Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
>>>ตำนานรักลำน้ำไนล์ บทที่ 1<<<< ติดต่อทีมงาน

เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก "คำสาปฟาโรห์" อย่างแรงกล้า หวังว่าทุก ๆ ท่านจะติดตามกันนะคะ

บทที่ 1 ความทรงจำที่เลือนราง

“แคโรลีน... แคโรลีน”

เสียงเรียกของพี่สาวฝาแฝด ปลุกให้สาวน้อยวัยย่างเข้า 21 ปีสะดุ้งตื่นจากภวงค์ ดวงตาสีฟ้ากลมโตจึงหันกลับมาจ้องมองพี่สาวผู้มีวงหน้าเหมือนตนเองมิมีผิดเพี้ยน แต่แคโรลีนก็ยังตะกุกตะกัก มิอาจโต้ตอบได้ทันควัน แก้มนวลจึงแดงระเรื่อขึ้นด้วยความเขินเล็กน้อย

“ให้ตายสิ เธอก็ยังลอยละล่องไปไหนต่อไหนเหมือนเดิม แล้วแบบนี้จะไม่ให้ทุกคนเป็นห่วงได้อย่างไร?”

มาเรียบ่นน้องพลางเปลี่ยนเกียร์ เหยียบคันเร่งให้บูกัตตีรอยัลเคลื่อนผ่านถนนเลียบแม่น้ำไนล์ยามราตรีไปอย่างสบายๆ รถเปิดประทุนรับลมแม่น้ำจนเส้นผมสีทองของสองสาวพลิ้วสยาย ทำให้ทุกสายตาต้องหันมาจับจ้อง แต่แคโรลีนก็ต้องหน้ามุ่ยทุกครั้งที่ต้องมานั่งรถเก่าๆของมาเรีย

“ขอโทษๆ ก็ฉันมันมีเรื่องให้ต้องคิดนี่นา”

มาเรียเหลือบมองน้องแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมา สีหน้าของแคโรลีนเองก็ทุกข์ทรมานไม่ต่างกันเลย สองมือขาวผ่องกุมหน้าท้องของตัวเองไว้อย่างอ่อนโยนแกมสับสน มาเรียจึงเอื้อมไปกุมมือและบีบกระชับให้กำลังใจ เรียกรอยยิ้มจากน้องสาวฝาแฝดที่เธอรักมากที่สุดได้เพียงชั่ววูบ แววตาก็เริ่มเหม่อลอยและหมองเศร้าอีกครั้ง

“มาเรีย... ฉันกังวลเหลือเกิน ฉันควรจะทำอย่างไรดี? ฉันจำช่วงเวลาหลังจากที่หลงเข้าไปในสุสานฟาโรห์ไม่ได้เลย ผ่านไปเกือบครึ่งปีเชียวนะ ที่สำคัญ...”

“ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นแหละ! ทั้งฉัน ทั้งพี่สตีฟ ทั้งพี่รอยด์ แล้วก็คุณแม่จะปกป้องเธอเอง เด็กในท้องของเธอก็คือหลานของฉัน ชีวิตน้อยๆที่พระเจ้าทรงประทานมาให้มิได้มีความผิด!”

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวฮิลตันต้องประสบกับความทุกข์แสนสาหัส เมื่อน้องสาวคนเล็กได้หายสาปสูญไปในอุ้งหัตถ์แม่น้ำไนล์ สภาพที่พี่สตีฟได้ไปค้นพบน้องแคโรลีนโดยบังเอิญที่ริมฝั่งไนล์นั้น ทำให้ทุกคนหัวใจสลาย

แคโรลีนหายตัวไปอย่างปริศนาหลายครั้ง จึงเกิดคำถามขึ้นมากมายรอให้แคโรลีนตอบแต่เธอก็คิดไม่ออก สตีฟพยายามประคบประหงมน้องให้ฟื้นฟูกลับมาดังเดิม กลับมาครานี้ นอกจากจะเศร้าซึมแล้ว เธอก็ยังมีอีกชีวิตถือกำเนิดในครรภ์บอบบางอีกด้วย

ความเงียบเข้าทำร้ายทุกคนในครอบครัวที่ได้ทราบข่าว ทุกครั้งที่แคโรลีนหลับตา ดวงเนตรสีฟ้าหม่นหมองก็จะมีคราบน้ำตาเปียกชื้นที่พวงแก้ม แคโรลีนปลีกตัวและพูดน้อยลง ทั้งยังทุกข์ใจที่ไม่สามารถจดจำเรื่องราวหรือสิ่งต่างๆในระหว่างที่หายตัวไปได้เลย และเด็กผู้บริสุทธิ์นี้เป็นบุตรแห่งผู้ใด....
ไม่มีใครบอกได้นอกจากแคโรลีนผู้หลงลืม...

