Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หนึ่งความฝัน พันราตรี ลำนำ-อารัมภ์ + ลำนำที่ ๑ / บทที่ ๑ ติดต่อทีมงาน

        2 สัปดาห์ก่อน...ได้ไปแจ้งไว้ในกระทู้เก่า ( http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11600860/W11600860.html  ) ว่าจะของดอัพเรื่องนี้ 2 สัปดาห์ และมาโพสในวันนี้ แต่อาจมีบางท่านไม่เห็น ก็ขออภัยท่านที่ทำให้รอเก้อด้วยนะคะ 


         แต่อย่างไรก็ตาม มีเรื่องต้องแจ้งค่ะ ซึ่งหลายท่านเองก็คงพอเดาได้จากชื่อตอนที่ระบุึแล้ว ว่า .....

          ขอประกาศแก้ไขหรือ "รีไรท์" เรื่อง "หนึ่งความฝัน พันราตรี" มา ณ ที่นี้ค่ะ คนเขียนขออภัยท่านที่ตามอ่านทุกท่าน และท่านที่เคยติดตามทุกท่านด้วยนะคะ

          ความจริง...ในตอนที่หยุดโพสไป ก็ขอสารภาพค่ะ ว่าได้ตัดสินใจจะรีไรท์เรื่องนี้แล้ว เพียงแต่คิดว่าการปรับนั้นคงพอจะต่อกับเรื่องเดิมได้ จึงเพียงขอหยุดไปจัดการตอนแรกถึงตอนที่ 3 เป็นเวลาสองสัปดาห์แทน ดังได้ประกาศไป

          หากไปๆมาๆ...ก็ต้องยอมรับความจริงค่ะ ว่าที่เขียนไปมัน "ไม่ใช่" ยังรู้สึกทำได้ไม่เต็มที่ ทำได้ไม่เพียงพอ ยังถ่ายทอดให้คนอ่านได้ไม่ถึงครึ่งของที่คิดไว้ด้วยซ้ำ เลยตัดสินใจลองเขียนสิ่งที่ปรากฏออกมาใหม่หมด 

          ผลที่ออกมา....คือตอนที่รีไรท์ใหม่นั่นเองค่ะ ถามว่าดีที่สุดไหม คนเขียนก็ต้องตอบอย่างละอายว่ายัง...ยังเลยค่ะ คนเขียนฝีมือยังไม่ดีพอเลย ขออภัยคนอ่านทุกๆท่านที่ติดตามด้วยนะคะ

          แต่อย่างน้อย ในการรีไรท์ครั้งนี้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรดีๆเลยค่ะ เพราะอย่างน้อย...ตัวผู้เขียนเองก็ได้ "ความสนุก" ในการเขียนคืนมามากๆเลยค่ะ ผิดกับฉบับก่อน ที่ยังไม่อยู่ตัวนัก และยอมรับว่ากังวลไปหน่อย

          ก็ได้แต่หวังว่าท่านผู้อ่านเอง จะสัมผัสความสนุกได้นะคะ หากเป็นเช่นนั้นจริง คนเขียนก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งแล้วค่ะ !






หนึ่งความฝัน พันราตรี

 

ลำนำ-อารัมภ์

 

ม้าดำกำยำตะกุยเท้า ยามเมื่อบังเหียนถูกกระตุกเป็นสัญญาณให้มันยั้งฝีเท้า ฝ่ามือได้รูปลูบแผงคอแผ่วแฝงอาการปลอบประโลม ขณะดวงตาทอดแลลงไปเบื้องล่าง

 

สีขาวกำลังจะย้อมทุกสิ่ง

 

ลมหนาวบอกให้รู้ ว่าอีกไม่ช้า หิมะก็จะตกลงมาแล้ว

 

ทิวทัศน์สีขาวนั้นเป็นสิ่งชินตา เพราะแคว้นปิงอยู่ทางตอนเหนือใกล้เขตเทือกเขาหิมะ อากาศพลอยหนาวเย็น มีหิมะตกมากเป็นประจำทุกปี ถึงตอนนั้นไม่ต้องพูดถึงแม่น้ำลำธารที่กลายเป็นน้ำแข็ง หากแม้กระทั่งต้นไม้ก็ยังมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะพราวขาวโพลนไปด้วย

 

แต่ปีนี้...หิมะมาเร็วและคงตกมากกว่าปกติ

 

มุมปากเรียวเผยอยิ้มหยัน ยามทบทวนคำพูดในความคิด เพราะที่ควรถูกกล่าวออกไปเห็นจะเป็น ไม่มีสิ่งใดเป็นปกติอีกแล้วต่างหาก !

