Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ย้อมใจด้วยไอรัก บทที่ 5/1 ติดต่อทีมงาน

ทั้งที่ตั้งใจว่าจะหาทางปลีกตัวแท้ ๆ แต่สุดท้ายคุณหมอก็เผลอนั่งแช่อยู่กับคนคุยเก่งกระทั่งราตรีกาลผ่านพ้นไปเกือบครึ่งคืนจนได้ ด้วยต่างคนต่างต้องรับผิดชอบรถหรูราคาแพงกันคนละคันจึงหยุดสั่งเครื่องดื่มดีกรีแรงกันตั้งแต่ห้าทุ่มกว่า ๆ นั่งคุยสัพเพเหระพลางดื่มน้ำเปล่ากลั้วคออยู่เป็นนานหวังเจือจางฤทธิ์แอลกอฮอล์


สั่งเช็คบิลไปสักครู่บริกรก็เดินถือแฟ้มใส่บิลเข้ามาหา หมออธิวัฒน์รีบล้วงกระเป๋าเงินหยิบบัตรเครดิตออกมาส่งให้หมายจะเป็นเจ้ามือในคืนนี้


“อเมริกันแชร์ดีกว่าค่ะ” สาวสวยผมแดงออกปากกับหนุ่มนักเรียนอังกฤษ เธอยื่นมือรับแฟ้มจากชายชุดเทามาดู ยัดเครดิตการ์ดสีเงินของตัวเองใส่ในแฟ้มหนังแล้วส่งคืนให้พลางกำชับเรื่องยอดเงินที่จะรูดจากการ์ดสองใบ


“คุณกลัวต้องเลี้ยงผมคืนล่ะสิ” ชายหนุ่มแซวทั้งที่จริง ๆ แล้วเขากลัวเป็นฝ่ายเลี้ยงเธอคืนมากกว่า ก็เล่นดื่มเก่งเสียขนาดนั้น...


“ไม่หรอกค่ะหมอ กินแล้วแชร์กันสบายใจดีออก ฉันเป็นผู้หญิงแต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้ผู้ชายเลี้ยงเหล้านี่คะ ชายหญิงเราเสมอภาค” อเมริกันเกิร์ลยิ้มหวานออกตัว หนุ่มอังกฤษต้องชูนิ้วโป้งให้พลางว่า


“โอเคครับ ผมก็ไม่ชอบเลี้ยงเหล้าผู้หญิงเหมือนกัน คนอื่นจะมองเอาว่ามอมเหล้าผู้หญิง...”


สาวตรงหน้าหรี่ตาพราวดูเจ้าเล่ห์ ถามขัดคอ “ระดับหมอไม่มอมเหล้าแต่วางยา?”


นายแพทย์หัวเราะร่วนขำความคิดซุกซน นี่หากหล่อนเกิดเป็นชายชาตรีอกสามศอกแล้วล่ะก็นิสัยคงเอาเรื่องแถมกะล่อนน่าดู


“ผมไม่ใช่วิสัญญีแพทย์ครับ แต่วิธีนี้ก็น่าสนดี ขอบคุณที่แนะนำ”


คนขี้เล่นมองหนุ่มเนี้ยบจัดหัวเราะแจ่มใสแล้วระบายยิ้ม จริงอยู่ที่เธอเข้ากับคนง่ายแต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะงัดเอาเรื่องโน้นเรื่องนี้ออกมาคุยเป็นวรรคเป็นเวรกับผู้ชายที่เพิ่งเจอหน้ากันแค่เพียงสองครั้ง อาจเพราะหมออธิวัฒน์แปลกประหลาดกว่าผู้ชายคนอื่น ๆ ที่เคยเจอกระมัง ท่าทางฉลาดมาดดีแต่ดันมาตกม้าตายโดนหลอกเสียง่าย ๆ ดูเขาเคร่งเครียดจริงจังสุดโต่งแต่ลึก ๆ ก็บ้าจี้ชะมัด...แหย่อะไรไปมักจะได้ผลเสียด้วยสิ เป็นเหมือนกับคนที่สร้างกรอบแน่นหนาขังตัวเองทั้งที่ใจจริงแล้วอยากจะออกมาโลดโผนนอกกรอบให้ชุ่มปอดอย่างนั้นแหละ ที่สำคัญเขาพึ่งพาได้ ถึงหน้าตาออกจีนแต่ไม่ใช่ผู้ชายแซ่ป้ออย่างที่เธอรำคาญ


