Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Black Gun And Red Rose - กุหลาบแดงและปืนดำ - บทที่ 3 ติดต่อทีมงาน

บทที่ 1 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11691462/W11691462.html

บทที่ 2 http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W11703633/W11703633.html

----------------------------------

ขอบคุณกิฟท์จากคุณ GTW - ขอบคุณอาจารย์จีมากครับสำหรับคำชม และก็ขอขอบคุณมากๆ ครับในการติดตามเรื่องที่แล้วด้วย(Dangerous Plan - แผนร้าย) ใช่ครับ ฆาตกรกับนักฆ่าไม่เหมือนกัน แม้บางครั้งมันจะดูเหมือนกันจนแยกไม่ค่อยออกในสายตาของคนทั่วไปก็ตาม ^^

ขอบคุณกิฟท์(ที่หมด)จากคุณ zoi - ขอบคุณครับที่ยอมปรากฏตัวมาให้กำลังใจกันเน้อ ^^

ขอบคุณกิฟท์จากคุณรุริกะ - ขอบคุณที่อ่านและให้กิฟท์นะครับ ขอบคุณ ขอบคุณ^^

ขอบคุณกิฟท์จากคุณกุหลาบมอญ - ขอบคุณสำหรับกิฟท์ครับ ขอบคุณมากๆ ^^

ขอบคุณกิฟท์จากคุณชมภัค - ขอบคุณสำหรับกิฟท์เหมือนกันน่อครับ ขอบคุณจริงๆ ^^

ตอนนี้มาถึงบทที่สามแล้ว ขอบคุณทุกคุณที่คลิ๊กเข้ามาอ่านครับ ^V^


----------------------------------  
 

บทที่ 3

เมืองลำปาง, ห้างฉัตร
คฤหาสน์บุษบายุธ


อากาศภายในห้องรับแขกของคฤหาสน์หลังโตแห่งตระกูลบุษบายุธในขณะนี้ช่างน่าอึดอัดเหลือเกินสำหรับริสา เธอรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกตั้งแต่ทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ไม้แกะสลักเคียงข้างทิวากรเมื่อห้านาทีก่อนพร้อมกับเดโชและพิชิตที่นั่งด้านตรงข้าม ส่วนเก้าอี้ยาวตรงกลางถูกจับจองโดยเรณูซึ่งเป็นคุณนายใหญ่ของบ้าน

บรรดาคนรับใช้ทั้งสิบสองคนถูกเรียกมาจากเรือนคนใช้และตอนนี้ก็กำลังนั่งพับเพียบอยู่เบื้องหน้าเจ้านายด้วยอาการที่เพียงมองแวบเดียวก็ดูออกว่ากำลังตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง

“อะไรนะ เลทอ” เรณูถามด้วยสีหน้าที่เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเด็กรับใช้ชาวพม่าซึ่งนั่งพับเพียบอยู่หน้าสุด “พูดใหม่สิว่าชื่นจิตรหายไปไหน?”

เด็กรับใช้ชาวพม่าก้มหน้าตอบอย่างลนลาน

“มะ...มะ...มะรุเค่าะ คุงพู้หยี เลทอตื่งมา เลทอกะมะเหพะชื่งแล้”

“แกพูดอะไรของแกหะ นังโง่ เอาภาษามนุษย์ที่ฉันพอจะฟังรู้เรื่องหน่อยซี่!” คุณนายใหญ่แผดเสียงแว้ดใส่สาวพม่าที่สะดุ้งโหยงด้วยความกลัวเกรง

เลทอหันซ้ายหันขวามองคนรับใช้ที่นั่งพับเพียบอยู่ข้างกันเหมือนต้องการจะหาผู้ช่วย ป้าพิสมัยผู้เป็นหัวหน้าคนรับใช้และเป็นแม่ครัวใหญ่อดสงสารไม่ไหว จึงเป็นล่ามช่วยแปลภาษาไทยเพี้ยนๆ ที่เลทอพูดออกมาให้เจ้านายฟัง

