Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
สาวมาดเซอร์ หัวใจเจอรัก บทที่ 4 : วันที่แสนจะวุ่นวาย กับ ความสบายของใครบางคน ติดต่อทีมงาน

ตอนที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11668398/W11668398.html

ตอนที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11677401/W11677401.html

ตอนที่ 3
http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11691103/W11691103.html





เช้าวันใหม่ที่แสนจะเร่งรีบของเพียงขวัญเริ่มต้นขึ้น เพราะเธอต้องรีบเอางานไปเสนอให้เจ้านาย และจะต้องเอาไปนำเสนอให้ลูกค้าต่อ

หญิงสาวคิดว่าตัวเองตื่นเช้าแล้ว แต่เจอแมนนี่กลับตื่นเช้ากว่าและอยู่ในชุดกระโปรงสูทสีดำ พร้อมด้วยแฟ้มเอกสารที่เตรียมจะออกไปข้างนอกแล้วเช่นกัน

“ฉันจะไปหาห้องเช่า แล้วก็จะไปสมัครงานต่อเลย ขอฝากของไว้ก่อนนะ แล้วเย็นๆ จะกลับมาเอา” แมนนี่บอกด้วยรอยยิ้มสดใสแบบมีความหวังฉาบฉายบนใบหน้า

“เธอมีเงินแล้วเหรอ” เพียงขวัญเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง เธอเปลี่ยนสรรพนามจากพี่แมนมาเป็น เธอกับฉัน เพราะหลังจากนอนคุยกัน ทั้งสองก็ปวารณาตัวเป็นเพื่อนสนิทกันในทันใด

“เดี๋ยวฉันจะเอาสร้อยไปจำนำก่อน” แมนนี่ชูสร้อยคอทองคำที่อยู่บนคอให้เพื่อนสาวดู มันเป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เหลือติดตัวอยู่ของเธอแล้ว

“จะดีเหรอ”

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ของนอกกาย ไม่ตายก็หาเอาใหม่ได้” แมนนี่พูดยิ้มๆ

“ตอนเย็นฉันจะรีบกลับมาเปิดห้องให้นะ” เพียงขวัญพยักหน้าหงึกๆ โดยไม่ถามอะไรอีก เพราะเมื่อมองเวลาบนฝาผนังมันชักจะสายแล้ว เธอใช้มือแทนหวีปัดเสยผมสั้นของตัวเองให้เข้าที่อย่างรีบร้อน

แมนนี่กล่าวขอบคุณและออกจากห้องไปก่อน เพียงขวัญไม่มีเวลาคิดอะไรมาก รีบสะพายกระเป๋าพร้อมด้วยสัมภาระของเธอออกจากห้องไปเช่นกัน



ตั้งแต่ก้าวขาเข้าบริษัท เพียงขวัญก็วิ่งวุ่นไม่ได้หยุดได้หย่อน ส่งงานให้คมคิดดูแล้ว ก็ออกมาเตรียมพรีเซนต์งานให้ลูกค้าต่อในตอนบ่าย ขณะที่เธอทำงานแข่งกับเวลา แต่คนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกลับนั่งเอนหลังพิงพนัก จิบกาแฟ คลิกดูนั่นดูนี่ในคอมพิวเตอร์อย่างสบายใจเฉิบ

เพียงขวัญเหลือบมองธนัชอย่างนึกเคืองในใจ เป็นอาร์ตไดเร็คเตอร์เหมือนกัน แล้วทำไมตานั่นถึงว่างนักนะ ทำไมมีแต่เธอที่วิ่งวุ่นทำงานแข่งกับเวลาอยู่คนเดียวล่ะ

ธนัชรู้สึกเหมือนถูกมองก็เงยหน้าขึ้นสบเข้ากับสายตาที่จ้องมาพอดี

“มองอะไร?”

เสียงถามห้วนๆ ไม่ได้ฟังแล้วนึกระคายหูมากนัก แต่ก็ทำให้เพียงขวัญรู้สึกตัวว่ากำลังจ้องเขาไปเต็มๆ

“เปล่า” เธอเสมองไปทางอื่น

“เปล่าอะไร ก็เห็นจ้องมา” ธนัชยังไม่เลิกเซ้าซี้ แถมมีอมยิ้มที่มุมปาก

“อะไรมันขวางหน้า ฉันก็มองทั้งนั้นแหละ” เพียงขวัญว่า บริษัทนี้จะกั้นฉากระหว่างแผนกเท่านั้น แผนกเดียวกันจะไม่มีฉากกั้น หันไปทางไหนก็เลยเห็นกันหมด เธอเห็นรอยยิ้มยียวนแล้วยิ่งเคือง มองนิดมองหน่อยทำมาถาม เดี๋ยวก็ลงทุนซื้อฉากมากั้นเองเสียเลยนี่...

