Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
~PSYCHO FEAR (ปี 2) ....๐ เรื่องที่ 3 : ช่องห่างระหว่างใจ (ครึ่งแรก)๐..... ติดต่อทีมงาน

ขออนุญาตแอบแปะ นิเสธ (~) นะคะ เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเขียนเรื่องหลอนให้อ่านกันได้ คงต้องใช้เวลาฝึกฝนวิทยายุทธอีกนานโขค่ะ ทาก


สำหรับเรื่องสั้นของนักหัดเขียนคนนี้ หากท่านใดมีข้อชี้แนะกรุณาบอกกล่าวให้ทราบด้วยนะคะ ยินดีรับฟังทุกคำวิจารณ์ค่ะ ลูกสาว

==========================
เรื่องรักเล็กๆ : ช่องห่างระหว่างใจ love
==========================


(ครึ่งแรก)

ในตอนสายซึ่งพระอาทิตย์สาดแสงจ้า ที่ลานจอดรถหน้าสำนักงานเขตแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร หญิงสาวร่างกายขาวผ่องแบบบางซึ่งสวมใส่เสื้อผ้าเรียบง่ายหากแต่เป็นเนื้อผ้าชั้นดีและตัดเย็บอย่างประณีต กำลังเดินวนไปมาเพื่อคุยโทรศัพท์อยู่บริเวณยานพาหนะคันงามของเธอ


“ค่ะคุณพ่อ ปริมคิดทบทวนมาเป็นอย่างดีแล้วค่ะ” ปรีติมาลย์บอกกล่าวอย่างมั่นคง


“หมดรักกันแล้วเหรอลูก? ” ผู้เป็นพ่อที่อยู่ปลายสายถามไถ่อีกครั้ง


หญิงสาวลมหายใจสะดุด กลีบปากบางขบเม้ม พยายามสะกดกลั้นความหวั่นไหวไม่ให้เผยออกมาจนบิดาต้องเป็นกังวล


“ค่ะ” ปรีติมาลย์กลั้นใจตอบได้เพียงเท่านั้น คำตอบซึ่งไม่มีความเป็นจริงอยู่สักเศษเสี้ยวเดียว


“แล้วหลังจากนี้ปริมจะทำอย่างไรต่อ? “ ผู้บังเกิดเกล้าห่วงใย


“ปริมคงต้องขอกลับไปเป็นลูกแหง่ของคุณพ่อต่อจะได้ไหมคะ? “ ผู้เป็นลูกฝืนยิ้มอย่างฝืดเฝือ


“ลูกกลับมาที่บ้านได้เสมอ ใครเลี้ยงลูกพ่อไม่ไหวพ่อจะเลี้ยงของพ่อเอง” น้ำเสียงทรงอำนาจให้ความมั่นใจ


“ขอบคุณนะคะคุณพ่อ” หญิงสาวเสียงสั่นจากก้อนสะอื้นที่กลืนไว้ “นี่คงใกล้เวลาที่เขาจะมาแล้ว เท่านี้ก่อนนะคะคุณพ่อ เสร็จเรื่องแล้วปริมจะรีบกลับไปกอดคุณพ่อเลยค่ะ” เธอตัดบทด้วยเกรงว่าจะเก็บกักความรู้สึกไว้ไม่ได้อีกต่อไป


ปรีติมาลย์แหงนเงยขึ้นทอดมองท้องฟ้าเพื่อไล่น้ำตาที่เอ่อท้นให้ไหลกลับลงสู่แหล่งเดิม ในเมื่อเธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจึงต้องดำเนินต่อไปจนสุดทาง...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ดึกดื่นในเคหสถานหลังย่อมภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ที่เขียวครึ้ม เมื่อแสงไฟหน้ารถเก๋งสัญชาติญี่ปุ่นกลางเก่ากลางใหม่สาดส่องเข้ามาตามเส้นทางจากรั้วบ้านไปยังลานจอดรถ หญิงสาวในชุดนอนผ้าพลิ้วสีหวานก็วิ่งถลันไปรอรับผู้เป็นสามีที่กำลังก้าวเข้ามาภายในตัวบ้านทันที


กรวิชญ์ชะงักเท้าเมื่อเห็นว่าผู้เป็นภรรยานั้นยังไม่หลับใหล สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความกังวลใจจนไม่อาจเก็บไว้มิด


