Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาวมาดเซอร์ หัวใจเจอรัก บทที่ 3 : อดีตที่ไม่น่าจดจำ ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11668398/W11668398.html

ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11677401/W11677401.html

 

 

 

 

“ไงแก ลดไปได้กี่กิโลแคลอรี่ล่ะ”

เพียงขวัญเดินเข้าไปที่ฝ่ายครีเอทีฟ เจออู๊ดยืนเหงื่อแตกซิก หายใจเป็นหมาหอบแดดอยู่ เลยอดถามไม่ได้

“หลายอยู่ล่ะแก แต่เหนื่อยว่ะ นี่ฉันแก่แล้วหรือฉันไม่ค่อยได้ออกกำลังกายวะเนี่ย” อู๊ดชูสองนิ้วทำท่าสู้ตายแต่
หน้าตาเหมือนอยากตายมากกว่า

“แก่” เพียงขวัญตอบให้

อู๊ดส่ายหน้าไม่ยอมรับ ทุบตรงอกข้างซ้ายดังป้าบๆ อีกที “แต่ใจฉันยังหนุ่มอยู่เฟ้ย ฉันต้องล่ำเหมือนแรมโบ้ แฟน
จะได้รักจะได้หลง”

เพียงขวัญหัวเราะขำ ท่าทางอู๊ดจะเป็นเอามาก แต่เธอไม่ได้ใส่ใจอะไร คนกำลังอินเลิฟก็อย่างนี้ พอได้หัวเราะ
อารมณ์ก็ค่อยๆ ดีขึ้นมาตามลำดับ หลังจากที่ขุ่นๆ เคืองๆ กับธนัชเมื่อครู่นี้

เธอและอู๊ดเดินตรงไปที่โต๊ะแถวๆ ริมหน้าต่างอันเป็นที่นั่งประจำซึ่งอยู่ติดกัน โต๊ะถัดไปข้างหลังเป็นโต๊ะของ
ก๊อบปี้ไรท์เตอร์อีกคน ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามเธอยังไม่มา ไม่รู้ขึ้นบันไดหลงไปถึงชั้นไหนแล้ว ช่างเถอะ...หลงไป
ถึงเอธิโอเปียเลยก็ได้ ไปแล้วไม่กลับมาเลยยิ่งดี

เพียงขวัญวางของทั้งหมดลง ก่อนจะหยิบแค่ถุงกระดาษขึ้นมา แล้วเลี้ยวไปหาเพื่อนอีกคนที่หน้าห้องเจ้านาย

“กุกกุ๊ก พี่เอาชุดมาคืนจ้ะ ขอบคุณมากนะ” เพียงขวัญส่งถุงกระดาษให้เลขาฯ หน้าห้องคมคิด

หญิงสาวตัวเล็ก สวมแว่นตากรอบบางสีชมพูหวานแหววเห็นใครเดินมาหา ก็เผยรอยยิ้มไปให้เป็นการทักทาย พร้อมกับยื่นมือไปรับถุงแล้ววางเก็บไว้ใต้โต๊ะ ก่อนจะถามเสียงใส

“เป็นไงบ้างคะพี่ขม งานเลี้ยงสนุกไหม”

เพียงขวัญยิ้มเจื่อนๆ อธิบายไม่ถูกว่ามันจะเรียกว่าสนุกได้หรือเปล่า แต่ยังไม่ทันได้ตอบ เสียงกุกกักๆ จากรองเท้า
ส้นสูงก็ดังขึ้น สามสาวหน้าตาสะสวย แต่งตัวเฉิดฉายเปรี้ยวเข็ดฟัน กำลังเดินเชิดๆ เริ่ดๆ เหมือนหลุดออกมาแคทวอล์คแฟชั่นโชว์ที่ไหนสักแห่งปราดเข้ามาใกล้

“อ้าว เพียงขวัญ ได้ยินว่าไปงานเลี้ยงรุ่นมาเหรอ สนุกไหมจ๊ะ”

