Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
>>>ตำนานรักลำน้ำไนล์<<< บทที่ 4 ติดต่อทีมงาน

บทที่ 4 ราชินีกำมะลอ

บรรยากาศยามเช้าเริ่มพลุ่กพล่านด้วยผู้คนที่ตื่นจากการหลับใหล แต่ดร.โรเจอร์ยืนลังเลอยู่ที่หน้าประตูหมุนกระจกใสของตึกฮิลตันเวิร์ลกรุ๊ป ก่อนจะพาตัวเองไปหยุดที่หน้าล๊อบบี้ที่สว่างไสวตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อแจ้งความจำนงต่อรปภ. พวกเขาจึงยอมให้ดร.ที่แต่งกายมอซอเข้าไปด้านในอีกชั้นหนึ่งได้ เขาก้มหน้านิ่งเพราะรู้ดีว่าทั่วทั้งตึกมีกล้องวงจรปิดซ่อนอยู่มากมาย และพนักงานหญิงในชุดสูทสีขาวสะอาดก็เป็นผู้นำทางเขาต่อไป

เส้นทางเดินช่างโอ่อ่าและโปร่งโล่งสบายนำไปสู่ใจกลางโถงของชั้นบนสุดซึ่งเป็นศูนย์บัญชาการทั้งหมดของฮิลตันเวิร์ลกรุ๊ป แต่ทว่าผู้มาเยือนกลับอึดอัด เขากอดกระเป๋าเอกสารไว้กับอกแน่น แล้วตัดสินใจก้าวตามเลขานุการของท่านสตีฟเข้าไป

“สวัสดีครับคุณฮิลตัน ผมดร.แดน โรเจอร์ คอลลิน เรียกสั้น ๆ ว่าดร.โรเจอร์ก็ได้ครับ เลขาฯของคุณคงจะรายงานให้คุณทราบแล้วว่าผมเป็นผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันโบราณคดีอียิปต์และเมโสโปเตเมีย”

“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งครับ ผมยังจำคุณได้ ตอนนั้นคุณก็มาช่วยงานเปิดสุสานฟาโรห์ของคุณพ่อ แต่น่าเสียดายที่เกิดเรื่องเสียก่อน ได้ยินว่าคุณมีข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับน้อง ๆ ของผม เชิญพูดมาได้เลย”

เลขานุการนำถ้วยกาแฟร้อนกรุ่นเข้ามาเสิร์ฟ ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศชวนให้หนาวสั่นแต่เหงื่อในมือของโรเจอร์กลับเย็นเยียบยิ่งกว่า

“ผมอยากให้คุณดูสิ่งนี้” เขาเปิดกระเป๋าออกและหยิบรูปถ่ายใบใหญ่ออกมาส่งให้

“ภาพวาดฝาผนัง? ลงสีสวยดีนะครับ คุณมาเสนอขายมันหรือ? ต้องขออภัยด้วย ผมไม่คิดซื้อหรอกครับ เท่าที่ทราบคือคุณบอกว่ามีเบาะแสเกี่ยวกับน้องของผม”

“ใจเย็น ๆ ครับ ผมถ่ายภาพนี้มาจากสุสานฟาโรห์ ที่เดียวกันกับโครงการของพ่อคุณ ถึงแม้ว่าจะถูกโจรเข้าไปขโมยสมบัติจนเกือบหมด แต่ภาพเขียนสีตามผนังก็มิอาจลักลอบออกไปขายได้ สังเกตดูให้ดี ๆ สิครับว่านี่คือภาพอะไร?”

สตีฟ ฮิลตันจึงหรี่ตามองดูอีกครั้ง และต้องคว้ามันไปจ้องมองใกล้ ๆ ภาพลงสียังคงสดสวยท้าทายกาลเวลา มันเป็นภาพชายหนุ่มในชุดเครื่องทรงกษัตริย์ งามสง่าและน่าเกรงขาม หัตถ์ซ้ายขวามิได้ถือคทาปาปิรัสหรือคทาดอกบัวเช่นปกติ กลับโอบประคองหญิงงามทั้งซ้ายขวาอยู่ข้างกาย รอยแย้มยิ้มของบุคคลในภาพนั้นยังมิกระชากหัวใจท่านประธานเท่าสีเรือนผม เขาถึงกับลูบหน้าไปมาแต่ก็ไม่ยอมรับง่าย ๆ ทั้งยังผุดลุกผุดนั่ง กระวนกระวายและเริ่มจุดบุหรี่ดับความเครียด

“คุณจะให้ผมเชื่อได้อย่างไร? มันไม่มีเหตุผลเลยสักนิด”

“คุณสตีฟครับ... คุณรู้หรือไม่? ผมขุดค้นไปเรื่อยจนกระทั่งพบภาพนี้ คุณเห็นอักษรไฮโรกลิฟิกที่อยู่ด้านข้างไหม? ข้อความนั้นทำให้ผมต้องบึ่งไม่ได้หยุดพักจากลุกซอร์เพื่อมาพบคุณ”

