Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เพลงดวงดาว ตอนที่ 20 ติดต่อทีมงาน

เด็กหญิงรูปร่างผอมบางจนแทบจะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ยืนย่อเข่า ตั้งท่าอยู่ใต้ ต้นไม้ รูปแบบชีวิตอันแสนล้ำค่าที่กำลังจะตาย เปลือกไม้ทั้งต้นนั้นเป็นสีดำสนิทดุจถ่าน บนกิ่งก้านที่หงิกงอเป็นปุ่มปม หลงเหลือใบไม้แห้งสีดำเช่นเดียวกัน ติดอยู่เพียงไม่กี่ใบ

เธอสูดลมหายใจ ก่อนเริ่มเคลื่อนไหวร่างกายให้สอดผสานไปกับกระแสของทุกสิ่งที่อยู่รอบกาย สายลมพัดหมุนวน สองมือเคลื่อนไหวต่อเนื่อง สองเท้าย่างก้าวแผ่วพริ้ว เมฆหนาไหลเอื่อยบดบังท้องฟ้า นานๆ ครั้งจึงจะมีแสงสว่างส่องลอดผ่านลงมาถึงพื้นดิน

ภายใต้อากาศเยียบเย็น เธอมีเพียงเสื้อคลุมตัวเดียวสวมปกปิดกาย ถึงแม้เรือนร่างนั้นจะแบบบาง แต่เมื่อเคลื่อนไหวดุจร่ายรำเช่นนี้ กลับทำให้รู้สึกชวนลุ่มหลงไม่ใช่น้อย น่าเสียดายที่ผู้รับชมกลับมีเพียงสองคนเท่านั้น หนึ่งคือร่างเล็กๆ ที่นอนหลบซ่อนกายอยู่ใต้กองผ้า สิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าผู้นั้นยังคงมีชีวิตอยู่ คือการกระเพื่อมไหวน้อยๆ ที่แสดงให้เห็นถึงลมหายใจ

ส่วนชายอีกผู้หนึ่งกลับยืนหันหลัง ทอดสายตามองไกลไปที่สุดขอบฟ้า ร่างกำยำสูงใหญ่นั้นยังดูหนุ่มแน่น แต่ในแววตาทั้งสองแฝงไว้ด้วยความรันทด คล้ายรู้ตัวว่าไม่มีอนาคตดีงามอันใดหลงเหลืออยู่

สายลมเปลี่ยนเป็นพัดเร่งเร้า เมฆหนาเบียดตัวกันแน่นจนกลายเป็นหยาดฝนโปรยปราย ซึ่งนับเป็นเรื่องแปลกที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก การร่ายรำของเธอก็เปลี่ยนท่วงทำนอง จากท่าร่างที่เคยอ่อนช้อยงดงาม กลายเป็นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง แต่ละเท้าที่กระแทกพื้นทำให้แผ่นดินสะเทือน แต่ละหมัด แต่ละฝ่ามือ ทั้งรวดเร็ว ทั้งดุดัน

ท่วงทำนองดนตรีแห่งธรรมชาติเร่งเร้าจนถึงขีดสุด ร่างน้อยๆ พลันหายไปจากสายตา พร้อมบังเกิดเสียงดังราวกับฟ้าร้อง ต้นไม้ใกล้ตายส่ายไหวสะเทือน ทอดทิ้งใบแห้งกรอบที่เหลืออยู่ให้ร่วงหล่นลงมา สายฝนหยุดลงหลังจากที่พึ่งตกเพียงระยะเวลาสั้นๆ สายลมเองก็หยุดพัดเช่นกัน

เธออยู่ในจุดสิ้นสุดของการออกหมัดตรง กำปั้นที่กำไว้หลวมๆ อยู่ห่างจากลำต้นสีดำนั้นเพียงเล็กน้อย เธอผ่อนลมหายใจออกช้าๆ ก่อนกลับคืนสู่ท่วงท่าแห่งการเริ่มต้น ใบไม้ร่วงหล่นลงสัมผัสผืนดิน การร่ายรำสิ้นสุดลงแล้ว