เพียงขวัญมองยายคนที่พูดเสียงแปร๋น แถมยังลอยหน้าถามยิ้มๆ แบบเสแสร้ง โดยมีอีกสองสาวยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ
อยู่ข้างหลัง ยายคนหน้านี่ชื่อแคนดี้ เป็นเออีคู่กัดกับเธอ ส่วนอีกสองคนข้างหลังเป็นเออีคนหนึ่ง อีกคนเป็น
ธุรการชื่อพายกับเค้ก แสบๆ ทั้งนั้นแหละ

“หูผีจมูกมดกันเหลือเกินนะ ยืนอยู่นั่นยังอุตส่าห์ได้ยิน” เพียงขวัญไม่ตอบ แต่แขวะกลับ

ทว่า...ดูเหมือนสามสาวขนมหวานจะทำเป็นไม่ได้ยิน

“ก็คงสนุกสิเนอะ นานๆ จะได้แต่งหญิงสักที” แคนดี้ย้อนกลับอย่างไม่เกรงกลัว

เพียงขวัญยิ้มระรื่นมองผู้หญิงผมหยิกยาวฟูฟ่องแบบพุดเดิ้ลที่เจ้าตัวคิดว่าสวยเสียเต็มประดาอย่างไม่มีลดราวา
ศอก

“นี่ เธอจ๋า ถ้าว่างมากถึงขนาดมาหาเรื่องคนอื่นเนี่ย ฉันว่าเชิญพวกเธอไปล่าเหยื่อแถวๆ ชั้นหกดีกว่านะ แถวนั้นมี
ของที่พวกเธอชอบเยอะเลย เชิญจ้ะ”

“ยายขม!” แคนดี้แผดเสียงใส่ เค้กและพายก็ตีสีหน้าไม่พอใจเช่นกัน เพราะชั้นหกที่เพียงขวัญกล่าวถึงนั้นเป็น
บริษัทออกแบบบ้านซึ่งมีแต่ผู้ชายเสียเป็นส่วนใหญ่ เหยื่อที่เธอพูดก็คงไม่ต้องอธิบายว่าหมายถึงอะไร

แต่เสียงเพียงแค่นั้นของแคนดี้มีรึที่เธอจะกลัว เธอผายมือพร้อมทั้งยิ้มเยาะเชิญให้สามสาวรีบๆ ไปให้พ้นหูพ้นตา
ได้แล้ว สามสาวแก๊งขนมหวานจึงเดินสะบัดก้นจากไป

“จู่ๆ จะมาก็มา จะไปก็ไปอย่างนี้เลยนะพี่ขม” กุกกุ๊กที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ ถึงกับขยับแว่นตามองตามอย่างไม่เข้าใจ

“ก็อย่างนี้แหละ ผลัดกันคนละยก” เพียงขวัญตอบอย่างเห็นเป็นเรื่องปกติ เธอกับแคนดี้และลูกสมุนต้องมาบริหาร
ปากกันแทบทุกเช้าจนชินเสียแล้ว ตอนที่เธอเข้ามาทำงานที่นี่ใหม่ๆ ก็ดูเหมือนจะรักใคร่ปรองดองกันดี แต่ที่เริ่ม
มาเปิดศึกกันอย่างนี้ ต้นเหตุมาจากเรื่องงานล้วนๆ ก็เธอกับแคนดี้เคยไปเถียงกันตอนประชุมต่อหน้าเจ้านาย
เพียงขวัญจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าแคนดี้ไม่เอาใจลูกค้าหล่อเหลานั่นจนเกินงาม ลูกค้าคนนั้นเอาแต่สั่งแก้งานแล้ว แก้งานอีก ส่วนยัยแคนดี้ก็เอาแต่รับคำ ค่ะๆๆๆๆ แก้ไปแก้มาก็กลับมาเป็นแบบแรกที่เธอเสนอไป เป็นเออีประสาอะไรไม่รู้จักช่วยเคลียร์กับลูกค้ามีแต่สั่งให้มาแก้ เธอถึงต้องออกโรงแจกแจงวิธีการทำงานของแคนดี้ให้คมคิดรู้เสียบ้าง จะได้รู้สึกตัวว่าควรทำอะไรหรือไม่ควรทำอะไร เมื่อโดนแฉความจริงเท่านั้นแหละ แคนดี้ถึงกับหน้าเสียออกจากห้องประชุมไป แล้วก็ปรู๊ดปร๊าดเข้ามาด่ากันเต็มๆ หูเลยว่า