“มาเรีย... ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกี่ยวข้องกับแผ่นศิลาโบราณที่ฉันทำตกแตกรึเปล่า? คุณพ่อก็อาจตายเพราะฉัน ครอบครัวของเราก็คงไม่ต้องเกิดเรื่องแย่ๆแบบนี้ มันเป็นเพราะคำสาปฟาโรห์แท้ๆ”

แคโรลีนซบหน้ากับฝ่ามือ พลางสะอื้นไห้ออกมาอย่างสุดกลั้นไหวอีก ต่อหน้าพี่ชายทั้งสองและแม่ สาวน้อยจะฝืนทำเป็นร่าเริง แต่ก็มิอาจตบตาผู้ที่ชีวิตผูกพันกันมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เก็บกักไว้ในอกจึงขอระบายให้พี่สาวฟัง

“ฉันกลัว... เหมือนกับว่ามีใครบางคนกำลังเรียกฉันอยู่ มันคุ้นเคยแต่ก็เจ็บปวดเหลือเกิน พอพยายามจะคิดให้ออกว่าเงาวูบวาบนั่นคือใคร ฉันก็ปวด... ปวดหัว ฮือ มาเรีย ถ้าเขาเป็นพ่อของลูกจริงแต่ฉันไม่ได้รักเขาล่ะ? ฉันจะทำอย่างไรดี?”

พี่สาวดึงแคโรลีนให้เอนกายมาซบไหล่ พลางโอบบ่าประคองน้อง แล้วปล่อยให้แคโรลีนร้องไห้จนพอใจ น้ำตาก็พี่สาวก็ไหลรินออกมาเป็นเพื่อนน้อง แต่ก็พยายามขับรถฝ่าการจราจรที่คับคั่ง ฝ่าม่านน้ำตาไปเรื่อยๆ สักพักก็ผลักหัวน้องออกแล้วดึงทิชชู่ไปสั่งน้ำมูกปู้ดใหญ่

“อย่ามัวเศร้าเลยนะแคโรลีน คืนนี้เราสองคนจะไปงานแสดงนิทรรศการไอยคุปต์ที่เธอชอบนักหนาไม่ใช่รึ? กว่าจะอ้อนพี่สตีฟได้ก็แทบแย่ เธอมัวแต่อุดอู้อยู่บนเตียงคนไข้ น่าเบื่อตายชัก อึดตายยากอย่างพวกเราไปมันกันดีกว่า โอ้เย้...”

แคโรลีนถอนหายใจพลางก้มหน้างุด ก่อนจะเหม่อลอยเช่นเดิม มาเรียจึงนึกสงสัยว่าจะต้องเกี่ยวข้องกับโครงการเปิดสุสานฟาโรห์เพื่อโปรโมตธุรกิจของตระกูลให้เป็นที่รู้จัก เป็นสาเหตุให้ทรัพย์สมบัติและพระศพถูกโจรปล้นสุสานบุกเข้าไปขโมยจนหมดสิ้น

“ตำรวจบอกว่าผู้ต้องสงสัยในคดีฆ่าคุณพ่อคือพี่เมเรส แต่ฉันแทบไม่อยากเชื่อว่าผู้หญิงท่าทางอ่อนโยนอย่างนั้นจะเป็นคนร้ายโรคจิต”

สาวสวยที่ชื่อเมเรสปรากฎตัวที่คฤหาสถ์ในคืนที่มีพายุฝน เธอพูดแปลกๆว่าเป็นพี่สาวของฟาโรห์และตระกูลฮิลตันต้องชดใช้ กลิ่นอายอาถรรพ์ของคำสาปมรณะรายล้อมจนมาเรียแทบเป็นบ้า และแล้ว ตำรวจก็พบศพประธานฮิลตันถูกควักหัวใจออกมา แคโรลีนก็หายสาปสูญไปพร้อมๆกับเมเรสเสียแล้ว ทิ้งไว้ก็แต่เศษซากแผ่นศิลาโบราณที่นำมาจากสุสาน

“เธอจำตอนที่คุณพ่อเสียไม่ได้เหรอแคโรลีน ไม่มีกล้องวงจรปิดตัวไหนบันทึกภาพไว้ได้เลย ถ้าเธอไม่พูดอะไรบ้าง ตำรวจจะเข้าใจเธอผิดไปด้วยนะ” มาเรียปลุกปลอบให้น้องคลายเศร้า แคโรลีนจึงค่อยๆรวบรวมกำลังอีกครั้ง