“ทำไมยังไม่นอนอีกปริม? “ เขาหยุดถามโดยที่สองแขนนั้นโอบอุ้มกล่องพลาสติกทรงกระบอกสำหรับเก็บแบบหลายอันไว้จนเต็ม


“ปริมเป็นห่วง เห็นว่าดึกแล้วแต่กรยังไม่กลับก็เลยมานั่งรอค่ะ” ปรีติมาลย์ตอบอย่างอ่อนหวาน พยายามดึงกระบอกใส่แบบมาถือไว้บ้าง


“ไม่ควรจะต้องรอเลย...” ชายหนุ่มพูดบางเบา และเพราะแรงดึงที่หญิงสาวพยายามจะช่วยโดยไม่ทันระวัง กระบอกพลาสติกทั้งหลายจึงหลุดออกจากช่องว่างที่แขนของกรวิชญ์ตกกระจายเกลื่อนพื้น


“ว้าย! ปริมขอโทษค่ะกร” ปรีติมาลย์กุลีกุจอรีบก้มลงช่วยผู้เป็นสามีเก็บข้าวของที่เกลื่อนกลาด


จู่ๆ ผู้เป็นสามีก็ดึงอุปกรณ์ของเขาออกจากอุ้งมือของผู้เป็นภรรยาอย่างรวดเร็วทำเอาหญิงสาวชาวาบไปทั้งร่างและดีดตัวลุกขึ้นโดยอัตโนมัติ


กรวิชญ์รวบรวมของๆ เขาขึ้นมาหนีบด้วยลำแขนทีละชิ้นจนหมด โดยไม่ปรายตามาสบกับปรีติมาลย์ที่ยืนน้ำตาคลออยู่ใกล้ๆ สักเพียงนิด


ชายหนุ่มหยัดตัวยืนอย่างมั่นคงก่อนจะผละห่างไปโดยไร้ซึ่งคำพูด


“กรคะ หิวหรือเปล่า? วันนี้ปริมออกไปทานข้าวกับเพื่อนๆ มา ซื้อกับข้าวมาฝากกรเยอะแยะเชียวค่ะ” ภรรยาสาวข่มน้ำเสียงที่สั่นเครือถามอย่างเอาอกเอาใจ


ผู้เป็นสามีหยุดการย่างก้าวก่อนจะเหลียวหน้ามาหาด้วยสายตาที่ยากจะตีความ “ผมไม่หิวปริมทานเถอะ” พูดเพียงเท่านั้นเขาก็เดินหายขึ้นไปทางบันไดชั้นบน


เมื่อร่างใหญ่ของกรวิชญ์ลับตาไปปรีติมาลย์ก็ทรุดลงกับพื้นกระเบื้อง สองมือยกขึ้นรองรับน้ำตาแห่งความน้อยใจที่พร่างพรูออกมาราวกับทำนบพัง หญิงสาวสะอึกสะอื้นข้องใจในความแปรเปลี่ยนของผู้เป็นสามี หลายเดือนมาแล้วที่เขาช่างดูแสนไกลจนเธอเอื้อมไปไม่เคยถึง


...ครั้งหนึ่งเมื่อแรกพบแรกเจอ เขาคือสถาปนิกหนุ่มมือดีผู้มีผลงานโดดเด่นซึ่งตกลงรับงานออกแบบสถานที่พักตากอากาศแห่งใหม่จากบิดาของหญิงสาว ส่วนเธอนั้นคือผู้เป็นบุตรสาวคนเล็กของเจ้าของธุรกิจโรงแรมระดับห้าดาวอันมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วภูมิภาคเอเชียอาคเนย์


การพบปะกันเกิดขึ้นบ่อยครั้งจากการที่เขาต้องประสานงานกับบิดาของเธอในช่วงเวลาเย็นย่ำซึ่งนอกเหนือเวลางานประจำของเขา กรวิชญ์หนุ่มข้าราชการใช้ทุนซึ่งมิได้มีแต่เพียงความมุ่งมั่นในการทำงาน และมานะอดทนในการยืนหยัดด้วยตนเอง หากด้วยความเป็นสุภาพบุรุษของเขาจึงทำให้เธอนั้นรู้สึกไว้วางใจได้โดยไม่ยาก เขาผู้อ่อนโยนทว่าจริงจัง เขาที่ใจดีแต่ก็เป็นที่พึ่งพิงให้ได้เสมอมา เขาซึ่งเจิดจรัสยิ่งกว่าชายคนใดที่รายล้อมเธอ และเขาคนนี้คือผู้ที่เธอเชื่อมั่นว่าจะเป็นสามีแสนดีผู้ซึ่งเธอจะวางหัวใจให้เขาดูแลได้ตลอดไป