ชายผู้นั้นพลันส่ายหน้า ทอดถอนใจ เธอเองก็ยืนเหม่อมองใบไม้แห้งอีกหนึ่งใบที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนกิ่งหงิกงอ สีหน้าแสดงความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน

ชายหนุ่มยกมือขึ้นช้าๆ วางทาบลงที่ต้นไม้อย่างแผ่วเบา คล้ายสัมผัสของคนรัก คล้ายสัมผัสจากมารดา ห่วงใย และอบอุ่น ใบไม้แห้งดำกรอบพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นสีเขียวนวลตา ก่อนร่วงหล่นลงมาจากกิ่ง เด็กน้อยทั้งสองจ้องมองดูสีแห่งชีวิตนั้นอย่างไม่วางตา

แต่เมื่อใบไม้ร่วงหล่นถึงพื้น เด็กทั้งสองจึงพบเห็นว่า มันเองก็เป็นสีดำสนิท ไม่แตกต่างจากใบไม้อื่นๆ ก่อนหน้านี้เลย เสียงลั่นเสียดอากาศพลันดังขึ้น ที่มาของเสียงนั้น คือลำต้นที่กำลังฉีกขาดของต้นไม้ใกล้ตายเมื่อครู่นี้เอง มันโยกเอนไปมาก่อนล้มฟาดลงบนพื้น

เมื่อทุกอย่างสงบลง พวกเธอจึงพบว่า ชายหนุ่มผู้นั้นได้จากไปแล้ว ชายหนุ่มที่พบกันโดยบังเอิญในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ชายหนุ่มที่สอนให้พวกเธอรู้จักวิชาการต่อสู้ เขาไม่ได้ลงมือช่วยเหลือพวกเธอโดยตรงเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาเพียงถ่ายทอด และเฝ้าดูการดิ้นรนของพวกเธออยู่เงียบๆ

ตลอดเวลาที่ทั้งสามอยู่ร่วมกัน เขาไม่เคยเอ่ยคำพูดออกมาแม้แต่คำเดียว จนพวกเธอเข้าใจว่า เขาไม่สามารถพูดจาส่งเสียงได้ แต่วันนี้พวกเธอได้รู้แล้วว่า มันเป็นความคิดที่ผิด

“...เวลาแห่งทุ่งดอกไม้มาถึงแล้ว ลาก่อน...”

เสียงนุ่มนวลแผ่วเบานั้นเป็นหนึ่งเดียวกับสายลม จนไม่อาจจับทิศจำแนกทางได้ และพวกเธอเองก็ไม่ได้คิดจะดิ้นรนติดตามค้นหาเขาแต่อย่างใด หนทางได้นำพาทั้งสามคนมาพบกัน และตอนนี้หนทางก็นำพาเขาจากไปแล้ว พวกเธอสองพี่น้องยังคงมีกันและกัน หนทางก่อนหน้านี้เป็นเช่นไร ต่อไปก็เป็นเช่นนั้น

เรายังคงมีกันและกันตลอดไป

#####

ประกายดาบไม่ได้เป็นสีเขียว แต่ในสายตาของทริก มันเป็นดั่งสีเขียวของใบไม้ใบสุดท้ายในวันนั้น 'ใบไม้ร่วงหล่น ชีวิตดับสูญ' ร่างของเธอพลันเลือนหายไปจากสายตาของทุกคน แม้แต่กริมเองก็ยังไม่อาจมองเห็น

#####

โนอาในวัยหนุ่มมองดูสิ่งของที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสนใจ เขาเคยแอบออกมาผจญภัยนอกเมืองแบบนี้หลายครั้งแล้ว แต่ยังไม่เคยพบเจอกับของสิ่งนี้มาก่อน ในพริบตาแรกที่ได้เห็น เขาก็เกิดความรู้สึกที่ยากอธิบายขึ้นมาในทันที

“มันคืออะไรกัน”

“มันเป็นอาวุธสังหาร ที่เรียกว่าดาบ”

“...ดาบ”