“มันแปลว่า ราชินีแห่งฟาโรห์เรมอส แคโรลีนผู้เป็นดั่งลมหายใจและมาเรียผู้เป็นดั่งวิญญาณ’”

เพียงสิ้นเสียงของดร.โรเจอร์ พี่ชายของราชินีทั้งสองก็ทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาหนังอย่างหมดเรี่ยวแรง แต่ทว่าชายผู้นำสารกลับประคองวัตถุโบราณของพวกเมโสโปเตเมียขึ้นมาวางบนเบาะอย่างทะนุถนอม เขาเข้าใจดีว่าในยามนี้สตีฟคงจะไม่ได้สนใจมัน เพราะหากผลเป็นเช่นนี้แล้วมันก็มิต่างจากตายพรากไปจากครอบครัวเลย

“นั่นคืออะไร? ผมอ่านไม่ออกหรอก”

“มันเป็นแผ่นดินเหนียวที่พบในตุรกี ทางสถาบันฯค้นพบมันมานานนับศตวรรษแล้ว ผมแกะความหมายข้อความโบราณได้บางส่วน เป็นการสั่งซื้อข้าวสาลีและเพชรพลอยจากอียิปต์ ลงพระนามโดยกษัตริย์อิสมิล”

“แล้วไง! มันเกี่ยวอะไรกับน้องกับผมมิทราบ?!” ชายหนุ่มตวาดใส่อีกฝ่าย แล้วระบายความอัดอั้นด้วยการกวาดกองเอกสารบนโต๊ะและทุบทำลายทุกสิ่งทุกอย่างจนพังพินาศ แต่แล้วคำตอบก็ทำให้เขานิ่งเงียบไป

“พระนามของราชินีที่ประทับเคียงข้างคือ มาเรีย ฮิลตัน”

................................................

ดวงตาสีฟ้ากลมโตของมาเรียเริ่มกลับมาเป็นประกายสวยดังเดิมแล้ว รวมทั้งพวงแก้มนวลก็มีเลือดฝาดอมชมพูใส แต่ข่าวการแยกห้องบรรทมด้วยท่าทีห่างเหิน สร้างความสะใจให้แก่คาฟลายิ่งนัก ทว่านางนูเบียไม่รู้ว่าธิดาแห่งไนล์แผลงฤทธิ์ไว้เพียงใดถ้าฟาโรห์ไม่ทำตามที่ต้องการ ราชินีกำมะลอนึกเก้อทุกครั้งที่เหล่านางกำนัลมองตนด้วยความฉงนฉงาย เพราะมาเรียทานอาหารอียิปต์โบราณไม่เป็น และปรับตัวไม่ทัน ท่าทางการกินจึงตลกขบขันและดูเสียมารยาทต่อหน้าพระพักตร์ยิ่งนัก

“เอ้อ... เฮ้อ”

เพราะข้าวในอุ้งมือกับชิ้นไก่หลุดออกก่อนจะถึงปาก สาวน้อยจึงทานไม่ได้กี่คำ ส่วนน้ำในแก้วทรงประหลาดก็ช่างแปลกลิ้น ชาวอียิปต์ดื่มน้ำจากแม่น้ำโดยจ้วงขึ้นมา มิได้กรองหรือต้มก่อนเลย มาเรียจึงเกือบสำลักออกมาเมื่อเห็นนางกำนัลไปเติมน้ำที่ท่า พอหันไปคว้าแผ่นแป้งกลมมาก็ทำไม่ถูก มาเรียคิดจะงับเข้าปากไปทั้งแบบนั้น พระหัตถ์หนาจึงเอื้อมมาคว้ามันไปเสียก่อน

“ทำแบบนี้ วางแผ่นแป้งบนฝ่ามือ หยิบผักและชิ้นเนื้อฝานมา ราดด้วยซอสข้นตามใจเจ้า แล้วห่อมันให้เป็นม้วนกลม เวลาทานข้าวก็มิควรหยิบคำใหญ่ มันจะล้นและหกเลอะเทอะ” ทรงจัดแจงสาธิตให้ชมแล้วยื่นส่งให้ มาเรียชิมแล้วก็ยังติดใจแต่ก็ยังมิวายแขวะ

“เรื่องมาก!”

แต่คนเรื่องน้อยก็คว้าแป้งแผ่นที่สองมาทำใหม่ด้วยความเอร็ดอร่อย ขนมปังก้อนใหญ่ก็หมดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมาเรียนำคำสอนที่เพิ่งได้รับหมาด ๆ มาใช้ก็ได้ลิ้มรสข้าวและไก่อบไวน์จนฉ่ำ เธอเคี้ยวตุ้ย ๆ จนเผลอยิ้มให้ศัตรู รอยยิ้มนั้นจึงหุบฉับลงทันทีและลุกหนีไปโดยไม่ลืมอุ้มถาดองุ่นออกมาด้วย

สายตาคู่งามเหม่อลอยและในมือก็ถือพวงองุ่นค้างอยู่ มาเรียนอนพักเอนหลังที่ข้างสระบัว ลมอ่อนหวานพัดพากลิ่นหอมของมวลหมู่ดอกไม้มาด้วย ในฐานะราชินีแคโรลีนแล้ว เธอมีนางกำนัลติดตามคอยเฝ้ารับใช้อยู่รายล้อมมากมาย แต่ในหัวใจมันว่างเปล่าและกังวลถึงครอบครัวสิ้นดี

“เฮ้อ!”