“ฉันจำได้ว่าอยู่ที่บริษัทกับคุณพ่อสองคน พี่เมเรสก็เข้ามาช่วยงานตามปกติ ...ฉันจำได้ว่าพี่เมเรสร้องไห้แล้วก็โกรธที่เห็นคุณพ่อใส่เครื่องประดับที่เอามาจากสุสาน ฉะฉันไม่รู้ว่าเธอท่องภาษาอะไร มันสับสน จำอะไรไม่ได้เลย”

หลังจากฟื้นคืนสติมาในโลกที่ไม่รู้จักและเรียนรู้แล้วว่าเมเรสเล่นตลกอะไรกับเธอ แคโรลีนที่น่าสงสารก็ต้องพยายามปกปิดรูปโฉมอันงดงามของตนไว้ภายใต้คราบโคลนตมและเสื้อผ้าสกปรก ท่ามกลางเวิ้งทะเลทรายอันว่างเปล่า มีเพียงเสียงร่ำไห้แทบขาดใจฝากไปกับสายลมยามราตรี สะกิดให้ชายร่างสูงสง่าค่อยๆติดตามหาเจ้าของเสียงนั้น ไม่น่าเชื่อว่าองค์ราชันแห่งอียิปต์กำลังก้าวเข้ามาหา

“เจ้าชื่ออะไร? ตอบมาเดี๋ยวนี้นางทาส”

ดวงเนตรสีดำขลับเป็นประกายวาบเพราะได้พบของเล่นที่ถูกใจ ผิวขาวราวน้ำนมเจิดจรัสผุดประกายในความมืดของรัตติกาล สิ่งที่ประทับในดวงพระทัยคือผมสีทองแวววาว ทรงจ้องมองสำรวจรูปรอยเนื้อนวลอย่างจาบจ้วง แม้ว่าแววตาสีฟ้างดงามยิ่งกว่าดวงดาราจะแฝงความตื่นตระหนก แต่ก็ทำให้ผู้มาเยือนยิ่งรู้สึกเร่งเร้าขอทำความรู้จักโดยไว แคโรลีนจึงรีบถอยหนี

“อย่า... อย่า เรามิใช่ทาส”

แม้วรองค์ร่างกำยำจะมิได้ประดับเครื่องทรงกษัตริย์ มีเพียงฉลองพระองค์ผ้าลินินพาดพันบั้นพระองค์ เปิดเปลือยพระอุระหนาหนั่น แต่ฉายบารมีเปี่ยมสง่า สัญลักษณ์ฮอรัสบนสร้อยพระศอทำให้แคโรลีนยิ่งหวาดกลัวจับใจ พระหัตถ์หนาจึงเอื้อมคว้าตัวเธอไว้

“ฮึฮึ... เจ้าชื่อ ‘อย่า’ งั้นรึ? ผมทอง ผิวขาวเช่นนี้แปลกตานัก”

“ตัวเราสกปรกมิน่ามอง ปล่อยเราไปเถิด เราต้องรีบกลับบ้าน”
เพื่อเป็นการพิสูจน์ องค์ฟาโรห์จึงจับแคโรลีนกดน้ำจนล้างคราบดินโคลนออกไปบางส่วน เผยผิวขาวนวลให้เห็นเป็นที่สมพระทัย แต่แคโรลีนแทบจะสำลักตายให้กับความโหดร้ายป่าเถื่อน น้ำตาก็เริ่มไหลพรากไม่หยุด ได้แต่ปล่อยให้คนผู้นี้โยนเธอขึ้นม้าเพื่อพาตัวกลับวัง ก่อนจะทิ้งเหวี่ยงบนพื้นให้เหล่าข้าราชบริพารล้อมวงเข้ามาดูเหยื่อที่พระองค์ล่ามาได้ แม้แต่เจ้าหญิงเมเรสก็ยังทำท่าทางราวกับไม่รู้จักกัน ซ้ำยังฟาดฝ่ามือเข้าที่ใบหน้าขาวผ่องเมื่อแคโรลีนผวาเข้ากอดขาเพื่ออ้อนวอนให้เมเรสส่งตัวเธอกลับบ้าน

“เจ้าคนชั้นต่ำ! สารเลวนัก บังอาจมาแตะต้องตัวข้าเยี่ยงนี้ ฆ่ามันเสียเถิดน้องพี่”

“ได้โปรดเถิดเมเรส... เธอลืมน้องสาวคนนี้แล้วหรือ? พาฉันกลับบ้านเถิดนะ เธอมีเวทย์มนต์ไม่ใช่เหรอ”

