&*&*&****เราสามสี่คน*****&*&*& {นิยาย Y จริงจัง} [บทนำ]
|
 |
บทนำ
ที่เลวร้ายน่ะ ไม่ใช่บ้านริมทะเลหลังนั้น แต่เป็นชายผู้นั้นต่างหาก คนที่บอกให้ทุกคนที่อยู่ร่วมกันที่นั่นเรียกว่า คุณพ่อ
กับตัวเขาเองในปีแรกๆ ไม่แน่ใจว่าตอนอายุแปดหรือเก้าขวบ ก็ยังเรียกชายผู้นั้นว่าคุณพ่อ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ
ใครๆ ก็พากันชื่นชม คุณพ่อ ในฐานะเศรษฐีผู้ใจบุญ เสียสละทั้งแรงกายและทรัพย์สิน เพื่ออุปการะดูแลเด็กไร้บ้านหลายคน และก็ในปีแรกๆ อีกนั่นละ ที่เขาพลอยนึกคล้อยตามบรรดาคำบอกเล่าเหล่านั้น จนหลงคิดไปว่าท่านคือ พ่อพระของพวกเรา
จนกระทั่ง...
โตเป็นหนุ่มแล้วนะบอย เรียนชั้นมอสี่แล้วใช่ไหม
ครับ... คุณพ่อ
เขาตอบไปอย่างสุภาพ ประสานสายตากับประกายตาล้ำลึกของชายวัยกลางคนตรงหน้า
ที่จริง ไม่มีใครรู้ว่า คุณพ่อ อายุเท่าไร รู้กันแต่ว่าคุณพ่อตัวคนเดียว รูปร่างสูงและมีสัดส่วนแข็งแรงบึกบึน หน้าตาและผิวพรรณที่ใครๆ ต่างพากันบอกว่าอิ่มเอิบเพราะแรงบุญ นั่นทำให้ยิ่งยากจะคาดคะเนว่าเขาจะสูงอายุสักแค่ไหน
นอกจากเส้นผมสีเงินสวยที่ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติแล้ว ก็ไม่มีส่วนอื่นใดอีกเลยที่จะบ่งชี้ว่าคุณพ่อล่วงเลยวันเวลาแห่งชีวิตมานานเท่าไร
มีแฟนหรือยัง
เด็กหนุ่มจำได้ดีตอนถูกถามคำถามนี้ จำได้ว่าอึกอักตอบไม่ถูก เพราะตัวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ไอ้ความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้นกับตนนั้น มันพอจะเรียกว่าความรักได้หรือไม่ หรือว่าถ้าจะบอกว่านั่นคือความรัก แล้วเขาจะบอกกับคุณพ่อได้อย่างไรว่า คนที่เขารักนั้นเป็นเด็กผู้ชายที่เติบโตมาด้วยกันในบ้านอุปถัมภ์หลังนี้
ว่ายังไง...
คุณพ่อถามซ้ำ พร้อมกับฉุดแขนให้เขานั่งลงบนหน้าขาข้างหนึ่ง เหมือนอย่างที่เคยทำตั้งแต่วันแรกๆ ที่ชายหนุ่มได้มาอยู่ที่นี่
บอยขืนตัวเอาไว้ เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่เด็กชายตัวเล็กๆ ที่ผอมแกร็นจากการผ่านความอดอยากมามาก อย่างเมื่อตอนแรกที่ได้เข้ามอยู่ในบ้านใหญ่โตหลังนี้ ตอนนี้เขาเป็นเด็กหนุ่มที่อาจจะเรียกได้ว่าโตเกินวัย อย่างที่คุณพ่อบอกนั่นละ รูปร่างหน้าตาของบอยในเวลานี้ เรียกว่าเป็นชายหนุ่มได้อย่างสบาย ถึงแม้แววตาจะยังซื่อใส แต่ส่วนอื่นทั้งหมดของร่างกายนั้นไม่ใช่
โดยเฉพาะรูปร่างที่สูงถึงร้อยแปดสิบเซนติเมตร น้ำหนักหกสิบแปดกิโลกรัม ทั้งหมดเป็นมัดกล้ามเนื้อปราศจากไขมัน ซึ่งเขาภูมิใจนัก ที่การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลดีถึงเช่นนี้
งั้นก็นั่งที่เก้าอี้ โตเป็นหนุ่มแล้ว คงฉลองกับพ่อได้...
