Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
หัวใจก้นครัว ๑๔-๑๕-๑๖ (แก้ไขใหม่) ติดต่อทีมงาน

บทที่  ๑๔  

           เมื่อมีเสียงของรถแท็กซี่ จอดดังมาจากหน้าประตูบ้านได้สักพัก
ภัทรก็เปิดประตูบ้านเข้ามาพร้อมกับถุงขนม ทับทิมที่กำลังเฝ้ารอชายหนุ่มอยู่ เดินเข้ามาหาหลานชายเพียงคนเดียวของตน อย่างเป็นห่วง เพื่อซักถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อตอนหัวค่ำ

           “คุณภัทร ไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม ป้าเป็นห่วงเสียแทบแย่ เห็นคนเขาเอารถมาส่งให้ที่บ้าน บอกว่า ต้องเอารถไปลากเพื่อเปลี่ยนยางกลับมา แต่ไม่เห็นคุณภัทรมาด้วย จะโทรไปถามก็เกรงใจ เรื่องราวมันเป็นยังไง?”

            “ยางรถระเบิดนิดหน่อยน่ะครับ ป้าทับทิม แค่อุบัติเหตุ ไม่มีอะไรมากหรอกครับ พอดี ผมต้องไปร่วมงานเลี้ยง เลยให้เด็กมาจัดการให้ก่อน แต่สุดท้ายก็ไปไม่ทัน เลยไปรับประทานอาหารกับเพื่อน คุยกันเพลิน เลยลืมโทรมาหาป้า ต้องขอโทษด้วยครับ ที่ทำให้เป็นห่วง”

      ภัทร ตอบอย่างเรียบง่ายที่สุด เพื่อตัดปัญหา เพราะชายหนุ่มไม่อยากทำให้ทับทิมกังวลไปมากมายกว่านี้

             “ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ระมัดระวังตัวด้วยนะ คุณภัทร คนสมัยนี้ยิ่งไว้ใจกันยากอยู่ด้วย” ทับทิม สรุปอย่างหมดกังวล จากคำตอบที่ได้ยินจากหลานชาย

            “ถ้างั้น ผมขอตัวขึ้นห้องก่อนนะครับ ผมซื้อบัวลอยน้ำขิงมาฝากป้าทับทิมกับเด็กๆ วิธีต้ม อยู่ที่หน้าถุง ให้พี่ต้นทำก็ได้ ทานพรุ่งนี้เช้าคงจะดี เจ้านี้เขาอร่อยใช้ได้เลยนะครับ เผ็ดร้อนกำลังเหมาะ พอทานไปแล้วก็นึกถึงป้าทับทิม คิดว่าป้าคงจะชอบ”

           ภัทร พูดอวดเหมือนเด็กที่ได้ไปเที่ยวเล่นมาจนสนุกสนานอย่างลืมตัว จนทำให้ทับทิมแปลกใจ เพราะโดยปกติ น้อยครั้งที่ภัทรจะซื้อของมาฝาก ขนาดไปทำงานต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ด้วยความที่งานยุ่งมากมาย ทำให้ชายหนุ่มแทบจะไม่มีเวลานึกถึงคนทางบ้าน ถึงจะมีโอกาสหาซื้อมาฝาก แต่ก็แทบจะไม่เคยเอ่ยอะไร นอกจากนำมาวางไว้บนโต๊ะให้รู้เองเพียงเท่านั้น

           เมื่อภัทรขึ้นบันไดไปยังห้องพักส่วนตัวชั้นบนแล้ว ทับทิมจึงนำของฝากไปแช่ตู้เย็น ก่อนจะตัดสินใจ เปิดประตูบ้านออกไปเดินชมพระจันทร์เต็มดวงที่บริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน เพื่อใช้ความคิดทบทวนบางอย่างโดยลำพัง บทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างตนกับหม่อมราชวงศ์หญิงรัดเกล้า เมื่อตอนบ่ายยังคงดังก้องอยู่โสตประสาท จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่อาจสลัดออกไปจากความคิดคำนึงของนางได้

          “แม่ทับทิม เรื่องที่ให้ภัทร มาเซ็นชื่อในสัญญาเช่าวังสิราวรกาญจน์ต่อ ไปถึงไหนแล้ว เพราะทางไทยทัศน์ต้องนำไปให้ทนายทางฝ่ายโน้นดูเหมือนกัน  ถ้าภัทรตัดสินใจว่าอย่างไร ช่วยแจ้งให้หญิงรู้ด้วยนะจ๊ะ”

ความลำบากใจในเรื่องที่คุณหญิงรัดเกล้า เอ่ยปากให้ช่วยเหลือ นั่นก็คือ การที่ภัทร จะต้องเข้าไปเซ็นลงนามในสัญญาเช่าวังสิราวรกาญจน์ต่อ ซึ่งปัจจุบันนี้ได้ถูกเช่าและดัดแปลงให้กลายเป็น ภัตตาคารไทยทัศน์ โดยโรงแรมในเครือฯ นั่นเอง

               ซึ่งทายาทของหม่อมเจ้าศักดิ์สิรา ได้ร่วมลงนามยินยอมแล้วเกือบทุกคน ขาดเพียงแต่ ภัทร ในฐานะทายาทของหม่อมราชวงศ์เภาสวัสดิ์ ซึ่งเจ้าตัวเองปฏิเสธที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด จึงทำให้หญิงชราต้องทบทวนถึงเรื่องราวในอดีตอีกครั้ง ก่อนที่จะเริ่มเกลี้ยกล่อมชายหนุ่มให้ทำตามในสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ต่ออนาคตของเขาเช่นกัน...