“ถอนหายใจเรื่องอันใดกันหรือเพคะ? รู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือไม่? ให้พวกหม่อมฉันตามท่านหมอหลวงไหมเพคะ?” นางกำนัลถลาเข้ามาลูบเนื้อลูบตัว แต่แล้วก็ต้องแปลกใจ

“ไม่มีอะไรหรอกน่า อย่ามายุ่งเรื่องของฉันนักเลย จุ้นจ้านจริง โอย ไอ้แมลงบ้าอะไรเนี่ย กัดเจ็บชะมัด”

สาวน้อยตบพลัวะเข้าที่ต้นคอของตนเองอย่างแรง แล้วเกาแผลจนแดงเถือกเป็นรอยมิน่ามอง เจ้าแมลงดิ้นรนอยู่ในอุ้งมือราวกับจะขอสู้ตาย เมื่อมาเรียมองแล้วก็นึกสะท้อนใจที่สัตว์เดียรัจฉานยังต่อสู้เอาชีวิตรอด แล้วเธอเป็นมนุษย์ มีสมองและสองมือ ไยจึงถอนหายใจบ่อยนัก หญิงสาวจึงละเว้นโทษตายด้วยการทิ้งมันลงสระน้ำ ปล่อยให้แมลงตัวเล็กได้สู้ชีวิตบนโลกนี้ต่อไปเอง

“อะเอ่อ... ราชินีเพคะ เสด็จกลับเถิดเพคะ หม่อมฉันจะหายาทาให้ อย่าเกาเช่นนั้นเลย พระวรกายงดงามนี้จักบอบช้ำได้นะเพคะ ฝ่าบาทอาจไม่พอพระทัย”

“อย่ามายุ่ง พวกเจ้าต้องมาคอยอยู่ให้น่ารำคาญแบบนี้ตลอดเลยรึ? ออกไปไป๊ ฉันจะนอนเงียบๆ อย่ากวน...”

หญิงสาวพลิกกายหันหลังโดยไม่สนใจไยดีผู้ใดอีก เธอเกลียดคนจู้จี้ข้างหู สักพักร่างเพรียวบางก็ส่งเสียงกรนเบาๆ ทิ้งให้เหล่านางกำนัลทั้งหลายมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ต่างก็คาดไม่ถึงว่าพระนางจะแปรเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ ไยเมื่อหายประชวรครานี้จึงคล้ายเป็นคนละคน

......................................

องค์ราชันประทับนั่งบนบัลลังก์ทอง เหนือมวลหมู่ข้าราชบริพารแห่งไอยคุปต์ แผ่บารมีให้ทุกชีวิตที่หมอบกราบแทบบาทยุคลต้องสยบ ไม่ว่าดวงเนตรดุดันฉายกราดไปทางใด เหล่าข้าแผ่นดินก็ต้องระย่อขอหลบก้มหน้าลง องค์เรมอสทรงลุกขึ้นหุนหันจนแผงประดับศอเกือบหลุด ชายพระภูษาสะบัดแรงตามแรงพิโรธ

“ข้าสั่งให้พวกเจ้าออกตามหาข่าวธิดาแห่งไนล์ไปเรื่อย ๆ ก็จงทำตามนั้น มิใช่เรื่องที่เจ้าจะสอดรู้!”

พระสุรเสียงตวาดกร้าวลั่นโถงว่าราชการ ดวงเนตรเจิดจ้าขึ้นจนสังฆราชฮาตูห์จอมปลิ้นปล้อนตัวสั่น และเกิดนึกเสียใจที่ออกปากถามพระองค์ มันจึงเหลือบไปหาพันธมิตรอย่างเจ้าหญิงนูเบียที่มาร่วมราชกิจในฐานะทูต

“โธ่... ฝ่าบาทเพคะ ทุก ๆ ท่านต่างก็สงสัยเช่นเดียวกับท่านฮาตูห์ ธิดาแห่งไนล์ก็กลับมาแล้ว ไยพระองค์จึงต้องมีรับสั่งให้ตามหาอีก ถ้าอย่างไรก็เสด็จมาเยี่ยมหม่อมฉันบ้างเถิดเพคะ ช่วงนี้ครั่นเนื้อครั่นตัวนัก หมอหลวงบอกว่าอาจเป็นเพราะยังมิคุ้นอากาศ”

น้ำเสียงของเจ้าหญิงออดอ้อนและส่งสายตาเว้าวอนไม่ปิดบัง อีกทั้งยังแต่งกายยั่วยวนและเปิดเผยเรือนกายน่าหลงใหล ชายบนบัลลังก์จึงกระดกยิ้มรับ ก่อนจะกล่าวออกไปเรียบ ๆ