ประโยคนี้บอยก็จำได้ เพราะมันคือที่มาของการได้ดื่มเหล้าเป็นครั้งแรก มันน่าลิ้มรสน้อยอยู่เสียเมื่อไหร่ กับสุราสีอำพันที่สะท้อนแสงวิบวับอยู่ในขวดแก้วเจียระไน ที่คุณพ่อมักจะเอามันมานั่งจิบอยู่ริมระเบียง บนโซฟาเดี่ยวตัวสบาย พร้อมเก้าอี้รองขากับหนังสืออีกหนึ่งเล่ม
ถ้าบอยรู้ว่าการดื่มเหล้าในคืนนั้น ทำให้เขาต้องมามีอันเป็นเหมือนเช่นในวันนี้ เขาจะไม่มีวันแตะต้องมันเป็นอันขาด
แต่ใครเล่าจะรู้ ใครเล่าจะกำหนดชีวิตของตัวเองได้ คุณพ่อก็ยังเป็นชายใจดี อบอุ่น และดูไม่มีพิษภัยกับใครทั้งสิ้น
บอยยังจำได้อีกว่า แก้วเหล้าใบเตี้ยทรงเหลี่ยม บรรจุไว้ด้วยน้ำแข็งก้อนใสกับน้ำสีอำพันหวานๆ หอมๆ มีเพียงรสชาติขมขื่นเพียงนิดๆ ที่ทำให้ระคายคอ คุณพ่อบอกว่าเป็นเหล้าเก่าเก็บที่มีรสชาตินุ่มละมุนที่สุด และเหมาะกับเด็กหนุ่มหรือชายหนุ่มแรกรุ่นอย่างบอยเป็นที่สุด
คุณพ่อยังบอกอีกว่ามันคือบรั่นดีชั้นเลิศ ราคาแพงลิบจนจะนำออกมาดื่มก็เฉพาะกับคนพิเศษในโอกาสพิเศษเท่านั้น
ความหอมหวานละมุนนั้นซ่านลงไปตั้งแต่สัมผัสกับปลายลิ้น อุ่นวาบตามลำคอลงไปจนถึงกลางลำตัว พอผ่านไปได้อึกหนึ่งบอยก็มองหาน้ำ อยากจะดื่มเข้าไปให้เจือจางกับรสชาติที่ขมๆ หวานๆ ติดลำคอ แต่คุณพ่อบอกว่าให้ค่อยๆ จิบต่อไป พอหมดแก้วลิ้นก็จะชินกับรสสัมผัสไปเอง
แค่แก้วเดียวนั้น นอกจากจะรู้สึกว่าบรั่นดีนั่นจะหวานซ่านลิ้นยิ่งขึ้น บอยยังจำได้ดีว่า เนื้อตัวรู้สึกเบาสบาย ตามผิวหนังเหมือนมีอะไรยิบๆ ยับๆ เดินไต่อยู่ไปมา เพียงสายลมผ่านแผ่ว ก็รู้สึกเหมือนว่าจะหอบตัวเขาให้ปลิวไปได้ไกลๆ
เป็นหนุ่มก็ต้องลองอะไรอย่างที่หนุ่มๆ เขาลองกัน บอยดื่มกับพ่อน่ะดีแล้ว ฝึกไว้ให้เคย ต่อไปจะได้ไม่ถูกใครเขาพาไปมอมเหล้าให้เป็นอันตราย
บอยจับใจความได้ไม่ถนัดนัก เพราะหูเริ่มอื้ออึงพร้อมกับภาพตรงหน้าเริ่มพร่าไหว หลังจากที่คุณพ่อรินแก้วที่สาม แล้วท้าชนให้ดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว
ผม... ต้องเข้าห้องน้ำ
เขาพึมพำออกมา
จะอาเจียนรึ อะไรกันคออ่อนจริงๆ นะเรา
เปล่าครับ แต่อยากไปฉี่
บอยรีบปฏิเสธ น้ำเสียงค่อนข้างแข็งๆ ด้วยว่าทนไม่ได้หรอกที่จะถูกสบประมาทว่าอ่อนแอ หรืออ่อนเชิงต่างๆ นานา
แต่พอลุกขึ้นก็โงนเงน จนต้องใช้พนักเก้าอี้เป็นหลักยึด
ใช้ห้องน้ำในห้องพ่อก็ได้ จะได้ไม่ต้องเดินขึ้นเดินลง
บอยพยักรับคำ พอหัวที่หมุนๆ กำหนดทิศทางได้ ก็ทำท่าจะเดินไปทางห้องนอนส่วนตัวของคุณพ่อ ซึ่งไกลออกไปทางด้านหลัง เป็นสัดส่วนส่วนตัว และเป็นเขตหวงห้ามไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปวุ่นวาย
