เมืองมายา มนตราอลเวง บทที่ 5
|
 |
บทที่ 5 รัชทายาทผู้มีหัวใจของเด็กกับพ่อมดในเปลวเพลิง
ม่านแห่งรัตติกาลคลี่ตัวลงครอบคลุมผืนฟ้าเปลี่ยนนภาสีแดงจนมืดมิดโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน ภายใต้ชายคาซึ่งบดบังดวงดาราอันพร่างพราย หนึ่งหญิงและหนึ่งชายเดินตามกันไปอย่างเงียบงันราวกับเป็นแค่สายลมที่พัดผ่านทางเดินเพียงวูบเดียวเท่านั้น
หากไม่รู้มาก่อนว่าคาอิลเดินตามอยู่ข้างหลัง สการ์เล็ตคงนึกว่าตัวเองอยู่เพียงลำพังหรือไม่ก็กับวิญญาณเสียอีก
คนอะไรเดินเร็วแล้วยังเงียบกริบอย่างกับนักย่องเบา...
ยามคาอิลเอ่ยปากนางรู้สึกว่าเขาช่างน่ารำคาญและน่าโมโห แต่พอเงียบขึ้นมากลับทำให้บรรยากาศน่าอึดอัดเหลือทน
เจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียย่นคิ้วเมื่อเดินเลี้ยวมาถึงเส้นทางสายหนึ่งในปราสาท หากเป็นไปได้ต่อจากนี้นางอยากใช้เวลาอยู่เพียงลำพังมากกว่าจะมีองครักษ์กำมะลอคอยติดตาม
คิดดังนั้นจึงหยุดเดินแล้วหันไปทางพ่อมดก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความรำคาญ
“ไหนว่าไม่ต้องอยู่กับข้าก็สามารถคุ้มครองได้ยังไงล่ะ”
“ ข้าแค่บอกว่าถึงอยู่ห่างกันบ้างก็สามารถคุ้มครองได้ต่างหากล่ะครับ” คาอิลตอบพลางยกยิ้มมุมปาก “แต่ถ้าจะให้ดีที่สุด อยู่ใกล้กันไว้ตลอดเวลาจะคุ้มครองง่ายกว่าใช่ไหมล่ะครับ”
“เจ้ากลับไปได้แล้ว วันนี้พอแล้วล่ะ”
“ข้ายังไม่เหนื่อยเลยครับ”
“ตอนนี้ข้าอยากอยู่คนเดียว”
สการ์เล็ตพูดตามตรงหลังจากที่วิธีอ้อมค้อมไม่ได้ผล และยังคงไม่ได้ผลอยู่เช่นเดิมเมื่อพ่อมดยิ้มตอบ
“แต่ข้ายังไม่อยากอยู่คนเดียวนี่นา”
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบ่ายหน้ากลับไปเดินทางเดิม
เอาสิ...อย่างไรก็ปิดบังไม่ได้ตลอดไป ถึงให้พบกันตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก...กระมัง
เจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์เดินนำพ่อมดจอมกวนประสาทไปตามทางที่ทอดยาวสู่หอคอยซึ่งแยกตัวออกจากปราสาท มีทหารยามเฝ้าอยู่เป็นระยะ ทุกครั้งที่พวกเขาเห็นคาอิลเป็นต้องจ้องมองอย่างระแวดระวังและเข้าขวางมิให้ผ่านทางต่อไปจนสการ์เล็ตต้องคอยอธิบายว่าเขาคือผู้ติดตามของนาง
ร่างระหงหยุดยืนที่หน้าประตูห้องชั้นบนสุดของหอคอยแล้วหันไปมองคาอิลอย่างชั่งใจ ดวงตาสีทับทิมทอประกายเศร้าหมองขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะผลักบานประตูให้เปิดออก