      หลังจากที่ทับทิมตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายห้องเครื่องในวังสิราวรกาญจน์ เพื่อมาทุ่มเทเวลารักษา อาการป่วยทางจิตของหนูน้อยภัทรแล้วนั้น หญิงสาวก็ได้ตัดสินใจย้ายออกมาเช่าบ้านหลังเล็กๆ ยังแถบชานเมืองแถวลาดพร้าว ซึ่งสมัยก่อนจัดว่าห่างไกลจากวังสิราวรกาญจน์ที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองชั้นใน เพื่อจะได้สะดวกในการพาหนูภัทรไปรักษาตัว ที่กรมสุขภาพจิต

               และที่สำคัญคือจะได้ไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับพวกสิราวรกาญจน์ มาพบสมบัติอันมีค่าชิ้นเดียวและชิ้นสุดท้ายของพลอย น้องสาวผู้แสนอาภัพ ที่ฝากฝังให้ทับทิมดูแลก่อนจากไป นั่นก็คือ เด็กชายภัทรนั่นเอง

              “นี่คือ สิ่งสุดท้ายที่พลอย ยอมสละชีวิตตัวเองในกองไฟ เพื่อแลกกับสิ่งๆนี้จ้ะ พี่ทับทิม”

              นงเยาว์ มอบกล่องขนมปังเหล็กทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่พอควร ที่พลอย ยอมฝ่ากองเพลิงเข้าไปนำมันมา ก่อนที่หญิงสาวจะต้องเสียชีวิตไปเพราะขาดอากาศหายใจหลังจากนั้น ให้แก่ทับทิมไว้เป็นที่ระลึกสุดท้าย ก่อนที่หล่อนจะต้องกลับไปเชียงใหม่

              หลังจากชั่งใจอยู่หลายวัน กว่าที่หญิงสาวจะตัดสินใจเปิดกล่องใบนั้น ทับทิมค่อยๆหยิบสิ่งของในนั้น ขึ้นมาดูทีละชิ้น ด้วยความอาลัยอาวรณ์  รูปถ่ายของเด็กชายภัทร ตั้งแต่แบเบาะ ไปจนถึงช่วงเวลาก่อนที่พลอยจะจากไป ซึ่งก็มีเพียงไม่กี่ใบ

              ใบเกิดของเด็กชายภัทร ที่มีพลอยเป็นมารดา และ บิดา คือ นายเภา อีกทั้งพลอยยังแจ้งด้วยว่า สามีของหญิงสาวเสียชีวิตไปแล้ว รูปถ่ายของพลอยกับทับทิมในชุดไทย ที่ถ่ายคู่กันในงานวันเลี้ยงต้อนรับการกลับมาของคุณหญิงรัดเกล้าและคุณชายเภาสวัสดิ์ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ รูปถ่ายคู่ของพลอยและคุณชายเภา เพียงใบเดียว มีลายมือเขียนสลักหลังรูปว่า

   ‘ให้พลอย
ไว้ดูเป็นที่ระลึกในความรักของเราทั้งสอง

                                  เภาสวัสดิ์’


          จนมาถึงสิ่งสุดท้ายก็คือ จดหมายในซอง ที่ยังไม่ปิดผนึก เพื่อนำส่ง และคงไม่มีโอกาสที่เจ้าของจะส่งมาหาหล่อนได้อีกต่อไปเลย...

          ถึง พี่ทับทิม


          พลอย กราบขอโทษพี่จากใจจริง ที่พลอยปิดบังพี่ เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพลอยกับคุณชายเภา  จนถึงเรื่องของภัทร มาโดยตลอด
พลอยไม่รู้จะบอกพี่ยังไง มันสับสนอย่างบอกไม่ถูก เมื่อคิดว่าจะต้องอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นมาในอดีต ทั้งๆที่พี่ทับทิมก็ห้ามปรามพลอยไปแล้ว แต่ว่าในตอนนั้น ทุกอย่างมันก็ดูเหมือนสายจนเกินที่จะแก้ไขไปเสียแล้วละจ้ะพี่ เพื่อเห็นแก่หลาน และความเสียใจในความผิดพลาดที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ของน้องสาวที่โง่เขลาอย่างพลอย พี่ทับทิมได้โปรดอ่านข้อความในจดหมายนี้ให้จบด้วยเถิดนะจ๊ะ

            ไม่รู้ว่าทำไม ช่วงหลังมานี้ พลอยมักจะฝันเห็นพ่อกับแม่ เสมอๆ บางทีมันอาจจะคิดถึงบ้านมากเกินหรือเปล่าก็ไม่รู้นะจ๊ะพี่ รู้สึกใจไม่ดีพิกล ลางสังหรณ์บอกให้รู้สึกยังไงก็ไม่รู้สิจ๊ะ

             พลอยจึงตัดสินใจจะเขียนจดหมายมาบอกพี่ให้รู้เรื่องเสียจะดีกว่าที่จะปกปิดไว้ เพราะอย่างไรเสีย วันหนึ่ง ถ้าตาภัทรโตพอที่เข้าใจอะไรได้ พลอยก็คงจะต้องพาแกไปพบพี่ทับทิมให้ได้สักครั้งแน่นอน ให้แกได้รู้ว่าป้าที่มีบุญคุณกับแม่ของแก เปรียบเสมือนแม่คนที่สองของพลอยคือใคร

              แม้ตอนนี้ยังไม่มีโอกาส พลอยจึงขอส่งรูปของแกตั้งแต่แบเบาะมาจนถึงตอนนี้ ก็ห้าขวบแล้ว มาให้ดูก่อนที่จะได้พบกัน หนูภัทรแกหน้าตาน่ารักเชียวจ้ะ เลี้ยงก็ง่าย ใครๆที่นี่ต่างก็รักและเอ็นดูหนูภัทรกันทั้งนั้น ถ้าพี่ทับทิมได้พบแก คงต้องหลงแกเป็นแน่เทียว

