 |
บทที่ 1
เมืองพุกาม, เขตยองอู สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า โรงแรม Seventh Heaven
พีภัทรยกมือเคาะประตูห้องพักหมายเลข 205 เป็นจังหวะก๊อก ก๊อก ก๊อกสามครั้งเมื่อนาฬิกาชี้บอกเวลาสองทุ่มตรง ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อพนักงานจากร้านดอกไม้ยืนรอขณะหูได้ยินเสียงใครบางคนเคลื่อนไหวอยู่ภายในห้องหลังประตู ดอกกุหลาบแดงช่อโตที่ถืออยู่ในมือของเขาส่งกลิ่นหอม หมวกแก็ปและหนวดปลอมที่ติดอยู่บนผิวหน้าทำให้ไม่มีใครในโรงแรมมอซอแห่งนี้จะสามารถจดจำตัวจริงของเขาได้ และจะไม่มีใครรู้ว่าลุควิก บาคเค่นถูกผู้ใดฆาตกรรม...
พีภัทรปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มเมื่อประตูห้องแง้มเปิด เสี้ยวหน้าอวบอ้วนของชายชาวฮอลแลนด์ปรากฏตรงช่องว่างที่แง้มไว้ ดวงตากลมเล็กที่ดูเหมือนดวงตาของสุกรมากกว่าดวงตาของมนุษย์กวาดมองพีภัทรตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างสงสัย
“มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ?” ลุควิก บาคเค่นถามออกมาด้วยภาษาอังกฤษ
พีภัทรตอบด้วยภาษาอังกฤษซึ่งแสร้งพูดให้ฟังดูตะกุกตะกักเหมือนคนที่ไม่ค่อยได้พูดภาษาต่างประเทศสักเท่าไหร่
“เอ่อ คือ...ไม่ทราบว่า คุณคือมิสเตอร์ ลุควิก บาคเค่นใช่ไหมครับ?”
แม้ไม่ต้องถาม พีภัทรก็รู้คำตอบดีอยู่แล้วว่าใช่
ผู้ถูกถามหรี่ตาและผงกศีรษะเล็กน้อย “อาฮะ นั่นผมเอง คุณมีอะไร?”
“มีคนส่งดอกไม้มาให้คุณครับ” พีภัทรตอบ
ความเคลือบแคลงสงสัยของชายอ้วนชาวฮอลแลนด์หายวับไปจากใบหน้าและถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจทันที
“บอกผมหน่อยว่าใครส่งมา” ลุควิก บาคเค่นถาม ประตูที่แง้มไว้ขยับเปิดกว้างออกอีกเล็กน้อยเพื่อเปิดโอกาสให้สายตายลโฉมกุหลาบช่อโตในมือของพนักงานส่งดอกไม้หน้าหนวดกำมะลอ
พีภัทรแกล้งทำเป็นหลุบสายตาอ่านแผ่นการ์ดที่เสียบอยู่บนช่อดอกไม้
“จากมิสเตอร์ โอลาร์ฟ กุนโดมันน์ครับ”
“โอลาร์ฟของฉัน...โอลาร์ฟ...โอ้...”
ประตูห้อง 205 เปิดออกกว้าง เผยให้เห็นร่างขาวเผือกที่ไร้อาภรณ์ใดพันกายนอกจากผ้าขนหนูสีขาวซึ่งพันรอบพุงสามชั้นของลุควิก บาคเค่นไว้อย่างหมิ่นเหม่
“โอลาร์ฟเป็นคนส่งให้ผมจริงๆ หรือ?” ชายอ้วนชาวฮอลแลนด์ถามด้วยน้ำเสียงดีใจขณะยื่นมือออกมารับช่อดอกไม้ที่พีภัทรส่งไปให้ “แล้วทางร้านคุณรู้หรือเปล่าว่าเขาอยู่ที่ไหน?”