“ยายทอมบ้าเลือด!”

แล้วคนอย่างเพียงขวัญมีรึจะยอม เธอจึงสวนกลับไปนิ่มๆ ว่า

“ก็ยังดีกว่าบ้าผู้ชาย”

สงสัยประโยคนี้จะถูกใจ แคนดี้เลยร้องกรี๊ดๆ เสียยกใหญ่ นับแต่นั้นสงครามประสาทระหว่างอาร์ตไดเร็คเตอร์กับ
เออีจึงเริ่มต้นขึ้น เพียงขวัญน่ะจบเรื่องแค่นั้นแล้ว แต่แคนดี้และสมุนไม่ยอมจบ ยังคอยตามรังควาน ตอดนิดตอด
หน่อยแทบทุกวัน ชีวิตในบริษัทของเธอจึงดุเด็ดเผ็ดมันเช่นนี้แทบทุกวันเสมอ นี่ถ้าไม่ติดว่ารักงานนี้ล่ะก็ เธอคง
ไม่ทนอยู่ที่นี่แน่ๆ

“อรุณสวัสดิ์ทุกคน” เสียงห้าวทักทายขึ้นทางด้านหลังของเพียงขวัญและกุกกุ๊ก เป็นคมคิดนั่นเองที่เพิ่งมาถึงบริษัท

วันนี้หนุ่มใหญ่หุ่นสมาร์ทเจ้าของบริษัทเปรี้ยวน่าดู เพราะใส่เสื้อสีส้มแสบตาตัดกับกางเกงยีนสีดำ เพียงขวัญแอบ
ทายไว้ในใจว่าพี่คิดต้องเชียร์ฟุตบอลทีมชาติฮอลแลนด์แน่ๆ

“สวัสดีค่ะพี่” เพียงขวัญทักทายกลับ

คมคิดยกมือทักทายแบบสบายๆ บริษัทนี้เจ้านายเป็นกันเองกับลูกน้องมาก โอภาปราศรัยคุยกันสนุกสนาน แม้แต่
เวลางานในบางครั้งก็ยังมีคุยเล่นเฮฮา ขำๆ บ้าบอกันไป หากแต่บางทีถ้างานตึงเครียดมากและลูกน้องชอบ
ทะเลาะกันให้เห็น ก็มีอาละวาดได้เหมือนกัน

“อ้อ ขม เดี๋ยวตามพี่เข้าไปในห้องหน่อย เรื่องานโฆษณาแป้งเด็กน่ะ” คมคิดเกริ่นขึ้นแค่นั้นก็เดินนำเข้าไปใน
ห้องทำงานส่วนตัวของเขา เพียงขวัญเลยต้องรีบตามเข้าไปในห้องทันที ในใจก็พลางคิดไปว่า

‘สงสัยงานจะเข้าซะแล้ว’

แล้วก็เป็นไปตามคาด อาร์ตไดเร็คเตอร์สาวต้องแก้สตอร์รี่บอร์ดที่เธอเคยเสนอไปอีกครั้ง เพราะลูกค้าเกิดเปลี่ยน
ใจกะทันหัน แต่เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยแค่นี้เธอยังรับได้ บางรายเปลี่ยนก่อนถ่ายทำไม่กี่วัน งานนั้นล่ะก็หัวปั่นกัน
เลยทีเดียว