“นังเลทอมันบอกว่ามันไม่รู้ค่ะ คุณผู้หญิง พอมันตื่นขึ้นมา มันก็ไม่เห็นนังชื่นแล้ว”

“ช่ะเค่าะช่ะเค่าะ พอเลทอตื่งมา เลทอกะมะเหพะชื่งแล้” สาวพม่ารีบพยักหน้ายืนยันในสิ่งที่หญิงรับใช้สูงอายุกล่าว

เมื่อได้ยินดังนั้น เดโชก็คำรามลั่นว่า

“อั๊วไม่เชื่อ! ลื้อนอนอยู่ห้องเดียวกัน คนหายไปทั้งคนจะไม่รู้เรื่องได้ยังไง อั๊วว่ามันชักยังไงๆ อยู่นะอาเจิน นังเด็กพม่านี่อีต้องมีส่วนรู้เห็นกับนังชื่นแน่ๆ”

สองประโยคหลังเดโชหันไปพูดกับเรณู ซึ่งก็ตอบรับด้วยการทำกริยาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันหันขวับกรีดเสียงใส่เด็กรับใช้ชาวพม่าทันที

“นังเลทอ! นี่แกริอาจร่วมมือกับนังชื่นฆ่าพ่อเลี้ยงงั้นเรอะ แกมันพวกเลี้ยงไม่เชื่อง ฉันจะเรียกตำรวจมาจับแก!”

“ม่ะช่ะน่ะเค่าะ ม่ะช่ะ! เลทอม่ะรุเรื่อ เลทอมะรุ คุงพู้หยีอย่าเรียกตะรวกมะจะเลทอเลนะ เลทอมะรุอะระจีงๆ”

สาวพม่ารีบปฏิเสธเป็นพัลวัน หล่อนเบะหน้าทำท่าจะร้องไห้ ก็เป็นจังหวะที่ริสาถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนผิดกับเรณูอย่างเทียบไม่ได้ แม้มันจะเป็นคำถามที่มีความหมายเดียวกันก็ตาม

“เลทอ เลทอรู้เห็นกับเรื่องที่ชื่นจิตรทำหรือเปล่า ถ้ารู้ เลทอก็บอกฉันมาเถอะว่าใครเป็นคนสั่งให้ทำ ฉันจะไม่เอาผิดเลทอเลย ฉันสัญญา”

ริสาจ้องมองร่างผอมแห้งผิวสองสีของสาวพม่าด้วยสองตาที่บวมแดงเพราะเมื่อคืนเธออยู่ที่บ้านของทิวากรและร้องไห้ตลอดเวลาจนถึงเช้า

ทิวากรเอื้อมมือออกมาจับมือของริสา เขารู้ดีว่าเธอต้องใช้ความกล้าหาญมากเพียงใดถึงสามารถกลับมาเผชิญความจริงที่คฤหาสน์บุษบายุธและพูดคุยเรื่องราวแห่งความตายของบิดาเธอได้ หากมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาจะไม่ยอมให้ริสากลับมาที่บ้านหลังนี้เลยจริงๆ

“เลทอมะรุนะคูนู๋ เลทอมะรุอะไรจีงๆ เลทอขะนอตั้งแต่สาทู่พ้อมกะพะชื่ง เลทอยะคุยกะพะชื่งอยู่เลว่า เลทอจะขอพอให้พะเลี้ยปอกพัย  ละจานั้งเลทอกะนอหละ หละสนิกจนถือเช้าเล มะตื่อกะเพาะละดัวข้าปะปุกบอกว่าคูงพุหยีเรี้ยให้ขื้อมะเพาะ” สาวพม่าหน้าขาวเพราะประแป้งเป็นจุดๆ ทั้งสองแก้มตอบพร้อมกับมองลูกสาวคนโตของพ่อเลี้ยงไกรศักดิ์ด้วยสายตามีความหวัง