             แต่... ถ้าหากพลอย ไม่สามารถได้อยู่ดูแลแก ตามที่ตั้งใจไว้ พลอยขอกราบให้พี่ทับทิมช่วยอุปการะแกด้วยเถิด อย่าให้พวกสิราวรกาญจน์ รู้ได้ว่าแกคือใคร ไม่ใช่ว่าพลอยจะตั้งใจจะพรากลูกพรากพ่อ หรอกนะจ๊ะ แต่คำที่พี่ทับทิม สอนไว้ว่า อย่างไร เรามันก็แตกต่างกัน มันคงจะจริงละจ้ะพี่ เพราะตั้งแต่พลอย มาใช้ชีวิตที่นี่ ไม่เคยที่จะมีสักครั้ง ที่พลอยจะได้รับการติดต่อ จากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อ ของ หนูภัทร จากคนที่เคยบอกว่ารักพลอย

          เพราะฉะนั้น ถ้าเหตุการณ์ที่พลอยกังวลได้เกิดขึ้นจริงแล้วละก็ คงไม่มีใครที่จะรักและดูแลตาภัทรได้ดี ไปกว่าพี่ทับทิม คนที่พลอยรักและไว้ใจมากที่สุดในโลกนี้แล้ว...



           ข้อความในจดหมายถูกเขียนค้างไว้เพียงเท่านี้ ทับทิม คิดว่าพลอยคงต้องการเขียน เพื่อระบายอารมณ์สับสนในช่วงเวลานั้น เพราะสิ่งของเหล่านี้ คงจะเป็นสมบัติที่มีค่าทางจิตใจ สำหรับพลอย สาวน้อยผู้แสนอาภัพ ดังนั้นเมื่อเกิดไฟไหม้ขึ้น หล่อนจึงตัดสินใจ ฝ่ากองเพลิงเข้าไปนำมันมา โดยที่ไม่มีทางรู้ว่า เจ้าตัวจะไม่มีโอกาสได้เขียนมันจนจบ และส่งมาถึงมือทับทิมด้วยตนเอง ตามที่ปรารถนาไว้

            ทับทิมหลั่งน้ำตาอย่างโศกเศร้าเสียใจในการตัดสินใจของตัวเองอีกครั้ง เมื่อได้อ่านข้อความในจดหมายของพลอยจบลง หญิงสาวนึกตำหนิ ทิฐิในใจตน เป็นเหตุให้ชีวิตรักของพลอยและคุณชายเภาสวัสดิ์ ต้องขาดสะบั้น ทั้งๆที่ทั้งสองไม่เคยได้รับโอกาสในการพิสูจน์ความรักแท้ เด็กชายภัทร ที่ต้องมากำพร้าแม่ ตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้ เพราะหล่อนเอง หล่อนเป็นคนทำลายทุกสิ่งด้วยตัวเองทั้งสิ้น

            แต่ในที่สุด ทับทิม ก็สลัดความอ่อนแอภายในใจตนให้หมดสิ้นไป เมื่อคิดได้ว่าเปล่าประโยชน์ที่จะโทษตัวเอง หล่อนพร้อมที่จะก้มหน้าก้มตารับในชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นทั้งของตนเและเด็กชายภัทรในอนาคตด้วยเช่นกัน นับแต่นี้ขอยึดเอาคำฝากฝังของพลอยเป็นหลักในการดำเนินชีวิต นับแต่นี้ไป

           หวังว่าพลอยที่จากไปอยู่ ณ ที่แสนไกล จะสบายใจ และรับรู้ได้ถึงความสำนึกผิดที่ตนได้ก่อไว้ แม้จะไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆแอบแฝงเลยก็ตาม


            การรักษาสภาพจิตใจของเด็กชายภัทรให้กลับมาเป็นปกติ ต้องใช้เวลาหลายปี ในช่วงแรก หนูภัทร มักจะสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก ละเมอส่งเสียงร้องไห้ เกือบทุกคืน ทับทิมทำได้แค่เพียงคอยปลอบโยนอย่างห่วงใย

          ในตอนแรกทับทิมทำยังจับต้นชนปลายถูก เพราะไม่เคยเลี้ยงเด็กเล็กมาก่อน แต่หล่อนก็อดเวทนาไม่ได้ เมื่อเห็นเด็กน้อยร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตรงหน้า นานวันเข้าความรู้สึกเหล่านั้นก็หมดไป มีแต่ความรักความห่วงใยเข้ามาแทนที่ จนเป็นความผูกพันมาจนจวบจนทุกวันนี้

          เด็กชายภัทรเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กชายที่ร่างกายแข็งแรง ตามกาลเวลา จากเดิมที่เคยต้องไปหาทุกๆเดือนก็ลดน้อยลงไปเรื่อย จนเหลือเพียง แค่การพบปะเพื่อเช็คสุขภาพจิตเพียงปีละหนึ่งครั้ง

         แต่สิ่งที่แพทย์ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ก็คือ อาการหวาดกลัว เมื่อยามเข้าใกล้หรือพบเจอกับเปลวไฟแรงๆ ซึ่งเจ้าตัวเองก็รู้ถึงอาการนี้ จึงพยายามหลีกเลี่ยงที่จะต้องเผชิญมาโดยตลอดเช่นกัน

         แม้ว่าทับทิม จะพอมีเงินทองที่เก็บหอมรอมริบ ผสมกับที่พลอยก็เก็บออมไว้ให้ลูกด้วยแล้วก็ตาม แต่หล่อนก็ไม่มีรายได้ประจำ เมื่อต้องย้ายบ้านมาอยู่กันตามลำพัง อีกทั้งยังต้องพาเด็กชายภัทรไปรักษาตัว อย่างสม่ำเสมอในช่วงสองสามปีแรก ทำให้เงินทองที่เคยพอมี พอเก็บ ร่อยหรอลงไปมาก

          ทับทิมตัดสินใจที่จะยังไม่ทำอะไรทั้งสิ้น หล่อนตั้งใจว่าเมื่อใดที่เด็กชายภัทรหายเป็นปกติ สามารถเข้าโรงเรียนได้ หล่อนจึงจะเริ่มมองหาแผงขายของขายอาหาร ตามที่หล่อนถนัด จนกว่าหลานชายคนเดียวให้หายดีตามความตั้งใจเสียก่อน

          จนกระทั่ง เจ็ดปีผ่านไป วงล้อของการเปลี่ยนแปลงก็ได้หมุนกลับมาเยือนชีวิตของของทับทิมและภัทรอีกครั้งหนึ่ง โดยที่ทั้งคู่ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยเสียด้วยซ้ำ...