เพียงขวัญหิ้วสตอร์รี่บอร์ดออกมาจากห้องทำงานของคมคิด แล้วเดินกลับมาที่โต๊ะทำงานของเธอตามเดิม
แผนกครีเอทีฟอยู่ติดกับหน้าต่างกว้าง ทำให้แสงส่องเข้ามาได้อย่างทั่วถึง นับว่าเป็นทำเลที่ดีที่สุดเลยทีเดียว
สำหรับการทำงาน เวลาเหนื่อยหรือต้องการพักสายตาก็แค่หมุนเก้าอี้ออกไปมองวิวข้างนอก จากตรงนี้จะเห็นตึกเล็กตึกใหญ่เรียงรายเต็มไปหมด แล้วยังเห็นท้องฟ้าได้กว้างไกลด้วย นั่นจึงพลอยทำให้ความคิดของครีเอทีฟกว้างไกลตามไปด้วย

เพียงขวัญมองไปที่โต๊ะตรงข้าม เธอยังไม่เห็นวี่แววของธนัชเลยสักนิด ไม่รู้เหมือนกันว่าหายไปไหน เพราะตั้งแต่
เขาเดินออกจากลิฟต์ไปก็ยังไม่เห็นหน้าเลย

โอ๊ะ นั่น...นึกถึงก็มาเลยเชียว ตายยากดีแท้

เพียงขวัญก้มหน้าก้มตาดูสตอร์รี่บอร์ดที่ได้กลับคืนมา ไม่อยากจะสบตาด้วย

“ไปไหนมาวะ” อู๊ดทักถาม

ก๊อบปี้ไรท์เตอร์หน้าตี๋คู่หูของธนัชที่ชื่อ เจ๋ง ซึ่งนั่งอยู่ข้างหลังอู๊ดก็ยกมือทักทายเพื่อนรุ่นน้องด้วย

“ไปหาเพื่อนข้างบน” ธนัชตอบ แล้วหันไปหาเพียงขวัญ “ได้ยินว่าแต่งหญิงไปงานเลี้ยงรุ่นมาเหรอ”

เพียงขวัญมองค้อนคนถามตาแทบหลุด คำว่าแต่งหญิงนี่หมายความว่าไงฟะ...ฉันก็เป็นผู้หญิงนะ

“นานๆ ทียกให้มันสวยสักวันเฮอะ” อู๊ดตอบแล้วหัวเราะขำ ยิ่งเพียงขวัญเขวี้ยงของใส่ทันควัน ก็ยิ่งระเบิดก๊ากกันเข้าไปใหญ่

“เรื่องของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง” เพียงขวัญว่า ของน่ะขว้างใส่อู๊ดคนเดียว แต่คำต่อว่ากะให้กระทบทั้งสองคนเลย

“ก็ไม่ได้อยากยุ่ง แต่ได้ยินพวกขนมหวานพูดกัน” ธนัชทำหน้าเฉยชา พลางถือแก้วกาแฟลุกไปแพนทรี่
เพียงขวัญเพิ่งสังเกตว่าเขาเรียกสาวๆ เออีว่าขนมหวานเหมือนเธอ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้เธอเหม็น
ขี้หน้าเขาน้อยลงหรอกนะ

เพียงขวัญไม่เคยคิดอยากจะเขม่นกับใครในบริษัท ลำพังแค่แก๊งขนมหวานก็ปวดตับจะแย่แล้ว แต่ก็ยังไม่วายต้อง
มาแง่งๆ ใส่กับธนัชอีกคน เพราะปากเสียๆ ของหมอนี่ที่มาวิจารณ์งานของเธอลับหลัง นึกแล้วก็แค้นไม่หาย


เกือบๆ หนึ่งปีก่อน วันนั้นเธอวางสตอร์รี่บอร์ดไว้บนโต๊ะแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ กลับมาอีกทีก็เห็นธนัชยืนอยู่หน้าโต๊ะเธอ หยิบสตอร์รี่บอร์ดขึ้นมาดู และกำลังวิจารณ์งานของเธอ