ริสาและทุกคนเลื่อนสายตามาที่ป้าพิสมัย ซึ่งก็เข้าใจดีว่าตนเองต้องทำอะไร

“นังเลทอมันบอกว่ามันไม่รู้เรื่องจริงๆ ค่ะคุณหนู มันเข้านอนตั้งแต่สามทุ่มพร้อมกับนังชื่น ก่อนนอนก็ยังคุยกับนังชื่นว่าจะขอพรพระให้พ่อเลี้ยงปลอดภัย หลังจากนั้นมันก็นอนหลับสนิทจนถึงเช้า มาตื่นก็เพราะนังลำดวนเข้าไปปลุกบอกว่าคุณผู้หญิงเรียกให้ขึ้นมาพบ”

“จะยังไงก็เถอะ พวกมันอยู่ห้องเดียวกัน จะไม่รู้เรื่องได้ยังไง อั๊วว่าถ้าไม่เรียกตำรวจมาจับ ก็ไล่มันออกไปเลยดีกว่า” เดโชพูดขึ้นอีกครั้งหลังทุกคนเงียบไปพักใหญ่

“แต่อั๊วว่าเราอย่าเพิ่งตัดสินใจอะไรดีกว่านะเฮียโช ยังไงเสียตำรวจก็ต้องเข้ามาสอบปากคำคนใช้ในบ้านอีกครั้งแน่ ปล่อยให้ทางตำรวจจัดการดีกว่า อย่าเพิ่งด่วนไล่ใครออกเลย”

พิชิตพูดพลางเอื้อมมือออกไปตบเข่าพี่ชายร่วมสาบานผู้มีอารมณ์ร้อนให้ใจเย็นๆ ในวันนี้เขามาที่นี่ก็ด้วยเหตุผลเดียวกับเดโชคือมาช่วยเรณูจัดการเรื่องงานศพของพ่อเลี้ยงไกรศักดิ์ในด้านต่างๆ ไล่ตั้งแต่การซื้อโลงศพติดแอร์และปราสาทศพราคาหลักแสน การเตรียมการด้านต่างๆ ทั้งติดต่อทำเรื่องรับศพจากโรงพยาบาล เคลียร์พื้นที่ภายในบ้านไว้เป็นสถานที่ตั้งศพ ติดต่อร้านจัดดอกไม้งานศพ ติดต่อพระที่วัดมาสวดอภิธรรม และอื่นอีกจิปาถะนับไม่ถ้วน  

“ตำรวจจะเชื่อใจได้แค่ไหนก็ไม่รู้ ทำงานเดี๋ยวนี้เช้าชามเย็นชาม อั๊วจะส่งคนไปตามหานังชื่นจิตรนั่นเอง” เดโชพูด ยกมือของพิชิตออกจากหัวเข่าแล้วลุกขึ้นยืน “อาเล้ง ลื้ออยู่ที่นี่ช่วยอาเจินจัดการเรื่องงานศพไปก็แล้วกันนะ”

“เฮียจะไปไหน?” พิชิตจ้องตาเดโชแล้วลุกขึ้นยืนบ้าง บุรุษสูงวัยทั้งสองล้วนแต่รักษาสภาพร่างกายไว้เป็นอย่างดี แม้ขณะนี้อายุจะย่างเข้าหลักห้าแล้วทั้งสองฝ่าย แต่กล้ามแขนก็ยังคงเป็นมัดๆ ไม่แพ้หนุ่มรุ่นกระทงอย่างทิวากรเลย

“อั๊วจะไปสืบให้รู้ให้ได้ว่านังชื่นจิตรมันหนีไปที่ไหน และใครเป็นคนจ้างมันให้ฆ่าพ่อเลี้ยง” เดโชตอบ เบือนหน้าจากพิชิตและหันไปยังเรณู “อาเจินไม่ต้องห่วงนะ อั๊วจะต้องลากตัวไอ้คนที่มันฆ่าพ่อเลี้ยงมาคุกเข่าต่อหน้าลื๊อให้ได้ ไม่อย่างนั้น ดวงวิญญาณของพ่อเลี้ยงคงจากไปอย่างไม่สงบสุข”

