 |
.
ตอนที่ 13
เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้นอยู่ตรงหน้าประตูห้องนอนทำให้ชุติมนต้องเดินมาเปิดประตูห้องให้กับเจ้าของเสียงเคาะนั้น เวลานี้สายตามองเห็นมนัญชยากำลังยืนพยุงธีริทธิ์อยู่ไม่ห่าง และเด็กสาวก็รีบอธิบายให้เธอฟังก่อนว่าทำไมถึงต้องเดินมาส่งธีริทธิ์ถึงห้องนอน
“คุณลุงปวดหัวน่ะค่ะ ฝ้ายเลยพาท่านมาส่ง”
ชุติมนยังไม่มีทีท่าแต่ประการใดยามรู้ว่าสามีตัวเองไม่ค่อยสบาย เพราะเธอเอาแต่เอาส่งสายตาบางอย่างไปจับจ้องใบหน้าเด็กสาว
คนที่ถูกจับจ้องเองก็เริ่มรู้สึกถึงสายตานั้น เธอค่อยๆ ก้มหน้าลงเพียงเล็กน้อย เพื่อหลบสายตาคุณป้า และโชคดีเหลือเกินที่เสียงของคุณลุงธีดังขึ้นมาก่อน ทำให้คุณป้าต้องรีบดึงสายตาหนีแล้วปราดเข้าไปประคองผู้เป็นสามีแทน
“คุณ จะยืนขวางประตูอีกนานมั้ย ผมอยากเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านอนเหลือเกิน”
“ค่ะๆๆ”
ชุติมนหลีกทางให้ มนัญชยาค่อยๆ พยุงธีริทธิ์เข้าไปในห้องแล้วทอดสายตามองตามเด็กสาว นึกอยู่ในใจด้วยว่า ถ้าหากณิชนันท์เอาอย่างมนัญชยาบ้างก็คงดี แต่ก็นั่นแหละ
ณิชนันท์มีความเป็นตัวของตัวเองสูงเหลือเกิน ไม่มีทางแน่ๆ ที่จะทำตามใครและทำในสิ่งที่ตัวเองมองว่าเป็นการประจบประแจง ใช่จะได้มาจากความใส่ใจจริงๆ
ชุติมนถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะเดินตามไปด้วย แล้วบอกแก่เด็กสาวตรงหน้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“หมดหน้าที่ของหนูแล้วล่ะฝ้าย”
ด้วยความรู้สึกไม่ค่อยสู้จะชอบใจเสียแล้วที่เห็นมนัญชยาจะดูแลเอาใจใส่ธีริทธิ์อย่างนี้ และนึกๆ ไปก็ทำให้ชุติมนเริ่มไม่เข้าใจตัวเหมือนกันว่าทำไมเธอถึงรู้สึกหวงผู้เป็นสามีขึ้นมา
มนัญชยาปล่อยมือแล้วเหลียวกลับไปมองหน้าของชุติมนด้วยความสงสัย
“หนูกลับไปพักได้แล้วล่ะ” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยต่อมา มนัญชยาเหลียวกลับไปสบตากับธีริทธิ์และคุณลุงก็พยักหน้าขึ้นลง พลางเอ่ยสำทับ “หนูกลับไปพักเถอะ ขอบคุณมากนะ ที่หายาและน้ำมาให้ ตอนนี้ลุงหายปวดหัวแล้วล่ะ”