คำสั้นๆ ที่กระชับชัดเจน มันเป็นชื่อที่ถูกต้อง แค่เพียงเปล่งเสียงก็ทำให้เขามองเห็นภาพการสังหารของมันได้ภายในห้วงความคิด 'ดาบ' ฟาดฟัน 'ดาบ' ตัดเฉือน 'ดาบ' ทำลาย 'ดาบ' ตาย คำว่า ดาบ ก้องสะท้อนไปมาอยู่ในห้วงความคิดของเขา

โคจิโร่ ชายหนุ่มคู่สนทนาที่นั่งอยู่พลันรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของคนเมืองที่อยู่ต่อหน้า เขาทำการซื้อขายดาบมาหลายปี มีโอกาสได้เจอกับลูกค้าที่หลากหลาย ความรู้สึกเช่นนี้เขาเคยพบจากผู้พเนจรที่มีฝีมือเก่งกาจบางคนเท่านั้น

เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่า หนุ่มชาวเมืองที่ไม่เคยรู้จักกับดาบ จะสามารถสร้างบรรยากาศกดดันที่เข้มข้นแบบนี้ขึ้นมาได้ ขนที่หลังคอของเขาตั้งชัน จนต้องพยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้ ไม่ให้ยื่นมือออกไปคว้าดาบที่วางอยู่ระหว่างทั้งสองขึ้นมาเพื่อใช้ป้องกันตัว

ประตูห้องพลันเลื่อนเปิดออก ชายหนุ่มรูปร่างสูงสมส่วนอีกคนหนึ่งยืนจับจ้องมองมาที่คนเมืองแปลกหน้าผู้นั้น โคจิโร่จึงฉวยโอกาสลุกขึ้นเพื่อแนะนำผู้มาใหม่ แต่ความจริงแล้ว เขาต้องการหลบออกมาสู่ระยะปลอดภัยนั่นเอง 'ทำไมต้องกลัวถึงขนาดนี้ด้วยนะ ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด'

“นี่คือ มุซาชิ เป็นช่างตีดาบมือหนึ่งของเรา”

ใจของโนอาหลุดออกจากความคิดเรื่องดาบ เหลียวหน้าไปมองผู้มาใหม่ บรรยากาศกดดันคลี่คลายลง โคจิโร่ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ส่วนทางนี้คือ...”

“คนเมืองมาทำอะไรที่นี่”

“...เขาเป็นลูกค้าของเรา”

โคจิโร่พึมพำเบาๆ ก่อนก้มหน้าหลบสายตา

“เราไม่ควรขายอาวุธให้กับคนเมือง”

มุซาชิพูดออกมาตรงๆ อย่างไม่เกรงใจ โนอายิ้มอย่างใจเย็น

“ผมคิดว่าการร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะกับทางพวกคุณ ซึ่งสามารถร้องขอสิ่งแลกเปลี่ยน เป็นสินค้าหายากที่มีแต่เฉพาะภายในเมืองได้ด้วยนะครับ”

โคจิโร่ตาลุกวาวเมื่อได้ยินข้อเสนอ แต่ดูเหมือนว่ามุซาชิจะไม่ค่อยสนใจนัก

“...ฉันคิดว่าสำนักวิทยาศาสตร์คงไม่เห็นด้วยในเรื่องนี้”

สีหน้าของโนอาเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ก่อนที่เขาจะกลับมายิ้มเช่นเดิม

“ผมสามารถจัดการให้พวกเขาไม่เข้ามาเกี่ยวข้องได้”

น้ำเสียงที่เชื่อมั่นนั้น ทำให้โคจิโร่เผลอพยักหน้าอย่างพอใจ การค้าที่ทำกำไรดีเช่นนี้มีหรือที่เขาจะปฏิเสธ แต่น่าเสียดายที่มุซาชิดันเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว 'เจ้าคนหัวแข็งไม่เข้าเรื่อง แต่ถ้าเขาไม่ยอมตกลง ฉันคงกล่อมได้ลำบาก'

“หยิบดาบขึ้นมา แล้วออกไปข้างนอกกับฉัน”

คำพูดนี้ของมุซาชิทำเอาโคจิโร่หน้าซีดลงในทันที

“...นายคิดจะทำบ้าอะไร เขาเป็นเพียงแค่...”