ชายชุดเทาคนเดิมเดินกลับมาค้อมตัวยื่นใบเสร็จให้เซ็นชื่อกำกับและคืนบัตรเครดิตให้เจ้าของ นับเป็นสัญญาณยุติการสังสรรค์ในราตรีนี้อย่างเป็นทางการ


เพื่อนใหม่เอ่ยคำล่ำลาสั้น ๆ กันตรงลานจอดรถสลัว อธิวัฒน์รอจนดีไซน์เนอร์สาวร่างระหงขึ้นรถเธอเรียบร้อย เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นแผ่วเบาเล็กซัสสีบรอนซ์เงาเคลื่อนตัวออกสู่ถนนที่มีดวงไฟส่องสว่างยาวเป็นแนว หนุ่มสำอางอมยิ้มอยู่หน้าพวงมาลัย มองบั้นท้ายเพรียวงามของรถคันที่ขับห่างออกไปแล้วพลันเกิดคำถามก้องขึ้นในอก


‘จะได้เจอกันอีกไหมนะ?’


.
.


เที่ยงคืนสิบห้านาทีแล้ว อธิวัฒน์ปิดปากหาวหวอดสมองเริ่มล้า คนเป็นหมอเคยชินกับการอดหลับอดนอนก็จริงแต่การที่ในร่างกายมีแอลกอฮอล์แทรกซึมอยู่แทบทุกอณูทำให้เนื้อตัวเขาอ่อนแรงและเรียกร้องการพักผ่อนนอนหลับอย่างหนักหน่วง กรุงเทพฯ หลังเที่ยงคืนรถราบางตาลงไปมาก จากย่านนี้ขับกลับบ้านศิระชลัทธรแบบเร่งทำเวลาหน่อยก็สักราว ๆ ห้าสิบนาที ชายหนุ่มยกมือลูบหน้าแรง ๆ กระตุ้นสติที่คอยจะเลื่อนไหลไปหาเตียงนอนปูผ้าลินินนุ่มลื่นในห้องแอร์เย็นฉ่ำ


รถยุโรปคันหรูแล่นผ่านสี่แยกไปอย่างสบาย ๆ เพราะจับจังหวะช่วงสัญญาณไฟเขียวสว่างวาบขึ้นพอดี เครื่องมือสื่อสารในกระเป๋าเสื้อสูทสั่นครืดพร้อมส่งเสียงเรียกเข้า อธิวัฒน์ชะลอความเร็วรถ มือข้างซ้ายล้วงมือถือสีขาวออกมา ครั้นเหลือบดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอแล้วต้องประหลาดใจ... ชื่อของสาวสวยคนที่เพิ่งจะแยกกับเขาได้ไม่ถึงยี่สิบนาที


เขากดรับสาย ยกมือถือขึ้นแนบหูขณะมืออีกข้างบังคับพวงมาลัย สองตาพยายามจดจ่ออยู่ที่ถนนสลัวด้านหน้าซึ่งดวงไฟท้ายรถแต่ละคันแดงวาบเรียงอยู่ในระยะกระชั้น ไม่แน่ข้างหน้าอาจมีอุบัติเหตุหรือว่าเกิดอะไรขึ้นสักอย่าง...


“หมอคะ...” คนปลายสายเสียงแหบเครือเหมือนจะร้องไห้ ซ้ำยังมีเสียงโกลาหลอลหม่านของผู้คนและรถราแทรกจนแทบจะกลบเสียงละล่ำละลักของเธอไปหมด อธิวัฒน์เงี่ยหูฟังอยู่หลายวินาทีกว่าจะได้ยินคำร้องขอ

“หมอ ช่วยฉันด้วย...”