เมื่อจบงานที่บิดาของปรีติมาลย์มอบหมายให้แก่กรวิชญ์ ทั้งเขาและเธอจึงได้เริ่มต้นคบหาดูใจกันอย่างจริงจัง จวบจนกระทั่งหนึ่งปีแห่งการเรียนรู้นิสัย งานแต่งงานอันยิ่งใหญ่งดงามก็ถูกจัดขึ้น พิธีที่พรั่งพร้อมสมบูรณ์ซึ่งเขาตามใจในทุกสิ่งที่เธอต้องการ และชีวิตสมรสที่หวานชื่นก็ดำเนินต่อมาภายในรั้วเรือนหอที่สร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของเขาแต่เพียงผู้เดียว บ้านหลังเล็กซึ่งเทียบไม่ได้กับคฤหาสน์ขนาดมโหฬารที่เธออาศัยอยู่ตั้งแต่แรกเกิด แต่จะสำคัญอะไรในเมื่อที่แห่งนี้แม้จะเล็กจ้อย ทว่ากลับเป็นที่ซึ่งบ่มเพาะความรักอันยิ่งใหญ่ระหว่างเขาและเธอให้เติบโตหยั่งรากอันมั่นคงมิใช่หรือ?


ปรีติมาลย์ที่ร่างยังคงสั่นไหวเบาๆ จากแรงสะอื้น ค่อยๆ แกะพลาสติกถนอมอาหารออกจากภาชนะซึ่งบรรจุสำรับรสเลิศจากภัตตาคารหรูที่เธอเพิ่งแวะไปสังสรรค์กับบรรดาเพื่อนฝูงสมัยมัธยมทีละชิ้น มือบางเทอาหารที่อยู่ในจานทิ้งลงถังขยะอย่างเลื่อนลอย ก่อนจะจัดการล้างจานชามทั้งหมดจนเสร็จสิ้น หญิงสาวคิดทบทวน...นานเท่าใดแล้วที่ทั้งเขาและเธอไม่ได้มีมื้ออาหารที่จะได้พูดคุยเรื่องราวที่ประสบมาในแต่ละวันร่วมกัน?


ดวงตาแดงช้ำเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังที่บอกเวลาดึกสงัด หญิงสาวเดินไปหยุดยืนที่หน้าห้องทำงานของผู้เป็นสามีซึ่งแสงไฟสลัวนั้นพาดผ่านออกมาทางช่องว่างของบานประตูที่แง้มอยู่ ภาพของกรวิชญ์ในชุดทำงานซึ่งไม่ได้ผลัดเปลี่ยนนับตั้งแต่กลับเข้ามายังคงคร่ำเคร่งอยู่กับโต๊ะเขียนแบบตรงหน้า ปรีติมาลย์ถอนหายใจหนักหน่วงพร้อมกับหยาดน้ำที่เริ่มรื้นขึ้นมาอีกหน นานเท่าใดหนอที่เขาช่างดูหมางเมินแล้วปล่อยให้ความเย็นชานั้นก็เข้ามาแทรกกลางความสัมพันธ์จนคนทั้งคู่ห่างไกลกันมากขึ้นทุกที?


หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนบนเตียงว่างเปล่าซึ่งมีเธอเพียงลำพัง มือเรียวตลบผ้าห่มนวมขึ้นคลุมร่างและขดตัวซุกหาไออุ่น ภายใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ไม่อาจทำให้หัวใจที่ปวดร้าวทุเลาความหนาวเหน็บเดียวดายไปได้เลย


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ปรีติมาลย์ยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำใสๆ ที่ร่วงหล่นไล้สองข้างแก้ม น้ำตาที่มากล้นเกินกว่าจะเก็บกลั้นเอาไว้ได้ จบสิ้นลงแล้วใช่ไหมชีวิตคู่หวานชื่นซึ่งเธอฝันใฝ่ว่าจะคงอยู่อย่างเป็นนิรันดร์ตลอดกาล? ความรักที่เป็นเพียงความเพ้อฝันของเธอแต่เพียงผู้เดียว...