ภายในห้องนั้นตกแต่งอย่างหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นผ้าม่าน โซฟาและเตียงซึ่งตั้งอยู่ตรงกลางห้องล้วนดูออกได้ในปราดเดียวว่าผ่านการคัดสรรค์แต่ของดีมีราคาแพงลิบลิ่วเกินกว่าคนธรรมดาจะมีปัญญาหามาประดับบารมีได้ ทว่าบนพื้นกลับมีแต่ของเล่นสำหรับเด็กวางเกลื่อนกลาดเต็มไปหมด
สาวใช้ซึ่งมีเส้นผมสีดำยาวสลวยตวัดดวงตาสีนิลมามองทั้งสองอย่างตกใจแล้วโอบกอดบุรุษร่างใหญ่เอาไว้อย่างปกป้อง มองแล้วก็ให้นึกถึงภาพแม่แมวสาวกำลังปกป้องลูกสุนัขหนุ่มอย่างไรอย่างนั้น และแม่แมวดำตัวนั้นก็กำลังจ้องคาอิลอย่างหวาดระแวงก่อนจะทำสายตาราวกับอยากถามสการ์เล็ตว่าเขาเป็นใคร
“เขาเป็นผู้คุ้มครองของข้าเอง ไม่ต้องระวังก็ได้” สการ์เล็ตบอกพร้อมกับเดินเข้าไปหาบุรุษร่างใหญ่ซึ่งหันมามองนางแล้วโผเข้ากอดทันที
“นึกว่าจะไม่มาหาอีกแล้ว ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน พี่สาว”
“งานของข้ายุ่งมากไปหน่อยเท่านั้น” สการ์เล็ตพูดพร้อมกับลูบศีรษะคนตัวสูงกว่าอย่างอ่อนโยน “ให้ช้าอย่างไรก็ต้องมาหาอยู่แล้ว ข้าไม่มีทางทิ้งท่านได้หรอก”
คาอิลเลิกคิ้วเมื่อเห็นว่าบุรุษผู้นั้นน่าจะมีอายุมากกว่าคนที่ตนเรียกว่าพี่สาวเสียอีก ใบหน้าคมคายมีส่วนคล้ายคลึงกับสการ์เล็ตอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นดวงตาสีทับทิม จมูกเป็นสัน กระทั่งผมยาวหยักศกสีน้ำตาลทองซึ่งถูกรวบผูกโบว์ไว้ที่ด้านหลัง
“ถึงไม่ต้องบอกเจ้าก็คงรู้แล้วสินะ” สการ์เล็ตสบสายตาของพ่อมดแล้วพยักหน้า “นี่แหละพี่ชายของข้า รัชทายาทซึ่งมีข่าวว่าป่วยด้วยโรคที่ยังมิอาจมีใครรักษาหาย”
รัชทายาทอัลเบิร์กหันไปมองคนที่กำลังคุยกับพี่สาวของเขาด้วยความสนใจ เมื่อเห็นหน้าคาอิลแล้วเขาก็โดดเข้าใส่โดยแรง ร่างอันสูงใหญ่ซึ่งโถมน้ำหนักใส่พ่อมดโดยที่เขาไม่ได้ระวังตัวทำให้คนทั้งคู่ล้มลงไปพร้อมกัน คาอิลจ้องอีกฝ่ายซึ่งกดทับอยู่บนตัวเขาจนลุกไม่ขึ้นด้วยสายตาตกตะลึงเพราะคาดไม่ถึงว่าผู้ชายตัวโต ๆ จะมาเล่นอะไรอย่างนี้
“ข้าชอบเจ้า มาเล่นกันเถอะพี่ชาย”
ดวงตาใสแป๋วจ้องมองพ่อมดอย่างไร้เดียงสา ผู้ใช้อาคมจึงยิ้มแล้วพูดด้วยเสียงอ่อนโยน
“เล่นก็ได้ แต่ถ้าเจ้าทับข้าอยู่อย่างนี้เห็นทีข้าคงเล่นด้วยไม่ไหวแน่ ๆ “
อัลเบิร์กยอมลงจากร่างพ่อมดอย่างว่าง่ายแล้วนั่งคุกเข่ารอเขาด้วยดวงตาวาววาม คาอิลลุกขึ้นก่อนมองไปรอบข้าง เขายิ้มออกมาแล้วจึงหยิบตุ๊กตาผ้ารูปเด็กชายตัวหนึ่งมาร่ายคาถาใส่ ไม่นานมันก็เริ่มกระดุกกระดิกเขาจึงปล่อยให้ตุ๊กตาไปกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้าองค์รัชทายาท
อัลเบิร์กจ้องมันด้วยสายตาตื่นเต้นและพยายามจะคว้าจับเอาไว้ แต่เจ้าตุ๊กตาก็กระโดดหลบแล้ววิ่งหนีไปรอบ ๆ ห้องโดยมีเจ้าชายกึ่งวิ่งกึ่งคลานตามไปอย่างสนุกสนาน