         ขณะนั้น ภัทร อายุได้ ๑๓ ปี เด็กชายเพิ่งเข้าเรียนในชั้น มัธยมปีที่ หนึ่ง ในโรงเรียนใกล้บ้าน แม้ว่าฐานะจะไม่ค่อยดีมากเท่าใดนัก แต่สติปัญญาของภัทร ก็ทำให้ชายหนุ่มสามารถสอบเข้าโรงเรียนได้ด้วยโควต้านักเรียนทุนเรียนดี

         เมื่อเลิกเรียนภัทรจะรีบกลับมาช่วยงานทับทิมที่แผงขายอาหารตามสั่งเล็กๆในตลาดด้วยความเต็มใจ เนื่องด้วยฝีมือการทำอาหารที่มีรสชาติดีของทับทิม ทำให้ลูกค้ามาอุดหนุนอยู่ไม่ขาด แม้ว่าทับทิมจะไม่เคยเอ่ยขอให้เด็กชายช่วยงาน แต่เขาถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำเช่นกัน

        การที่ได้ช่วยงาน หยิบจับจัดเตรียมของสำหรับขายอาหาร เขามี กระทะ ตะหลิว มีด เขียง เป็นของเล่น ที่ต่างจากเพื่อนคนอื่นในวัยเดียวกันที่จะมักจะเล่นเกม หุ่นยนต์ ตัวต่อ จึงทำให้ภัทร มีทักษะในการทำอาหารที่ล้ำหน้ากว่าคนวัยเดียวกัน หรือผู้ใหญ่อีกหลายคน

         อีกทั้งยังได้ทับทิมคอยช่วยแนะนำและคอยสอนในเรื่องของการปรุงอาหารโดยละเอียด ยิ่งทำให้ เด็กชายกับสนุกกับการทำอาหาร และไม่เคยรู้สึกว่าการทำอาหารเป็นเรื่องยากสำหรับเขาเลยสักนิด

          และเหตุการณ์ที่เข้ามาพลิกผันชะตาชีวิตของคนทั้งก็เริ่มขึ้นเมื่อ...

          รถเบ๊นซ์คันใหญ่เข้ามาจอดเทียบที่ริมฟุตบาทของด้านหน้าตลาด ตามคำสั่งของหญิงชราที่นั่งอยู่ด้านหลัง นางดูที่ตั้งแผง ตามที่จดมาในกระดาษ จนแน่ใจว่าใช่แผงที่ทับทิมขายอาหารอยู่

         ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบๆบ่ายสามโมงแล้ว ลูกค้าเริ่มบางลงไปบ้างจากตอนกลางวัน ทับทิมกับลูกน้องอีกสองคนกำลังช่วยกันเตรียมของสำหรับขายตอนเย็นที่จะยุ่งไปจนค่ำอีกครั้งหนึ่ง

         หญิงชราจึงค่อยๆลดกระจกลงมองเข้าไปในร้านให้แน่ใจอีกครั้ง ก่อนจะเปิดประตูรถก้าวออกไป เมื่อเดินเข้าไปยืนที่หน้าแผงตู้กระจก ทับทิมกำลังเงยหน้าจากการจัดของในตู้พอดี หล่อนนิ่งชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเรียกสติกลับคืนมาได้ แล้วจึงค่อยอุทานออกมาด้วยความตกใจอย่างลืมตัว

         “คุณพร้อม! คุณพร้อม ไปยังไง มายังไงกันคะ ถึงมาหาดิฉันได้ถึงที่นี่?”

         ทับทิม ถามอย่างแปลกใจ แม้จะยังตั้งตัวไม่ถูก หล่อนแน่ใจว่าตั้งแต่ลาออกมาจากวังสิราวรกาญจน์ หล่อนไม่เคยติดต่อใครในวังนั้นให้ทราบถึงความเป็นอยู่ของหล่อนและภัทรอีกเลย

        “ฉันก็มีธุระกับหล่อนละซี แม่ทับทิม นี่ใจคอหล่อนจะทำตัวให้เหมือนหายสาบสูญไปเลยเทียวรึ ดูซิ ต้องให้ท่านหญิงลำบากถึงขั้นส่งคนไปตามสืบที่อยู่ของหล่อนเสียนานนม กว่าจะเจอตัว”

         คุณพร้อม บ่นกระฟัดกระเฟียดอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย พร้อมกับใช้พัดลูกไม้คู่ใจ กระพือลมไล่อากาศร้อนอบอ้าว ในช่วงบ่ายนี้เบาๆไปด้วย แต่ความดีใจที่ได้พบคนสนิทที่จากกันมานาน ทำให้น้ำเสียงดูไม่เกรี้ยวกราดอย่างที่เคยเป็น