แค่ก้าวแรกตัวก็เอียงวูบ คุณพ่อผุดลุกขึ้นมาประคองได้ทันที โดยเด็กหนุ่มไม่ได้เอะใจเลยว่าเขาอาจรอจังหวะอยู่ก่อนแล้ว
พอมายืนเคียงกัน คุณพ่อตัวสูงน้อยกว่าเขานิดหนึ่ง จึงใช้วิธีดึงแขนของบอยให้มาโอบไว้บนบ่า ส่วนอีกแขนก็โอบสะเอวเด็กหนุ่มเอาไว้ กับอีกข้างก็ยึดมือที่โอบข้ามบ่ามานั้นอย่างค่อนข้างทุลักทุเล
ไหวไหมบอย...
เสียงของคุณพ่อเหมือนดังมาจากที่ไกล มันเจือจางอยู่กับเสียงคลื่นและเสียงลม ที่พัดผ่านเข้ามาจากทางระเบียงด้านหลัง
ครับ... ครับ
บอยงึมงำพึมพำ ไม่รู้หรอกว่าเอ่ยออกมาทำไม
จะไหวเหรอเนี่ย นั่ง... นั่งลงก่อนดีกว่า
ต้องผ่านเตียงนอนกว้างใหญ่ ก่อนจะถึงห้องน้ำซึ่งอยู่ถัดเข้าไปอีก ตัวของเด็กหนุ่มคงหนักไม่ใช่เล่น ทั้งเขาและคุณพ่อเลยมีอาการเหมือนทรุดลงนั่งบนที่นอน ซ้ำบอยยังเอนหลังหงายแผ่ลงไปทันที
บอย บอย... ไหนว่าจะเข้าห้องน้ำ
ครับ... ครับ
เขายังคงส่งเสียงออกมาได้เพียงแค่นี้
จากนั้นความทรงจำก็ปะติดปะต่อได้ยากเย็นเต็มที จำไม่ได้ว่าคุณพ่อหรือตัวเขาเองกันแน่ ที่รูดกางเกงนอนออกจนเหลือแต่กางเกงชั้นใน แต่ค่อนข้างแน่ใจว่ากางเกงชั้นในนั้น เขาแค่ขยับนิดเดียวมันก็รูดหลุดออกไปทางปลายเท้าอย่างง่ายดาย
ใช่... เขากำลังอยากเข้าห้องน้ำ พยายามจะทรงกายขึ้นแต่ก็ยากเย็นเหลือเกิน เพราะหัวกำลังหมุ่นติ้ว คล้ายบ้านทั้งหลังหมุนคว้าง แขนขาถูกเหวี่ยงไปคนละทิศทาง จนในที่สุดก็ต้องแผ่หงายลงอีกครั้ง
จนมากระตุกวูบตอนที่รู้สึกว่ามีอีกมือมาช่วย สัมผัสและยืนยันว่าเขาต้องเข้าห้องน้ำแล้วจริงๆ
คุณพ่ออย่าเล่นครับ ผมกำลังปวดฉี่
มา ลุกขึ้นดีๆ ยังดีนะที่พูดจารู้เรื่อง อาบน้ำสักหน่อยไหมจะได้สร่าง
ครับ... ครับ
บอยได้แค่รับคำในลำคอ ไม่รู้ว่าเสื้อนอนถูกถอดออกไปตอนไหน ได้ยินแต่เสียงแว่วๆ ของคุณพ่อว่า
บอยโตเป็นหนุ่มแล้วจริงด้วยสินะ
จากนั้นความทรงจำก็ยิ่งเลือนราง เขาน่าจะได้เข้าไปปลดปล่อยความหนักหน่วงตรงท้องน้อย หลังจากนั้นก็น่าจะถูกประคองพาออกมานั่งที่เตียง คุณพ่อให้ยาอะไรก็ไม่รู้สองเม็ด บอกให้ทานพร้อมกับน้ำเปล่าที่ยื่นให้ บอกว่ากินยาซะจะได้สร่างเมาไวๆ
คราวนี้... หลังจากคุณพ่อช่วยขยับให้นอนบนเตียงของท่านเรียบร้อย ไม่กี่อึดใจต่อมา บอยก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไปทั้งตัว วูบวาบไปตลอดร่าง หัวใจเต้นแรงโครมครามเลยทีเดียว
ตอนที่เย็นวาบตรงกลางลำตัว เขายังรีบคว้าศีรษะของคุณพ่อไว้แน่น รู้สึกอยากจะดิ้นรน แต่ตัวเองนั่นละกับแอ่นยัดเยียดให้ยิ่งลึกล้ำ รู้สึกอยากจะดึงศีรษะของคุณพ่อให้พ้นออกไป แต่กลับใช้ทั้งสองมือจับกระชับแล้วกดศีรษะในขยุ้มมือให้ขยับขึ้นลงอย่างเร็วๆ และรุนแรง