“ไม่ทราบครับ คุณโอลาร์ฟเขาโทรศัพท์มาสั่งและจ่ายเงินค่าบริการผ่านบัญชีเพย์พอล”
“อย่างนั้นหรือ?” สีหน้าของลุควิก บาคเค่นฉายแววผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจและฉีกยิ้มอีกครั้ง “ยืนรออยู่ตรงนี้ก่อน ผมจะหยิบทิปมาให้”
ประตูห้อง 205 ถูกปิดลง มีเสียงกดล็อคดังกริ๊กตามมา
ระวังตัวทุกฝีก้าวทีเดียว มิน่าถึงหนีตำรวจมาได้หลายประเทศ...พีภัทรคำนึงขณะลอบกวาดตาสำรวจเฉลียงทางเดิน ว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดจะเป็นพยานได้ว่าเห็นผู้ตายยืนคุยกับคนส่งดอกไม้ ชายหนุ่มใช้เวลานั้นสวมถุงมือสีดำอย่างคล่องแคล่ว และเมื่อประตูห้องแง้มเปิดอีกครั้ง เขาก็พร้อมแล้วสำหรับการลงมือ “นี่ ทิป ขอบคุณที่นำรอยยิ้มมาส่งให้ผม รับเงินไทยได้ใช่ไหม พอดีผมยังไม่ได้เอาไปแลกเป็นเงินจ๊าต”
ลุควิก บาคเค่นพูดแล้วฉีกยิ้ม ยื่นมือส่งธนบัตรหนึ่งร้อยบาทไทยมาให้
พีภัทรยิ้มตอบ เอื้อมมือออกไปเหมือนจะหยิบธนบัตร แต่ฉับพลันนั้น มือของเขาก็กระตุกวูบทิ่มเสยไปที่บริเวณลำคอของเป้าหมาย
ลุควิก บาคเค่นหน้าหงาย ล้มตึงลงไปบนพื้น ลูกกระเดือดเจ็บปวดจนไม่สามารถส่งเสียงร้องออกมาได้
พีภัทรสอดตัวผ่านประตูที่แง้มเปิดเข้าไปภายในห้อง ก่อนปิดประตูตามหลังและกดล็อค ร่างอ้วนเผละที่เต็มไปด้วยไขมันของลุควิก บาคเค่นนอนกุมลำคออยู่บนพื้น และเบิกตามองมาที่ร่างของหนุ่มส่งดอกไม้ด้วยความแตกตื่น
พีภัทรชักปืนกล็อค 9 ม.ม.สีดำมะเมื่อมออกมาจากหลังเอว
ร่างอ้วนๆ ของลุควิก บาคเค่นกระเถิบถอยหนีอย่างตื่นกลัว ผ้าขนหนูที่พันกายอยู่หลุดออก พีภัทรสังเกตเห็นว่าบนพื้นไม่ห่างไปนักมีถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ววางทิ้งอยู่ ชายหนุ่มกัดฟันกรอด นึกถึงเด็กผู้ชายชาวพม่าวัยแปดขวบที่เดินร้องไห้ออกไปจากโรงแรมแห่งนี้เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน
พีภัทรย่างเท้าเข้าไปพลางประกอบที่เก็บเสียงเข้ากับปลายกระบอกปืน
“แก...แกเป็นใคร?” ผู้ที่กำลังจะกลายเป็นศพเอ่ยถามออกมาอย่างยากลำบากเพราะลำคอยังรู้สึกเจ็บปวดจนน้ำตาไหล แต่ก็จนปัญญาที่จะหนีไปไหน ถอยมาจนแผ่นหลังติดปลายเตียงแล้ว แต่ผู้ถือปืนก็ยังย่างสามขุมเข้ามาเรื่อยๆ
“ฉันเป็นใครไม่สำคัญ” พีภัทรตอบ หยุดยืนอยู่เบื้องหน้าเป้าหมาย “สำคัญแต่เพียงว่า ฉันคือคนที่จะส่งแกไปลงนรก”
“นรก!”
ลุควิก บาคเค่นเค้นเสียง พีภัทรไม่แน่ใจว่าเป้าหมายกำลังทวนคำพูดของเขาหรือกำลังสบถกันแน่
“ใช่ นรก” ชายหนุ่มนักฆ่าจึงเอ่ยซ้ำอีกครั้งให้ฝ่ายตรงข้ามฟังถนัดหู
“นรก!” คราวนี้พีภัทรแน่ใจแล้วว่าลุควิก บาคเค่นกำลังสบถ “ฉันไปทำอะไรให้แกวะ!”
“กับฉันน่ะเปล่า แต่กับคนอื่นน่ะ...ไม่หมดไม่สิ้น”
“แกพูดเรื่องบ้าอะไรกันหะ ฉันไม่รู้เรื่องโว้ย!”