         “ถ้าอย่างนั้นดิฉันต้องกราบขออภัยคุณพร้อมด้วยนะคะ ที่ทำให้ลำบาก และถ้ามีโอกาส ดิฉัน จะเข้าไปกราบขอประทานอภัยโทษจากท่านชายและท่านหญิงด้วยตนเองอีกครั้งหนึ่ง เชิญเข้ามานั่งข้างในก่อนเถิดค่ะ”
ทับทิมกล่าวขอโทษจากใจจริง ก่อนที่จะกุลีกุจอเชิญหญิงชราเข้าไปนั่งพักข้างใน

         ทับทิม เหลือบมองนาฬิกาอย่างกระวนกระวายใจ แต่ก็ยังซ่อนพิรุธนั้นไว้ได้ จนอีกฝ่ายไม่ทันจับสังเกตได้ ขณะนั้นเป็นเวลาเกือบสามโมง หล่อนแอบกังวลว่า เมื่อภัทรที่กลับมาจากโรงเรียน แล้วจะได้พบกับคุณพร้อมเข้า มิเช่นนั้นความจริงคงต้องถูกเปิดเผยเป็นแน่

          แต่ตามปกติภัทรจะกลับมาช่วยงานก็เป็นเวลาสี่โมงกว่าของทุกวัน ดังนั้นจึงยังพอมีเวลาให้หล่อนสอบถามความ ในธุระของคุณพร้อมที่บากบั่น สืบหาที่อยู่ของหล่อนมาจนพบ

         “ไม่ต้องห่วงหรอกนะ หล่อนได้เข้าไปกราบขอประทานอภัยโทษด้วยตัวหล่อนกับท่านหญิงด้วยตัวหล่อนเองแน่ เพราะที่ฉันมานี่ ก็มีธุระสำคัญมาไหว้วาน ขอแรงจากหล่อน จะได้ไหมแม่ทับทิม”

          คุณพร้อม วกเข้าเรื่องด้วยน้ำเสียงเอาการเอางาน ตามปกติที่เคยใช้กับหล่อน เมื่อครั้งยังเป็นนายห้องเครื่องของวังสิราวรกาญจน์ตามเดิม

         “ดิฉัน ยินดีรับสนองพระเดชพระคุณของท่านชายและท่านหญิงเสมอเจ้าค่ะ ขอให้คุณพร้อมเอ่ยปากมาได้เลยค่ะ” ทับทิม แสดงความจงรักภักดีที่มีอยู่ในหัวของหล่อนต่อบุญคุณของเจ้าของวังทั้งสองท่านมาโดยเสมอ

          คุณพร้อม ยังคงนั่งเงียบไป ทับทิมที่นั่งก้มหน้าอยู่ รู้สึกเอะใจ จึงเงยหน้าดูผู้ที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง แล้วจึงสังเกตได้ว่า อีกฝ่ายกำลังมีน้ำตารื้น ก่อนที่จะไหลเอื่อยๆ ออกมาจากสองตา ด้วยความเศร้าโศกอย่างใหญ่หลวง

          ยิ่งสังเกตจากอาการตรงหน้า หล่อนก็เพิ่งได้เห็นเต็มตาว่า วันนี้คุณพร้อม แต่งดำมาเต็มชุด ทั้งเสื้อลูกไม้เข้าชุดกับซิ่นผ้าไหมสีดำ ยิ่งทำให้ใจไม่ดี ผ้าเช็ดหน้าสีขาวขลิบลูกไม้ ถูกควักออกมาจากกระเป๋า ขึ้นมาซับน้ำตา ก่อนจะที่คุณพร้อมจะเล่ารายละเอียดให้ทับทิมรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวังสิราวรกาญจน์ว่า

        “พวกเราสิ้นร่มโพธิ์ร่มไทรแล้ว แม่ทับทิม....” คุณพร้อม หยุดนิ่งอยู่อึดใจ ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “ท่านชายศักดิ์สิรา ท่านสิ้นชีพิตักษัยแล้ว เมื่อเช้านี้เอง”

         “ท่านชาย สิ้นฯ แล้วหรือคะ? คุณพร้อม อย่างไรคะ?” ทับทิม อุทาน อย่างคาดไม่ถึง ในใจก็ระลึกถึงพระคุณของท่านชายที่มีต่อหล่อนตลอดมา

         “ท่านประชวรด้วยโรคหทัย มาหลายปีแล้วล่ะ ทรงๆทรุดๆ อยู่อย่างนี้ แต่พอดีเกิดเรื่องใหญ่เข้ามาแทรกเสียก่อนน่ะซี่...” คุณพร้อม หยุดใช้มุมผ้าเช็ดหน้าประจำตัวของนาง ซับน้ำตาที่ไหลออกมา ก่อนจะขยายความ

         “เธอรู้ไหม ว่าคุณชายเภาสวัสดิ์ เธอก็ถึงแก่กรรมที่เมืองนอกแล้วเหมือนกัน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทางสถานทูตที่ประเทศอังกฤษส่งข่าวมาเมื่อสัปดาห์ก่อน พอท่านชายทราบเรื่องนี้เข้า ท่านก็หมดสติ แล้วก็ประชวรหนัก จนเมื่อเช้านี้...” คุณพร้อม ยังคงสะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจอยู่ไม่หาย ก่อนจะเล่าต่อว่า

          “ท่านหญิง ก็ยังคงตกพระทัยอยู่ แต่ท่านชายสั่งความไว้ก่อนจะสิ้นฯ ว่าอยากให้ตั้งศพท่านไว้คู่กับคุณชายเภา ที่วังสิราวรกาญจน์ ตอนนี้ ที่วังเลยโกลาหลเลยทีเดียว ลำพังท่านหญิง และคุณชาย คุณหญิง ท่านๆอื่นก็คงวุ่นวายกับการจัดงานต้อนรับพระญาติ รวมทั้งแขกเหรื่อคนอื่นๆอีก นายห้องเครื่องคนใหม่นี่คงจะจัดการคนเดียวได้ไม่ดีพอ ท่านหญิงจึงรับสั่งให้ ฉันมาตามทับทิมไปช่วยงานกัน เธอพอจะสะดวกไปไหม?”