เมเรสผู้สูงศักดิ์เชิดพระพักตร์ขึ้นอย่างหยิ่งทรนง แคโรลีนสาบานได้ว่าเธอเห็นรอยยิ้มเยาะเย้ยจากแววตาคู่งามนั้น ความเจ็บและรสชาติเลือดจึงแล่นเข้าสู่ขั้วหัวใจ แคโรลีนจึงขดตัวอยู่กับชุดที่เปียกชื้นแล้วก้มหน้าร้องไห้

“เมเรส ได้โปรดเถอะ ฉันขอโทษแทนคุณพ่อกับทุกคนที่ทำให้เธอเสียใจ ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องเป็นแบบนี้ แต่อย่าทิ้งฉันไว้ต่างยุคต่างภพเลย ฉันกลัวแล้ว” ทุกสายตาล้วนจ้องมองเมเรสเพื่อขอคำอธิบาย ราชนารีสูงศักดิ์จึงตวาดลั่นเพื่อกลบเกลื่อนและปิดบังความลับ

“ทหาร! ฆ่ามัน!”

“ไม่! นางเป็นของน้อง สวยแปลกตาอย่างนี้ ฆ่าทิ้งก็เสียดาย นาฟเทล่า! พาตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วพาพบไปเรา”

“ตะแต่น้องพี่... นางอาจเป็นคนชั่วที่คิดแฝงกายมาทำร้ายเจ้าก็เป็นได้ ส่งนางมาให้พี่เถิด”

“เสด็จพี่เคยพบนางงั้นหรือ? ไยนางจึงรู้จักสนิทสนมกับท่าน”

“ไม่! นางทาสสารเลวเยี่ยงนี้คงคิดจะแอบอ้างชื่อของพี่มายั่วยวนเจ้าเป็นแน่ บังอาจเรียกขานนามเมเรสแห่งเทพีไอซิสด้วยกิริยาลบหลู่เช่นนี้ มันจงใจดูหมิ่นกันชัดๆ”

“ไยเสด็จพี่เมเรสผู้อ่อนหวานจึงเกรี้ยวกราดนัก หญิงตัวสกปรกเช่นนางผมทองคนนี้หรือจะยั่วน้อง ถ้าล้างเนื้อล้างตัวเสียหน่อยก็คงจะไม่ทุเรศสายตานัก”
เจ้าหญิงเมเรสถลึงตามองแคโรลีนด้วยความโกรธเกลียด และยิ่งเกรี้ยวกราดสุมในอกนักขึ้นเมื่อฟังคำยืนกรานจากพระอนุชา

“นี่เป็นเรื่องของน้อง เสด็จพี่เมเรสมิต้องมายุ่ง!”

พระสุรเสียงตวาดลั่นเพียงครั้งเดียวก็ตัดสินชะตาชีวิตของแคโรลีน เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์จึงไม่อาจสอดมือเข้ามายุ่งวุ่นวายได้อย่างเปิดเผยได้อีกต่อไป เพราะสิทธิ์ขาดบนราชบัลลังก์และทุกสิ่งทุกอย่างบนผืนทรายแห่งลุ่มน้ำไนล์นี้ตกเป็นของพระอนุชา นางจึงเก็บความพยาบาทต่อตระกูลฮิลตันมาลงที่แคโรลีนแต่เพียงผู้เดียว

“ปล่อยเราไปเถิด เราอยากกลับบ้าน ได้โปรดพี่เมเรส”

แต่คำวิงวอนไร้ค่า เมื่อแคโรลีนถูกลากไปอีกทาง ชุดสกปรกถูกกระชากทิ้งอย่างไม่ไยดี นิ้วเรียวงามจึงพยายามปิดบังยอดอกสีชมพูหวานและกอดตัวเองไว้แน่น ขณะกำลังขัดเนื้อตัว ในใจของนาฟเทล่าผู้เป็นพระอภิบาลฟาโรห์หนุ่มเลือดร้อนนั้นก็นึกกระหวัดถึงดอกบัวแรกแย้มแห่งไนล์ นางมิเคยเห็นหญิงใดงามน่าทะนุถนอมเช่นนี้มาก่อน หากองค์ฟาโรห์ได้พบพักตร์จักเกิดปัญหาใหญ่เป็นแน่!