“ณิตา! เกิดอะไรขึ้น! คุณบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า? ยังโอเคอยู่มั้ย?” ความง่วงงุนเหือดหายในบัดดล ความตื่นตระหนกเข้ามาแทนที่ เขาถามรัวเสียงหลง นึกถึงดวงหน้าที่ประดับด้วยดวงตาคู่งามเปล่งประกายสุกใสแล้วห่วงขึ้นมาสุดใจ


“ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนค่ะ แต่..แต่ว่า... ตอนนี้ฉัน...ฉันติดอยู่ที่ด่าน...”


“คุณว่าอะไรนะครับ! คุณติดอะไรนะ?” โล่งใจได้เปลาะหนึ่งว่าปณิตายังอยู่รอดปลอดภัยดีแต่หูเจ้ากรรมดันมาอื้อเพราะแอลกอฮอล์แผลงฤทธิ์ฟังเสียงอ่อยของหล่อนไม่ทันจบประโยคในแก้วหูก็มีแต่เสียงวิ้ง ๆ อึงไปหมด อีกทั้งยังหงุดหงิดกับรถกระบะบุโรทั่งคันหน้าที่เคลื่อนตัวเชื่องช้าตะกุกตะกัก ประเดี๋ยวขยับประเดี๋ยวก็หยุดกึกซ้ำยังปล่อยควันดำออกมาโขมง ดูจากสภาพโกโรโกโสภายนอกของมันแล้วอธิวัฒน์ไม่แน่ใจเลยว่าตัวเครื่องข้างในจะมีม้าแรงดีเหลืออยู่กี่ตัว แต่ที่แน่ ๆ ตัวรถสนิมเขรอะออกอย่างนั้นขืนไปเฉี่ยวชนใครเข้า มีหวังคนถูกชนได้ตายเพราะทนพิษบาดทะยักไม่ไหว...


“ฉันติดอยู่ที่ด่านค่ะ... กลับบ้านไม่ได้ หมอมารับฉันหน่อย...ได้ไหมคะ?” เสียงอู้อี้ดังกระท่อนกระแท่นมาจากลำโพงมือถือ


“ด่านอะไรที่ไหนครับ? ฮัลโหล? คุณณิตา...” คนหูอื้อถามซ้ำร้อนรนใจ ทั้งการบังคับรถขณะมึนเมาก็ไม่ใช่เรื่องหมู ๆ เลย จู่ ๆ รอยยิ้มเหี่ยวเฉาของลุงฉลาดสารถีประจำตัวที่ช่วงนี้เขาไม่ได้เรียกใช้ก็ผุดขึ้นในหัว


“หมอคะ ตอนนี้ฉันอยู่ที่...”


ชายหนุ่มตั้งใจฟังเต็มที่พร้อมกับออกรถไปตามจังหวะการเลื่อนไหลของคันหน้า ๆ  แต่แล้วกระบะสีสนิมทะเบียนกาฬสินธุ์กลับเปลี่ยนใจชะลอความเร็วกะทันหัน อธิวัฒน์สบถลั่นพร้อมกับกระทืบเบรกเต็มแรง


เสียงเหล็กชนเหล็กดังโครม! แรงกระแทกที่เกิดขึ้นทำให้หมอหนุ่มหูลั่นเปรี๊ยะหายอื้อในบัดดล เขากะพริบตาถี่ประมวลเหตุการณ์กับภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นระยะเผาขน แรงปะทะไม่รุนแรงขนาดทำให้ถุงลมนิรภัยทำงาน บุญรักษาที่ร่างกายเขาไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน แต่ BMW ลูกรักของเขานี่สิ!


“นั่นเสียงอะไรคะหมอ?!” คนปลายสายตกอกตกใจ ร้องถามเสียงสั่น ตอนนี้หมอหนุ่มได้ยินเธอชัดแจ๋ว


“ไม่...ไม่มีอะไรครับ คุณณิตาพอจะอยู่ตรงนั้นได้อีกสักเดี๋ยวไหมครับ...เปลี่ยวรึเปล่ามีคนอยู่ด้วยมั้ย?”


“ค่ะ...ก็พออยู่ได้ค่ะ คุณตำรวจหัวปิงปองอยู่เป็นเพื่อนเพียบเลย...”