แม้จะเห็นๆ อยู่ว่าเพียงขวัญมองเขา แต่ธนัชก็ไม่อยากจะฟันธงหรอกว่าเธอมองเขาจริงๆ ไม่ว่าจะด้วยความพิศวาสที่ไม่น่าจะใช่ หรือจะเป็นเพราะอาฆาตซึ่งน่าจะใช่มากกว่าก็ตาม เธออาจจะมองอะไรที่อยู่ด้านหลังเขาก็ได้ ธนัชจึงหันหลังไปมอง พอเห็นเตวิชยืนคุยอยู่กับแคนดี้ก็ร้องอ๋อในใจ

ชายหนุ่มผมกะเซิงหันหน้ากลับมาด้วยสีหน้าเก้อๆ นั่นไงล่ะสิ่งที่เธอมอง...กะอยู่แล้วเชียว

“ขมเว้ย! ไปได้แล้ว” อู๊ดตะโกนมาจากหน้าลิฟต์ คนถูกเรียกได้ยินก็รีบโกยงานบนโต๊ะใส่กระเป๋าผ้าใบใหญ่ แล้วยังต้องหิ้วคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คและสตอร์รี่บอร์ดอีก หอบทั้งหมดไว้กับตัว แล้วรีบลุกจากที่นั่ง

“พรีเซนต์ให้ดีๆ ล่ะ” ธนัชพูดขึ้นลอยๆ ทำเอาคนฟังถึงกับสะดุดกึก ก่อนจะตวัดสายตาหันมามอง

“ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องมาสั่ง!” พูดจบเพียงขวัญก็วิ่งตรงเข้าไปในลิฟต์ที่อู๊ดกดรออยู่แล้ว

ธนัชออกอาการงงๆ นี่เขาอุตส่าห์พูดจาดีๆ อวยพรจากใจเลยนะ หล่อนไปกินรังแตนมาจากไหนละนั่น ถึงได้ตีหน้ายักษ์ราวกับจะกินเขาซะยังงั้น

แต่คนปากร้าย แถมปากก็ไม่ค่อยตรงกับใจอย่างธนัชคงไม่รู้หรอกว่า ถ้าเปลี่ยนจาก ‘พรีเซนต์ให้ดีๆ ล่ะ’ เป็น ‘โชคดีนะ’ มันจะฟังรื่นหูกว่าตั้งเยอะ และจะไม่โดนเพียงขวัญตอกกลับมาอย่างนั้นด้วย



ปวดหู...

เพียงขวัญนั่งก้มหน้าและทนฟังเสียงแหลมๆ พล่ามมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงที่แล้ว วันนี้มันซวยอะไรอย่างนี้ ปกตินัดลูกค้ารายนี้จะเจอเจ้าของบริษัทที่มาพร้อมเลขาฯ ผู้เป็นภรรยา แต่วันนี้เจ้าของบริษัทไม่ว่าง เลขาฯ ที่พ่วงตำแหน่ง ผบ.ทบ. (ผู้บัญชาการที่บ้าน) จึงทำหน้าที่แทน ใครๆ ก็รู้ว่าเธอเรื่องมากสุดๆ เจ้าของบริษัทใจดีไม่เรื่องมาก แต่เลขาฯ น่ะตรงกันข้าม ยิ่งมาคนเดียวแบบนี้อำนาจการตัดสินใจก็อยู่ที่เธอคนเดียว

ดีนะที่โฆษณาน่ะผ่านแล้ว แต่ที่เลขาฯ สาวใหญ่ยืนพูดอยู่นั่นน่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ที่เธอยังไม่พอใจ

“ตัวอักษรน่ะ เบี้ยวๆ ยังไงก็ไม่รู้ ไม่เหมาะกับสินค้าเราเลย แสงก็มืดมาก แก่...ไม่มีคลาสเลย”

เพียงขวัญย่นหัวคิ้วกับคำติ แก่...ไม่มีคลาส นั่นพูดถึงอะไร โฆษณาหรือจะแขวะคนคิดโฆษณากันแน่เนี่ย

“เวลาเอาไปลงหน้าหนังสือพิมพ์มันจะดึงดูดคนให้หยุดอ่านได้ยังไง”

“เอ่อ เดี๋ยวค่ะ” เพียงขวัญชักจะทนปวดหูไม่ไหว ขอขัดจังหวะขึ้นมา “ฟังดิฉันก่อนนะคะ ตัวสิ่งพิมพ์เนี่ย ดิฉันคิดว่าอธิบายได้นะคะ เพราะว่าได้ทำตามที่คุณสานิตย์ต้องการทั้งหมด แล้วเราก็มีการ...”