เขามองมา และมันทำให้โคจิโร่ต้องรีบปิดปากลง ขนที่หลังคอตั้งชันขึ้นอีกครั้ง 'แววตาแบบนั้น ซวยแล้ว' บรรยากาศกดดันที่คนเมืองปลดปล่อยออกมาเมื่อครู่นี้คงชักนำเขาออกมา แต่ฝ่ายตรงข้ามเป็นคนที่ไม่เคยจับดาบมาก่อนเลย ทำไมเขาต้องรู้สึกสนใจมากมายขนาดนี้ด้วย 'แม้แต่ผู้พเนจรที่เก่งกาจ เขายังไม่เคยใส่ใจเลย'

โนอายิ้มด้วยความตื่นเต้น ก่อนยื่นมือออกไปหยิบดาบที่วางอยู่ขึ้นมา ถึงแม้เขาจะไม่เคยพบเห็นอาวุธเช่นนี้ แต่เขาเคยฝึกการใช้กระบองไฟฟ้ามาจนชำนาญแล้ว เขาคิดว่าพวกมันคงไม่ต่างกันมากนัก

มุซาชิที่สงบเงียบเดินนำหน้า ต่อมาคือโนอาที่กำลังคึกคัก ปิดท้ายด้วยโคจิโร่ที่ดูวิตกกังวล มุซาชิเดินไปอย่างเชื่องช้า เปิดเผยแผ่นหลังให้กับโนอาที่มีดาบอยู่ในมือ 'มันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน' แผ่นหลังของคนที่อยู่ข้างหน้านั้น มีพลังดึงดูดดาบในมือของเขาอย่างรุนแรง

ใจของโนอากลับมาจดจ่ออยู่กับดาบในมือ สภาวะกดดันก่อตัวขึ้นอีกครั้ง 'ฉันจะฟันได้ไหมนะ' มุซาชิเดินต่อไปราวกับไม่รับรู้ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นทางเบื้องหลัง โคจิโร่หลั่งเหงื่อเย็นเยียบทั่วกาย ได้แต่ภาวนาซ้ำไปซ้ำมาอยู่ภายในใจ 'อย่าชักดาบเชียวนะ อย่า'

ในที่สุดทั้งสามก็เดินออกสู่ภายนอก สิ่งที่หยุดโนอาไว้จากการชักดาบออกมา คือความนับถือในตนเองของเขา 'ฉันจะไม่ลงมือจู่โจมใครจากทางด้านหลังอย่างเด็ดขาด'

มุซาชิเดินออกสู่ลานกว้าง มุมปากคล้ายมีรอยยิ้มขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อเขาหันกลับมา รอยยิ้มนั้นก็สลายหายไป ทั้งสองยืนเผชิญหน้าอยู่กลางลานกว้าง โคจิโร่ได้แต่หยุดยืนอยู่ห่างๆ เขาเป็นห่วงถึงผลประโยชน์มหาศาลที่อาจจะหลุดลอยไป ห่วงถึงความยุ่งยากที่อาจจะติดตามมา เพราะชาวเมืองคนนี้ดูเหมือนจะมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาเลย

“ดาบของคุณล่ะ”

“เธอรู้จักวิธีจับดาบหรือเปล่า”

โนอาชักดาบออกจากฝัก ก่อนถือมันไว้เหมือนกับกระบองไฟฟ้าที่เคยใช้

“ดาบของคุณล่ะ”

มุซาชิพลิกมือขวา ในมือพลันมีแท่งโลหะสั้นๆ ด้ามหนึ่ง โนอาขมวดคิ้ว เขาพลิกมือซ้ายอีกครั้ง ในมือมีแท่งโลหะเพิ่มขึ้นอีกด้ามหนึ่ง

“นั่นไม่ใช่ดาบ ไม่ใช่แม้แต่อาวุธ...”