===========================================


ยานพาหนะคู่ใจของกรวิชญ์เคลื่อนมาจอดภายในลานจอดรถของสำนักงานเขตซึ่งเป็นที่นัดหมาย ชายหนุ่มเหลือบมองทะเบียนสมรสที่วางอยู่บนเบาะด้านข้างคนขับ แผ่นกระดาษลวดลายวิจิตรที่เขาและภรรยาสาวได้มาเป็นอนุสรณ์แห่งความผูกพันอันเป็นรูปธรรมระหว่างเขาและเธอ


กรวิชญ์พ่นลมหายใจออกทางริมฝีปากแรงๆ ดวงตาก้มมองฝ่ามือที่แบออก ความว่างเปล่าที่ได้เห็นคือความเป็นจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ สิ่งที่เขาพยายามก่อร่างสร้างขึ้นด้วยสองมือนี้กำลังจะมลายหายไปจนหมดสิ้น ความรักที่เขาทุ่มเทแรงใจประคับประคองดำเนินมาจนสุดทางเพียงเท่านี้แล้ว...


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


ช่วงเที่ยงภายในคอกทำงานของสถาปนิกในหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง กรวิชญ์ที่เพ่งสมาธิอยู่กับงานในความรับผิดชอบของตนถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่แผดก้อง อุ้งมือใหญ่หยิบมากดรับอย่างเนือยๆ


“กรคะ ตอนนี้ปริมอยู่ในร้านอาหารที่ทองหล่อกับเพื่อนๆ กรอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะปริมจะได้ซื้อไปฝาก? “ เสียงสดใสของผู้เป็นภรรยาดังอยู่ที่ปลายสาย


“ผมคงกลับดึก ปริมไม่ต้องซื้อมาหรอก” ชายหนุ่มตอบเรียบๆ


“กลับดึกอีกแล้วเหรอคะ? กรทำงานเยอะไปรึเปล่า? เพราะปริมหรือเปล่า? ให้ปริมช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายบ้างจะได้ไหมคะ? ” ปรีติมาลย์ทำน้ำเสียงรู้สึกผิดเมื่อเห็นว่างานของเขายื้อแย่งเวลาที่จะอยู่ด้วยกันออกไปอีกแล้ว


“ไม่เกี่ยวกับปริมหรอก แค่ดูแลงานที่บ้านให้ผมก็พอ ผมเคยบอกว่าจะเลี้ยงปริมเอง ปริมก็ไม่ต้องห่วงอะไรหรอกนะ” กรวิชญ์ให้ความสบายใจแก่หญิงสาว


สามีภรรยาสนทนากันอยู่อีกเพียงครู่เดียวก่อนที่ชายหนุ่มจะตัดบทและวางสายไป ดวงตาคมปรายตามองจานเปล่าและแก้วน้ำที่พร่องลงไปครึ่งค่อนซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเอกสารข้างกันกับโต๊ะเขียนแบบ อาหารกลางวันของเขาที่เป็นแค่ผัดกะเพราะและไข่ดาวราดลงบนข้าวเม็ดร่วนจนเกือบแข็ง มื้อเที่ยงที่เขารับประทานประทังความหิวไปเพียงเท่านั้น มื้ออาหารที่หาความเอร็ดอร่อยกำซาบที่ปลายลิ้นมิได้เลย


ร่างใหญ่เหยียดตัวเอนพิงพนักเก้าอี้กึ่งนั่งกึ่งนอนแล้วยกสองแขนขึ้นก่ายหน้าผาก นัยน์ตาเหม่อลอยครุ่นคิด ดอกฟ้าที่โน้มกิ่งลงมายังเขา เธอจะมีความสุขจากการเป็นภรรยาของชายเดินดินคนนี้แน่แล้วหรือ?