ตัวเบาหวิวไปคราวหนึ่งเมื่อรู้สึกว่าได้ปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างให้พุ่งพ้นไปจากร่างกาย คุณพ่อคงสำลักกระมังเลยขืนตัวออกห่าง
บอยรู้สึกเหมือนตัวเองล่องลอยอยู่ในอากาศ ท่ามกลางแสงสีตระการตา ไออุ่นที่ทาบร่างลงมานั้นช่างยิ่งอบอุ่น
คุณพ่อพลิกเขาให้คว่ำลง แล้วโอบกอดจากด้านหลัง ขยับสองขาของเขาให้แยกห่าง แล้วทั้งสองร่างก็กระชับชิด แนบสนิท แน่นจนบอยรู้สึกเจ็บแปลบที่ด้านหลัง
คุณพ่อ... ไม่.... อย่าครับ ผมเจ็บ!
คลื่นลมยังพัดซ่าอยู่ท่ามกลางอากาศสดใสของเช้าวันใหม่ บอยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในสภาพที่แต่งตัวในชุดนอนอย่างเรียบร้อย จนอยากจะนึกไปว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นเพียงแค่ความฝัน แต่ความเจ็บล้ำลึกที่ช่องทางด้านหลังนั้นยังหนักหน่วง
เด็กหนุ่มตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนอันกว้างใหญ่ของคุณพ่อ แต่ปราศจากร่างของเจ้าของเตียง มีแต่ดอกดวงสีแดงๆ สองสามหยด ที่แต้มแตะอยู่เป็นหย่อมเล็กๆ ตนขยับตัวจะลุกนั้นยิ่งเจ็บหน่วง เหมือนถูกใครทะลวงไส้พุงแล้วทิ้งหอกดาบให้ค้างคาอยู่ภายใน ท้องไส้เบาโหวง พอลำดับความได้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็โผไปที่ห้องน้ำ โก่งคออาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง
ตอนไต่บันไดลงมาจากชั้นสามนั่น ก็แทบจะก้าวขาไม่ออก รู้สึกเหมือนมีของเหลวบางอย่างไหลซึมออกมา พร้อมกับความเจ็บที่เริ่มแสบ และความปวดที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดเขาก็ต้องทรุดตัวลงนั่งบนบันไดขั้นสุดท้ายของชั้นล่างนั่นเอง
วันนี้เป็นวันธรรมดา พวกเด็กๆ คงไปโรงเรียนกันหมด ทั้งบ้านจึงเงียบสงัด ซึ่งในตัวเรือนใหญ่นี้ ชั้นล่างนี่นอกจากจะมีเฉพาะพวกรุ่นโตพักอยู่สามห้อง ก็จะไม่มีเด็กรุ่นเล็กอื่นใดอีก ที่จะเข้ามาวุ่นวาย เพราะพวกนั้นจะอยู่อีกตึกหนึ่งต่างหาก มีแม่จวนและพี่เปี่ยมคอยดูแลความเป็นอยู่ทั้งหมด
บอย บอยเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ
เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยทัก จนเขาต้องรีบเงยหน้ายิ้มให้ด้วยอาการทำตาหยีๆ ฉีกยิ้มให้กว้างที่สุดโดยไม่เปิดริมฝีปาก พร้อมกับส่ายหน้าเร็วๆ ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าไม่เป็นไรเลยจริงๆ
อึ๋ย! กลิ่นเหล้าหึ่งเลย
เสียงนั้นดังอยู่ริมหู
อือ! กินเหล้ากะคุณพ่อ
เขาตอบไปตามความเป็นจริง
เราเห็นคุณพ่อออกไปตั้งแต่เช้ามืด บอยเมามากละซี คุณพ่อเลยให้ค้างอยู่ข้างบน
อือ...