      ยังไม่ทันที่คุณพร้อม จะถามจนจบ ทับทิมก็รีบตอบตกลงในทันที ทั้งๆที่ยังไม่หายตกใจกับเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้น

           “ด้วยความเต็มใจค่ะ ขอให้ดิฉัน สั่งงานลูกน้องเสียหน่อย แล้วจะรีบตามไปช่วยงานที่วังทันทีเลยค่ะ คุณพร้อม”

          เมื่อได้ยินเช่นนั้น คุณพร้อมก็สบายใจ ที่ได้จัดการงานที่ได้รับมอบหมายมาสำเร็จไปแล้วหนึ่งเรื่องนางจึงขอตัวกลับไปจัดการธุระอื่นๆที่ได้รับมอบหมายมาให้เสร็จเสียก่อน จึงให้ทับทิมรีบตามไปสมทบที่วังสิราวรกาญจน์โดยเร็วที่สุด

          เมื่อหญิงชราจากไปแล้ว ทับทิมจึงหันมาสั่งงานลูกน้อง อย่างเอาการเอางานว่า

          “เดี๋ยว ต้นดูแลร้านแทนพี่ทีนะ วันนี้ปิดร้านเร็วหน่อยก็คงไม่เป็นไร พี่ต้องไปช่วยงานที่วังโดยด่วนนะ ถ้าคุณภัทร กลับมา หาข้าวหาปลา ให้เธอรับประทานเสียให้เรียบร้อย พี่ฝากด้วยนะ พี่จะรีบไปเปลี่ยนชุดก่อน”


            ทับทิมกลับมาถึงบ้าน ด้วยความเหนื่อยล้าในใจ จากสภาพเหตุการณ์ที่แสนจะวุ่นวายของงานศพของสองบุคคลสำคัญแห่งวังสิราวรกาญจน์ที่หล่อนได้ประสบมาเมื่อตอนช่วงค่ำ ทำให้ความเครียดเข้ามาเยือนในจิตใจที่เคยคิดว่าเข้มแข็งดีแล้ว

          ตลอดเวลาที่หล่อนอยู่เพื่อช่วยงานนั้น ดูจะไม่เป็นสุขเท่าใดนัก ยิ่งเมื่อได้รับรู้เรื่องราวเพิ่มเติมจากบรรดาคนในบ้าน ถึงในอีกหลายๆเรื่องที่หล่อนเองก็ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเช่นกัน

         “กี่ปีมาแล้วที่คุณชายเภา เธอไม่ทำงาน ทำการอะไรนอกจากใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ เที่ยวตะลอนๆไปตามที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง เสียเวลาอยู่เป็นนาน พอตัดใจได้ เธอก็หนีอยู่เมืองอังกฤษ พักหลัง เห็นว่าเธอติดสุราอย่างหนัก ขนาดคู่หมั้นยังทนไม่ได้ ต้องขอถอนหมั้น แล้วปล่อยให้เธออยู่ตามลำพัง ขนาดท่านชายมีรับสั่งให้กลับมา ถึงขนาดขู่ว่าจะตัดพ่อตัดลูก คุณชายเธอยังใจแข็ง คิดดูซิ ที่เธอประสบอุบัติเหตุก็เพราะเมาแล้วไปขับรถนี่ละ แม่ทับทิมรู้ไหม”

      ยายอ้น บ่าวคนเก่าแก่ของวัง สาธยายเรื่องราวทั้งหมดคร่าวๆให้ฟังขณะที่ช่วยกันจัดเตรียมของว่าง

            “ไม่น่าเลย ยังหนุ่ม ยังแน่นแท้ๆ นึกถึงเมื่อตอนที่เธอเรียนจบกลับมา ได้งานการในกระทรวงตำแหน่งใหญ่โต มีอนาคตที่ดีรออยู่ เพราะความรักตัวเดียวเล้ย ทำให้คนเรานี่เปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้”

      นางอ้น หยุดบ่นขึ้นมากะทันหัน เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าพลอย น้องสาวของทับทิม คือต้นเหตุของเรื่องเศร้าโศกที่เกิดขึ้นกับหม่อมราชวงศ์หนุ่มนี้เอง

             ทับทิม ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไป เพราะในใจหล่อนตอนนี้ ร้อนรุ่มราวกับถูกไฟสุม  การมาช่วยงานในครั้งนี้ เหมือนกับว่า หล่อนต้องมาผจญเพลิงแห่งกรรม กรรมจากการกระทำด้วยทิฐิของหล่อนเอง ซึ่งตอนนี้มันได้ส่งผลมาให้ทับทิมต้องตัดสินอะไรทำอะไรบางอย่างลงไปเสียแล้ว


              ภาพถ่ายคู่ของพลอยและหม่อมราชวงศ์เภาสวัสดิ์ ที่อยู่ในกรอบรูปสีทองใหม่เอี่ยม ถูกนำมาตั้งที่บริเวณด้านล่างของโต๊ะหมู่บูชา ทับทิม บรรจงวางพวงมาลัยมะลิสีขาวล้วน ไว้ด้านหน้า ก่อนจะจุดธูปเพื่อตั้งจิตอธิษฐานถึงบุคคลในภาพทั้งสอง ราวกับจะสื่อสารข้อความสารภาพผิดจากใจของตนให้ทั้งคนคู่ได้รับรู้