“อ้าวกร! วันนี้ก็ทานกลางวันที่โต๊ะเหรอ? “ ข้าราชการรุ่นพี่คนหนึ่งชะโงกข้ามคอกกั้นมาทัก


“ครับพี่ พอดีว่าผมมีแบบที่ต้องเร่งแก้” กรวิชญ์เด้งตัวขึ้นจากท่าทางเอกเขนก


“นายจะรับงานเยอะแยะไปทำไมนัก? ระวังเถอะร่างกายมันจะรับไม่ไหวเอา” ชายรุ่นพี่เตือน


“ผมเห็นว่ามันเป็นโอกาสที่ดี ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะไม่มีงานเข้ามามากเหมือนตอนนี้ ดังนั้น ถ้ายังพอทำได้ผมก็ไม่อยากจะปฏิเสธน่ะครับ” กรวิชญ์ชี้แจง


“ก็แล้วแต่นะ แต่ก็อย่าถึงกับเกินกำลังก็แล้วกัน อีกอย่างพี่ว่าฐานะอย่างนายก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องวิ่งรอกรับงานอะไรให้มากมายนา” ชายคนดังกล่าวว่าก่อนจะปลีกตัวไป


เมื่อคล้อยหลังเพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ กรวิชญ์ก็พ่นลมหายใจหนักหน่วงก่อนจะเริ่มต้นจดจ่อกับงานตรงหน้าอีกครั้ง เขาจรดปากกาลงบนกระดาษไขแม้นว่าภายใจจิตใจนั้นยังคงกังขา ฐานะอย่างเขาน่ะหรือที่ไม่ต้องขวนขวาย? ฐานะอย่างเขาที่ต้องมุมานะในการงานเพียงเพื่อจะหาของขวัญสักชิ้นตอบแทนความรักที่ผู้เป็นดั่งดวงใจหยิบยื่นให้ หรือความนัยนั้นคือฐานะมั่งคั่งแห่งผู้เป็นภรรยาของเขากันแน่?


ยามค่ำกรวิชญ์จอดรถยนต์ของเขาต่อท้ายยานพาหนะคันหรูแพงระยับของผู้เป็นภรรยาซึ่งบิดาของเธอคัดสรรมาให้ใช้ ความโอ่อ่าและสนนราคาที่เขายากจะเอื้อมถึงทำให้รถคันงามของเธอช่างดูผิดที่ผิดทางกับโรงจอดรถซึ่งสร้างขึ้นมาอย่างเรียบง่ายและบ้านน้อยขนาดสามห้องนอนที่เขาใช้เงินเก็บทั้งชีวิตทุ่มลงไปเพื่อปลูกเป็นเรือนหออย่างเหลือแสน แม้ทรัพย์สินและการใช้ชีวิตชั้นสูงซึ่งมาจากเงินที่ผู้เป็นภรรยามีไว้ใช้สอยนั้นจะเกิดจากปันผลของหุ้นที่เธอมีส่วนแบ่งโดยไม่ได้เบียดเบียนรายได้ที่เขาหาเข้าบ้าน แต่ทว่าสิ่งเหล่านั้นกลับยิ่งตอกย้ำว่าตัวเขาช่างไร้ประสิทธิภาพในการสนองตอบวิถีอันเป็นปกติของปรีติมาลย์มิใช่หรือ?


ร่างหนาที่เพลียระโหยหอบข้าวของเดินเข้าบ้านอย่างอ่อนล้า แล้วก็ต้องชะงักเท้าเมื่อพบกับนวลหน้าหวานซึ้งของปรีติมาลย์ที่วิ่งเข้ามาหา ความเหนื่อยอ่อนที่ตรากตรำมาจนกระทั่งถึงเวลานี้ดูราวกับจะถูกชะล้างออกไปเพียงแค่สัมผัสได้ถึงความห่วงอาวรณ์ที่หญิงสาวผู้ซึ่งเขารักอย่างสุดใจนั้นหยิบยื่นให้


“ทำไมยังไม่นอนอีกปริม? ” ริมฝีปากเอื้อนเอ่ยอย่างห่วงใยด้วยเห็นว่าเลยเวลาที่ภรรยาควรได้พักผ่อนมานานแล้ว  


“ปริมเป็นห่วง เห็นว่าดึกแล้วแต่กรยังไม่กลับก็เลยมานั่งรอค่ะ” เธอตอบด้วยดวงตาที่บ่งบอกถึงแววกังวล


“ไม่ควรจะต้องรอเลย...” เขาครางตอบ


และโดยที่กระบอกเขียนแบบซึ่งเขาหอบไว้นั้นมีจำนวนมากเกินไป เมื่อชายหนุ่มคลายแรงโอบเพื่อให้ปรีติมาลย์ที่กุลีกุจออยากแบ่งเบาไปถือบ้างได้สมดังใจ พลาสติกทรงกระบอกเหล่านั้นจึงร่วงหล่นกระจัดกระจายโดยที่คนทั้งคู่นั้นไม่อาจคว้าไว้ทัน