“งั้นผมขอเวลานอกแป๊บนึง แล้วจะรีบโทรกลับนะครับ” อธิวัฒน์กดวางสายทั้งที่ใจยังห่วงเพื่อนสาวคนสวย เขาต้องรีบจัดการเรื่องฉุกละหุกเฉพาะหน้านี่ก่อน ไม่เช่นนั้นคืนนี้คงขยับไปไหนไม่ได้เป็นแน่


คู่กรณีเป็นชายหนุ่มร่างผอมสูงก้าวโซเซออกมาจากกระบะตอนเดียว กระแทกประตูปิดอย่างใส่อารมณ์ เขาเดินดุ่มมาหยุดที่บั้นท้ายเบอะบะอันบุบบี้สนิมร่วงกราวแล้วยกมือกุมขมับแข้งขาอ่อนไปชั่วครู่


“นี่ขับรถเป็นรึเปล่าฮะเนี่ย!!” ชายหนุ่มร่างผอมถามกร้าว สำเนียงเหน่อบอกถิ่นฐานว่าเป็นคนแถบจังหวัดพื้นที่ราบสูง เขาสืบเท้าเข้าหาเจ้าของรถยุโรปคันหรูซึ่งกำลังงุ่นง่านอยู่กับกระจังหน้ารถที่มีร่องรอยถลอกปอกเปิกดูไม่จืดแล้วเปิดศึกด้วยน้ำเสียงและท่าทีจาบจ้วง


“ลุงคิดว่ารถลุงใหม่แล้วจะเที่ยวมาเสยท้ายใครก็ได้ตามใจชอบรึไง!! บ้านเมืองมีขื่อมีแปนะลู้ง!!”


ชายวัยสามสิบสองยังแจ๋วขบกรามกรอด ทั้งที่พยายามระงับสติอารมณ์ขึ้งโกรธหวงของใหม่ด้วยรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด สุดท้ายเส้นความอดทนก็มาขาดผึง เลือดร้อนฉีดพล่านขึ้นหน้า เกร็งหมัดแน่น...ลูกรักใฝ่ต่ำไปจูบก้นกระบะไม่มีสกุลรุนชาติมันยังไม่น่าเจ็บแค้นใจเท่าไอ้หนุ่มหน้าแหลมเหมือนหนูตะเภานี่ชี้หน้าแล้วเรียกเขาว่าลุง! หยาบคายสิ้นดี! ยอมไม่ได้...


“คุณขับรถฉึก ๆ ฉัก ๆ เดี๋ยววิ่งเดี๋ยวหยุดทำไม! คิดว่าผมอยากชนท้ายรถเก่า ๆ ให้สนิมเกาะรถผมนักเหรอ!” อธิวัฒน์กระแทกเสียงขุ่นใส่คนแต่งตัวปอน ๆ เสื้อยืดสีดำกางเกงยีนส์ขาเดฟเอวต่ำรัดด้วยเข็มขัดหนังตอกหมุดเงิน ท่าทางกร่างเหมือนนักเลงภูธร


“ฉึกฉักอะไรครับ! กระบะนะลุงไม่ใช่รถไฟจะได้ฉึกฉัก!” ไอ้หนุ่มหน้าแหลมผมยาวรวบเป็นหางม้ายียวนกลับ โหนกแก้มที่แดง ตาก่ำลอย และกลิ่นแอลกอฮอล์โชยฉึ่งออกมาจากปากบ่งบอกถึงระดับแอลกอฮอล์ในเลือดได้ดี

“ก็รถคันหน้ามันหยุดผมก็ต้องหยุดสิลุง! ไม่เหมือนลุงหรอกขับรถไม่ดูตาหมาตาแมว! รถผมถึงจะเก่าแต่มันก็มีหัวใจนะ ไปมาทั่วสารทิศร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ประวัติเฉี่ยวชนสักหนก็ไม่เคยมี ประคองตัวบริสุทธิ์ผุดผ่องมายี่สิบกว่าปีจนมาโดนลุงเปิดsingเนี่ยแหละ! ลุงทำได้ยังไงฮะ? แล้วนี่ผมจะเอาหน้าไปไว้ไหนถ้าคนอื่นรู้เรื่องเข้า พ่อแม่ผม  เพื่อนผม ไหนจะคนทั้งหมู่บ้าน ทั้งตำบล ทั้งจังหวัด...ลุงทำให้ประวัติผมต้องป่นปี้ด่างพร้อย!”


