นาฬิกาข้อมือบอกเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วกว่าเพียงขวัญจะถึงห้อง พลังงานของเธอก็กำลังจะหมดเต็มทีแล้วเช่นกัน หน้าก็มันแผล็บ ผมชี้ยุ่ง แต่ดีที่ผมของเธอซอยสั้น มันเลยกลายเป็นทรงเกาหลีอินเทรนด์ไปในบัดดล
เมื่อเดินไปใกล้จะถึงห้องตัวเอง เธอก็เห็นเงาตะคุ่มๆ นั่งยองๆ อยู่หน้าห้อง แล้วคำที่พูดเมื่อเช้าก็เด้งกลับเข้าหัว
แล้วฉันจะรีบกลับมาเปิดห้องให้นะ
โหย...สี่ทุ่มเนี่ยนะรีบกลับมาของเรา ผิดคำพูดไปเต็มๆ ลืมซะสนิทเลยด้วย
เพียงขวัญรีบสาวเท้าเข้ามาหาแมนนี่ อีกฝ่ายที่หันมาเห็นเจ้าของห้องก็รีบลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ขอโทษนะแมนนี่ ฉันทำงานเพลินไปหน่อย มารอนานแล้วใช่ไหมเนี่ย เพียงขวัญเอ่ยถามด้วยความรู้สึกผิด ขณะไขกุญแจห้อง
ไม่นานหรอก ฉันเพิ่งมารอตอนสองทุ่มเอง แมนนี่ยังคงมองโลกในแง่ดี ตั้งแต่สองทุ่มมันก็ตั้งสองชั่วโมงเข้าไปแล้ว
กินข้าวหรือยัง? เธอเปิดประตูเดินเข้าห้องไป รอจนแมนนี่ตามเข้ามาแล้วถึงปิดประตูลง เห็นแมนนี่พยักหน้าหงึกๆ ก็ถามต่อ
แล้ววันนี้เป็นไงบ้าง?
ก็ไปสมัครงานมาสองสามแห่ง เอาสร้อยไปขาย ยังหาห้องเช่าไม่ได้เลยเพราะเงินฉันไม่พอ แต่ฉันตั้งใจจะไปอยู่กับเพื่อนก่อน แมนนี่ตอบมาครบเสร็จสรรพไม่ต้องให้ถามต่อ
เพียงขวัญวางสัมภาระลงบนโต๊ะ พอหันไปเห็นแมนนี่ยกกระเป๋ามาเหมือนจะเก็บของก็รีบถามต่อ
จะไปตอนนี้เลยเหรอ
อือ ก็ตั้งใจจะไปเลย โทรไปแล้วเพื่อนบอกว่าให้ไปได้เลย
ไปตอนนี้แล้วไม่รบกวนเขาเหรอ เพียงขวัญเลียบๆ เคียงๆ ถาม เพราะถ้าไปตอนนี้ กว่าจะถึงก็คงดึกน่าดู และที่มันต้องดึกก็เพราะเธอเองนั่นแหละที่กลับมาช้า แมนนี่เลยเข้ามาเอาของไม่ได้ แถมเบอร์โทรศัพท์ก็ไม่ได้แลกกันไว้ด้วย จะโทรตามก็ไม่ได้
"ไม่หรอก แฟนเขาชอบไปกินเหล้า ดึกๆ ถึงจะกลับ เขาต้องรอเปิดประตูอยู่แล้ว" แมนนี่ตอบพลางเก็บกระเป๋าต่อ
เพียงขวัญได้ยินแล้วนิ่วหน้า เห็นแววว่าจะไม่ปลอดภัย คิดว่าเพื่อนอยู่คนเดียวเสียอีก แต่นี่มีแฟนแล้ว แถมแฟนก็ร่ำสุราจนดึกดื่น เธอยอมรับตรงๆ กับตัวเองเลยว่าเป็นห่วง ถึงแมนนี่จะแมนขนาดต่อยโจรล้มคว่ำมาแล้วก็เถอะ แต่อยู่กันสามคนไปเป็นส่วนเกินแบบนั้นมันไม่ดีเลย ถึงเป็นกะเทยก็ไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะกะเทยสวยๆ ด้วย เกิดผู้ชายคนนั้นเกลียดกะเทยเห็นหน้าแล้วคันมือคันไม้อยากซ้อมขึ้นมาจะทำไง
อันที่จริงเธอก็ไม่ได้เป็นคนใจดำอะไรสักหน่อย น้ำใจก็มีอยู่ล้นเหลือนี่นา นั่นก็ไม่ใช่ใคร เป็นผู้มีพระคุณที่เคยช่วยเหลือเธอมาแล้ว แถมเป็นรุ่นพี่ด้วย...