เขาพูดได้แค่นั้น เพราะคู่ต่อสู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อครู่นี้ราวกับเป็นคนละคน จะเป็นเศษโลหะ หรืออะไรก็ตาม ตอนนี้มันไม่สำคัญแล้ว ดาบในมือถูกยกขึ้นในท่าเตรียมพร้อม

โคจิโร่มองดูคนที่เขาคิดว่าเคยรู้จักอย่างไม่อยากเชื่อ เขารู้อยู่แล้วว่ามุซาชิเก็บซ่อนฝีมือในเชิงดาบเอาไว้ และคาดว่าเพื่อนคนนี้คงมีฝีมือเหนือกว่าเขาแน่ แต่ไม่คิดเลยว่าจะมีวิถีดาบที่ลึกซึ้งถึงเพียงนี้ คำตอบมีได้เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นคือ 'ผู้อาวุโส' เขาต้องเป็นเจ้าของหน้ากากใบหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

ทั้งคู่ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้น ไม่มีใครลงมือ

“จะฟันฉันได้ไหมอย่างนั้นหรือ”

มุซาชิเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม โนอาที่ยืนหลั่งเหงื่อจนผิวกายเย็นเยียบไม่ตอบคำ ถึงแม้ดาบในมือยังคงถือได้มั่น แต่เรี่ยวแรงลดลงเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง

“จงอย่าสงสัยในตัวเอง และดาบในมือ...”

โนอาจ้องคู่ต่อสู้ที่กำลังพูดจาสั่งสอนเขา ความหยิ่งในเกียรติของตนเองพุ่งสูงขึ้นในทันใด 'ต้องโดนสิ ต้องโดน'

“...นั่นดีขึ้นเยอะ...”

ในชั่วพริบตานั้น โนอาตัดสินใจโถมตัวออกไปสุดแรง ดาบในมือถูกยกชูเอาไว้ในระดับหัวไหล่ มันไม่ใช่ท่าในการใช้กระบองไฟฟ้าอย่างที่เขาเคยเรียนรู้มา แต่ร่างกายของเขาบอกว่า มันเป็นท่วงท่าที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว 'ฟัน' นั่นเป็นความคิดเดียวที่หลงเหลืออยู่

โนอานอนหงายอยู่บนพื้นในตอนที่เขาฟื้นคืนสติมา 'เกิดอะไรขึ้น' ใบหน้าของโคจิโร่โผล่มาให้เห็น ความทรงจำของเขาค่อยๆ เรียงร้อยเข้าด้วยกัน แต่มันจบลงแค่ในตอนนั้น ในตอนที่เขาฟันดาบในมือออกไปสุดแรง

“คุณเป็นอย่างไรบ้าง”

“...ผมแพ้”

“...ใช่ คุณแพ้”

เขาพยายามจะลุกขึ้นยืน โคจิโร่จึงเข้ามาช่วยประคองเอาไว้ เขาเหลียวมองไปรอบๆ ลานกว้าง แต่ไม่พบเห็นผู้ใด

“เขาไปแล้ว”

“ผู้อา...เอ่อ มุซาชิจากไปแล้ว แต่เขาสั่งให้ผมถามคุณเรื่องหนึ่ง...”

ถึงแม้ว่าโคจิโร่จะพยายามพูดจาเหนี่ยวรั้งเขาเอาไว้ เพราะเสียดายฝีมือการตีดาบ และผลประโยชน์ของตัวเอง จนถึงกับยอมสัญญาว่าจะไม่เปิดเผยความลับนี้ออกไปอย่างเด็ดขาด 'ฉันไม่อยากสร้างปัญหา' สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจจากไปอยู่ดี

“...คุณอยากก้าวเดินไปในวิถีแห่งดาบหรือไม่”

โนอาก้มมองดาบเมื่อครู่ที่ตอนนี้ปักนิ่งอยู่บนพื้น ก่อนพยักหน้าช้าๆ

“ถ้าอย่างนั้น ผมจะสอนคุณเอง”

โนอาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจเอ่ยปากถาม

“...แล้ว แล้วผมจะได้สู้กับเขาอีกหรือไม่”

