ฺBody Talk (Boys love) บทที่ 13 ต่อ
|
 |
รุจน์วางมือเมื่อเสร็จจากงานชิ้นสุดท้าย เงยหน้ามองรอบตัวก็พบว่าฟ้าสีดำกำลังถ่อมตัวให้ไฟในแกลลอรี่สีสว่างเจิดจ้ามากขึ้น เสียงนาฬิกาโบราณบนผนังห้องแสดงภาพด้านหน้าสุดของแกลลอรี่บอกเวลาสี่ทุ่มดังแผ่วๆ รุจน์ที่อยู่ในห้องทำงานพลิกข้อมือดูนาฬิกาพลางถอนใจไล่ความเหนื่อย เขารวบรวมเก็บเอกสารตรงหน้าใส่แฟ้มแล้วยัดมันลงในช่องวางด้านหลัง
ไม่มีวี่แววว่าเมษาจะกลับมาในเวลาอันใกล้ ฝนข้างนอกตอนนี้ยังพรำสายเรื่อยเอื่อยไม่ยอมสิ้นฤทธิ์หยุดเอาง่ายราวกับจะเสียหน้าที่โครมใหญ่ลงมาแล้วรีบหยุด รุจน์หยิบเสื้อนอกมาสวมแล้วลุกขึ้นปิดไฟเดินออกจากห้องทำงานปิดล็อคประตู จากนั้นก็เดินไปเปิดไฟที่ทางเดินแล้วจึงหยิบร่มที่เสียบด้านหน้าแกลลอรี่ เปิดประตูแล้วเดินออกมา อากาศข้างนอกเย็นจัดจนรุจน์แปลกใจนี่เมืองไทยเปลี่ยนแปลงอีกแล้วหรือ อากาศที่ไม่แน่นอนช่างเหมือนใจคนจริงๆ
ชายหนุ่มกางร่มแล้วก้าวมุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถ ปกติเวลาแบบนี้ที่ลานจอดรถจะเงียบสงัดชวนให้น่าขนลุกยามคิดถึงอาชญากรรม แต่วันนี้ที่นี่กลับมีเสียงคนพูดคุยคึกครื้นอยู่ด้านข้างราวกั้นของอีกอาคารที่อยู่ใกล้กับแกลลอรี่ ทำให้รู้สึกอุ่นใจ รุจน์เดินผ่านก็แอบชำเลืองเห็นเหล่าพลพรรคยามรักษาความปลอดของอาคารแห่งนั้นกำลังล้อมวงร่ำสุราพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน บางคนรุจน์ในกลุ่มนั้นรุจน์ก็คุ้นหน้าคุ้นตาด้วยเพราะเคยทักทายรุจน์อย่างโอภาปราศัยแบบมิตรเรือนเคียง เขาท่าทางซื่อๆเหมือนมาจากจังหวัดอันไกลโพ้นแนวเขตอีสาน รุจน์รู้สึกอุ่นใจและไม่วางใจอย่างละครึ่งหน่วย
ที่ว่าอุ่นใจเพราะเวลาดึกดื่นเช่นนี้หากอยู่เดินคนเดียวสถานมืดมิดและเงียบร้างผู้คน แม้จะเป็นสถานที่คุ้นเคยก็ไม่อาจไว้ใจพวกโจรผู้ร้ายได้ และที่ว่าไม่วางใจคือคนเหล่านี้อาจมองหาช่องทางขโมยทรัพย์สินของแกลลอรี่ได้หากเขาออกไปจากที่นี่แล้ว ขณะที่รุจน์กำลังสารตะอยู่นั้น ใครในกลุ่มนั้นที่รุจน์ว่าเคยทักทายกันก็ส่งเสียงขึ้นทำเอารุจน์สะดุ้งร่มแทบหลุดจากมือ
“คุณครับ ฝนตก อากาศก็หนาว ดื่มอะไรอบอุ่นร่างกายหน่อยไหมครับ” เสียงของเขาเรียกให้เพื่อนๆในกลุ่มหันมาที่รุจน์ รุจน์ยิ้มแห้งพร้อมโบกมือที่ว่างอยู่บอกปฏิเสธขันแข็งพร้อมคำพูด “ขอบคุณมากครับ ไว้โอกาสหน้าดีกว่า วันนี้เหนื่อยมาก งานเยอะจริงๆ อยากรีบกลับไปพักแล้วล่ะ” รุจน์ยิ้มให้อย่างมีไมตรี “โชคดีนะครับ พักผ่อนเยอะๆนะครับ” ยามค้อมตัวให้แล้วหันกลับคุยกับเพื่อนในวงต่อ รุจน์นึกอะไรขึ้นได้ หากเขารีบชิงพื้นที่ตัดหน้าบอกฝากให้ช่วยดูแกลลอรี่เสียก่อนความเป็นคนคุ้นเคยกันอาจทำให้คนพวกนี้กระดากหากจะทำการผิดกฏหมายใดต่อทรัพย์สินภายในอาคารคนข้างเคียง