คิดได้อย่างนั้นก็เดินไปนั่งที่โซฟาคว้าหมอนอิงมากอดไว้ มองซ้ายมองขวา ลังเลว่าจะพูดดีไหม จนเมื่อแมนนี่รูดซิบปิดกระเป๋าเป็นสัญญาณว่าเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพียงขวัญก็ตัดสินใจพูดออกมา
ที่จริง...เธอพักอยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้นะ
แมนนี่กะพริบตาปริบๆ งงกับคำชวน เธอเลิกคิ้วและถามย้ำ
พูดจริงเหรอ
ก็จนกว่าเธอจะหางานได้นั่นแหละ แต่อาจจะลำบากหน่อยนะ เพราะฉันกลับไม่ค่อยเป็นเวลา
ขอบคุณนะขม แมนนี่พูดด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเป็นประกายวิบๆ อย่างยินดี ดูออกว่าดีใจมาก แมนนี่คงไม่ได้อยากไปอยู่กับเพื่อนคนนั้นสักเท่าไหร่ แค่ได้ยินก็นึกภาพออกแล้วว่าชวนอึดอัดจะตายไป
เพียงขวัญเห็นรอยยิ้มของแมนนี่แล้วใจก็พองๆ เธอรู้สึกดีเวลาทำให้คนอื่นยิ้มได้ แล้วรอยยิ้มหวานๆ แบบนี้ก็คงไว้ใจได้ว่าไม่มีอะไรแอบแฝง คงไม่ได้เป็นภาระให้เธอสักเท่าไหร่หรอก ถ้าหางานได้ก็ย้ายออกแล้ว
บรรยากาศที่ดูเนือยๆ เหนื่อยๆ ภายในห้อง 805 ก็เลยดีขึ้นมา เพราะมีรอยยิ้มพิมพ์ใจอยู่บนใบหน้าของคนทั้งคู่
โครกกกกกก~
จู่ๆ เสียงท้องของเพียงขวัญก็ร้องดังจนคนที่นั่งใกล้ๆ ยังได้ยิน ถ้ามันร้องต่อหน้าคนไม่คุ้นเคยเธอคงอาย แต่กับแมนนี่ แม้ท่าทางการแต่งตัวอาจจะไม่ใช่พี่แมนคนเดิมที่เคยรู้จัก แต่เธอก็คุ้นเคยกับเขาเหมือนเป็นเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานาน
เพียงขวัญวิ่งเข้าไปในครัว ครู่เดียวก็กลับออกมาพร้อมบะหมี่สองถ้วย ควันร้อนๆ โชยออกมาจนเธอต้องรีบเดินเร็วๆ เอามาวางไว้บนโต๊ะ
กินมาม่ากัน เพียงขวัญยื่นส้อมให้แมนนี่
ที่จริงกระเทยสาวนั้นรักษาหุ่น จะไม่กินอะไรหลังหนึ่งทุ่ม แต่เพราะสีหน้าจริงใจของคนชวนทำให้ต้องยอมแหกกฎของตัวเองหนึ่งวัน
เสียงพูดคุยเคล้าบะหมี่ร้อนๆ ดูจะอร่อยขึ้นเป็นกองเมื่อมีเพื่อนกินด้วยกัน ทำให้เพียงขวัญรู้สึกว่าวันยุ่งๆ ในวันนี้ก็ไม่ได้แย่จนเกินไปนัก
แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 15:43:39
จากคุณ |
:
inmost
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ก.พ. 55 15:43:19
|
|
|
|