 

ฝ่ามือที่แตะแผงคอเลื่อนตก ขยับจับบังเหียนอีกครั้ง ก่อนกระตุกเท้ากระตุ้นบังเหียนให้อาชาใหญ่โผนตัวขึ้นโดยแรงพร้อมเสียงคำรามกึกก้อง

 

ก่อนโลดแล่นกระโจนลงสู่เบื้องล่าง

 

เมืองหลวงของแคว้นปิง !

 

<>:<>:<>:<>:<>

 

หญิงสาวร้องกรี๊ดสุดเสียง เมื่อทรวงอกเจ็บแปลบราวถูกจ้วงแทง ก่อนสะดุ้งเฮือกสุดตัว

 

สิ่งแรกที่หล่อนทำคือยกมือขึ้นลูบคลำ...ให้แน่ใจว่าไม่มีสัมผัสของหยาดเลือด ไม่มีร่องรอยของมีคม ไม่มีเค้าลางของบาดแผลใดๆบนร่างทั้งสิ้น จึงค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก

 

และตอนนั้นเอง ที่เธอพบความผิดปกติ

 

มันเป็นเรื่องที่เธอไม่แน่ใจในทีแรก แต่เมื่อจับไปจับมา ก็ค่อยๆพบความแปลกนั่น...จนต้องลงมือบีบกันให้เห็นชัดๆ

 

นี่มัน ..... ?

 

“คุณหนู !”

 

เสียงเรียกด้วยภาษาแปลกประหลาดไม่คุ้นหู แต่กลับฟังเข้าใจอย่างชวนให้กังขากังวานขึ้นให้หันไปมอง

 

วินาทีนั้นเอง ที่การรับรู้ด้วยสายตาของหล่อนเริ่มทำงานเต็มกำลัง

 

มันทำให้เธอตระหนักได้ถึงที่นอนที่ไม่ได้ติดสปริง ไม่มีผ้าปูลายดอกไม้สีชมพู แต่มีหมอนอันยาวไว้หนุนอย่างที่ไม่เคยคุ้นตา กับผ้าห่มหนาหนัก

 

ทำให้เธอกวาดตามองห้องที่มีรูปแบบตกแต่งด้วยของแอนทีคแบบตะวันออก ค่อนไปทางสไตล์จีนที่ราคาน่าจะมหาศาล เพราะแม้หญิงสาวจะไม่ได้ชำนาญในการดูเครื่องตกแต่งแบบนี้นัก แต่แค่มันทำจากไม้แท้ ลวดลาย...ก็พอที่จะสร้างรัศมีความมีราคาจับมันได้แล้ว

 

มือบางเอื้อมขึ้นแตะผ้าม่านบางเบาสีอ่อนแต่งดงามที่ถูกผูกข้างเตียง ขณะหัวสมองแล่นเร็วจี๋ ...ว่านี่ยังไม่รวมรูปแบบการจัดวางที่น่าเอาไปทำพิพิธภัณฑ์ หรือจัดแสดงได้สบายอีก

 

มันเป็นสถานที่ที่เธอไม่มีความทรงจำติดอยู่แม้แต่น้อย....ว่าเคยเห็น เคยพบ หรือมาเกี่ยวพันกับมันได้อย่างไร !

 

มือที่เคยแตะผ้าม่านปล่อยเนื้อผ้าบาง เปลี่ยนมาจับศีรษะของตนแทน ปลายนิ้วสอดแทรกผ่านเรือนผมที่น่าจะยังยุ่งเหยิงและสัมผัสขมับที่กำลังเต้นตุบๆเป็นจังหวะได้จนเจ้าของสยองในใจ

 

นี่เกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน... รายการตลก  ? เกมกลั่นแกล้งแบบใหม่ของใครสักคน ? หรืออุบัติเหตุอันคาดไม่ถึง ?

 

ทว่า ท่ามกลางคำถามนั้น อย่างน้อยหญิงสาวก็ยังใจชื้นอยู่อย่าง ว่าความทรงจำของเธอยังอยู่ครบถ้วนไม่มีตกหายไปไหน เว้นก็แค่เรื่องที่ว่าทำไมหล่อนมาอยู่ในที่แบบนี้ ทุกอย่างยังคงชัดแจ้ง

 

ดังนั้น มันคงไม่ยากนัก ที่หล่อนจะติดต่อหาคนที่บ้านวายุกูล และสอบถามคนแถวนี้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหล่อน...