              ‘พลอยและคุณชายเภา...ถ้าเกิดว่าในอดีตที่ผ่านมา พี่ทำอะไรผิดพลาดไป พี่ต้องขออภัยด้วย พี่เองก็เสียใจกับการกระทำของพี่ในครั้งนั้นจนถึงทุกวันนี้ ในเมื่อตอนนี้ ทั้งคู่ได้ไปพบเจอกันแล้ว ก็ขอให้มีความสุขสมกับที่รอคอย แล้วไม่ต้องห่วงภัทรนะคะ พี่สัญญาว่าจะดูแลเขาให้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่จะไม่ทำให้เขาต้องอาภัพ มากไปกว่านี้แล้วล่ะ ขอให้ทั้งคู่สบายใจได้’

            เมื่อหล่อนปักธูปเสร็จ ภัทรที่อยู่ในชุดนักเรียนใหม่เอี่ยมเรียบร้อย ก็ถูกเรียกให้คลานเข่าเข้ามานั่งข้างทับทิม ที่บอกว่า

             “คุณภัทร เข้ามาจุดธุปบอกคุณพ่อ คุณแม่ เสียสิ ว่าวันนี้เราจะไปถวายบังคมพระศพของท่านปู่กัน”

            เด็กชายภัทร จุดธูป เขาตั้งอธิษฐานจิตตามที่ทับทิมบอก ทั้งๆที่ในใจ ยังคงงงกับเรื่องราวที่เพิ่งได้รับทราบมา จากปากของทับทิมเอง...

            แต่เดิม เขาจำความได้เพียงแต่ว่าตนเองเองเป็นเพียงลูกของพลอยกับนายเภา บิดาที่เสียชีวิตไปตั้งแต่ตนยังไม่ทันเกิด เมื่อพลอยเสียชีวิตไปแล้วที่จังหวัดเชียงใหม่ ตนก็ได้มาย้ายอยู่กับทับทิมตั้งแต่ยังไม่ถึงห้าขวบดี จนกระทั่งถึงปัจจุบัน

           แต่แล้วจู่ๆ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทับทิม ก็เรียกภัทร เข้ามาพบที่ห้อง หล่อนส่งชุดนักเรียนชุดใหม่เอี่ยมให้เด็กหนุ่ม เมื่อนางเห็นว่าถึงเวลาที่ภัทรควรจะได้รู้เรื่องราวของตน จึงอธิบายเพิ่มเติมว่า

           “พรุ่งนี้ ป้าจะพาคุณภัทร ไปถวายบังคมพระศพของท่านปู่ของคุณภัทรก็คือ หม่อมเจ้าศักดิ์สิรา และศพของคุณพ่อของคุณภัทร เธอมีชื่อว่า หม่อมราชวงศ์เภาสวัสดิ์ ที่วังสิราวรกาญจน์ด้วยกัน แต่งตัวด้วยชุดที่ป้าเตรียมไว้ให้ พรุ่งนี้ป้าจะไปขอลาโรงเรียนให้คุณภัทรครึ่งวัน ที่นั่นคงจะได้พบกับญาติของคุณภัทรหลายคน หนูก็ไม่ต้องตกใจไป ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นป้าจะอยู่ข้างๆ อย่ากังวลไปนะลูก”

           ทับทิม ดึงตัวของภัทรเข้ามากอดไว้แนบอกอย่างอ่อนโยน เหมือนที่เคยทำเสมอมา หล่อนลูบหัวหลานชายเพียงคนเดียวที่ซบอยู่แนบอกเบาๆ ก่อนจะร้องบอกทั้งน้ำตา เสียงสั่นเครืออย่างไม่อาจควบคุมได้

           “ต่อไปนี้ ป้าจะไม่ทำให้หนูต้องลำบากอีกแล้ว ลูกเอ๋ย เพราะป้าแท้ๆ ทำให้หนูต้องมาอาภัพทั้งพ่อและแม่ ให้อภัยป้าเถิดนะหลาน ป้าไม่เคยอยากจะทิ้งหนูไปไหนเลย แต่ป้าจำเป็นต้องทำ…”

            ภัทรกระชับกอดตอบทับทิม แทนคำพูดใดๆ ทั้งป้าและหลานชายต่างกอดกันอย่างแนบแน่น เพื่อถ่ายทอดความผูกพันที่มีมานานให้แก่กัน ก่อนที่ทั้งคู่จะต้องได้เจอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตที่รออยู่ในวันพรุ่งนี้


            ศาลาอเนกประสงค์ที่ตามปกติ จะใช้สำหรับรับรองแขกจำนวนมาก เมื่อยามที่วังสิราวรกาญจน์มีงานเลี้ยงหรือการแสดงมหรสพเป็นการภายใน ขณะนี้ถูกจัดเป็นศาลาตั้งพระศพของเจ้าของวังและศพของทายาทคนสุดท้าย ดอกไม้ถูกตกแต่งประดับประดาอย่างสวยงามอย่างสมเกียรติ

              พระญาติ จากวังอื่นๆ ต่างส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยงานอย่างเต็มที่ มีวงมโหรีเต็มวงคอยบรรเลงอยู่ทั้งวันทั้งคืน และทุกๆคืนก็จะมี การแสดงนาฎศิลป์จากกรมศิลปากร มาแสดงอยู่อย่างยิ่งใหญ่ไปจนกว่าจะครบเจ็ดวัน

               ก่อนจะคงไว้เพียงการจัดงานสวดพระอภิธรรมศพทั้งสอง ในทุกๆวันศุกร์ วันที่เป็นวันประสูติของบุคคลทั้งสอง ไปเรื่อยๆจนครบร้อยวัน จากนั้นจึงค่อยมีงานพระราชทานเพลิงศพ ตามที่เจ้าของวังได้สั่งความไว้ก่อนจะสิ้นชีพิตักษัย

              ทับทิม พาภัทร เข้าไปทำถวายบังคมศพทั้งสองจนเรียบร้อย หล่อนจึงนำภัทรเข้าไปทำความเคารพคุณพร้อม ที่ตอนนี้ออกมาดูแลงานทั่วไปให้เรียบร้อยก่อนที่แขกจะทยอยมาร่วมงานตั้งแต่ตอนเย็น