“คุณนั่นแหละต้องฟังฉัน ไม่ต้องเอาชื่อคุณสานิตย์มาอ้าง” เลขาฯ สาวใหญ่ยกมือปรามให้หยุดพูด น้ำเสียงไม่พอใจที่เพียงขวัญพูดถึงสามีของเธอ “คุณต้องดูให้ดีสิว่า นี่มันไม่ใช่เวลาที่เอาไปลงหนังสือพิมพ์เนี่ย....”

เพียงขวัญหันมองอู๊ดที่แอบทำหน้าเซ็งไม่แพ้กัน มองเลยไปยังคมคิด เขาก็ทำมือปรามเธอไม่ให้ค้าน ให้ฟังไปก่อน ส่วนแคนดี้ ถ้ารู้จักพูดให้เยอะๆ เหมือนอยู่ที่บริษัทก็ดีหรอก หล่อนไม่พยายามทำหน้าที่เออีที่ดี หาจุดลงตัวระหว่างลูกค้ากับครีเอทีฟเลย เอาแต่นั่งพยักหน้าหงึกๆ อยู่ได้

เสียงแหลมๆ นั่นยังคงพูดไม่หยุด จนเพียงขวัญคิดว่าคงต้องไปเช็คประสาทหูที่โรงพยาบาลเสียแล้ว

แต่นับว่าโชคยังเข้าข้างบริษัทคิดซี่อยู่บ้าง เพราะหลังจากนั้นไม่กี่นาที เจ้าของบริษัทก็กลับมาร่วมประชุม เมื่อคนมีเหตุผลมาแล้ว บรรยากาศในการประชุมจึงดีขึ้นมาก คุณสานิตย์รับฟังความคิดจากทีมครีเอทีฟเป็นอย่างดี แต่สุดท้าย ผบ.ทบ.ก็ยังไม่พอใจ สั่งให้รื้องานทั้งหมด

เพียงขวัญก็เพิ่งจะเคยเห็นเลขาฯ ใหญ่กว่าเจ้าของบริษัทก็ครั้งนี้นี่แหละ แต่พอคิดอีกที คุณสานิตย์คงเกรงใจภรรยา และคงคะเนแล้วว่าคุยกับครีเอทีฟคงง่ายกว่าคุยกับภรรยาตัวเอง จึงต้องเลยตามเลยตามใจภรรยาเต็มที่

สถานการณ์ที่เริ่มจะดี สุดท้ายก็แย่เหมือนเดิม...



กว่าจะผจญรถติดฝ่ามลพิษบนท้องถนนกลับมาถึงบริษัทก็เย็นย่ำใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้ว ตอนที่ทั้งทีมครีเอทีฟและเออีอยู่ในลิฟต์ต่างก็เงียบไม่ได้พูดอะไรกันเลย เพราะเถียงกับลูกค้ามาจนหนื่อยและเบื่อจะคุยกันแล้ว พอลิฟต์เปิดออกต่างคนต่างก็แยกย้ายกันไปตามมุมของตัวเอง

ระหว่างทางที่เดินกลับมานั่งที่โต๊ะ เพื่อนร่วมงานคนอื่นต่างก็ก้มหน้าก้มตาอยู่กับงานของตัวเอง บางคนอย่างสมาชิกในแก๊งขนมหวานสองคนที่เหลือเริ่มโบ๊ะหน้าก่อนกลับบ้าน ส่วนอีตาคนที่นั่งตรงข้ามเพียงขวัญ ตอนที่เธอออกไปนั่งอยู่ท่าไหนก็อยู่ท่านั้นเช่นเดิม จิบกาแฟ เล่นคอมฯ ชิลๆ สบายใจสุดๆ