 

 “คุณหนูเจ้าคะ”

 

“อวี้ซู่ !!!”

 

ภาษาไม่คุ้นหูแต่ฟังเข้าใจได้กังวานใกล้ๆอีกครั้ง หากหนนี้มีเพิ่มเป็นสองเสียง

 

และน่าแปลก ที่หญิงสาวอดหันไปตามเสียงเพรียกนั่นไม่ได้... แม้นั่นจะไม่ใช่ชื่อหล่อนก็ตาม

 

บานประตูไม้ถูกผลักเปิดออกมาภายใน ซึ่งความจริงมันอาจจะเปิดมาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ แต่หล่อนเองนั่นแหละที่ไม่ทันสังเกต เพียงมองผ่านไปเห็นแค่รูปแบบการตกแต่งเท่านั้น

 

หากมาบัดนี้ หญิงสาวกลับไม่อาจถอนสายตาจากกรอบช่องว่างของบานประตู เหมือนที่เคยทำเมื่อกวาดตามองครั้งแรกได้

 

หล่อนได้แต่จ้องไปยังผู้ที่ถือวิสาสะก้าวเข้ามาอย่างเงียบๆ

 

เสียงฝีเท้ากระทบพื้นอิฐหนักหน่วง คล้ายคนก้าวเจตนาลงน้ำหนักให้เสียงนั้นกังวานขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน และเรียกความสนใจของผู้ที่อยู่ในห้อง ...ซึ่งมันก็ได้ผลเป็นอย่างดี เมื่อหญิงสาวกะพริบตาปริบแล้วกวาดตาไล่ตั้งแต่รองเท้าบู้ทผ้าหุ้มข้อ ขึ้นมาจนกระทั่งชายอาภรณ์สีฟ้าอ่อนของร่างที่ก้าวเข้ามา

 

ชายผ้านั้นปลิวไสว แต่ก็ไม่ได้บดบังความกำยำของเรือนร่าง ตรงข้ามเสียอีก  เพราะเจ้าชุดเสื้อคลุมตัวยาวสีฟ้าครามคล้ายคลื่นน้ำนั้นตัดเย็บได้เหมาะเจาะกับร่างสูงของเขา และขับเน้นผิวขาวจัดให้ดูสว่าง ปราศจากความซีดเซียว

 

สายตาของหญิงสาวเลาะไล่ผ่านแผงอกกว้าง ที่สาบเสื้อปิดเร้นซ้อนทับกันเกือบสนิทแต่มีการเล่นลวดลายเฉดสีขาวอมฟ้าจางๆ ซึ่งล้วนบ่งบอกความละเอียดอ่อนในงานฝีมือ และคงไม่มีวันเป็นงานแมทซ์โปรดักส์ หรือสินค้าตลาดย่านโบ๊เบ๊เป็นแน่

 

ตะกอนความกังขาบางอย่างผุดพรายขึ้นในใจคนมอง แต่หญิงสาวก็ยังเลือกจะเลื่อนสายตาขึ้นไป ผ่านปกเสื้อที่หุ้มลำคอแลเห็นแต่เงาตะคุ่มของสายสร้อยที่ซุกซ่อน ก่อนจะหยุดนิ่งในที่สุด

 

ที่สีฟ้าแสบตาที่ปรากฏให้เห็นชั่ววูบ ก่อนจางหายไปในสีดำสนิทของดวงตาคมกริบราวพญาเหยี่ยวดุดัน

 

กรอบดวงตารียาวดุดัน ตัดกับวงหน้าขาวจัดนั้นเหมือนจะทำให้เครื่องหน้าอื่นๆของเขาดูคมเข้มทั้งหมด...ทั้งปากบางที่เม้มสนิทเกือบเป็นเส้นตรง ทั้งจมูกโด่งเป็นสันเสริมความชวนมองจนแทบตื่นตะลึง แต่ก็มอบความรู้สึกอึดอัดในความดุดันและทรงอำนาจไปพร้อมๆกัน

 

หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อดวงตาสีดำจัดนั่นมองมาที่ตนเอง นึกเดาได้ไม่ยาก ว่าอีกฝ่ายเห็นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากเจ้าของที่กองสมบัติราคามหาศาลรอบๆ

 

ลำคอของหล่อนเปลี่ยนเป็นแห้งผากอย่างฉับพลัน ตะกอนที่ค่อยผุดพรายเมื่อครู่ได้เริ่มรวมกลายเป็นปริศนาที่จับต้องได้ และสั่นกระดิ่งสัญญาณเตือนภัยของเธอเสียแล้ว

 

ชายผู้นั้นสืบเท้าเข้ามาอีกอย่างเชื่องช้า ดวงตาทั้งคู่ไม่ละไปไหน พาให้เธอเองก็ไม่อาจผละสายตาจากเขาเช่นกัน

 

กระทั่งร่างสูงมายืนอยู่เบื้องหน้าเตียงไม้ที่เธอนั่งอยู่นั่นแหละ

 

“....อวี้..ซู่ ?”