“นี่เป็นเรื่องของทางอียิปต์ ขอบพระทัยในความเป็นห่วง หากท่านมิคุ้นชินกับที่นี่ก็ขอให้รีบเสด็จกลับโดยเร็วเถิด กษัตริย์นาร์ตุสจักว่ากล่าวเราได้”

คาฟลากลั้นเสียงกรีดร้องไว้กับอก พลางสะบัดหน้านวลไปอีกทางด้วยแรงขัดเคืองที่ฟาโรห์ออกปากไล่โดยมิไว้หน้ากัน ซ้ำต้องเสียหน้าเมื่อเห็นเหล่าขุนนางอียิปต์ส่งยิ้มเย้ยให้เจ็บใจ

“ส่วนมิง! ไอ:-)ฮาตูห์ อย่าคิดว่าใช้บ้านเมืองเป็นข้ออ้างแล้วข้าจักลืมเรื่องที่เจ้าทำกับแคโรลีนไว้ มาวันนี้ยังบังอาจมาลอยหน้าลอยตาที่นี่อีก ไสหัวไปให้พ้นก่อนที่โถงอันศักดิ์สิทธิ์จักแปดเปื้อนเลือดโสโครก!”

คาฟลาสะดุ้งจนไหล่ไหวเพราะถาดเครื่องดื่มถูกเขวี้ยงลงมา เฉียดร่างพระนางไปเพียงเล็กน้อย แต่กระทบใส่หัวสังฆราชใจคดเสียจนเลือดอาบ ทำไมเจ้าหญิงนูเบียจะไม่เข้าใจว่าองค์เรมอสกำลังแดกดัน แววตาคู่งามจึงยิ่งทอแสงแข็งกระด้างยิ่งนัก เพลานี้นอกจากจะไร้รักแล้วยังเผลอมุ่งร้ายต่อบัลลังก์ไว้ในใจอีกต่างหาก

“หะหามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมก็ยังคงยืนยันในความศรัทธาต่อบ้านเมืองเช่นเดิม มิเคยคิดเป็นอื่น”

สองมืออวบอูมปาดเหงื่อแต่รู้ดีว่าสินบนที่ได้รับมาถูกยักย้ายไปเก็บที่อื่นหมดแล้ว ต่อให้พระองค์ตรวจสอบเช่นใดก็มิมีวันพบพิรุธ ชายแก่จึงมั่นใจว่าจะลวงล่อเสวยสุขต่อไปได้ รอยยิ้มปลิ้นปล้อนปั้นแต่งจนทุกสายตานึกระอา แต่มิได้สังเกตว่าวรองค์ปรายหางเนตรมาด้วยความชิงชังเหลือล้น

“[^_^]! เช่นนั้นเรื่องที่ข้าต้องทำตามที่เจ้าเห็นสมควรก็เป็นหน้าที่ของฟาโรห์ด้วยสินะ เมียของข้าต้องเจ็บเพราะคำพูดพล่อย ๆ ของเจ้า ราชทูตจากนูเบียต้องเสื่อมเสียเกียรติ ข้าไปสอบสวนความจากนางกำนัลของแคโรลีนแล้ว ชี้ตรงมาที่เจ้าทุกอย่าง!”

“พวกนางชั้นต่ำเหล่านั้นใส่ร้ายกระหม่อม มิมีหลักฐานสักนิด มันจักอ้างลมฟ้าใด ๆ มากล่าวหาขุนนางนักบวชชั้นสูงเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าหญิงคาฟลาก็ทรงเข้าพระทัยผิดไปเองต่างหากเล่าพ่ะย่ะค่ะ” ตาเฒ่าโยนความผิดกันซึ่งหน้า ทำเอาหญิงสาวจากนูเบียลุกขึ้นเต้นผาง แต่นางก็ยังฉลาดพอที่จะนิ่งเงียบเก็บไว้ ดีกว่าสาวไส้กันต่อหน้าพระพักตร์

“ไอฮาตูห์! อย่านึกนะว่ากุไม่รู้ว่ามิงทำเรื่องอะไรไว้ จงจำคำที่มิงเคยกล่าวไว้กับเมียข้าให้ดี สักวันหนอนลื่นเช่นเจ้าจักถูกบดขยี้คาเท้า”

ทรงสะบัดองค์ลุกขึ้น แล้วกลับสู่ตำหนักในก่อนที่พระแสงดาบข้างกายจักชำแรกใส่ร่างของมัน นับวันเจ้าสังฆราชผู้นี้ก็ยิ่งเหิมเกริมหนักข้อ ด้วยเพราะถือดีว่ารับใช้มาตั้งรัชกาลก่อน อีกทั้งความสัมพันธ์ทางการทูตที่หวังพึ่งพาทางการค้าและการทหารกับนูเบียก็เพิ่งจะเริ่มต้นเจรจา นางคาฟลาจึงอยู่รอดปลอดภัยเพราะอียิปต์จะรุนแรงต่อเจ้าหญิงมิได้เด็ดขาด