ผู้คนสัญจรไปมาเริ่มมองเลิกลั่ก ซุบซิบนินทากันด้วยไม่แน่ใจว่าเกิดคดีเฉี่ยวชนหรือว่ากระทำชำเราขึ้นกันแน่ อธิวัฒน์แทบอยากจะแปลงร่างเป็นขอมดำดินหนีหายไปเสียจากตรงนี้ ขับรถหรูเสียเปล่าแต่ดันเซ่อซ่าชนรถกระบะซอมซ่อแค่นี้ก็น่าอับอายขายหน้าพอดูอยู่แล้ว ไอ้คู่กรณีหน้าหนูยังจะมาพูดจากำกวมชวนสงสัยเสียงดังลั่นสองฟากถนนอีก!


“ผมมีเวลาไม่มาก! บอกมาเลยจะเอาเท่าไร ค่ายกเครื่องตบตูดทำสาวไอ้กระบะซอมบี้คันนี้เนี่ย!!” อธิวัฒน์ถามเกือบตะคอก ชี้นิ้วไปที่รถตัวปัญหาด้วยสีหน้ารังเกียจเหลือทน เขาอยากจบปัญหาหยุมหยิมกวนใจนี้ให้เร็วที่สุด


“กะอีแค่คำขอโทษสั้น ๆ น่ะลุง พวกคนรวยเขาพูดกันไม่เป็นรึไง? หรือเป็นคำต้องห้าม...” แววตาแข็งกร้าวของชายหนุ่มส่อว่าไม่ชอบใจอาการที่เจ้าของรถซีดานหรูแสดงออกมาเลย


“ว่ามาคุณต้องการสักเท่าไร จะได้จบ ๆ เลิกแล้วต่อกันเสียที คุณเองก็ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนนี่ เดี๋ยวผมยังต้องรีบไปรับเพื่อนอีก นี่ก็จะตีหนึ่งแล้วนะคุณ...พรุ่งนี้ผมต้องทำงานแต่เช้า เอาล่ะ สามหมื่นพอมั้ย?”


“ลุงอ้างโน่นอ้างนี่ เอาเงินมาล่อ สรุปก็คือ...จะไม่ยอมขอโทษกันดี ๆ สินะ”


“งั้นสามหมื่นห้าอ่ะ...” คนมีธุระเร่งร้อนขยับจำนวนเงินเพิ่มให้ พลางนึกเย้ยหยันในใจว่ารถเก่าสนิมเขรอะอย่างนั้นมีบุญได้ BMW ราคาหลายล้านเปิดบริสุทธิ์ให้ก็นับว่าเป็นเกียรติแก่บั้นท้ายเท่าไรแล้ว!


“รวยนักเก็บตังไว้ให้ปลวกแทะเล่นเหอะลุง! เบื่อจริงไอ้คนทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดเนี่ย! แก่ซะเปล่าแต่ไม่มีสำนึก! ไม่มีขอโทษ! ไม่มียางอาย! ทำทรัพย์สินคนอื่นเสียหายก็ไม่มีสลด!” แม้นจะเมามายยืนยังไม่ค่อยมั่นแต่เจ้าของกระบะซอมบี้สรรหาคำด่าทอได้เป็นชุด


“เออ! ก็ได้! ขอโทษ ๆ ๆ ๆ ขอ-โทษ! ไง...พอใจรึยัง!” อธิวัฒน์กระแทกคำขอโทษใส่หน้าแหลม ๆ ของคู่กรณีเสียจนสาแก่ใจ ขณะอีกฝ่ายส่ายหัวด่อกแด่ก เบ้ปาก


“แหม่ลุงนี่...สะตอเรียกพ่อเลยว่ะ ขอโทษได้จริงใจโคด ๆ ซาบซึ้งน้ำตาแทบเล็ด...”


