือออกไป เขารู้สึกว่ามีอะไรสักอย่างถูกวางลงบนมือของเขา พอก้มมองดูจึงรู้ว่าเป็นสร้อยคอ


“สร้อยของฉันเอง ฉันขอให้มันคอยปกป้องเธอนะ” เสียงใสกระซิบเบาๆ แล้วร่างเล็กๆ ก็รีบวิ่งลงบันไดจากไป ซันตั้งใจจะวิ่งตามลงไป แต่พอได้ยินเสียงพูดคุยกันดังแว่วขึ้นมาเขาก็ต้องหยุดความคิดนั้น


เด็กชายก้มมองสร้อยในมืออีกครั้งอยู่พักใหญ่ก่อนจะสวมมันไว้ที่คอพลางนึกถึงใบหน้าของเด็กหญิงผู้เป็นเจ้าของสร้อยเส้นนี้


“...ขอบคุณ”



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ตอนที่ 4
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11728241/W11728241.html


แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 55 17:57:14

แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 21:53:00

จากคุณ : สาวสายสี่
เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 55 17:07:16




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com