 

ชื่อที่ได้ยินและทำให้เธอหันกลับมานั่นหลุดจากปากเขา...อีกครั้ง ! หากหนนี้มันทำลายมนตร์ขลังจากนัยน์ตาที่จ้องมองมาได้ชะงัดนัก

 

นั่นไม่ใช่ชื่อหล่อน ! และหญิงสาวไม่มีทางลังเลที่จะแก้ความเข้าใจผิดนี้แน่

 

หล่อนขยับปากบ้าง ตระเตรียมจะบอกเขาว่า หล่อนไม่ได้ชื่อจีนจ๋าขนาดนั้น แม้เค้าหน้ากับผิวพรรณจะมีส่วนชวนให้เข้าใจผิดได้บ้าง แต่หล่อนก็มีชื่อนามสกุลเป็นภาษาไทยเต็มยศว่า มุกมณี วายุกูล

 

หล่อนไม่ใช่คนที่เขาเรียก ไม่ใช่อวี้ซู่

 

แต่ถ้อยคำทั้งหมดล้วนไม่ได้ออกจากปากหญิงสาว เพราะวินาทีที่กำลังจะเอ่ยมันออกไป ร่างแน่งน้อยบอบบางในชุดแพรพรรณสีสดที่เรียกขานหล่อนเป็นคุณหนูนั่นก็ขยับตัว ปล่อยให้แสงสะท้อนจากวัตถุหนึ่งตกกระทบตาจนหล่อนอดหันไปมองไม่ได้

 

และมันทำให้ทุกคำที่คิดจะกล่าว...หายไปจากสมองมุกมณีกะทันหัน

 

แสงสะท้อนนั้นมีทีที่มาจากแผ่นทองเหลืองขัดจนขึ้นเงา ท่าทางจะใช้แทนกระจกส่องหน้าตามแบบอย่างของสมัยโบราณ และเห็นได้ชัดว่าได้รับการดูแลอย่างดีเช่นเดียวกับของชิ้นอื่นๆในห้องนี้ มันจึงยังทำหน้าที่สาดส่องเงาสะท้อนของสิ่งต่างๆได้อย่างแจ่มชัด

 

และหนนี้ สิ่งที่มันสะท้อน คือใบหน้าของหญิงสาว....เด็กสาวคนหนึ่ง ที่ไม่น่ามีวัยเกิน 16 หรือ 17 ปี กรอบหน้ารูปไข่ถูกแต่งแต้มด้วยนัยน์ตากลมโตน่าเอ็นดู จมูกโด่งน่ารัก และริมฝีปากบางที่เผยอขึ้นคล้ายจะเอื้อนเอ่ย

 

เด็กสาวคนนั้นนั่งอยู่บนเตียง เบื้องหน้าชายหนุ่มร่างสูงสง่าในอาภรณ์ฟ้าคราม

 

 

เด็กสาวคนนั้นยกนิ้วสั่นๆ ขึ้นมาชี้หน้าตนเองด้วยความตกตะลึง ที่ปรากฏชัดบนสีหน้าเช่นกัน

 

เด็กสาวคนนั้นอ้าปาก ราวอยากร่ำร้องบางอย่าง

 

เด็กสาวคนนั้น...คือเงาสะท้อนของหล่อน !

 

เงาสะท้อนของหล่อน ...ที่ไม่ใช่หล่อน !!!

 

หญิงสาวเบิ่งตามองสาวน้อยที่นัยน์ตากลมโตแทบถลนออกนอกเบ้า ก่อนร้องลั่นเป็นภาษาที่ตนเองไม่รู้จัก แตกต่างกับคำที่ตนต้องการจะเอ่ยอย่างสิ้นเชิง หากกลับฟังเข้าใจถึงความหมายได้อย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อมันออกมาจากปากเจ้าหล่อนเองว่า

 

“ไม่จริง ! เป็นไปไม่ได้ !!!”

 

<>:<>:<>:<>:<>

 

จากคุณ : XueYitan
เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 55 23:48:09




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com