‘ช่างน่าอึดอัดนัก’

แต่แล้วพระบาทที่ดำเนินอย่างรวดเร็วด้วยความหงุดหงิดก็พลันหยุดชะงัก องค์เรมอสสังเกตเห็นร่างบอบบางคุ้นตากำลังนอนหลับตะแคงตัวคุดคู้อยู่ท่ามกลางปทุมชาตินับพัน ทรงจับขอบระเบียงไว้ราวกับตกอยู่ในภวังค์ แล้วเผลอหลงว่านางคือแคโรลีนผู้เป็นดั่งลมหายใจ ความรู้สึกปิติยินดีแล่นไปทั่วพระวรกายและร้องตะโกนเรียกหญิงสาวดังลั่น

“แคโรลีน... แคโรลีน!”

ชื่อของน้อง สะกิดให้มาเรียงัวเงียตื่นเช่นกัน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงก็พบเพียงเสี้ยวพระพักตร์เปี่ยมความเศร้าโศกผิดหวัง เธอก็พอเข้าใจและกวักมือเรียกให้ลงมาพูดคุยกันให้รู้เรื่องเสียที องค์เรมอสเก็บพระอาการไม่พอใจไว้เงียบๆ เพราะตามฐานะแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็มิสมควรเสียมารยาทต่อเจ้าแผ่นดินเช่นนี้!      

“มีธุระอะไรหรือ? เพิ่งจะหายไข้ ใครอนุญาตให้เจ้าออกมานอนตากลมที่นี่”

“เพียงเรื่องแค่นี้ก็โวยวายเสียแล้ว หม่อมฉันจะขออาศัยนอนพักเอนหลังสักประเดี๋ยว คงจะไม่ทำให้อุทยานแห่งนี้ด้อยราศีลงกระมัง เชิญประทับนั่งก่อนเถิดเพคะ”

มาเรียเก็บกวาดเศษพวงองุ่นที่เธอกินเลอะเทอะออกไปลวกๆ แล้วตบฟูกตบเบาะให้ฟูน่านั่งขึ้นสักหน่อย ก่อนจะลุกขึ้นเชิญให้อีกฝ่ายนั่งแทน เหล่าขุนนางที่ติดตามฟาโรห์มาก็หมอบกราบทำความเคารพตามปกติ แต่มาเรียโบกมือห้ามด้วยความรำคาญ ทั้งหมดจึงแอบมองเธอหลายครั้ง ต่างงุนงงที่พระนางผู้เรียบร้อยจักเปลี่ยนนิสัยเป็นคนโผงผางเช่นนี้ และไยฝ่าบาทจึงรับสั่งกับราชินีอย่างหมางเมินเหลือเกิน

“พวกท่านถอยออกไปให้หมด...”

มาเรียท้าวเอวสั่งการแต่ทว่าพวกข้ารองบาทก็ยังละล้าละหลัง ด้วยเป็นห่วงว่าทั้งคู่จักทะเลาะกันรุนแรงจนราชินีเสด็จหนีอีก

“เราจะจู๋จี๋กับเจ้านายของพวกเจ้า ถ้าอยากอยู่ดูก็จ่ายเงินมา” คำขู่นี้ได้ผลเมื่อทั่วทั้งอุทยานเหลือเพียงสองหนุ่มสาว เธอถอนหายใจยาวอย่างอารมณ์เสีย แต่มุมพระโอษฐ์หนากลับยกขึ้นสูงด้วยความถูกพระทัย แต่ชะงักเมื่อปะทะกับสายตาวาววับ

“หม่อมฉันคิดว่าแคโรลีนต้องกลับมาพร้อมกันแล้วเพคะ ไม่แน่ว่าน้องอาจจะกำลังเดินทางกลับมาที่นี่” ทรงขยับเข้ามาใกล้ร่างบางที่กำลังยืนเจื้อยแจ้วอย่างลืมตัว แสนจะดีใจนักที่ได้ฟังคำยืนยันชัดเจนให้เกิดความหวังเป็นครั้งแรก

“ถอยออกไป ขอบพระทัยที่มีเมตตาอุปการะหม่อมฉันไว้ที่นี่ แต่ขอตำหนักใหม่ให้หม่อมฉันเถิด ต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า และขอให้เข้าใจไว้ตรงนี้ด้วย เมื่อพบตัวแคโรลีนแล้ว หม่อมฉันจะพาน้องกลับ” สองสายตาปะทะกันรุนแรง แต่เธอยืนกอดอกแน่น พลางจ้องพระเนตรไม่ลดละโดยไม่สนอาการฮึดฮัดของอีกฝ่าย
“ไม่ได้! เจ้าจักต้องอยู่ที่ตำหนักเดียวกับเราในฐานะแคโรลีน กิริยาผิดแผกก็ทำให้ผู้คนสงสัยไม่น้อยแล้ว เรายอมให้เจ้าแยกห้องนอนก็ถือว่ามากเกินพอแล้วนะมาเรีย อย่าได้เหิมเกริมอีก”

เนตรสีฟ้าเรืองโรจน์ขึ้น สองมือกำหมัดแน่นแต่ก็รู้ว่าสิ่งใดควรไม่ควร มาเรียจึงถอนหายใจและก้มเศียร พร้อมทั้งหมอบกราบประชดประชัน

“ต้องขอทรงอภัยด้วยเพคะ หม่อมฉันมันต่ำต้อยแต่ยังมิเจียมตน บังอาจเรียกร้องในสิทธิที่ไม่พึงมี อย่าประหารหม่อมฉันเลยฟาโรห์เจ้าขา”

“เจ้า!”