อธิวัฒน์ครางฮึ่มยั๊วะขึ้นมาติดหมัด เสนอเงินให้ก็แล้ว ขอโทษรัว ๆ ไปก็แล้ว เจ้าหน้ายาวยังไม่มีทีท่าจะพอใจสักที คนระดับผู้บริหารอย่างเขาผ่านประสบการณ์การถูกยั่วยุมามากมายหลากหลายรูปแบบ แต่ครั้งนี้เห็นท่าว่าจะสงบใจไว้ไม่อยู่...จะให้ขีดความอดทนอดกลั้นของเขามีเหลือเฟือได้อย่างไรกัน ในเมื่อเขาทั้งมึนเพราะเหล้า ทั้งโมโหที่รถสุดรักขับยังไม่ทันเบื่อต้องมีรอยบุบบี้น่าเกลียด ซ้ำคู่กรณีก็เก่งเรื่องจุดชนวนโทสะเหลือเกิน ไหนจะยังกังวลเรื่องปณิตาที่ติดอยู่ที่ด่านอะไรสักอย่างนั่นอีก ทุกอย่างดูจะกลุ้มรุมเข้าหาเขาในเวลาเดียวกันราวกับว่าถึงคราวความซวยเบ่งบานและสุกงอมได้ที่


ไม่สักหน่อย...มันยังไม่สุกหง่อมงอมพระรามเท่าไรนักหรอก ตราบใดที่ยังไม่มีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เข้ามาร่วมวงด้วย หมอหนุ่มคาดคำนวณในใจพลางหวาดเสียว กฎหมายว่า ‘โทรไม่ขับ เมาไม่ขับ’ แต่นี่เขาทั้งโทร ทั้งเมา ทั้งขับ แถมยังไปชนท้ายรถคนอื่นอีกต่างหาก


“คุณครับ...” หมอเอ็กซ์ปรับเสียงอ่อนลง พยายามหาทางสงบศึกโดยเร็ว เหลือบมองหน้าคู่กรณีซึ่งแดงจัดประจานว่าเมาไม่ใช่เล่น ถ้าหากตำรวจมาล่ะก็หมอนี่จะต้องโดนจับข้อหาเมาแล้วขับไปด้วยแน่ ฉะนั้นใช้ประเด็นนี้เจรจาน่าจะได้ผล

“ถือเสียว่าผมขอร้องคุณแล้วกันนะ กรุณารับเงินค่าซ่อมรถแล้วก็คำขอโทษของผมด้วย ก่อนที่ตำ...”


กล่อมไม่ทันจบแสงไฟก็สว่างวาบเป็นลำจนต้องยกมือป้องตา พร้อมกับเสียงคนตบเท้าเข้ามาใกล้...


“คุณครับ มีอะไรกันครับ”


อธิวัฒน์กลืนน้ำลายฝืดคอ...น้ำเสียงทุ้มเคร่งดังมาจากกลุ่มชายฉกรรจ์สามคนความสูงตามมาตรฐานชายไทย สวมชุดสีกากีฟิตเปรี๊ยะทับด้วยกั๊กสีส้มขาวสะท้อนแสงที่สกรีนตัวย่อ ‘บก.จร.’ อาวุธอุปกรณ์พร้อมสรรพทั้งปืนพก กุญแจมือ ไฟฉาย และแท่งไฟคล้ายดาบเจได


เหตุเกิดหมาด ๆ ไม่น่าจะเกินสิบนาทีแต่ตำรวจโผล่มาจากไหนไวจริง! คนเมาทั้งคู่ทั้งทึ่งและอึ้งจนอ้าปากค้างกับความรวดเร็วทันเหตุการณ์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย


หากทั้งคู่จะตาดี มองไกลไปได้อีกสักสี่ร้อยเมตรจนถึงสี่แยกด้านหน้าล่ะก็ จะเห็นว่าทางซ้ายมือของถนนมีกรวยจราจรเรียงเป็นแนว ป้ายไฟหยุดตรวจสว่างโร่ตั้งเด่นหรา ตำรวจจราจรทั้งหญิงและชายนับสิบนายปฏิบัติหน้าที่ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์กับผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะขณะมึนเมาอย่างขันแข็ง