พีภัทรทำท่าถอนหายใจ ภาษาอังกฤษของเขาไม่ตะกุกตะกักอีกต่อไปแล้ว “คิดให้ดีสิ ลุควิก แกทำอะไรไว้กับเด็กผู้ชายพวกนั้น?”
ชายร่างอ้วนมีสีหน้าที่ตกตะลึง “แก...แกรู้...”
นัยน์ตาของพีภัทรเป็นประกายกร้าวขณะกล่าวตอบ
“ลุควิก บาคเค่น สัญชาติฮอลแลนด์ อายุ 34 ปี หนีหมายจับจาก 4 ประเทศในยุโรปด้วยข้อหาร่วมมือกับโอลาร์ฟ กุนโดมันน์ผู้เป็นคู่ขาในการล่วงละเมิดทางเพศและทารุณกรรมผู้เยาว์ 57 ราย ตลอดระยะเวลาสามปีและ แกกับโอลาร์ฟ กุนโดมันน์ก็หนีมากบดานที่กรุงเทพเมื่อสองเดือนก่อน แต่ก็ยังไม่ทิ้งสันดานเดิม ก่อนที่จะแยกย้ายกันหนี แกหลอกเด็กผู้ชายอีกหกคนมากระทำชำเรา แต่ละคนอายุไม่ถึงสิบขวบ และพ่อแม่ของพวกเขาก็ส่งฉันมาที่นี่”
“แต่แกจะมาฆ่าฉันไม่ได้ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด!” ลุควิก บาคเค่นสวนกลับ ลดมือที่กุมลำคอลง “ฉันไม่ได้ทุบตี ไม่ได้เฆี่ยน ไม่ได้ทำอะไรที่รุนแรงเลย – คนที่ทำน่ะโอลาร์ฟต่างหาก - สิ่งที่ฉันทำมันก็แค่เซ็กส์ แกเข้าใจใช่มั้ย? เซ็กส์น่ะ ฉันไม่เคยฆ่าเด็กพวกนั้นสักหน่อย!”
พีภัทรจ้องเข้าไปในดวงตาของฝ่ายตรงข้าม “แกไม่เคยสำนึกผิดเลยสักนิด”
“ก็ไม่เห็นมีเด็กที่ไหนตายเพราะฉันกับโอลาร์ฟนี่หว่า แล้วแกจะมาฆ่าฉันได้ยังไง!”
“แน่ใจนะว่าไม่มี?”
“ใช่!”
พีภัทรเดินเข้าไป จ่อปลายกระบอกปืนซึ่งติดที่เก็บเสียงเข้ากับหน้าผากของชายร่างอ้วนผู้มีจิตใจวิตถาร
ถึงเวลาลงโทษแล้ว...
“ที่เมืองไทย เด็กผู้ชายอายุเก้าขวบคนหนึ่งกลับไปผูกคอตายที่บ้านหลังจากถูกแกกับโอลาร์ฟลักพาตัวไปข่มขืนอยู่สามวัน ทีนี้ปฏิเสธอีกมั้ยว่าไม่เคยมีใครตายเพราะการกระทำของพวกแก?” พีภัทรสอดนิ้วใต้ถุงมือแตะไกปืน
เหงื่อเม็ดโป้งผุดขึ้นบนหน้าผากเถิกสูงของลุควิก บาคเค่น
ชายร่างอ้วนอ้าปาก แต่ไม่มีคำพูดใดหลุดลอดออกมา ลุควิก บาคเค่นคิดว่าตนเองเห็นความตายอยู่ในดวงตาของผู้ถือปืน ดังนั้น เขาจึงหลับตาลง และประสานสองมือไว้ด้วยกันระดับหน้าอก ส่วนปากก็พึมพำภาวนาขอพรจากพระเจ้าให้รับดวงวิญญาณของเขาเข้าสู่อ้อมกอดของพระองค์
พีภัทรมองการกระทำของชายชาวฮอลแลนด์ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“คนชั่วอย่างพวกแกไม่สมควรเอ่ยชื่อศาสดาองค์ใดในโลกนี้อีกนอกจากซาตาน ลุควิก” นักฆ่าหนุ่มกระซิบ “และตอนนี้ แกกำลังจะได้ตามไปอยู่กับโอลาร์ฟที่แกรักในนรก”
ลุควิก บาคเค่นชะงักการภาวนาก่อนลืมตาขึ้นมองพีภัทรเมื่อได้ยินสิ่งที่เขากล่าว
ลุควิก บาคเค่นอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