“อ่า..ฝากดูแลที่นี่ด้วยนะครับ” รุจน์ค้อมกายนิดหน่อย เหล่ายามทุกคนมองแล้วคนที่คุ้นกับเขาก็ตอบรับกลับมา รุจน์หันไปกดรีโมทรถ เปิดประตูแล้วหุบร่มโยนเข้าเบาะหลัง
ขณะกำลังจะก้าวขึ้นนั่งที่เบาะ โดยรวดเร็วไม่ทันที่เขาจะขยับเท้าก้าวขึ้นรถร่างของเขาก็ถูกดึงปลิวออกห่างจากรถ มือใหญ่หยาบและสากกดบนปากของเขา ท่อนแขนใหญ่รัดลำคอเขา มันกดลงหลอดลมของเขาจนหายใจแทบไม่ออก ไม่นานเขาก็โดนลากออกห่างรถมากขึ้น รุจน์พยายามหันไปมองแต่ก็ถูกบังคับห้ามด้วยท่อนแขนที่กดลงลำคอเขาจนแน่นราวลำตัวงู “มีเงินไหมครับ ขอเอาไปซื้อเหล้ากินต่อ”เสียงแหบแห้งหลังท้ายทอยคละคลุ้งด้วยกลิ่นเหล้า ทำให้อากาศระหว่างเขากับผู้ที่อยู่ด้านหลังกลายเป็นพิษ ทั้งกลิ่นสาปเหงื่อและอับของเสื้อที่ไม่สะอาดรบกวนจมูกจนแทบสำลัก รุจน์ไม่เหลือความสงสัยอันใดอีก ความคิดอันเกี่ยวกับไม่วางใจในอาชญกรรมครอบครอบพื้นที่ในสมองที่กำลังหดตัวลงจนไม่เหลือความคิดอย่างอื่น
“ได้ซิครับ ปล่อยก่อน” นอกจากตามใจแล้วรุจน์ไม่เห็นว่าจะมีดีอะไรหากคิดขัดขืนความต้องการของคนพาลในเวลาเช่นนี้ “อย่าตุกติกนะครับ” เสียงด้านหลังกระซิบพร้อมกันนั้นรุจน์ก็รู้สึกถึงสัมผัสจากริมฝีปากอุ่นเปียกหลังต้นคอทำเอารุจน์ขนลุกด้วยความแขยง กลิ่นบุหรี่ราคาถูกโชยอยู่ในอากาศ “ไม่ครับ ผมจะหยิบให้โดยดี” รุจน์เลื่อนมือหยิบกระเป๋าเงินจากกระเป๋าในเสื้อสูท “ก็ดีเพราะถ้าตุกติกไม่รับรองว่าสปาร์ตาเล่มนี้มันอยากดื่มเลือดจากคอหอยคุณหรือเปล่า” รุจน์ย้อนกลับไปสู่ความคิดของตัวเมื่อครู่เมื่อย้อนกลับมา อากาศที่ไม่แน่นอนช่างเหมือนใจคนจริงๆ ยามที่คุ้นหน้ากันตอนนี้กลับกลายเป็นความผิดหวังที่ทำให้เสียความรู้สึก เป็นปีศาจที่ก่อให้รุจน์รู้สึกชิงชังช้าๆ รุจน์ตัวแข็งเมื่อถูกจับให้เชิดคางขึ้น และบางสิ่งที่เย็นราวน้ำแข็งก็จดแนบกับลำคอ เขารีบยื่นกระเป๋าเงินไปด้านหลังให้อย่างไม่อิดออด แรงดึงกระชากมันไปจากมือเขาอย่างรวดเร็ว