ระวังเหอะนะ ขี้เหล้าเมายาอย่างนี้คุณพ่อจะไม่เลี้ยง
จะไม่เลี้ยงได้ไง ในเมื่อ...
บอยชะงักคำไว้ได้ทัน
เมื่ออะไร แต่อีกคนยังซัก
ก็... ในเมื่อคุณพ่อรักเราทุกคนเหมือน... เหมือนลูก
แล้ววันนี้จะไปเรียนหนังสือไหวหรือ จะสายอยู่แล้วนะ
คนที่ตั้งท่าจะซักให้ขาวกลับเปลี่ยนเรื่องไปได้ง่ายๆ
แล้วแบงก์ล่ะ วันนี้ไม่ไปเรียนหรือไง
ก็วันนี้วันธรรมดา แล้วเขาจะมานั่งอยู่ข้างๆ ตรงนี้ได้อย่างไร
โรงเรียนให้หยุดเตรียมสอบน่ะ
แบงก์ตอบง่ายๆ
มา ลุกไหวไหม ให้มันได้อย่างนี้สิ ชอบให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย
ที่ห่วงนี่เพราะแบงก์รักบอยใช่ไหมเล่า
ไม่รู้อะไรดลใจให้พูดออกไปดังนั้น แรงพยายามที่จะฉุดให้ลุกขึ้นนั้นหายไปทันที
แล้ว... แล้วบอยคิดว่าไงล่ะ
แบงก์ตอบกลับด้วยคำถาม น้ำเสียงจริงจังกว่าตอนแรก
แต่เราเป็นผู้ชาย
บอยยิงเข้าประเด็นสำคัญของบทสนทนา
ใช่ เราก็เป็นผู้ชาย คนตรงหน้าตอบมาง่ายๆ อย่างเคย
นั่นสิ เขาเลยเออออตามอย่างง่ายๆ เช่นกัน
แล้วบอยคิดว่าแบงก์รัก... หรือเปล่าล่ะ
เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับที่เราเป็นผู้ชายทั้งคู่ใช่ไหม
มันไม่เกี่ยวกับอะไรทั้งนั้นละ
แล้วความรู้สึกอย่างที่บอยมีนี่ มันจะเรียกว่ารักได้ด้วยหรือ
เขาไม่แน่ใจว่าความรักมันจะถูกสงวนสิทธิไว้เฉพาะกับคู่รักที่มีเพศตรงข้ามกันเท่านั้นหรือเปล่า
ถึงถามไงว่าบอยคิดยังไง
ก็...
เห็นไหม กับตัวเองยังบอกไม่ได้ แล้วจะมาถามแบงก์ทำไม
เหมือนเด็กหนุ่มที่เติบโตมาด้วยกันจะมีอาการแง่งอน ขยับออกห่างนิดหนึ่ง ในระยะที่หันกลับมาประสานสายตาได้อย่างถนัด
แล้วแบงก์ห่วงไหมล่ะ จะรักบอยไหมล่ะ ถ้า...
รักสิ... รักมากด้วย
แบงก์รีบตอบ อาจเพราะเขินจนทำอะไรไม่ถูกก็เป็นได้
เดี๋ยวสิแบงก์ เรายังพูดไม่จบ
บอยพยายามจะอธิบาย ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นสดๆ ร้อนๆ
หรือว่าบอยไม่ได้รู้สึกอะไรเลย... ตลอดมา... ที่เรา...