แต่พีภัทรก็เลือกที่จะเหนี่ยวไกปืนในวินาทีนั้น
สมองของชายชาวฮอลแลนด์ระเบิดกระจุย เช่นเดียวกับคู่ขาแห่งความวิปริตที่ชื่อโอลาร์ฟ กุนโดมันน์ซึ่งถูกพีภัทรตามกำจัดในโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งที่กรุงเวียงจันทร์ ประเทศลาวเมื่อสามวันก่อน
พีภัทรกวาดสายตาสำรวจมองศพสภาพอุจาดของลุควิก บาคเค่นเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเขาก็ถอดที่เก็บเสียง และยัดปืนเก็บเข้าหลังเอว คว้าช่อกุหลาบกับการ์ดที่วางอยู่บนเตียงก่อนตรงไปที่ประตู เปิดแง้มดูเล็กน้อยว่ามีใครอยู่ตรงเฉลียงทางเดินหรือเปล่า เมื่อปรากฏว่าไม่มี เขาก็สอดตัวออกไปและปิดประตูตามหลัง
ไม่กี่นาทีต่อมา ชายหนุ่มก็เดินออกจากโรงแรมอันแสนซอมซ่อแห่งนั้นด้วยท่วงท่าปกติ เมื่อเข้ามาอยู่ในรถเก๋งญี่ปุ่นสีแดงที่ติดฟิล์มกรองแสงเสียดำมืดในลานจอดรถ พีภัทรก็โยนช่อกุหลาบไปด้านหลัง ถอดแจ็คเก็ตที่สกรีนชื่อร้านดอกไม้ซึ่งไม่มีอยู่จริงในโลกใบนี้ออก เผยให้เห็นเสื้อยืดสีดำที่ใส่อยู่ด้านในและท่อนแขนที่กำยำได้รูปจากการออกกำลังอย่างหนักหน่วงมาตั้งแต่เด็ก
ในลานจอดรถขณะนี้ร้างราผู้คน สวนทางกับดาวบนฟ้าของประเทศพม่าที่กระพริบวิบไหวอย่างมีชีวิตชีวา พีภัทรเปิดไฟในรถ ส่องกระจกดูใบหน้าของตนเอง เขาดึงหนวดปลอมที่ติดอยู่บนริมฝีปากออก ยัดเก็บไว้ในเสื้อแจ็คเก็ตที่เพิ่งถอด แล้วยกมือลูบใบหน้าคมสันที่พอกแป้งเปลี่ยนโฉมซึ่งโปะเครื่องสำอางทับรอยแผลเป็นรูปกากบาทบนแก้มซ้ายเอาไว้
เครื่องสำอางชนิดนี้ต้องล้างด้วยน้ำสะอาด พีภัทรลดมือลงและเหยียดแขนตรงจับพวงมาลัย ตั้งใจไว้ค่อยกลับไปล้างในห้องน้ำบนห้องพักของโรงแรม First Parade ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรม Seventh Heaven ไปไม่มาก แต่กลับมีความหรูหราและสะดวกสบายที่แตกต่างราวฟ้ากับดินทีเดียว
พีภัทรลดมือที่จับพวงมาลัยข้างหนึ่งบิดกุญแจสตาร์ทรถ เครื่องยนต์สำลักสองครั้งก็ครางหึ่ง ชายหนุ่มฮัมเพลงไม่เป็นทำนอง ถอดถุงมือออกยัดใส่ไว้ในเสื้อแจ็คเก็ตตัวเดิม เขากดวิทยุเปิดฟังเพลงภาษาพม่าที่ฟังไม่รู้เรื่องและบางเพลงก็มีทำนองเหมือนเพลงของศิลปินไทยแทบทุกตัวโน๊ต
แต่พีภัทรก็ต้องฟังไปเพื่อแก้เซ็งขณะขับรถกลับโรงแรม
++++++++
แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 55 20:27:54
จากคุณ |
:
ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค
|
เขียนเมื่อ |
:
10 ก.พ. 55 19:20:32
|
|
|
|
 |