“พวกคุณนับว่ายังโชคดีที่ไม่บาดเจ็บอะไรกัน แค่รถเสียหายนิด ๆ หน่อย ๆ ซ่อมได้มีอะไหล่เปลี่ยน แต่เมื่อคืนสิครับคนเมาเหล้าขับรถชนกัน ตายคาที่หนึ่ง อาการร่อแร่อยู่ไอซียูอีกสาม...” ตำรวจเสียงเคร่งนายเดิมบอกขณะสาวเท้าเร็ว ๆ นำเจ้าของรถ BMW และรถกระบะเข้าไปที่ด่านตรวจแอลกอฮอล์ซึ่งมีคนเมาแล้วขับออพลุกพล่าน บ้างหมดแรงนั่งแหมะอยู่กับไหล่ถนน บ้างก็โทรศัพท์หาเส้นสายให้วุ่น ชายคนหนึ่งเอะอะโวยวายด่าทอผู้พิทักษ์สันติราษฎร์สาดเสียเทเสียทั้ง ๆ ที่ตนทำผิดกฎหมาย


อธิวัฒน์และคู่กรณีที่เขาไม่สนใจว่าจะชื่อเรียงเสียงใดหันสบตาละห้อยกันโดยมิได้นัดหมาย พอต่างฝ่ายต่างรู้สึกตัวก็สะบัดหน้าพรืดใส่กันอย่างไว้เชิง ตั้งแต่เห็นคนในเครื่องแบบเจ้าหนุ่มหน้าแหลมฝีปากกล้าก็ดูจะสงบเสงี่ยมเจียมคำเหลือเกิน ว่าง่าย ไม่เรื่องมากเหมือนเมื่อสิบนาทีก่อนสักนิดเชียว ตำรวจสั่งให้เป่าลมใส่เครื่องตรวจก็รีบปฏิบัติทันทีไม่มีลังเล ต่างจากหมอหนุ่มที่ยังอึกอักยื้อเวลาจนกระทั่งมีตำรวจนายหนึ่งเดินผ่านมาและหยุดยืนจ้องหน้าเขาด้วยแววตาสงสัย


“คุณนี่...หน้าคุ้น ๆ นะครับ เหมือนเคยเห็นที่ไหน” ตำรวจพุงพลุ้ยออกปากเสียงดัง ตำรวจจราจรหญิงจากกองร้อยน้ำหวานที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ จึงหันมองชายหนุ่มชุดสูทอย่างพินิจพิจารณาไปด้วย


นายตำรวจเสียงเคร่งที่ยืนถือเครื่องตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์สีเทาในมือหันไปตอบเพื่อนร่วมงานด้วยข้อมูลที่ได้จากใบขับขี่ที่ยึดมา

“นามสกุล ‘ศิระชลัทธร’ น่ะ เหมือนจะเป็นตระกูลโรงพยาบาลอะไรสักอย่าง”


“อธิรเวชครับ...” ท่านรองฝ่ายบริหารตอบเสียงแผ่วด้วยละอาย ขณะที่ห่างออกไปหน่อยชายจอมโวยวายคนเดิมยังวางท่ากร่าง ตะโกนกร้าวประกาศเถือกเถาเหล่ากอใหญ่โตคับประเทศหวังข่มขู่ผู้รักษากฎหมายทั้งที่จริง ๆ แล้วเหมือนกับเป็นการประจานวงศ์ตระกูลตนเองเสียมากกว่า


“อ๋อ นึกออกแล้วค่ะดาบสาทร ดาบประยูร...คุณหมอเอ็กซ์ อธิวัฒน์ ศิระชลัทธร โรงพยาบาลอธิรเวชไงคะ” คนในเครื่องแบบหน้าหวานเอ่ยกับตำรวจรุ่นพี่ทั้งสองก่อนหันมาทักทายผู้ที่ตนนิยมชมชอบด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม

“ดิฉันติดตามผลงานคุณหมออยู่นะคะ เป็นสมาชิกชมรมคนรักหมอด้วยล่ะค่ะ!”