หากมองในสายตาผู้อื่นแล้ว การที่บุรุษหนุ่มรูปงามร่างสูงใหญ่มาวิ่งเล่นไล่ตามตุ๊กตาตัวเล็ก ๆ อาจเป็นภาพที่น่ามองและน่าขันในคราวเดียวกัน แต่สำหรับสการ์เล็ตแล้วมันเป็นภาพที่น่าสังเวชใจยิ่งนัก พี่ชายของนางเคยสง่างามและน่าเกรงขามยิ่งกว่าใคร
ทว่าเจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียก็ยังยิ้มได้เมื่อเห็นว่าอย่างน้อยพี่ชายก็มีความสุข นางหันไปมองทางพ่อมดบ้างแล้วก็ต้องรู้สึกแปลกใจ
ผ้าคลุมศีรษะของคาอิลเลื่อนหลุดลงไปกองที่ไหล่ จึงได้เห็นว่ามีสีดำแทรกแซมอยู่บริเวณโคนผมขาวยาวประมาณครึ่งนิ้ว
“ข้าก็นึกอยู่ว่าทำไมเจ้าจึงมีสีผมที่แปลกนัก ที่แท้ผมหงอกเองหรอกหรือ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะ”
ผ้าคลุมศีรษะถูกดึงขึ้นเข้าที่ก่อนเจ้าหญิงจะทันได้แตะ พ่อมดเสมองไปทางเจ้าชายแล้วเอ่ยถาม
“องค์รัชทายาทเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับ”
คาอิลเปลี่ยนเรื่องด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สการ์เล็ตจึงตระหนักว่ามันอาจเป็นสิ่งที่ไม่ควรไปแตะต้อง เจ้าหญิงไตร่ตรองแล้วคิดว่านั่นอาจเป็นจุดอ่อนหนึ่งของเขา ถ้าเช่นนั้นเอาไว้นางต้องหาโอกาสเลียบเลียงเคียงหลอกถามมาให้ได้ เผื่อจะใช้เป็นข้อต่อรองสำหรับการปลดสถานะทาสของตน
“พี่ข้ากลายเป็นแบบนี้เมื่อราวหนึ่งปีก่อน อยู่มาวันหนึ่งเขาก็สูญเสียความทรงจำไปอย่างกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุและกลายเป็นคนที่มีหัวใจของเด็กไป พวกเราไม่ได้เผยแพร่เรื่องนี้ออกไปให้ใครรู้เพราะหวังว่าสักวันหนึ่งเขาอาจกลับมาเป็นคนเดิมได้ในไม่ช้า แต่แม้จะสรรหาแพทย์ฝีมือดีหรือมีชื่อเสียงว่าเป็นหมอเทวดาก็ไม่มีใครรักษาได้ ครั้งหนึ่งที่เคยคิดว่ารัชทายาทอาจถูกมนต์ดำ เราก็เชิญผู้ใช้อาคมมาตรวจสอบ แต่ก็ได้รับเพียงคำตอบว่าไม่พบกระแสแห่งเวทมนตร์ใดจากตัวเขา เราลองกันมาหลายวิธีจนตอนนี้ทุกคนเริ่มถอดใจแล้ว”
สการ์เล็ตเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเศร้าและเงียบลงเมื่อรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ในลำคอจนมิอาจเปล่งเสียง แต่เพียงครู่หนึ่งนางก็เบิกตากว้างเมื่อนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ ร่างระหงปราดไปยืนตรงหน้าคาอิลแล้วจ้องตาพ่อมดอย่างคาดหวัง
“ผู้ใช้เวทมนตร์ล้วนแต่เป็นผู้รอบรู้ เจ้าเป็นพ่อมดที่น่าจะเก่งกาจมากมิใช่หรือ จะช่วยพี่ชายของข้าได้ไหม”
“แล้วท่านยังมีอะไรตอบแทนให้ข้าล่ะ”