แต่ตอนที่เพียงขวัญเดินใกล้จะไปถึงที่ฝ่ายนั้น จู่ๆ ธนัชที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะ กระเป๋าสะพายของเขายังอยู่บนโต๊ะ คงไม่ได้คิดจะกลับบ้าน แต่จะไปไหนเธอไม่สนใจ เดินสวนกันไปโดยไม่ทักทายอะไรกัน

“ขม” ก๊อบปี้ไรท์เตอร์รุ่นพี่หน้าตี๋เดินเข้ามาหาเพียงขวัญพร้อมทั้งวางวัตถุสี่เหลี่ยมสีเงินลงบนโต๊ะ “ลืมโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะแน่ะ พี่เลยเก็บไว้ให้”

“โอ้ ขอบคุณค่ะพี่เจ๋ง” เพียงขวัญรับโทรศัพท์ของตัวเองกลับมา ยุ่งเสียจนไม่รู้ตัวเลยว่าลืมโทรศัพท์ไว้

“พี่เอกโทรมาด้วยนะ พี่รับให้แล้ว เขาถามว่าเรื่องงานที่นัดกันไว้จะเอายังไง ไม่เห็นขมติดต่อไป” เจ๋งพูดต่อ

เพียงขวัญได้ยินว่าพี่เอกโทรมาก็ตาโตเท่าไข่ห่าน เธอนึกออกทันทีว่านัดกับทางโปรดักชั่นเฮาส์เอาไว้

เพียงขวัญรีบเก็บของทั้งหมดที่เพิ่งวางลงบนโต๊ะขึ้นมาอีกครั้ง กดโทรศัพท์หาคนที่โทรมาหาเธอ แล้วรีบวิ่งออกจากโต๊ะไปทันที

‘โอ๊ย...ชีวิต ทำไมมันยุ่งอย่างนี้ กลับมาได้ไม่ถึงห้านาทีก็ต้องไปอีกแล้ว’

“ขมเองนะพี่เอก...ขอโทษจริงๆ ค่ะ ขมติดพรีเซนต์งาน รอขมครึ่งชั่วโมงได้ไหมคะ เดี๋ยวขมไป...ค่ะพี่ ขอบคุณมากค่ะ” เพียงขวัญกดวางสายพอดีกับที่ขาของเธอเดินไปจวนจะถึงลิฟต์ เห็นประตูกำลังจะปิดอยู่รอมร่อ เธอก็รีบวิ่ง ปากก็ตะโกนลั่น

“ลิฟต์อย่าเพิ่งไป รอด้วยยยยย!!!”

ประตูลิฟต์เด้งเปิดออกอีกครั้ง แม้จะเหลือแค่ช่องแคบๆ แต่เพียงขวัญก็กระโดดแทรกตัวเข้าไปได้อย่างรวดเร็ว ท่าสวยอย่างกับตอนที่นายโกล์โผรับลูกฟุตบอล เธอโผเข้าไปชนกับคนที่ยืนอยู่ข้างใน จนแผ่นหลังของใครคนนั้นกระแทกผนังลิฟต์เต็มๆ เกิดเสียงดังตึ้ง!!!

ประตูลิฟต์ปิดลงช้าๆ แล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวลง เพียงขวัญรู้ตัวว่าเธอทำเปิ่นเข้าให้อีกแล้ว ที่จริงไม่ต้องรีบมากขนาดนี้ก็ได้ ดูจากลักษณะประตูที่หยุดและเคลื่อนออกแสดงว่าคนในลิฟต์กดเปิดประตูให้ แต่อารามรีบร้อนเลยทำให้ชนกับคนข้างใน แถมหน้าก็ยังซุกอยู่กับอกกว้างของใครคนนั้นอีกต่างหาก เธอแน่ใจมากว่าเป็นผู้ชาย แถมตอนนี้ก็ขยับตัวไม่ได้ ถ้าขยับนิดเดียวของทั้งหมดในมือร่วงตกพื้นแน่ โน้ตบุ้คเครื่องหนึ่งตั้งหลายหมื่น

“พี่ขมเป็นอะไรหรือเปล่า”

เสียงถามที่แสนคุ้นหูทำเอาเพียงขวัญร้องกรี๊ดๆ ในใจ นี่เธอกำลังอยู่ในอกอุ่นๆ ของเตวิชหรือนี่!!!