“ตัวหอมจังนะคุณ” ลำแขนที่กดคอเขาไว้เลื่อนลงรัดที่เอว รุจน์หายใจไม่ออก เขาเริ่มดิ้นคมมีดกินเนื้อที่ลำคอจนมีรอยปริเล็กๆ สิ่งนั้นเตือนให้รุจน์หยุดดิ้น เลือดในกายไหลลงไปกองที่ปลายเท้า “เฮ้ย! พวกเอ็งคืนนี้สงสัย:-)หาสาวดวงตกผ่านมาแถวนี้ไม่ได้ แต่เฮ้ย!!! เชื่อไหม แบบว่ากูเองยังไม่เคยสังเกตเลยว่าหมอนี่มันก็ใช้ได้นะ ตัวหอม ผิวนุ่มเนียนด้วย” ปลายนิ้วหยาบสากของอีกคนที่เข้ามาใหม่แตะที่แก้มของรุจน์ “ผมให้เงินไปแล้ว ปล่อยผมไปเถอะครับ”รุจน์ใจเต้นรัว เขาไม่กล้ามองไปข้างหน้าด้วยรู้สึกโดยสัญชาติญาณแห่งภัยที่คืบใกล้เข้ามาทุกทีดั่งเงามืดทะมึนที่ทอดตามหลังอย่างกระชั้นชิด
“อืม เฮ้ย!! คอนเฟิร์มว่ะ ว่าหอม นุ่ม ลื่นมือ จริงๆ” คนที่ลากนิ้วบนแก้มรุจน์ตะโกน “อย่า ได้โปรด”รุจน์กลืนก้อนแข็งที่ถ่วงแน่นอยู่ในคอหลังพยายามเค้นเสียงออกมาจากความหวาดกลัวที่ไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุด เขาหลับตาลงเมื่อรู้สึกว่าขาถูกรวบยกขึ้น อากาศที่ห่อหุ้มตัวเขาตอนนี้มีแต่ความเยือกเย็นอันแหลมคมที่กำลังกรีดรอยหยักสมองของเขาให้วิ่นแหว่งขาดหายลงทีละน้อย “ชะ ช่วยด้วย หยุดนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้” รุจน์เริ่มดิ้น และออกแรงมากขึ้นเมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกแบกไปที่กลุ่มที่นั่งรออยู่
“เฮ้ย! นั่นมันผู้ชายนะ ได้เหรอวะ” หนึ่งในกลุ่มตะโกนขำๆ “ไม่รู้อะไร นี่ล่ะสุดยอดเลยล่ะ ผู้ชายที่อยู่เหนือผู้ชาย” อีกคนหัวเราะ “อย่า!!!ปล่อยผมเถอะครับ คนรู้จักทำอย่างนี้ทำไมครับ ผมไม่เคยทำอะไรให้คุณ คุณอยากเงินผมก็ให้แล้ว ได้โปรดเถอะ” รุจน์ตะโกน เสียงของเขาแหวกความมืดหากแต่ก็หายไปในอากาศ เวลาอย่างนี้ ทำเลที่มีแต่สำนักงานมากว่าที่อยุ่อาศัย ยามที่อยู่บริเวณนี้ก็รวมตัวอยู่ที่นี่ สิ้นเสียงตุบทึบๆ รุจน์ก็จุกจนพูดหรือร้องต่อไม่ออก หมัดหนักที่ทะลวงเข้าท้องน้อยจนเขาแทบอาเจียนออกมา
“ชู่ว์ เงียบหน่อยซิครับ เราแค่สนุกกันไม่มีใครเสียหายสักหน่อย” คนที่จับขารุจน์พูดอย่างอารมณ์ดี “นั่นสิ มาสนุกกันตามประสาผู้ชายกันเถอะครับคุณผู้ชาย” ยามท่าทางซื่อๆก่อนหน้า บัดนี้ใบหน้าได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดที่รุจน์รู้สึกแขยงหูเมื่อได้ยินเสียงอันกระเส่าของมัน รุจน์โดนเหวี่ยงลงกลางวงเหล้า แก้ว ขวด และจานกับแก้มกระจัดกระจาย อาหารในจานบางส่วนสาดกระเซ็นลงบนเสื้อผ้าของรุจน์ “เฮ้ย แกดูเสื้อผ้าราคาแพงที่คุณผู้ชายสุดสวยเขาใส่สิเปื้อนหมดแล้ว ราคาแพงซะด้วยซินะ” คนในกลุ่มก้าวสามขุมเข้ามาหารุจน์ “ถอดออกเถอะครับ เดี๋ยวมันจะเปื้อนมากกว่านี้” เขายื่นมือมาที่รุจน์ รุจน์ปัดมือเขาเสียงดังเผียะ “อย่ายุ่งกับผม!”