             “นี่หลานชายของดิฉันค่ะ คุณพร้อม คุณภัทร ไหว้คุณพร้อม เสียสิ เธอคือต้นห้องของหม่อมเจ้าหญิงเกตแก้ว เจ้าของวังสิราวรกาญจน์แห่งนี้”
เมื่อภัทร ทำความเคารพเสร็จแล้ว เด็กชายก็เงยหน้าขึ้นให้คุณพร้อมเห็นอย่างเต็มตา หญิงชรา อ้าปากค้างอย่างพิศวง นางอดที่จะตกตะลึงไปกับภาพของเด็กชายวัยรุ่นตรงไม่ได้

             เค้าโครงหน้าตาของเด็กชายตรงหน้า ช่างละม้ายกับกับภาพถ่ายของหม่อมราชวงศ์เภาสวัสดิ์ที่ตั้งอยู่หน้าศพ ราวกับถ่ายสำเนามาเสียนี่กระไร!

            ใบหน้าเรียวยาว นัยน์ตาคมเฉี่ยว มีแววโศกเล็กน้อย จมูกแหลมเล็กโด่ง ปากเรียวเล็กเป็นรูปสวย แต่ต่างตรงที่เด็กชายมีผิวขาวผ่องละเอียด ไม่เนียนเข้มเหมือนกับเจ้าของรูปเท่านั้นเอง

           คุณพร้อม อึ้งไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามทับทิมเสียงสั่นเครือด้วยความประหลาดใจว่า

           “เด็กนี่ ลูกใครรึ?... แม่ทับทิม ไม่ยักรู้มาก่อนว่า เธอก็มีลูกมีหลานเหมือนกับเขาเสียด้วย”

          “คุณภัทร เป็นลูกของพลอยค่ะ พลอยตายไปนานหลายปีแล้ว ที่ดิฉันต้องลาออกจากวังนี้ไป ก็เพื่อดูแลหลานชายเพียงคนเดียว คนนี้ล่ะค่ะ” ทับทิม พยายามตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบอย่างรวบรัดและชัดเจนที่สุด

          “ห๊า?... ลูกของเด็กพลอยหรอกรึ? อย่าบอกนะว่าเป็นลูกของ....” คุณพร้อม กางพัดประจำตัวกระพือลมใส่ตัวอย่างตกใจด้วยสัญชาตญาณความเคยชิน มากกว่าจะพัดเพื่อไล่อากาศร้อน

           พลางหวนกลับไปนึกถึงเรื่องราววุ่นวายในอดีตได้ทันที ด้วยสัญชาตญาณที่เลี้ยงดูอุ้มชูคุณชายเภามาตั้งแต่แบเบาะก็ทำให้นางเกือบจะแน่ในใจคำตอบเสียแล้ว แต่นางต้องการให้แน่ใจมากไปกว่านี้ จึงบอกทั้งคู่ว่า

          “แม่ทับทิม หล่อนพาหลานไปนั่งรอที่ห้องรับรองบนตึกก่อนเถอะนะ เดี๋ยวขอฉันไปเรียนท่านหญิงก่อน แล้วจะตามไปสมทบที่นั่น” หญิงชรา สั่งได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่จะรุดเดินขึ้นตึกใหญ่อย่างรีบร้อน ด้วยเรื่องสำคัญตรงหน้า จนต้องทิ้งให้คนงานคนอื่นดูแลงานแทนต่อไป  

          ทับทิมพาภัทร มานั่งรอให้ห้องรับรองที่ทาด้วยสีเขียวอ่อน ในห้องมีเก้าอี้รับแขกแบบหลุยส์สีทองเข้าชุดกันตั้งอยู่ ทั้งห้องตกแต่งด้วยรูปภาพของครอบครัว และบรรดาพระญาติ ตามสายต่างๆ ติดอยู่รอบห้อง ตามมุมจะมีตู้กระจกตั้งโชว์ของเก่าที่เจ้าของวังนี้สะสมเอาไว้ แสดงว่าห้องนี้จะต้องเป็นห้องของเจ้าวังที่เอาไว้รับรองแขกสนิท เพื่อความเป็นส่วนตัวเท่านั้น

           เวลาผ่านไปพักใหญ่ คุณพร้อมก็เดินนำเข้ามา ตามหลังด้วยหม่อมราชวงศ์หญิงรัดเกล้า ที่กำลังเดินประคองหม่อมเจ้าหญิงเกตแก้ว ที่บัดนี้ก็ประชวรด้วยความตรอมหทัยกับการสูญเสีย คนที่ตนรักไปถึงสองคนพร้อมๆกันในเวลาอันรวดเร็ว ความโทมนัสจากเหตุการณ์นี้ทำให้สุขภาพไม่แข็งแรงดังเดิม

          “ไหนๆ เงยหน้ามาให้ดูชัดๆซิ “ ท่านหญิงรีบบอกตั้งแต่ได้พบหน้าของเด็กชายภัทร ที่ขณะนั้นกำลังเขาเตรียมตัวยกมือทำความเคารพคนทั้งคู่อยู่

            “โธ่!... ชายเภา ลูกแม่!...โฮ โฮ โฮ” ท่านหญิงเกตแก้ว อุทานออกมาได้เพียงเท่านี้ เมื่อภัทรเงยหน้าให้เห็นชัดเจนเต็มสายตา ก่อนที่จะทรุดฮวบลงไป จนทำให้คุณพร้อม ต้องร้องเสียงดังบอกบ่าวที่ถูกสั่งให้รอข้างนอก

           “ใครก็ได้ ไปนำยาลมละลายน้ำมาถวายท่านหญิงที!...”

จากคุณ : Awork
เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 03:46:03




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com