ทรงกัดพระทนต์แน่นและกำลังจะรับสั่งให้นางลุกขึ้นอย่างเหนื่อยใจ แต่มาเรียก็ยืนขึ้นเองโดยไม่ได้สนใจพระองค์เลยแม้แต่น้อย สีพระพักตร์จึงตึงเครียดด้วยความโกรธที่มาเรียเชิดหน้าพูดคุยกับพระองค์

แต่แล้วมาเรียก็ผวาขึ้นสุดตัว พลางปราดเข้าไปเขย่าอังสากว้างของชายหนุ่ม มือเล็ก ๆ บีบแรงจนพระองค์รู้สึกเจ็บ และไม่ว่าจะมองจากมุมใดก็ต้องนึกว่านางกำลังถลาเข้ามาทำร้าย

“ฟาโรห์! แคโรลีนตกน้ำแบบนั้น แย่... แย่แน่ ๆ โธ่ แคโรลีน พระองค์ต้อง
ตามหาแคโรลีนโดยเร็วที่สุดนะ”

“นะแน่นอนสิ  เราได้สั่งให้ออกตามหาแคโรลีนอีกครั้งแล้ว เหตุใดเจ้าจึงร้อนรนขึ้นมาเช่นนี้ มีอะไรหรือ? อย่าทำให้เราใจคอไม่ดี” มาเรียผลักคนตรงหน้าออกอย่างแรง ความโกรธทำให้เริ่มคิดว่าคนเป็นฟาโรห์ทุกคนช่างโง่เง่าเบาสมอง มาเรียขอระบายอารมณ์ด้วยการเขวี้ยงแก้วบนโต๊ะข้างตั่งทิ้ง เสียงแก้วทองเหลืองดังสะท้อนก้องกังวานลั่นอุทยาน ปลุกฝูงนกให้แตกฮือออกจากพุ่มไม้ มิต่างจากดวงหฤทัยขององค์เรมอสเลย

“แคโรลีนกำลังท้อง! พระองค์ได้ยินหรือไม่?! แคโรลีนกำลังท้องบุตรของท่าน!”

ความเงียบเข้าครอบครองสวนกว้างจนแทบได้ยินเสียงเข็มตกกระทบพื้น มาเรียร้องไห้จนตาแดงก่ำขณะจ้องหน้าคนที่นั่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก ความจริงที่เปิดเผยออกมาดั่งสายฟ้าฟาดให้สมองมึนงงไปหมด ความรู้สึกปนเปไปทั้งยินดี ปลื้มปิติ ทรงเป็นห่วงและเสียใจ ไหนจะพระลูกยาตัวน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกอีก

“ฟาโรห์เพคะ... แหม มาอยู่ที่นี่เอง ไยไม่ชวนน้องมาเดินเล่นรับลมบ้าง”

เสียงหวานหยดย้อยลอยลมเข้ามาขัดจังหวะแต่ไกล เจ้าหญิงคาฟลานึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจว่ารอยร้าวฉานได้บังเกิดขึ้นแล้วโดยที่ไม่ต้องลงมือสักนิด นางเดินเข้ามาทรุดกายลงนั่งเคียงข้างฟาโรห์ราวกับเป็นจอมแก้วคู่บัลลังก์ก็มิปาน มาเรียจึงรีบหันหลังไปปาดน้ำตาเมื่อเห็นว่ามีบุคคลที่สามมา หญิงนูเบียใจคดเห็นดังนั้นก็ยิ่งได้ใจ จึงเบียดตัวเข้าไปกระแซะชายหนุ่มแนบแน่นเข้า สองมือก็ลูบไล้และบีบนวดถวายอย่างอ่อนหวาน

“ขออภัยที่เข้ามาผิดจังหวะนะเพคะ แต่มีเรื่องอันใดก็ค่อยพูดค่อยจากันเถิด
ราชินี อย่าถึงขั้นลงไม้ลงมือเลย ฝ่าบาทมีเรื่องอะไรไม่สบายพระทัยก็มาปรึกษาน้องได้เหมือนเคยนะเพคะ”

นางคาฟลาส่งยิ้มเยาะให้มาเรียเพราะเห็นว่าเธอนิ่งเงียบ เรือนกายยั่วยวนจึงยิ่งนัวเนียฉอเลาะ อวดให้อีกฝ่ายทะเลาะแตกหักกับฟาโรห์เสียโดยไว แต่สาวน้อยมองคนทั้งคู่ด้วยสายตาเย็นชาแกมสมเพช คนที่นั่งบื้อให้แม่วัวมาเกาะก็เพิ่งจะได้พระสติ ก่อนจะหันมารับสั่งกับมาเรีย

“เราจักไปเดี๋ยวนี้ เจ้าคอยดูให้ดีเถิด เราจักแสดงให้เห็นเองว่าเรามิได้เป็นเช่นที่เจ้านึกดูถูก!”