ที่หายไปนานเพราะอย่างนี้นี่เอง….. ชุติมนบอกกับตัวเองในใจ ด้วยความเข้าใจ
“ค่ะ คุณลุงพักผ่อนให้มากๆ นะคะ ถ้ายังไม่หาย ไปให้หมอตรวจดูอาการก็ดี”
ธีริทธิ์หันมายิ้มให้กับเด็กสาวที่แสดงอาการใส่ใจในอาการปวดหัวเล็กๆ น้อยๆ แล้ววางมือหนาลงไปขยี้ศีรษะเบาๆ
“ไม่ต้องห่วงหรอก ลุงไม่เป็นอะไรจริงๆ ไปนอนได้แล้ว หนูเองก็เหนื่อยและเจอเรื่องแย่ๆ มาทั้งวันแล้วนี่”
มนัญชยายิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่อยากมองตาชุติมนเลย “ ค่ะ”
“อ้อ แล้วเรื่องห้องนอนหนู เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยให้แม่บ้านมาทำความสะอาดและจัดห้องนอนให้หนูใหม่ คืนนี้หนูไม่ต้องเก็บต่อแล้วล่ะ เอาเวลาที่มีไปพักผ่อนดีกว่า”
“ค่ะ คุณลุง”
มนัญชยารับคำอีกครั้งแล้วหมุนตัวกลับเพื่อจะเดินออกจากห้อง จังหวะหนึ่งก็ยังรู้สึกว่าป้ามนยังจ้องหน้าเธอแปลกๆ เลยทำให้มนัญชยา ค้อมตัวแล้วเดินผ่านออกไปโดยมีชุตินมนเดินตามและคอยปิดประตูห้องให้
จากนั้นเธอก็หมุนตัวกลับมามองสามีที่กำลังแกะกระดุมเสื้อออกช้าๆ
“เรื่องของยัยเพลิน คุณคิดเหรอว่าเพลินจะทำถึงขนาดนั้น”
ชุติมนเริ่มพูดถึงเรื่องที่ยังค้างคากับสามี แต่ก็ถูกธีริทธิ์ปัดกลับมา คล้ายไม่อยากจะพูดถึงในตอนนี้
“พอก่อนได้มั้ยมน ผมเหนื่อยอยากนอนแล้วล่ะ”
ชุติมนส่ายหน้า เม้มริมฝีกปากน้อยๆ เธอจะไม่พูดอะไรกับเขาก็ไม่ได้ เธอไม่อยากให้เรื่องนี้มันค้างคา อยู่ในใจธีริทธิ์ แล้วเขาจะคิดเอาเองว่าณิชนันท์ทำจริงๆ ถ้าปล่อยให้มันค้างคา เขาก็จะคิดเอาเองอยู่ร่ำไปเด็กสาวที่มีนิสัยไม่น่ารัก ไม่เหมือนหนูฝ้าย
“แต่ยัยเพลินบอกกับฉันเองว่าแกไม่ได้ทำ นะคะ”
“ถ้าไม่ได้ทำ แล้วยัยเพลินเข้าไปที่ห้องหนูฝ้ายทำไม ยัยเพลินตอบคุณมั้ย”
ชุติมนอ้าปากจะอธิบาย แต่พอเจอคำพูดนี้ของสามีเข้าไปถึงกลับอับจนคำพูดไปเลย ก็เพราะเพราะณิชนันท์ไม่ยอมบอกเธอน่ะสิ เรื่องที่ณิชนันท์เข้าไปในห้องนอนฝ้ายแล้วไม่ได้ทำลายข้าวของมนัญชยาจึงดูไม่มีน้ำหนักพอ
“เห็นมั้ย แม่ลูกสาวของเรา” ธีริทธิ์พูดขึ้นมาเอง ในน้ำเสียงติดจะหัวเราะหยันอยู่
“แต่ว่า...”