“ว้าย! ปริมขอโทษค่ะกร” หญิงสาวย่อตัวลงพร้อมๆ กับผู้เป็นสามี การก้มๆ เงยๆ ของเธอทำให้สร้อยคอทองคำขาวพร้อมกับจี้เพชรซึ่งเป็นของขวัญจากพี่ชายนักธุรกิจหนุ่มผู้สืบทอดกิจการจากบิดาของปรีติมาลย์ที่ให้เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดของเธอนั้นแกว่งไกว แสงวูบวาบจากอัญมณีน้ำงามที่ถูกเจียรนัยอย่างบรรจงส่องสว่างล้อไฟเปล่งรัศมีดั่งดวงดาวพราวระยับ แสงสว่างอันงดงามทว่าเสียดแทงทิ่มใจและย้ำถึงความแตกต่างระหว่างเขาและเธอราวกับท้องฟ้ากับหุบเหวซ้ำๆ นั้นช่างทรมาน


กรวิชญ์รวบแรงจนคล้ายแย่งข้าวของที่ปรีติมาลย์ช่วยเก็บมาถือไว้เองทั้งหมด เขาหยัดตัวยืนขึ้นแล้วก้าวยาวๆ ด้วยความประหวั่นที่เผลอไผลแสดงความไม่พอใจใส่ภรรยาสาว แม้จะเป็นการแสดงออกเพียงเล็กน้อย แต่เขากลับรู้สึกว่าอาการพาลพาโลนั้นไร้เหตุผล แรงอารมณ์ที่กลั่นออกมาจากความเหนื่อยล้าและทีท่ากระด้างเย็นชาจากความอดสู ส่งผลให้ชายหนุ่มไม่อาจสู้หน้าปรีติมาลย์ได้อีกสักวินาทีเดียว


ดึกสงัดที่ไร้ซึ่งสรรพเสียงรอบนอก ร่างสูงหยุดยืนเพ่งพินิจสิ่งที่ตนมองเห็นในแสงสลัวจากโคมไฟที่โต๊ะเตี้ยข้างเตียง บนที่นอนอุ่นนั้นมีร่างบอบบางของผู้เป็นดั่งดวงใจขดตัวหลับใหลซุกอยู่ภายใต้ผ้าห่มนวม ร่องรอยคราบน้ำตายังประทับอยู่ที่ขอบตาซึ่งหลับพริ้มทั้งสองข้าง กรวิชญ์ย่อตัวลงนั่งที่พื้นข้างเตียง อุ้งมืออุ่นจับมือเรียวข้างหนึ่งของภรรยาสาวมาจรดจูบ มือบางที่เคยเนียนนุ่มทว่าผ่านไปเพียงแค่ปีเศษก็ปรากฏริ้วรอยจากการรับผิดชอบงานบ้านซึ่งเธอไม่เคยต้องทำจนกระทั่งตัดสินใจร่วมชีวิตกับเขา แม้เธอจะไม่เคยปริปากบ่นแต่เขานั้นรู้ดีว่าผู้เป็นภรรยาต้องใช้ความพยายามมากถึงเพียงไหน และเพราะอยากให้เธอสุขสบายด้วยแรงกายของเขา จึงทำให้ช่วงเวลาที่จะได้หวานชื่นผ่อนคลายนั้นกลับกลายเป็นต้องทิ้งเธอไว้อย่างเดียวดายมาเนิ่นนาน


สามีหนุ่มปวดแปลบไปทั้งหัวใจ นึกสงสารหญิงสาวผู้ผุดผาดซึ่งถูกกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดูด้วยความทะนุถนอมจนกระทั่งมาเจอกับเขา กรวิชญ์สะท้อนใจหากว่าตนไม่ดึงดันเด็ดดอกฟ้ามาไว้กับตัว เธอคงยังผลิดอกงามให้เขาได้แหงนมองเพ้อและได้พบเจอกับเจ้าชายซึ่งจะดลบันดาลชีวิตอันสวยหรูเหมาะสมให้แด่เธอ หาใช่โรยราบอบช้ำเหมือนยามที่อยู่เคียงข้างเขาอย่างที่เป็นอยู่นี้