“อ้าวๆ วอนแล้วไหมล่ะ ไอ้นี่” เจ้ายามคนเดิมกระชากคอเสื้อรุจน์ “ใจเย็นๆเพื่อนฝูงอย่าหนักมือซิ เดี๋ยวเขาช้ำพวกเราก็หมดสนุกซิ” อีกคนปราม อีกคนเดินไปหยิบบางสิ่งบนกองหนังสือปลุกใจเสือป่า ทุกคนล้วนแต่แปลกหน้าสำหรับรุจน์พวกเขาผลัดกันพูดผลัดกันตอบโต้ จนรุจน์สับสน เขาพยายามลุกขึ้นแต่ก็ไม่สำเร็จพวกนั้นกรูเข้าจับแขนขาเขาไว้ “พวกนายทำแบบนี้ไม่...” รุจน์พูดไม่ทันจบก็ต้องขดตัวเป็นกุ้งเมื่อถูกเตะเข้าที่ท้อง “ลองนี่สักหน่อยดีกว่า เดี๋ยวจะร้องหาพวกกูไม่หยุด” คนที่ชูแค็ปซูลในมือก้มลงกระซิบ ดวงตารุจน์เบิ่งกว้างด้วยความตื่นตะหนก ใครบางคนกระชากผมเขาให้เชิดหน้าขึ้น เจ้าคนถือแคปซูลก้าวเข้ามาใกล้
“อะไรน่ะ ไม่นะ!!!” รุจน์ส่ายหน้าเม้มปากแน่น ที่กลางอกราวกับมีน้ำวนวังใหญ่อยู่ตรงกลางมืดมนและน่ากลัวเพราะไม่รู้ถึงสิ่งที่จะเกิดต่อไป มือใหญ่กร้านจับเขาบีบคาง เหล้าในขวดกรอกลงลำคอของเขา รุจน์สำลักพ่นออกมา เขาถูกตบจนหน้าชาก่อนจะถูกจับบีบคางกรอกเหล้าอีกครั้ง รุจน์ขัดขืนหากแต่แคปซูลสีแปลกสองสามเม็ดนั้นยัดเข้าปากเขาตามด้วยเหล้าอีกจนได้ ลำคอเขาถูกบีบให้กลืนเหล้าลงคอ รุจน์สำลักและไอจนเหนื่อยเขาพยายามล้วงคออาเจียนเอาแคปซูลออกมา
“เหนื่อยเปล่าน่า มาสนุกกันเถอะครับ” พวกยามรวมกลุ่มเข้าหารุจน์สองคนจับขา อีกสองคนจับแขน อีกคนมุ่งถอดเสื้อผ้า รุจน์ดิ้นสุดแรงแต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นยิ่งถูกยึดไว้อย่างแน่นหนาราวถูกรัดไว้จากเถาวัลย์มีชีวิต “อย่าทำแบบนี้ ปล่อยผม” คำร้องขอจากรุจน์ถูกตอบรับกลับด้วยเสียงหัวเราะที่กังวาลจนประสาทเขาสะเทือน “อีกแค่เดี๋ยวเดียวคุณจะไม่พูดแบบนี้ คุณอาจจะบอกอย่าเหมือนกัน แต่อย่าหยุด เข้ามากันได้เรื่อยๆ” ไอ้ยามหน้าซื่อเช็ดปากด้วยนิ้ว เพื่อนที่เริ่มถอดเสื้อผ้าผิวปากรับกันสนุกสนาน รุจน์ทั้งดิ้นทั้งร้องอ้อนวอนจนเหนื่อย เขาหอบหายใจฮัก สัญญาณบางอย่างที่ปรากฏกับเขาทำให้รู้ว่าคนพวกนี้พูดจริง รุจน์ตัวอ่อน มือเท้าเริ่มหมดแรง หายใจขัด “ฮ้า เอาแล้วไง” คนที่กำลังปลดเข็มขัดและขอกางเกงรุจน์ตาวาว