“นาฟเทล่าคะ หนูชื่อแคโรลีน หนูไม่ใช่คนที่นี่ ได้โปรดเถิด พาหนูหลบออกไปที หนูต้องหาทางกลับบ้าน”

“เจ้าจะกลับไปแห่งใด บ้านของเจ้าอยู่ที่ใดหรือ? อย่าขัดพระทัยเลยนะแคโรลีน หาได้มีสิ่งใดหลุดพ้นจากพระประสงค์ได้ พระองค์เพิ่งขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน เจ้าอาจจะโชคดีได้ถวายตัวเป็นนางสนมคนแรกเชียวนะ”

“มะไม่! ได้โปรด ปล่อยหนูไปเถิด ช่วยหนูด้วย” แคโรลีนร่ำไห้แทบเป็นสายเลือด เพราะเธอเองก็ตอบคำถามป้านาฟเทล่าไม่ได้ แต่ถ้าการดำรงอยู่ที่นี่แล้วต้องหมายถึงการเป็นสนมให้ชายเหี้ยมโหดผู้นั้นครอบครองไปตลอดชีวิตแล้ว เธอจะขอหนีออกไปให้ห่างจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!

“โอ... นางช่างงามเลิศยิ่งนัก”
เสียงชื่มชมดังอื้ออึงไปทั่วโถงงานเลี้ยงที่เปิดรับลมเอื่อยๆจากแม่น้ำไนล์ ประสานกับเสียงสรวลเสเฮฮาดังลั่นเพื่อเฉลิมฉลองการเสวยราชย์ของฟาโรห์หนุ่ม สายพระเนตรจับจ้องร่างบางเพรียวระหงตั้งแต่เลี้ยวเข้ามาสู่งานเลี้ยง แต่กลิ่นเหล้าองุ่นดีกรีแรงนั้นเหม็นฉุนจนแคโรลีนต้องย่นจมูก

“มัวยืนนิ่งอยู่ทำไม! มานั่งข้างๆเราตรงนี้”

กิริยาฉุดกระชากลากถูให้เธอถลาเข้าปะทะแผงอกแกร่ง ปรากฎชัดแก่สายตาคนทุกผู้ แคโรลีนได้แต่นึกเกลียดความหยาบคายของชายผู้นี้ยิ่งขึ้นไปอีก แต่มันก็จุดประกายความริษยาของเจ้าหญิงอียิปต์ให้สาวน้อยเป็นผู้รับเคราะห์ไปเต็มๆ เล็บของเมเรสจิกเข้าเนื้อยามมองพระอนุชาที่นางหลงรักหมดใจยื้อยุดให้แคโรลีนนั่งชิดใกล้แทบอุ้มใส่ตัก

“น้องพี่... พี่คิดว่าเจ้ามิควรปล่อยให้ตำแหน่งราชินีทิ้งว่างไว้นาน บัดนี้ถึงเวลาที่เราสองพี่น้องจักหลอมรวมเป็นหนึ่งแล้ว”

“โอ... ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ตรวจสอบดวงดาวก็พบว่าในเดือนเพาะปลูกอันอุดมนี้จักเป็นฤกษ์งามยามดี แต่งตั้งให้เจ้าหญิงเมเรสขึ้นเป็นองค์ราชินีโดยเร็ว เคียงคู่บารมีให้อียิปต์ของพระองค์เจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่ายุคสมัยใด”

“ถ้าเช่นนั้นก็ทำตามที่ท่านสังฆราชฮาตูห์ว่าเถิด”

เพียงสิ้นรับสั่งที่คล้ายกับว่ามิใช่เรื่องของตนเองคล้ายยอมทำตามเพื่อตัดความรำคาญ เจ้าหญิงเมเรสก็ถลาเข้ามากอดด้วยความยินดีเป็นล้นพ้นที่สุดในชีวิต แล้วประทับจุมพิตถวายต่อหน้าธารกำนัลตามเคยชินที่ทำเป็นประจำ แต่ชายหนุ่มทรงผลักพระพี่นางออกอย่างสุภาพ และหันกลับไปจ้องแคโรลีนที่นั่งหน้าแดงอยู่ข้างๆ

พลันพระโอษฐ์หนาก็จรดเข้ามาประทับริมฝีปากของเธอไปอย่างอุกอาจ พระชิวหาเกี่ยวกระหวัดเร่งขอชิมความหวานจนแคโรลีนตามพระองค์ไม่ทัน กว่าจะยอมถอนจูบบังคับที่น่าละอายนี้ออกไปได้ แคโรลีนก็แทบสำลักตายคาอ้อมพระอุระกำยำนี้แล้ว