โคจิโร่แทบไม่เชื่อหูตัวเอง แต่เขาก็เข้าใจ 'คงมีแต่คนแบบนี้เท่านั้น ที่จะทำให้ท่านผู้อาวุโสสนใจได้' เขานึกถึงคำพูดก่อนจากไปของมุซาชิ

“เขาเป็นอัจฉริยะที่ยากพบพาน จงสอนพื้นฐานทั้งหมดให้กับเขา แล้วสักวันหนึ่ง ฉันจะได้ประลองกับเขาอีกครั้ง มันจะเป็นวันที่ฉันรอคอย วันที่ดอกไม้บานเต็มทุ่งสำหรับฉัน”

“แล้วท่านผู้อาวุโสจะเจอกับเขาอีกครั้งได้อย่างไรกัน”

มุซาชิเผยยิ้มกว้าง ตอบคำถามนั้น แล้วเดินจากไป เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้น เขาบอกกับโนอาด้วยคำตอบเดียวกับที่ได้รับมา

“เมื่อคุณพร้อม โชคชะตาจะนำพาให้ได้พบกับเขาเอง”

และมันก็เป็นความจริงตามนั้น อีกหลายปีต่อมา ทั้งสองก็มีโอกาสได้พบกันในวิถีแห่งดาบอีกครั้ง

#####

โนอาไม่สงสัยเลยว่า เขาจะฟันโดนหรือไม่ ถึงแม้ร่างของทริกจะหายไปต่อหน้าต่อตา เขาก็ไม่สงสัย 'ไม่มีดาบที่สอง' ดาบของเขาเองก็หายไปแล้วเช่นกัน

'ดอกไม้แดงบานเต็มทุ่ง ช่างงดงามเหลือเกิน' นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของมุซาชิ และในตอนนี้ดอกไม้แดงก็ผลิดอกบานอีกครั้ง โลหิตสีแดงสดสาดกระจาย ร่างของทริกล้มหงายไปทางด้านหลัง เสื้อคลุมฉีกเปิดกว้าง เผยให้เห็นรอยดาบพาดยาวจากหัวไหล่ถึงท้อง

“พอได้แล้ว”

ประตูบานสุดท้ายเลื่อนเปิดออก หญิงเหล็กก้าวเท้าออกมาจากป้อมปราการของเธอ โดยมีทรีดคอยติดตามอย่างใกล้ชิด ยูดารีบหลบสายตาเพื่อนเก่าที่กวาดมองมา ส่วนโนอาก็เช็ดเลือดที่ยังหลงเหลืออยู่บนใบดาบจำนวนเล็กน้อย ก่อนเก็บคืนสู่ฝัก ทั้งสองฝ่ายต่างหยุดยืนรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

ทรีดเดินไปยังร่างของทริก ก่อนคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ไม่มีใครคิดเข้าไปขัดขวางพวกเธอ ทั้งสองกระซิบกันสองสามคำ ก่อนที่ทริกจะล้วงหน้ากากใบนั้นส่งให้กับทรีด

“สุดท้ายฉันก็ทำไม่สำเร็จ เหมือนในวันนั้น ใบไม้ใบสุดท้ายยังคงไม่ยอมร่วงหล่นลงมา พี่คะ...ภาระหน้าที่...คำมั่นสัญญา มันได้เวลา...”

“พักก่อนเถอะ พี่รู้แล้ว”

ทรีดกลับไปยืนเคียงข้างไอรอนอีกครั้ง และโดยที่ไม่มีใครคาดคิด หญิงเหล็กหันหลังแล้วรีบเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานของเธอทันที

“จัดการให้เรียบร้อยนะ”

ประตูปิดลงอีกครั้ง และนั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของเธอ โนอารู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบที่วิ่งไปตามไขสันหลัง เขาจ้องมองผู้หญิงตรงหน้าอีกครั้ง จากใบหน้าที่ประหลาดใจ ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม รอยยิ้มกว้างอย่างยินดี

จากคุณ : zoi
เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:35:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com