แบงก์ ฟังกันก่อนไม่ได้หรือไง ที่จริง... ถ้าความรู้สึกที่บอยมีให้กับแบงก์มันเป็นอย่างเดียวกับความรักของคนอื่นทั่วไป บอยก็รักแบงก์หมดหัวใจนั่นละ
คนพูดเองก็เขินหนักเหมือนกัน จนถึงกับต้องหันหน้าไปทางอื่นตอนที่พูดประโยคสุดท้าย
เอาสั้นๆ แบบได้ใจความได้มะ
คนคาดคั้นต่อไป เป็นฝ่ายจับใบหน้าของเขาให้หันกลับมา
บอยทำตาม สองมือโอบที่รอบเอวของคนนั่งข้าง สบสายตาอย่างที่จะให้คนตรงหน้ามองเห็นทะลุลงไปถึงหัวจิตหัวใจ
พูดอีกครั้งสิบอย...
ประกายตาที่ประสานกลับมานี้ สุกใสจนเห็นเงาดวงหน้าของตัวเองปรากฏอยู่ท่ามกลาง เขาแน่ใจว่า คนตรงหน้าก็ต้องเป็นอย่างเดียวกันจากนัยน์ตาของตนเอง
แบงก์ บอยรักแบงก์นะครับ รักมาก...
ไม่รู้ด้วยแรงดึงดูดมหาศาลอะไร ที่ทำให้พอพูดจบ ริมฝีปากของเด็กหนุ่มทั้งสองก็ประกบจุมพิตกันในทันที
ทั้งโลกเหลือเพียงแค่เราสอง ทั้งโลกเบิกบานเป็นสีชมพูสดใส ทั้งโลกราวยินยอมพร้อมใจให้เด็กกำพร้าคู่หนึ่งที่เคยไร้บ้าน ประกาศความรักให้รับรู้แก่กันอย่างดูดดื่มลึกซึ้งถึงที่สุด
ไอ้เด็กเวร!... ไอ้พวกวิตถาร! ออกไป! ออกไปให้พ้นจากบ้านนี้!!!
เป็นป้าจวงที่ยืนจังก้าอยู่ในกรอบประตูใหญ่หน้าเรือน แสงที่ย้อนหลังเข้ามา ทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองมองไม่เห็นว่า สตรีที่มีอำนาจเด็ดขาดในบ้านอุปถัมภ์นี่ มีสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธขึ้นและรังเกียจชิงชังถึงขนาดไหน
ป้าจวงเข้าใจผิด
บอยพยายามอธิบาย
ผิดอะไร ก็เห็นอยู่ตำตา
ฝ่ายนั้นเดินใกล้เข้ามา
ผม... ผมแกล้งไอ้แบงก์มันเล่น
คนที่ถูกหาว่าถูกแกล้งเล่นๆ มองหน้าคนพูดอย่างงงๆ
ไม่ได้ อย่างนี้มันอันตราย จะมาเล่นวิปริตวิตถารอะไรกันอย่างนี้ ว่ายังไงละนายแบงก์ ไอ้เวรนี่มันแกล้งข่มขืนเอาเล่นๆ หรือว่าเราก็รู้เห็นเป็นใจ เป็นบ้าเป็นบอไปกับมันด้วย!