คาฟลาเกือบตกตั่งไปตามแรงสะบัด ทรงลุกขึ้นยืนและเสด็จจากไปอย่างรวดเร็วดั่งพายุ สีพระพักตร์เคร่งเครียดจนเจ้าหญิงคาฟลามิกล้าร้องทักท้วง ทำให้มาเรียแอบหัวเราะแต่ก็รักษากิริยา เสียงดัดจริตก็ดังแทรกขึ้นรบกวนเสียก่อน

“แหม... น้องพี่ ใจเย็น ๆ ก่อนเถิดนะ ทรงมีรับสั่งออกมาเช่นนั้นก็คงเพราะ
อารมณ์ชั่ววูบ อย่าได้เสียใจเลยเพคะ” ริมฝีปากที่แต่งแต้มชาดมาอย่างประณีตบรรจงกระดกยิ้มร่าแต่รีบเก็บอาการได้แนบเนียน แววตาของนางคาฟลาสะใจนักที่ได้เห็นราชินีแคโรลีนถูกองค์เรมอสสลัดทิ้งเยี่ยงนี้ ส่วนมาเรียก็งุนงงและจับต้นชนปลายไม่ถูก

“เธอเป็นใคร?”

“แย่จริง! น้องแคโรลีนโกรธพี่เรื่องนั้นอีกหรือจ๊ะ ไยจึงแกล้งทำเมินกันเล่า? พี่ก็แค่หยอกเล่น มิทันได้คิดว่าน้องจะเสียใจจนปลิดชีพตนเอง พี่คาฟลาขออภัยด้วยนะเพคะ” มีเสียงหัวเราะในลำคอตามหลังมาให้มาเรียได้ยิน และคาฟลายังหันไปกระซิบกระซาบกับพระพี่เลี้ยงด้วยท่าทางขบขัน พี่สาวของแคโรลีนจึงจ้องมองด้วยความเคืองแค้นยิ่งนัก

“อ้อ... เจ้าหญิงคาฟลาแห่งนูเนียนี่เอง มิได้พบกันเสียนาน ยังสุขสบายดีนะ ไม่ทราบว่าได้พบหน้าฉันแล้ว ถวายความเคารพราชินีแห่งอียิปต์แล้วหรือ?”

มาเรียยืนกอดอก ดวงเนตรสีฟ้าดุดันแผ่อำนาจกดทับให้คาฟลาต้องลุกขึ้นจากตั่งมาย่อกายแล้วถอนสายบัวถวายที่ปลายพระบาท แต่มาเรียก็ชักขาหนีเสียก่อนเพื่อแสดงถึงความไม่เป็นมิตรเต็มที่ อีกฝ่ายก็พยายามเก็บความขุ่นเคืองไว้สุดความสามารถ คาฟลาตวัดมองตามแผ่นหลังนวลเนียนสะอาดที่เยื้องกรายไปประทับเอนกายที่ตั่งแทนด้วยความไม่พอใจ

“มีธุระอะไรมิทราบ? หากไม่มีก็รีบไสหัวออกไปได้แล้ว ราชินีผู้นี้มิอยากเกลือกกลั้วกับเจ้า!” ปลายนิ้วเรียวชี้ออกไปทางประตูวัง สื่อความนัยใดก็มิต้องให้พูดมากความ

“เจ้า! อะเอ่อ... พระองค์มิสมควรใช้คำดูหมิ่นเราเช่นนี้ ถึงอย่างไรเราก็เป็น
ราชทูตคนสำคัญ ที่สำคัญ เราคือว่าที่ราชินีอียิปต์ อีกไม่นานพระองค์จักต้องเรียกเราว่าพี่! โปรดระวังปากไว้ด้วย”

“ฮึฮึ... ฝันจบแล้วหรือยัง? ระหว่างตำแหน่ง ‘ราชินี’ กับ ‘ว่าที่ราชินี’ ใครกันหนอจะมีอำนาจสั่งตัดหัวราชทูตคนสำคัญได้ ...พี่ท่านจะพอตอบให้น้องคนนี้ทราบได้หรือไม่? เฮ้อ อียิปต์จะเปิดสงครามกับนูเบียก็ไม่เลวนะ สนุกดี ฉันชอบฆ่า ‘ว่าที่ราชินี’ เสียด้วย”