สายพระเนตรคมกริบทอแสงอ่อนโยนยามช่วยแคโรลีนลูบหลังให้คลายทรมาน ในไม่ช้าก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นแววตาสิเน่หาแด่นาง ถูกต้องว่าพระองค์ก็ถูกสั่งสอนให้เติบโตขึ้นมาเพื่อปกครองบ้านเมือง จักมองไปทางทิศใด อียิปต์ก็กว้างใหญ่ไพศาลและปวงประชาอีกนับหมื่นแสน สุดผืนฟ้าจรดผืนทราย ทุกสิ่งทุกอย่างต้องทำเพื่ออียิปต์ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ รับเจ้าพี่เมเรสขึ้นเป็นองค์ราชินี ทรงงามสง่าและเหมาะสมด้วยประการทั้งปวง ทั้งฐานะและสายโลหิตที่ใกล้ชิดเข้มข้นที่สุด

แต่พระนางมิได้ครอบครองหัวใจของพระองค์!

“น้องว่าน้องเปลี่ยนใจแล้วดีกว่า... สั่งการลงไป ข้าจักแต่งตั้งให้นางผู้นี้ขึ้นเป็นราชินีของข้า!”

น่าตื่นตะลึงนัก โดยเฉพาะเมเรสที่กำหมัดแน่นมาตั้งแต่มองดูน้องชายกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับแคโรลีน เจ้าหญิงจึงถลาเข้ามาตบตีมารหัวใจให้ตายคามือ แต่ทว่าวรองค์สูงใหญ่ผู้มีสิทธิ์ขาดสูงสุดก็อ้าแขนปกป้องเธอไว้ ก่อนจะส่งตัวแคโรลีนให้นาฟเทล่าพาหลบไปด้านในเพื่อมิให้เห็นภาพความขัดแย้งรุนแรงที่มิน่ามอง

‘ช่างน่าเศร้านัก... คล้ายว่าแคโรลีนจะจำได้ แต่ก็เป็นภาพที่ฟุ้งกระจายเหลือเกิน แต่ชายคนนั้นชื่ออะไรหนอ?’

.....................................................

งานแสดงนิทรรศการไอยคุปต์ที่มหาวิทยาลัยไคโรปิดไปแล้ว แต่ดร.โรเจอร์ก็ยังเมตตาเป็นพิเศษ โดยขออนุญาตเปิดประตูด้านหลังให้สองสาวเข้าไปเที่ยวชมได้ตามสบาย ซ้ำยังเป็นผู้นำเที่ยวกิตติมศักดิ์อีกต่างหาก ห้องโถงจัดแสดงที่ไร้ผู้คนพลันดูเวิ้งว้างกว้างใหญ่และน่ากลัวขึ้นมาในพริบตา และรู้สึกราวกับว่ากำลังมีใครจับจ้องอยู่ที่ด้านหลังตลอดเวลา

“สำหรับราชวงศ์ชั้นสูง การทำพิธีจะทำที่มหาวิหาร ภายในห้องลับที่อนุญาตเฉพาะนักบวชเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ ถวายอาหาร เครื่องดื่ม ผ้าลินินแด่เทพเจ้าวันละสามเวลา เมื่อทำพิธีเสร็จในแต่ละวัน นักบวชจะต้องเดินถอยหลังและลบรอยเท้าตัวเองออกจากพื้นวิหาร เพื่อมิให้พวกปีศาจร้ายเดินตามรอยเท้านั้นเข้าไปในมหาวิหาร”

มาเรียพยายามเดินเกาะกลุ่มอยู่ข้างๆดร.โรเจอร์ ความเก่าแก่ของโบราณวัตถุทุกชิ้นเปล่งบารมีจนกดทับจนหญิงสาวนักศึกษาแพทย์หายใจไม่ออก แต่สิ่งที่สะดุดใจมาเรียก็คือ ภาพเทพีอิชทาร์ของชาวฮิตไทต์...

ฮิตไทต์...

ความทรงจำของมาเรียก็วูบไหวถึงชายคนหนึ่ง

“ฟื้นแล้วหรือ? ธิดาแห่งไนล์ ดื่มซุปร้อนๆเสียก่อนสิ”

ดวงตาสีฟ้ากลมโตกระพริบถี่ๆหลังจากตื่นขึ้นมาอีกรอบ ชุดเสื้อผ้าสมัยใหม่ที่เลอะเทอะมอมแมมถูกเปลี่ยนเป็นชุดผ้าลินินเนื้อละเอียดไปเรียบร้อยนานแล้ว มาเรียจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร แต่ชายรูปงามก็ส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้ ทว่าพระพักตร์คมคายกับดวงเนตรคมกร้าว ทำให้เธอถอยหนีชายแปลกหน้า

“ตั้งแต่งานอภิเษกกับฟาโรห์เรมอสครานั้นก็ยังคงรังเกียจเราอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เจ้าตกน้ำหายไป เราเองก็เป็นห่วงนัก เราออกตามหาเจ้าทั่วฝั่งไนล์”

“คุณเป็นใคร?”