คุณหมอคนดังฝืนยิ้ม ไม่รู้จะว่าอย่างไรดีในสถานการณ์เช่นนี้ที่ผลงานชิ้นล่าสุดคือการเมาแล้วขับรถชนท้ายรถกระบะเสียบุบบี้ เขาจึงได้แต่เอ่ยขอบคุณในมิตรไมตรีของตำรวจสาวเบา ๆ


จู่ ๆ พลเมืองดีหน้ายาวที่ยืนกุมเป้าเป่าแอลกอฮอล์อย่างสงบเสงี่ยมอยู่ใกล้กันนั้นก็แผดเสียงดังลั่น


“ขอโทษเถอะนะครับคุณตำรวจ! ผมไม่สนหรอกว่าไอ้ลุงผีดิบนั่นจะเป็นใครใหญ่คับฟ้ามาจากไหน แต่ถ้าคืนนี้ผมโดนจับแต่ลุงนั่นมันไม่โดนด้วยล่ะก็! พลเมืองชั้นสองอย่างผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแน่ รับรองว่าถึงศาล! ผมจะไล่ฟ้องให้หมด...ทั้งศาลยุติธรรม ศาลฎีกา ศาลเพียงตา ศาลหลักเมือง! คอยดูกันสิ!”


เกิดห้วงความเงียบปกคลุมด่านชั่วขณะ ทุกคนหันมามองชายหนุ่มตัวโย่งผมยาวกันเป็นตาเดียว กระทั่งลูกนักการเมืองสุดกร่างยังอ้าปากค้างหันมองอย่างตะลึงงันในลูกบ้าปนปัญญาอ่อนของชายสำเนียงเหน่อ


“ถ้าจะให้ดีนะไอ้หน้าหนู...ฉันว่าแกกลับไปจุดธูปถวายหัวหมูฟ้องศาลพระภูมิเจ้าที่ที่บ้านแกก่อนเหอะ!” ลุงผีดิบแสยะยิ้มน่ากลัวสมฉายา เอ่ยกับคู่กรณีด้วยน้ำเสียงเคียดแค้นเต็มกลั้น


ตำรวจตัวอ้วนพุงกลมซึ่งหายจากอาการอึ้งป้องปากซุบซิบกับแฟนคลับคุณหมอที่ยืนอยู่ข้าง ๆ


“ผมล่ะลุ้น ‘ศาลไคฟง’ แทบแย่แน่ะจ่าก้อย...นี่ดาบสาทรไปจับคนเมารึคนบ้ามากันแน่นะเนี่ย”


“ใครเมาใครบ้าก้อยไม่รู้ล่ะ ตอนนี้ก้อยกำลังช็อกกับ ‘ศาลพระภูมิเจ้าที่’ อยู่...ไม่อยากเชื่อเลยว่าไอดอลของก้อยก็จะเป็นไปกับเขาได้! โธ่ เคยเห็นเฉียบ ๆ เนี้ยบ ๆ กันอยู่หลัด ๆ” จ่าสิบตำรวจหญิงกระซิบตอบสีหน้าตื่นมึนงงก่อนจะแยกย้ายกับนายตำรวจรุ่นพี่ไปปฏิบัติหน้าที่ด้านอื่นต่อ


ด้านพลเมืองชั้นสองเครื่องร้อนแล้วไม่มีทางยอมให้ลุงผีดิบตอกหน้าฝ่ายเดียวหรอก เขาชี้นิ้วใส่เครื่องมือสีเทาอันที่อยู่ในมือดาบตำรวจสาทรพลางเร่งยิก

“ยังมีหน้ามาตลกอีกลุง! เป่าซะทีสิ เป่า! อย่ามายืดยาด!”


หมอหนุ่มจิกตาเขียวปั้ดใส่นักเลงภูธร ก่อนอ้าปากอมหลอดเป่าสีขาวที่ยื่นออกมาจากเครื่องตรวจแล้วเป่าลมใส่ ในใจพอจะมีหวังรอดอยู่บ้างรำไรเพราะเขานั่งจิบน้ำเปล่าก่อนออกจากบาร์อยู่ตั้งเกือบชั่วโมง


ตัวเลขดิจิตอลหน้าจอจาก 0 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วใกล้จะแตะเลข 50 อยู่ในอีกไม่ช้า...วินาทีนี้อธิวัฒน์ได้สัมผัสประสบการณ์ ‘ลุ้นจนตัวโก่ง’ แบบเข้าถึงแก่นแท้เลยทีเดียว

.
.

(: ติดตามต่อตอนหน้าค่ะ :)

จากคุณ : ปลากินเมฆ
เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 55 21:34:12




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com