“งานนี้ใครคิดวะ ตลกปนงี่เง่าหน่อยๆ ผ่านได้ไง”

ไอ้คำว่า ‘งี่เง่า’ นี่แหละที่ได้ยินแล้วเจ็บจี๊ด ตาขวากระตุกยิบๆ มือและขาก็กระตุกแบบอยากจะออกกำลังขึ้นมาตงิดๆ จากที่เธอแค่แอบฟังอยู่ จึงเดินไปดึงสตอร์รี่บอร์ดกลับคืนมา แถมปรากฎตัวให้ด่ากันซึ่งๆ หน้าเลยดีกว่า
แต่เมื่อเขาเห็นเธอแล้ว ยังจะมีหน้ามาบอกอีกว่า

“อ้อ ของขมเองเหรอ เออ...ก็น่าอยู่ มันไม่ใช่ของฉันก็ต้องเป็นของเธอ”

เพียงขวัญเกือบสวมวิญญาณจา พนม กระโดดต่อยธนัชเข้าไปแล้ว ถ้าอู๊ดไม่ปรามไว้ก่อน ถึงจะรู้ว่าไอ้คนๆ นี้มันปากเสีย ชอบกวนประสาท แต่เธอคิดว่ามันเกินไปหน่อย เพราะเธอก็ไม่เคยวิจารณ์งานของเขาเสียๆ หายๆ และที่สำคัญ เท่าที่เธอสังเกตเห็น กับคนอื่นเขาจะพูดดีตามปกติ แต่พูดกับเธอทีไร ต้องเกิดอาการคันไม้คันมืออยากประทุษร้ายให้ตายคาโต๊ะเสียทุกที

ทุกวันนี้จำเป็นต้องพูดก็พูด ไม่จำเป็นก็เฉย ถ้าเหวี่ยงมาก็เหวี่ยงกลับ เพียงขวัญคิดว่านายนี่น่ะโรคจิต รู้ว่าเธอไม่ชอบขี้หน้าก็ยังจะมาคุยกับเธอก่อน อย่างเมื่อเช้านั่นไงล่ะ คนดีๆ ที่ไหนจะมาพูดแบบนั้นกับเธอ

“เพิ่งรู้ว่าบ้านเป็นรังนก” พูดมาได้ไง

แต่ก็เอาเถอะ...ก็มีบ้างในบางครั้งที่หมอนี่จะพูดดีๆ แบบปกติ แต่ถึงจะพูดแบบปกติแค่ไหนก็ยังฟังเหมือนถูกกวนประสาทอยู่ดี

“เออ...ขม เมื่อกี้แคนดี้มาบอกเรื่องโฆษณาบ้านแน่ะ เขานัดพรีเซนต์กับลูกค้าไว้แล้ว” อู๊ดแจ้งข่าวที่เพื่อนคงไม่รู้

เพราะอยู่ในห้องทำงานของคมคิด

เพียงขวัญได้ยินว่านัดพรีเซนต์แล้วก็ตาเหลือก “หา! ยังไม่ได้นัดประชุมกันเลย มันไปนัดพรีเซนต์ก่อนได้ไงวะ?”

“ไม่รู้มันดิ”

เพียงขวัญทิ้งตัวนั่งพิงพนักอย่างเบื่อหน่าย เช้ามาก็เจอยายแคนดี้ งานก็ต้องแก้ แล้วยังไอ้เป้อีก แล้วก็วกกลับมา
ที่แคนดี้อีกครั้ง อู๊ดเตือนให้ทำใจดีๆ อย่าเพิ่งอารมณ์เสีย แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว

งานเข้าแต่เช้าเลยวันนี้ อารมณ์เสีย!

แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 55 17:33:18

จากคุณ : inmost
เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 17:29:43




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com