มาเรียกุมคอตนเอง เมื่อพบว่ามิมีเสียงใดเล็ดลอดออกมาเลย แต่ก็ยังขู่ฟ่อเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้เกินไป

“อาการไข้หวัดก็เป็นเช่นนี้เอง เจ้ามิต้องกังวลไป เมื่อไปถึงฮัตตูซ่าห์ เราจักรักษาเจ้าอย่างดีเอง”

สาวน้อยเหลียวมองไปรอบๆอย่างงุนงง แต่ก็ยอมรับถ้วยซุปมาดื่ม แล้วพยายามเรียบเรียงความคิดสับสน มาเรียมิได้รู้ตัวเลยว่าได้หลงเข้ามาในกระแสแห่งกาลเวลาแทนที่น้องสาวเสียแล้ว

“เจ้าคือเทพธิดาแท้ๆ เราเห็นกับตาว่าวันงานอภิเษก เจ้าถูกสิงโตทำร้ายจนสาหัส ผ่านไปไม่ถึงเดือนกลับไร้บาดแผล หากเมเรสรู้คงจะแค้นนัก”

มาเรียนิ่งฟังด้วยความสับสน ที่สำคัญคือเธอไม่เข้าใจว่าแคโรลีนจะแต่งงานกับใคร?

“จงรับรักเราเถิด เห็นแล้วว่าเทพเจ้าหาได้ยอมรับงานวิวาห์ของเจ้ากับเรมอสไม่”

เจ้าชายรูปงามจากอาณาจักรฮิตไทต์หลงรักในความงามนี้ จึงลงมือวางแผนลักพาตัวธิดาแห่งไนล์ในงานอภิเษกของฟาโรห์อียิปต์ แต่ทว่าราชสีห์ดุร้ายก็ถลากระโจนเข้ามาฉีกกระชากแคโรลีนตามแผนของเจ้าหญิงเมเรสเสียก่อน แต่ศรของเจ้าชายและคมทวนขององค์ฟาโรห์ก็มิอาจช่วยแคโรลีนที่น่าสงสารไว้ได้ เธอจึงตกลงสู่แม่น้ำไนล์และกลับคืนสู่โลกปัจจุบันเป็นครั้งแรกหลังจากหายตัวไป

ครอบครัวฮิลตันได้แคโรลีนที่บอบช้ำด้วยแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกลับคืน แต่ก็ต้องเสียมาเรียในอุบัติเหตุเรือล่มเป็นการชดเชย

“ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือดิฉันไว้นะคะ รบกวนขอยืมโทรศัพท์ได้หรือไม่”
มาเรียยิ้มขอบคุณและน้อมเศียรบอกเป็นภาษากาย แม้จะไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา แต่ก็สร้างความชุ่มชื่นพระทัยที่เพิ่งเคยได้รับไมตรีจากธิดาแห่งไนล์เป็นครั้งแรก ทรงประคองส่งถ้วยยาให้ถึงปาก แต่สาวน้อยผลักถ้วยยาออกและส่ายหน้า เพราะแพทย์ในอนาคตอย่างเธอลงความเห็นแล้วว่ามิควรเสี่ยงกับยาน้ำข้นคลั่กสีดำถ้วยนี้

“เจ้าจักต้องทานยาถ้วยนี้ มิอย่างนั้นจะหายได้เช่นใด มาเถิดนะ ดื่มยานี้เพื่อเราเถิดนะ”

เธอส่ายหน้าและเริ่มโมโหใส่คนแปลกหน้าที่พยายามยัดเยียดยามาให้แทบถึงเนื้อถึงตัว รวมทั้งไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายจึงไม่นำตัวเธอส่งโรงพยาบาล และเขาคือใคร

“รีบดื่มยาเสีย ถึงแม้ว่าแผลสิงโตกัดของเจ้าจะหายดีแล้ว แต่เจ้ายังมีไข้อยู่”

ทรงจัดการกับสาวดื้อด้วยการรวบข้อมือเล็กๆไว้ในอุ้งหัตถ์เดียว ก่อนจะจับต้นคอขาวผ่องไว้มิให้ถอยหนีแล้วป้อนยาด้วยพระโอษฐ์ทันที ยาอึกแรกผ่านลำคอไปด้วยพระชิวหาระรัว แต่อึกที่สองกลับมิเป็นเช่นนั้น มาเรียต่อต้านจุมพิตแรกที่แสนขมปร่า เสียงอื้ออึงในลำคอทำให้พระองค์รู้ว่าเธอกำลังโกรธ