“ไม่เป็นไรจ้ะ แต่พี่ขยับตัวไม่ได้ ของมันจะหล่น” เพียงขวัญอู้อี้ตอบกับอกของเตวิช แอบสูดดมความหอมบนอกแน่นๆ ของเตวิชไปหนึ่งฟอดด้วย เฮ้อ...ใช้โคโลญจน์กลิ่นอะไรเนี่ย กลิ่นหอมๆ สะอาดๆ น่าชื่นชมดอมดมไปตลอดชีวิตเลย

“มาครับ ผมช่วย”

ทั้งแฟ้ม โน้ตบุ๊ค กระเป๋าถูกหยิบไปจากมือของเพียงขวัญ เธอโล่งอกที่ทรัพย์สมบัติของเธอปลอดภัย แต่...

ทำไมเสียงของเตวิชดังมาจากด้านหลัง...แล้วทำไมเขายื่นมือมารับของๆ เธอได้ล่ะ...

ถ้าอย่างนั้นคนที่เธอชนก็ไม่ใช่...

เมื่อของถูกถ่ายเทไปแล้ว มือของเพียงขวัญจึงว่าง เธอยันมือเข้าที่ผนังลิฟต์ รีบผละตัวออกมา พลางเงยหน้ามองคนที่ตนแอบลวนลามไปเมื่อครู่

‘อ๊ายยยย...ไอ้เป้!!!’

เพียงขวัญถอยกรูดไปอยู่อีกมุมของลิฟต์ทำหน้าทำตาเลิกลั่ก ไม่จริ๊งไม่จริง เราเอาหน้าไปซุกอยู่กับอกของตานั่นเหรอเนี่ย ที่ว่าหอม สะอาด กลิ่นน่าดมมันกลายเป็นกลิ่นของไอ้เป้ อี๋...ฝันร้ายแน่ๆ

“จะรีบไปไหนเนี่ย?” ธนัชถามอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นท่าทางรังเกียจเขาอย่างออกนอกหน้า

“ก็ไปทำงานน่ะสิ” เพียงขวัญตอบโดยไม่มองหน้า

ในลิฟต์มีกันแค่สามคน เตวิชยืนอยู่ใกล้แผงกด ส่วนธนัชอยู่กลางลิฟต์ เพียงขวัญหลับตาปี๋ นึกอายกับสิ่งที่ทำลงไป เธอกระโดดเข้าหาไอ้บ้านี่เต็มๆ แหยะ...กลับไปต้องเอาเดทตอลล้างตัว แถมเตวิชยังเห็นตอนที่เธอเข้าไปอิงแอบกับอกธนัชด้วย โฮ~โชคร้ายสุดๆ เลย

“จะไม่ขอโทษสักคำเลยหรือไง เจ็บนะที่ชนมาน่ะ” ธนัชหมุนหัวไหล่เอามือถูๆ นวดๆ ไปด้วย

เพียงขวัญหันขวับไปอย่างหงุดหงิด อยากจะเถียงว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่คิดไปคิดมา เธอก็ชนเขาก่อนจริงๆ แถมรุนแรงจนเสียงดังไปทั้งลิฟต์

“ขอโทษ...ค่ะ” เพียงขวัญหลุดคำสร้อยต่อท้ายออกไป เมื่อสายตาปะเข้ากับเตวิชที่ยืนมองอยู่ ถ้าเตวิชไม่อยู่ล่ะก็ รับรองไม่มีคำว่า ‘ค่ะ’ เด็ดขาด และอาจจะไม่ขอโทษด้วย

ความสูงห้าชั้นมันช่างสั้นเหลือเกินสำหรับเพียงขวัญ หายใจเข้าออกเพียงไม่กี่ฟืด ลิฟต์ก็ลงมาถึงชั้นล่างสุด เธอรับของๆ ตัวเองคืนจากเตวิช คำขอบคุณพร้อมรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มถูกส่งให้กับเขา ไม่ได้สนใจผู้ชายอีกคนเลยว่าจะมองอย่างไร เพราะธนัชกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้วสำหรับเธอ

เพียงขวัญมองส่งเตวิชไปที่รถก่อน แล้วเธอถึงเดินจ้ำไปที่รถของตัวเอง ส่วนธนัช จะไปไหนก็ไป เธอไม่ได้ชายตามองอีกเลย

ได้เจอเตวิชแวบหนึ่งก็พอทำให้เพียงขวัญยิ้มออกมาได้บ้าง ในความโชคร้ายก็ยังเจอโชคดีแฝงอยู่ แม้จะแค่นิดเดียวก็ยังดี

แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 22:16:17

จากคุณ : inmost
เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 15:42:47




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com