คนถูกถามตัวแข็งทื่อ ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรให้เหมาะ จึงได้แต่นิ่งอยู่อย่างนั่น
ไป! ไปตามพี่เปี่ยมมาชำระความไอ้เจ้านี่
หญิงผู้เป็นใหญ่ในบ้านอุปถัมภ์ออกคำสั่งเฉียบขาด ซึ่งแม้จะอยากให้คนที่ตนรักนักหนาต้องอยู่เชิญหน้ากับนางยักขินีนี้คนเดียว แบงก์ก็ต้องจำยอม
เห็นทีเราจะอยู่ด้วยกันไม่ได้เสียแล้วนะ รู้ไหมว่าเรื่องอย่างนี้ คุณพ่อท่านถือเป็นกฎเข้มงวดเคร่งครัดนักหนา
งั้นก็รอไว้ให้คุณพ่อกลับมาก่อน ผมจะคุยกับท่านเอง
คุณพ่อไปต่างประเทศ และ... เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับจะต้องคุยกับใคร ชั้นให้เวลาครึ่งชั่วโมง เก็บข้าวของซะระหว่างที่ฉันโทรเรียกรถให้มารับ
ป้าจวงเอาจริงหรือ... แค่... เรา... เอ่อ... แค่ผม... แค่ล้อเล่นกันแค่นั้น
หยุดเถอะบอย ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ป้าเห็นตั้งแต่ต้น ที่จริงเห็นตั้งแต่เจ้าแบงก์มันกระวนกระวายเดินพล่านตามหาแกตั้งแต่รุ่งเช้านั่นแล้ว ไม่เสียเถิดบอย ไปคนเดียว หรือจะให้ป้าต้องไล่ให้แบงก์ต้องออกจากบ้านนี้ไปด้วยอีกคน
อย่านะครับป้าจวง... ทั้งหมด... เป็นความผิดของผมเอง
ใช่ ควรจะเป็นอย่างนั้น นั่นละดีที่สุดแล้ว
แต่ผมยังอยากรอ รอให้คุณพ่อกลับมาก่อน
ไม่จำเป็นหรอก คุณพ่อเตรียมการเรื่องนี้ไว้ให้แล้ว อย่าเข้าใจผิดนะ ป้าหมายความว่า ปกติเวลาเด็กในบ้านอายุครบสิบแปดปีเต็ม เราก็จะติดต่อหาที่พักหาที่ทำงานให้ ออกไปทำมาหากินพอเลี้ยงตัวเองให้ได้ ถ้าเขาคิดอยากจะไปจากที่นี่ เพียงแต่... บอยอาจจะต้องออกไปจากบ้านนี้เร็วกว่าคนอื่นๆ ก็แค่นั้น
สรุปว่าผมต้องไปจริงๆ ใช่ไหมครับ
อย่าห่วง ออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ เชื่อป้าเถอะว่าจะง่ายกว่าปล่อยให้อะไรมันยืดเยื้อลุกลามต่อไป
แต่... ผมยังห่วงแบงก์...
ไม่ต้องห่วงป้าจะดูแลให้เป็นอย่างดี
ป้าจวงไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
บอยอยากจะพูดให้ชัดเจนออกไปนักว่า เมื่อคืนเขาเพิ่งถูกคนที่ใครๆ สรรเสริญให้เป็น พ่อพระ มอมเหล้าและข่มเหงร่างกายเขา บางส่วนถึงกับฉีกขาดเจ็บแสบ แต่แล้วเขาก็ต้องล้มเลิกความคิด เมื่อป้าจวงตะคอกกลับมาว่า
ทำไมป้าจะไม่รู้!
ทั้งหมดนั่นคือเหตุการณ์และเรื่องราวในคืนวันสุดท้ายที่บอยได้อยู่ในบ้านอุปถัมภ์หลังใหญ่ริมทะเลอย่างสุขสบาย ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ยังไม่มีสักวันหนึ่งเลยที่เขาจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
การอยู่ตัวคนเดียวในเมืองใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อเป็นคนชนิดที่ไร้ญาติขาดมิตร แต่บอยก็ยังมีความใฝ่ฝัน อยากจะทำงานส่งตัวเองเรียนให้สำเร็จ จบการศึกษาออกมาอย่างคนที่มีทิศทางชีวิตอันมั่นคง
บอยตั้งปณิธานไว้กับตัวเองว่า ถ้าตั้งตัวได้เมื่อไร จะกลับไปรับแบงก์... คนที่เขารักสุดหัวใจ ให้มาอยู่ด้วยกัน
ในวันนี้... แม้จะล่วงเลยเวลามาแล้วถึงห้าปี บอยก็ยังไม่ละทิ้งความมุ่งมั่น ยังใช้ความคิดฝันอันนั้นเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงความพยายาม ให้ตนเองพยายาม และพยายามต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ เพื่อเขาคนเดียว คนเดียวที่บอยประกาศได้แน่ชัดกับใจตัวเองได้ว่า... เขาคนนั้น แบงก์... คือคนแรกและคนเดียวที่ตนจะทุ่มเทความรักให้จนหมดหัวใจ...
...............................
ฝากเนื้อฝากตัวด้วยคร้าบบบบบบบบบบบบ
แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 55 22:22:21
แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 55 22:15:16
แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 55 22:13:21
จากคุณ |
:
เรดไวน์
|
เขียนเมื่อ |
:
17 ก.พ. 55 22:12:28
|
|
|
|