เมษาก้าวออกมาจากหลังร้านอาหารพลางหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบ ตกลงวันนี้เขาไม่ได้กลับไปหารุจน์ที่ออฟฟิศ ปัญหารถติดซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมกับฝนราวกับเป็นเนื้อคู่กันแต่ปางไหนทำให้เสียเวลามากเกินกว่าจะย้อนกลับไปที่แกลลอรี่ เมษาพิงกำแพงเงยหน้ามองฟ้าดำที่มีฝนร่วงพราวลงมาดั่งเส้นเอ็นวาววับ นึกถึงน้ำฟ้ากับรุจน์ สองคนนั้นเป็นอะไรที่เหนือจินตนาการของเขาหลายขุมเลย ชีวิตคนเราแต่ละวันมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น และแต่ละเรื่องราวก็ไม่สามารถจะคาดคะเนได้คล้ายกับฟ้าฝนจริงๆ เมษาพ่นควันบุหรี่ล่องลอยพลางคิดหากสิ่งเหล่านั้นคนเราสามารถรู้ล่วงหน้าไว้ก่อนก็คงจะดีไม่น้อย มือถือดังขึ้นเมษารับสาย “นี่ ฉันเองนะ” “ฮะ คุณน้ำฟ้า” “พรุ่งนี้เอาเอกสารไปให้รุจน์ทำวีซ่าด้วยนะ” “ครับ”
เลิกสายจากน้ำฟ้าแล้วเมษาจึงกดสายหารุจน์มือถือสายว่างแต่ไม่มีคนรับ เมษาถอนใจสงสัยรุจน์คงลืมมือถือไว้ในรถอีกแล้ว จะกดเบอร์บ้านหัวหน้าพ่อครัวก็ออกมาเรียกให้กลับเข้าไปช่วยงาน แถมบ่นว่าเขาชอบอู้จะตัดเงินเดือนสักวัน เมษารีบเข้าไปบีบไหล่เอาใจ “น่าๆเฮียก็มีเพลินบ้างไรบ้างน่านะ พักนี้หล่อจังหล่อจริง” เมษาผลักดันเอวหัวหน้าเข้าในร้าน เขามองมือถือแล้วตัดสินใจหย่อนมันลงกระเป๋ากางเกง
13.4 ขณะผมเฝ้ามองกางเกงตัวเองที่กำลังจะเลื่อนลงสลับกับเหล่ายามที่มีกันเกือบสิบคนแจกจ่ายซองเล็กที่ผมคุ้นตาอย่างสิ้นหวัง กระนั้นช่วงเวลานั้นบางสิ่งก็เกิดขึ้น ผมได้ยินเสียงดังคลิกพร้อมเสียงทุ้มต่ำน่าเกรงขามที่ผมไม่มีวันลืม “ปล่อยเขาแล้วถอยไป” คุณทศสะบัดปลายกระบอกเป็นสัญญาณให้พวกนั้นออกห่างผม ทุกคนจำใจปล่อยผมอย่างเสียไม่ได้ ผมยันตัวเองลุกขึ้นอย่างลำบาก “รุจน์มานี่” คุณสะบัดคางเรียกผม รีบลนลานเดินไปด้านหลังเขา “รีบกลับไปที่รถ” “แล้วคุณล่ะครับ” ผมประท้วง “บอกให้ไปก่อนไง”เขาตะคอก ขณะที่เขาหันมาให้ความสนใจผม กระบองจากด้านตรงข้ามก็ลอยหวือมากระแทกมือของเขาจนปืนหล่น คุณทศรีบผลักให้ผมออกวิ่งไปที่รถ
จากคุณ |
:
vannessia
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ก.พ. 55 21:22:38
|
|
|
|