“ขอบคุณมาก เฮียโช ถ้าพ่อเลี้ยงได้ยิน พ่อเลี้ยงคงปลื้มใจในความซื่อสัตย์ของเฮียเหมือนอั๊ว” เรณูหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าขึ้นมาซับหางตาอย่างเศร้าโศกและโบกสะบัดมือไล่ให้บรรดาคนรับใช้ทั้งสิบสองคนกลับไปทำงานของตัวเองตามเดิม

“พ่อเลี้ยงเป็นผู้มีพระคุณของอั๊ว พ่อเลี้ยงเป็นคนที่ฉุดอั๊วกับอาเล้งขึ้นมาจากโคลนตม อั๊วจะไม่มีวันยอมให้ไอ้คนที่มันทำอย่างนี้กับพ่อเลี้ยงได้ตายดีแน่”
เดโชพูดผ่านไรฟันที่กัดกรอด

ริสาเห็นสองมือของเขากำแน่นเป็นหมัด อันแสดงออกถึงความเคียดแค้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการฆาตกรรม  ริสาไม่คุ้นเคยหรือสนิทกับชายสูงวัยผมสีดอกเลาคนนี้มากนักเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับพิชิต เธอรู้เพียงแต่ว่า เดโชเป็นพี่ชายของเรณู และเป็นลูกน้องมือขวาคนสนิทที่พ่อไว้ใจมอบหมายให้ควบคุมดูแลผลประโยชน์ของรีสอร์ทในเชียงรายและเชียงใหม่ ในขณะที่มือซ้ายคนสนิทอย่างพิชิตหรือที่เธอเรียกว่าอาชิตตามความคุ้นเคยได้รับมอบหมายให้ดูแลธุรกิจไร่ผลไม้และรีสอร์ทในลำปาง ส่วนพ่อเองนั้นถึงอายุมากแล้ว แต่ก็ยังดูแลโรงงานผลิตเซรามิกและควบคุมบัญชีการเงินทั้งหมดเองกับมือ

ความคิดของริสาเกือบจะดึงให้เธอย้อนกลับไปในค่ำคืนแห่งน้ำตาที่ผ่านมาอีกครั้ง โชคดีที่เธอห้ามตัวเองไว้ทันขณะได้ยินพิชิตกล่าวเสียงขรึมว่า

“แต่จะทำเหมือนสมัยยี่สิบสามสิบปีก่อนไม่ได้แล้วนะเฮีย อย่าลืมว่าพวกเราล้างมือแล้วและอีกอย่าง กฎหมายบ้านเมืองสมัยนี้ไม่เหมือนเก่า อั๊วว่าถ้าเฮียจับตัวมันได้ พามันมาขอขมาศพพ่อเลี้ยง แล้วส่งให้ตำรวจจัดการจะเหมาะกว่านา”

เดโชกระหวัดสายตาดุดันมองหน้าพิชิต ประกายในดวงตาของเขาลดทอนความรุนแรงลงเล็กน้อยเมื่อเลื่อนมาจับจ้องรอยแผลเป็นบนใบหน้าของน้องชายร่วมสาบาน

เดโชยกมือตบไหล่พิชิต และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่เปลี่ยนแปลง

“ต่อให้อั๊วต้องติดคุก ต่อให้อั๊วต้องตามไปขุดหัวไอ้คนที่วางแผนฆ่าพ่อเลี้ยงขึ้นมาจากนรกขุมที่ลึกที่สุด อั๊วก็จะทำ อาเล้ง เพราะมันคือการตอบแทนบุญคุณพ่อเลี้ยงที่ทำให้อั๊วกับลื้อมีวันนี้”

พิชิตจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเดโช บุรุษผู้มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เดโชก็สั่นศีรษะและกล่าวตัดบทว่า

“ไม่ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น อั๊วจะรับผิดชอบมันเอง ลื้ออยู่ทางนี้ดูแลอาเจินกับคุณหนูของพ่อเลี้ยงให้ดีที่สุด” พูดจบเดโชเหลียวหน้าไปทางเรณู “อาเจิน หนูภาจะมาถึงกรุงเทพฯ ตอนไหน?”