“พอเถอะๆ คุณมาช่วยเตรียมน้ำอุ่นๆ ให้ผมอาบทีเถอะ แล้วเรื่องนี้ค่อยสะสางกันพรุ่งนี้”
ชุตินมนถึงกลับถอนหายใจหนักๆ แล้วค่อยสะสางกันต่อหรือ เมื่อไหร่ พอถึงวันพรุ่ง มีงานอีกมากมายที่บริษัทให้ธีริทธ์คอยสะสาง เชื่อได้เลยว่า เขาก็คงจะเลือกไม่สนใจมันอีกต่อไปแล้ว จากนั้น เขาก็จะเข้าใจแต่ว่า ณิชนันท์ผิด “ค่ะ”
รุ่งเช้าสิ่งที่ชุติมนแอบกังวลก็เกิดขึ้น มนัญชยาตื่นแต่เช้าเข้าครัว เตรียมอาหารเช้าเป็นข้าวต้มกุ้งกลิ่นหอมฉุย กลิ่นของมันกำลังโชยออกมาจากห้องครัวมาแต่ไกล ทำให้ชุติมนต้องเดินตามกลิ่นนั้นเข้ามาดู
“ทำอะไรอยู่เหรอจ๊ะ หนูฝ้าย?”
“อ้อ! คุณป้า ฝ้ายกำลังทำข้าวต้มน่ะค่ะ ข้ามต้มกุ้ง” เด็กสาวตกใจนิดๆ ที่มีคนเรียกชื่อจากสิ่งที่กำลังตั้งใจทำ เธอหันมาคำถามเบาๆ
ไม่แปลกที่มนัญชยาจะทำอาหาร แต่ชุติมนสัมผัสได้อยู่ลึกๆ ว่าการที่เด็กสาวกุลีกุจอตื่นแต่เช้า ตื่นก่อนตัวเธอแล้วรีบมาเข้าครัวเพราะ….
“เห็นว่าคุณลุงปวดหัว ฝ้ายก็เลยมาเตรียมข้าวต้มให้ อาหารอ่อนๆ ทานง่ายย่อยง่าย แล้วก็มียาค่ะ ไม่รู้ว่าคุณลุงหายปวดหัวรึยัง”
เด็กสาวเหมือนพูดเรื่อยๆ และยามเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ก็ละสายตาจากหม้อข้าวต้มหม้อใหญ่ หันกลับมาชุติมนด้วยรอยยิ้ม นี่
“ หายแล้วล่ะ เช้านี้ก็ไม่บ่นเรื่องปวดหัวนี่”
“ฝ้ายว่า การที่คุณลุงปวดหัว เป็นเพราะเรื่องงานแน่ๆ เลยค่ะ ฝ้ายสังเกตให้คุณลุงบอกว่างานที่บริษัทหนักแล้วบ่นว่าเหนื่อย เครียด”
... นั่นก็เพราะว่าเด็กสาวเป็นเช่นนี้แหละ ช่างเอาอกเอาใจ อ่อนหวาน รู้ใจธีริทธิ์ดีไปเสียหมดทุกอย่าง
“ทำไปถึงไหนแล้ว” ชุติมนถามอีก ยามขยับเท้าเข้าไปดูผลงานของเด็กสาวใกล้ๆ
“เสร็จแล้วล่ะค่ะ” มนัญชยาตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานเช่นเคย,,,
“แล้ววันนี้หนูไม่ไปโรงเรียนเหรอ?” ชุติมนถามพลางส่งสายตาจดจ้องดูหม้อข้าวต้มที่เด็กสาวทำกรุ่นกลิ่นความหอมของมันยังโชยแตะจมูก
“ไม่ค่ะ ทางโรงเรียนหยุดให้เด็กอ่านหนังสือ เตรียมสอบ”
“ให้ป้าช่วยด้วยนะ” ชุติมนไม่รอให้เด็กสาวตอบก็ก้าวเข้าไปหยิบช้อนเพื่อเตรียมตั้งโต๊ะ
มนัญชยามองผู้ที่อาสาเข้ามาช่วยและยืนแทนที่เธอในแบบที่ไม่สามารถทำอะไรได้ต่อ เด็กสาวจึงปล่อยให้หน้าที่นี้เป็นของชุติมน ส่วนเธอก็ผละออกไปอย่างเงียบๆ
(มีต่อ) .
จากคุณ |
:
พิณพลอย
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ก.พ. 55 13:10:20
|
|
|
|
 |