ชายหนุ่มจุมพิตแผ่วเบาลงบนเรือนผมหอมกรุ่นอีกครั้งก่อนจะทอดกายลงนอนเคียงข้างผู้เป็นภรรยา สองร่างที่ใกล้กันทว่ากลับแยกห่างไกลออกไปมากขึ้นทุกที


รุ่งเช้าวันใหม่ที่กรวิชญ์นั่งจิบกาแฟพร้อมกับอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อรอปรีติมาลย์ลงมาร่วมโต๊ะอาหาร ร่างบางที่ก้าวลงมาจากบันไดโดยหอบหิ้วกระเป๋าเดินทางใบเขื่องติดมาด้วยสร้างความมึนงงให้ชายหนุ่มเป็นอย่างยิ่ง


“นั่นปริมจะไปไหน? “ เขาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ


“ปริมจะไปอยู่ที่คอนโดของพี่ปราบสักพักค่ะ” เธอตอบโดยไม่กล้าเหลียวหน้ามาสบตา


“ทำไม? “ กรวิชญ์เสียงแข็งสองขาก้าวยาวๆ มาจนถึงตัวผู้เป็นภรรยา


“ปริม...ปริมเหนื่อยแล้วค่ะกร ถ้ากรว่างวันไหนช่วยบอกปริมด้วยนะคะ” ริมฝีปากบางตอบตะกุกตะกักเสียงแผ่ว ดวงตาแดงก่ำร้อนผ่าวพยายามเก็บกลั้นหยาดน้ำที่กำลังเอ่อท้นออกมาอย่างยิ่งยวด


“หมายความว่าอย่างไรปริม? “ ผู้เป็นสามีถามเสียงดัง สองมือจับมั่นที่ไหล่บางทั้งสองข้าง


“เราหย่ากันเถอะค่ะกร” ถ้อยคำที่หลุดออกมาจากกลีบปากจิ้มลิ้มราวกับสายฟ้าที่ฟาดลงมาจนร่างใหญ่ของกรวิชญ์นั้นมอดไหม้แหลกเหลว


สามีหนุ่มนิ่งขึง ดวงวิญญาณดั่งถูกฉุดกระชากออกไปจากร่าง มือบางอันเย็นเยียบค่อยๆ แกะฝ่ามือใหญ่ที่เกาะกุมอยู่ออกไป


“ปริมไม่อยู่แล้วกรดูแลตัวเองดีๆ นะคะ” ปรีติมาลย์ฝืนยิ้มอ่อนหวานให้กับผู้เป็นสามีที่ยืนอยู่ตรงหน้า และเพียงแค่ได้ประสานสายตาหยาดน้ำที่ปริ่มอยู่ในดวงตาก็กลับกลิ้งลงมาต้องสองแก้มนวล


หญิงสาวก้มหน้างุดพร้อมกับผละห่าง สองมือลากกระเป๋าเดินทางออกไปอย่างเร็วรี่ ภรรยาสาวเก็บข้าวของใส่ท้ายรถยนต์คันหรูทั้งๆ ที่ร่างบางนั้นสะท้านไหวด้วยแรงสะอื้น สามีหนุ่มเดินมาเกาะขอบประตูเพื่อมองส่งผู้เป็นที่รัก ภาพที่เขาเห็นคือปรีติมาลย์ที่กระชากยานพาหนะออกไปอย่างรวดเร็วราวกับอยากไปให้พ้นจากขุมนรกที่ทนทุกข์อาศัยอยู่โดยไม่ยอมเสียเวลาร่ำลาอีกสักเพียงนาที


ร่างใหญ่ที่หมดอาลัยตายอยากเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาหนังเทียมอย่างไร้พลัง นัยน์ตาหมองหม่นเหม่อลอยถึงดวงหน้าสวยตรึงใจที่เพิ่งจากไปเมื่อสักครู่ หมดเวลาที่เขาจะได้เชยชมดวงดาวประจำใจดวงนั้นแล้วใช่ไหม? ดวงดาวที่ต้องกลับคืนลอยเด่นประดับฟากฟ้าสูงลิบอีกครั้ง...  

===========================================

(มีต่อค่ะ) redrose

จากคุณ : กาแฟเย็นเพิ่มช็อต
เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 08:56:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com