เรณูซับน้ำตาอีกครั้งก่อนตอบ “วันนี้ประมาณสองทุ่มจ้ะเฮีย”

“น่าสงสารหลานอั๊ว ยังไม่ทันจะโตเป็นสาวเต็มตัว ก็ด่วนมากำพร้าพ่อเสียแล้ว” เดโชเม้มริมฝีปาก สีหน้าเศร้าสลด แล้วเขาก็หันมาทางน้องร่วมสาบาน “อีคงเสียใจมาก ยังไงก็วานลื้อช่วยส่งคนไปรับหนูภาที่สนามบินด้วยนะ อาเล้ง”

“เฮียวางใจเถอะ อั๊วจะจัดการเรื่องคุณหนูรัมภาเอง”

พิชิตตอบ สีหน้าของเขาก็เศร้าสลดเช่นกัน แต่ไม่ได้เศร้าสลดเพราะสงสารรัมภาเพียงคนเดียว แต่ทว่าเขากำลังสงสารริสาด้วย และอาจจะสงสารริสามากกว่ารัมภาเสียอีกเพราะหากความตายของพ่อเลี้ยงไกรศักดิ์ทำให้รัมภากำพร้าพ่อ ขณะนี้ริสาก็เป็นหญิงสาวที่กำพร้าทั้งพ่อทั้งแม่เรียบร้อยแล้ว

เรณูลุกขึ้นยืน หล่อนคว้ากระเป๋าถือราคาเหยียดล้าน ปรายตามองมาที่วงหน้าขาวซีดของริสาแวบหนึ่งแต่ไม่พูดอะไร หล่อนคล้องสายกระเป๋าเข้ากับไหล่ และหันมากล่าวกับเดโชและพิชิตว่า

“เฮียโช เฮียเล้ง อั๊วจะไปจัดการเรื่องของชำร่วยในงานศพก่อนนะ อีกหลายชั่วโมงกว่าจะกลับ ได้ยินเฮียเล้งรับปากว่าจะจัดการเรื่องรับตัวยัยภาให้อั๊วก็สบายใจ ลำพังอั๊วเองคงไปรับไม่ได้เพราะต้องคอยรับแขกที่งานศพ ยังไงก็ฝากเฮียด้วยนะ”

“ไม่เป็นไรน่า อาเจิน คุณหนูรัมภาก็เป็นหลานอั๊วเหมือนกัน อั๊วจะดูแลให้ดีที่สุด” พิชิตรับปากหญิงสาวที่มีอายุอ่อนกว่าเขาสิบปีอย่างหนักแน่น

เดโชก้มดูนาฬิกาโรเล็กซ์เรือนทองฝังเพชรที่ข้อมือ และหันมาพูดกับพิชิตเป็นครั้งสุดท้าย “อั๊วควรไปเสียที ฝากทุกอย่างด้วยนะอาเล้ง ประมาณบ่ายๆ ทางโรงพยาบาลคงมาส่งศพพ่อเลี้ยงพร้อมโลงที่เราสั่งไป อั๊วจะกลับมาอีกทีตอนค่ำ ทางนี้ถ้าได้เรื่องยังไงบ้างก็โทรบอกอั๊วด้วยนะ”

“ครับเฮีย” พิชิตผงกศีรษะ เม้มริมฝีปากแน่น

ผู้เป็นพี่ชายร่วมสาบานตบไหล่พิชิตอีกครั้งแล้วก็เดินออกไป

“อั๊วขอตัวเหมือนกันนะเฮียเล้ง” เรณูพูด ผงกศีรษะอำลาบุรุษผู้อาวุโสกว่าทีหนึ่งก่อนเดินออกจากห้องด้วยสีหน้าอมทุกข์ตามแบบฉบับภรรยาที่เพิ่งสูญเสียสามีซึ่งเป็นที่รักยิ่ง