มาเรียดิ้นรนจนสามารถลุกขึ้นยืนได้สำเร็จ แต่ถ้าจะวิ่งจากไปง่ายๆก็ไม่ใช่มาเรีย สาวน้อยจึงเตะเสยปลายคางถวายชายแปลกหน้าให้งามๆหนึ่งดอก
มาเรียเดินฮึดฮัดไปถึงปากทางเข้ากระโจม เสียงแตกตื่นในใจมาเรียก็เริ่มดังขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฎแก่สายตาช่างแปลกใหม่และไม่เคยพบเห็นมาก่อน มาเรียขยี้ตามองภาพลำน้ำไนล์กว้างใหญ่ไพศาลเบื้องหน้า เรี่ยวแรงที่มีก็พลันหาย

แต่แล้วพลกำลังมหาศาลก็กระชากร่างบางเข้าสู่อ้อมอกเสียก่อน เจ้าชายอิสมิลทรงใจหายที่มาเรียกำลังเดินเหม่อลอยลงแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกรากไป เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองก็พบดวงเนตรเปี่ยมพิโรธแฝงความเป็นห่วงจับขั้วหัวใจ ทรงอุ้มหญิงสาวขึ้นพาดบ่าโดยที่มาเรียก็ยังนิ่งงันอยู่แบบนั้น ในยามนี้มีเพียงความกลัวอยู่เต็มไปหมด

“โอ... ข้าแต่เทพีอิชทาร์ นางเกือบจะหนีกลับสู่แม่น้ำไนล์ พวกเจ้าจงเพิ่มเวรยามให้แน่นหนา อย่าให้ธิดาแห่งไนล์หนีออกจากกระโจมไปได้!”

มาเรียขดตัวอยู่บนฟูกใหญ่พลางเงี่ยหูฟังด้านนอก แล้วพยายามฝืนตนเองไว้มิให้หลับเพื่อจะได้หลบหนี แต่ เปลือกตาหนักลงเรื่อยๆจากฤทธิ์ยา กระทั่งกลางดึกก็รู้สึกตัวตื่น มาเรียจึงต้องอายหน้าแดงเมื่อพบว่าตนเองซุกตัวอยู่ในอ้อมพระอุระกว้างๆ ซ้ำท่อนพระกรกำยำยังเกี่ยวกระหวัดร้อยรัดเอวบางมิยอมปล่อยห่าง ลมหายใจหอมหวลนุ่มนวลเป่ารดกันและกันจนเธอร้อนวูบวาบไปหมด

มาเรียพยายามปลดพันธนาการวาบหวามนี้ด้วยตนเองแต่ก็ทำมิได้ สาวน้อยจึงปลุกพระองค์เสียเลย

“อือ มีอะไรหรือ? ธิดาแห่งไนล์”

หญิงสาวกำหมัดต่อยพระพาหาไปเบาๆ แล้วจึงวางมือที่หน้าท้องของตนเอง เพื่อบอกใบ้ว่าอยากเข้าห้องน้ำ การหลบหนีจึงยิ่งง่ายดาย เมื่อมาเรียเดินหลบมาที่หลังฉากบังตาเพื่อทำธุระส่วนตัว แต่แท้จริงแล้วเธอตลบมุดชายกระโจมออกมาแล้วระวังทหารเวรยาม ก่อนจะมุ่งตรงสู่แม่น้ำไนล์ทันที

‘หากเดินลงไปแล้วจมน้ำตาย ใครจะรับผิดชอบ แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้’

เสียงเอะอะตึงตังและแสงคบเพลิงเริ่มสาดส่องไปทั่วบริเวณ อีกไม่กี่ชั่วอึดใจพวกเขาก็คงจะตามหาที่นี่พบ มาเรียเหลียวมองกลับไปยังทิศทางที่จากมาราวกับอาลัยอาวรณ์บางสิ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจก้าวลงแม่น้ำไป ลาจากโลกในอดีตที่โชคชะตาเล่นตลกให้ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสมาพบกัน และกลับคืนสู่โลกปัจจุบันโดยที่จำอะไรไม่ได้เลยเช่นเดียวกับแคโรลีน

‘คล้ายๆจะนึกออก เจ้าของเสียงที่ตะโกนเรียกด้วยความร้าวรานใจแทบขาดกับแววตาตัดพ้อคู่นั้น เขาชื่ออะไรกันหนอ?’

จากคุณ : natthakarn64
เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 55 19:11:09




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com