มาเรียส่งองุ่นผลงามเข้าปาก พลางเคี้ยวช้า ๆ โดยจับจ้องเหยื่อไว้ดั่งนางสิงห์ น้ำเสียงเยียบเย็นชวนให้หนาวไปถึงสันหลัง เธอหลอกให้ทุกคนเชื่อราชินีกำมะลอด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่ยี่หระ มาเรียนึกขำที่เห็นมันหน้าเสียเพราะหลงเข้าใจผิดไปว่าเธอจะสั่งประหารราชทูตได้จริง แต่เจ้าหญิงแห่งนูเบียก็ยังมีเกียรติมีศักดิ์ศรีพอจึงเชิดพระพักตร์ขึ้น

“แต่ราชินีไร้กำลังสนับสนุนเช่นท่านคงไม่อยากถ่วงความเจริญของอียิปต์สินะเพคะ” คาฟลาได้เป็นฝ่ายยิ้มเยาะบ้างเมื่อมาเรียหันกลับมาจ้องหน้าด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป นางจึงนึกกระหยิ่มยิ้มย่องในวาจาเชือดเฉือนของตนเอง

“ตราบใดที่ฝ่าบาทยังไม่มีพันธมิตรอย่างนูเบีย อียิปต์ก็อย่าหวังเลยว่าจะเอาชนะฮิตไทต์หรือพิชิตดินแดนสุดคาบสมุทรได้ และถ้าหม่อมฉันได้สนับสนุนให้องค์เรมอสก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จ เป็นจอมราชันแห่งลุ่มน้ำไนล์ที่แผ่แสนยานุภาพ พระองค์ก็ไม่สมควรมีราชินีที่อ่อนแอเยี่ยงเด็กแบบท่านหรอกนะเพคะ”

“ถ้าเข้าใจแล้วก็จงแต่งตั้ง...” คาฟลาสะดุ้งที่จู่ ๆ ราชินีผมทองก็ปลดสายคล้องไหล่ลง แล้วอวดเนินอกและช่วงบ่าบอบบางน่าทะนุถนอม บรรดานางกำนัลของเจ้าหญิงคาฟลาเองก็ตกใจที่เห็นมาเรียทำท่าราวกับจะเปลื้องผ้าต่อหน้า

“ดูซะ!” เธอรวบเรือนผมหนาขึ้นให้อีกฝ่ายได้เห็นรอยแดงระเรื่อที่ต้นคอได้ชัดเจน

“นี่คือรอยจูบเร่าร้อนจากองค์เรมอสเมื่อคืนนี้ อยากดูมากกว่านี้ไหมล่ะ? ทั่วทั้งตัวของน้องมีแต่รอยแบบนี้ อา ฮึฮึ”

“เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ หายใจเข้าก็ผลประโยชน์ หายใจออกก็ราชบัลลังก์อย่างพี่คาฟลาคงจะไม่รู้สินะ ว่าสิ่งที่พระองค์ต้องการมากกว่าการสนับสนุนจากท่านคืออะไร? น้องจะบอกให้ก็ได้”

มาเรียลุกขึ้นเดินเข้าไปหา ข่มบารมีจนคาฟลาถอยหนีโดยไม่รู้ตัว ความเข้าใจที่ว่าทั้งสองกำลังทะเลาะขัดแย้งก็ถูกรอยฝากรักบนเรือนกายนี้ทำลายไปเสียสิ้น นางผงะหลังเมื่อดวงเนตรคมกร้าวจ้อง และสัญชาตญาณกำลังตะโกนบอกว่าให้รีบหนีห่างจากคนผู้นี้โดยเร็วที่สุด

“สิ่งเดียวที่องค์เรมอสต้องการก็คือหม่อมฉัน ซึ่งเป็นที่รักยิ่งของพระองค์ไงล่ะ...คุณพี่” มาเรียขยิบตาและส่งจูบยั่วให้ แล้วเร่งเร้าจนอีกฝ่ายโกรธจนเลือดขึ้นหน้าด้วยรอยยิ้มเย้ยแฝงความสะใจ  

“ฝะฝากไว้ก่อนเถอะราชินี ผู้ที่จะตัดสินเรื่องนี้ได้ก็คือฟาโรห์ผู้เดียวเท่านั้น! ทูลลาเพคะ”

มาเรียโบกมืออำลาและระเบิดเสียงหัวเราะแหลมสูงตามให้หลัง ก่อนจะนึกขอบคุณเจ้าแมลงตัวนั้นที่มากัดเนื้อเป็นจ้ำไว้ เธอจึงหันไปหาไม้มาเขี่ยช่วยมันขึ้นมาจากน้ำแล้วปล่อยมันไปตามทาง สองมือก็จัดแจงใส่ชุดของตนเองให้เรียบร้อย เสียงถอนหายใจจึงปรากฎอีกครั้งเมื่อลองนึกภาพว่าน้องแคโรลีนจะถูกเขารังแกเพียงใด

‘นางคนนี้ช่างยียวนยั่วโมโหนัก ...ซ้ำร้าย หน้าอกยังใหญ่กว่าพวกเราพี่น้องเสียอีก!’

จากคุณ : natthakarn64
เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 19:09:50




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com