ในห้องรับแขกของคฤหาสน์จึงเหลือแต่เพียงริสา ทิวากรและพิชิตเท่านั้น

“จะกลับกันรึยังโรส?” ทิวากรหันหน้าถามหญิงสาวเพราะรู้ดีว่าเธอไม่สามารถอยู่ที่บ้านหลังนี้คนเดียวได้แน่ และริสาอาจจะต้องพักอยู่ที่บ้านของเขานานทีเดียวเพื่อรักษาความบอบช้ำในใจ ทิวากรเป็นห่วงริสามาก เขาไม่อยากให้เธอตกอยู่ในสภาพนี้เลย

และดูเหมือนริสาเองก็รู้ตัวดี เธอตอบคำถามโดยการพยักหน้าและลุกขึ้นยืน ทิวากรลุกตาม ก็เป็นวินาทีเดียวกับที่พิชิตโพล่งขึ้นกลางปล้องว่า

“อาหมิง เย็นนี้ลื้อต้องเป็นคนไปรับหนูรัมภาที่สนามบินนะ  พาหนูโรสกลับบ้านไปแล้วก็เตรียมตัวด้วย”

“อะไรนะป๊า?” ทิวากรเลิกคิ้วถามบิดาด้วยความประหลาดใจ “อั๊วเนี่ยนะต้องไปรับคุณหนูรัมภา?”

พิชิตผงกศีรษะ “ใช่ ลื้อต้องไปรับ และต้องเป็นลื้อคนเดียวเท่านั้นที่จะเหมาะสม ถ้าส่งคนอื่นไปมันจะดูน่าเกลียด ถ้าอั๊วไปเองได้อั๊วไปแล้ว แต่ติดที่ต้องอยู่ช่วยอาเจินอีจัดการเรื่องงานศพพ่อเลี้ยงน่ะซี่ หวังว่าเรื่องแค่นี้คงไม่เหนือบ่ากว่าแรงลื้อใช่มั้ย?”

ทิวากรเหลือบมองริสาแวบหนึ่ง ถ้าเขาเดินทางไปรับคุณหนูรัมภาที่กรุงเทพ นั่นหมายความว่าริสาจะต้องอยู่ที่บ้านของเขาคนเดียวร่วมกับสาวใช้ เขาไม่อยากให้ริสาอยู่คนเดียว ยิ่งตอนค่ำต้องกลับมาที่บ้านนี้อีกครั้งเพื่อคอยต้อนรับผู้มาร่วมงานศพของพ่อเลี้ยงไกรศักดิ์ด้วยแล้ว เธอไม่น่าจะรับไหวแน่ๆ

แต่บทบิดาขอร้องขนาดนี้จะปฏิเสธก็ไม่ได้ ชายหนุ่มรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในหัวใจหนักอึ้งเหมือนถูกถ่วงด้วยหินน้ำหนักสองตัน

ความหนักใจของเขาปรากฏบนสีหน้า

ริสาเข้าใจในสิ่งที่เห็น ทิวากรคงเป็นห่วงเธอ เธอรู้ดี

“หมิงไปเถอะ โรสอยู่คนเดียวได้”

เธอพูด เอื้อมมือออกไปบีบมือเขาเป็นการยืนยัน ทิวากรหันสบตาริสาครู่หนึ่ง เมื่อเห็นเธอยิ้มฝืดๆ และพยักหน้ายืนยันคำพูดอย่างแข็งขัน เขาจึงเบาใจลงและหันกลับไปทางบิดาที่ยืนมองอยู่ด้วยสายตาเคร่งขรึม

“ว่าไง?” พิชิตถาม

“ครับป๊า อั๊วจะไป” บุตรชายตอบ

++++++++

จากคุณ : ทะเลเดือดพันธุ์ร็อค
เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 10:33:01




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com