เพียง ประโยคนั้นก็ทำให้เจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียถึงกับชะงัก สการ์เล็ตพอจะรู้ว่าคาอิลไม่น่าจะเป็นคนประเภทที่ลุ่มหลงในชื่อเสียงหรือเงินทอง และเขาก็พูดอยู่เสมอว่านางไม่ได้มีค่าอะไรมากไปกว่าการเป็นแค่ของเล่นฆ่าเวลาแก้หน่าย สิ่งที่เขาต้องการน่าจะเป็นอะไรที่ไม่อาจหามาหรือยอมให้กันได้อย่างง่ายดายนัก
ถ้าหากมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะช่วยอัลเบิร์กได้ ไม่ว่าอะไรก็จะทำ นางไม่อยากรู้สึกเสียใจที่ช่วยคนสำคัญไม่ได้อย่างในอดีตอีกต่อไปแล้ว
“ข้าไม่มีอะไรจะให้ แต่ถ้าเจ้าต้องการ...ต่อให้ต้องตายข้าก็จะหามาให้ได้”
คาอิลมองดวงตาสีทับทิมที่สั่นระริกและมีอัสสุชลบาง ๆ คลอหน่วยแล้วก็ถอนหายใจ
“ข้าเป็นพ่อมดนะครับ ไม่ใช่ผู้วิเศษ ถ้าเก่งไปเสียหมดทุกอย่างคนอื่นก็ไม่มีงานทำกันพอดี”
ผู้ใช้มนตราย่อตัวลงนั่งแล้วใช้ตุ๊กตาหลอกล่อให้อัลเบิร์กเข้ามาหา เขาพูดกับสการ์เล็ตโดยที่คอยสังเกตเจ้าชายผู้มีหัวใจของเด็กไปด้วย
“แต่ข้าจะลองดูก็แล้วกัน แล้วท่านก็ช่วยเตรียมตัวรับคำเรียกร้องของข้าด้วยนะครับ”
พ่อมดหนุ่มขยับแว่นลงแล้วจ้องมองเจ้าชายรัชทายาทอย่างพิจารณา เขาหลับตาแล้วแตะฝ่ามือลงบนอกของอีกฝ่ายก่อนแผ่ขยายอาคมตรวจสอบออกไปทั่วร่าง ความเงียบงันเข้าปกคลุมรอบบริเวณเหมือนทุกสิ่งอย่างหยุดนิ่งเป็นเวลาอันเนิ่นนานหากแท้จริงสั้นเพียงแค่ชั่วอึดใจ
แม้มันจะเบาบางมาก...แต่ก็พอรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปรกติ
ดวงตาของพ่อมดหนุ่มหรี่ปรือ เขาโคลงศีรษะและมุ่นคิ้วอย่างใช้ความคิด หากชั่วขณะหนึ่งยังทันสังเกตเห็นว่าผู้ดูแลเจ้าชายกำลังจ้องการกระทำของเขาเขม็งและมีแววหวาดระแวงสะท้อนอยู่ในดวงตาสีนิล คาอิลจึงส่งยิ้มให้นางแต่ก็ถูกสะบัดหน้าหนีในทันที เขาหรี่ตาลงแววบางอย่างสะท้อนเป็นประกายอยู่หลังกรอบแว่นหนา เสียงหัวเราะดังเพียงแผ่วในลำคอก่อนจะหันไปพูดกับสการ์เล็ต
“คืนนี้ดึกมากแล้ว เรากลับกันเถอะครับ”
“เอ๊ะ! แต่ข้ายังไม่...”
“กลับได้แล้วครับ วันนี้ท่านเหนื่อยมากไม่ใช่หรือ” คาอิลกล่าวเสียงหนักตัดบทและส่งสายตาเชิงบังคับให้ทำตามคำสั่ง สการ์เล็ตจึงต้องยอมทำตามอย่างเสียมิได้
“ข้าต้องกลับแล้ว อย่าเป็นเด็กดื้อล่ะ” สการ์เล็ตบอกกับรัชทายาทพร้อมกับลูบศีรษะของเขาเบา ๆ เมื่อเห็นว่าเด็กโข่งขี้อ้อนกำลังส่งสายตาเว้าวอนมิให้กลับ นางละมือจากอัลเบิร์กแล้วหันไปกล่าวกับสาวใช้ที่เข้ามารับช่วงปลอบคนขี้น้อยใจแทน
“ฝากพี่ของข้าด้วยนะ”
คิ้วเรียวงามขมวดมุ่นขณะก้าวตามให้ทันร่างสูงซึ่งเดินทอดน่องอย่างสบายอกสบายใจโดยไม่รอนางอย่างที่องครักษ์ควรจะทำ
“เจ้าละเมิดความเป็นส่วนตัวของข้าเกินไปแล้วนะ จะให้ข้ารีบกลับตามเจ้าออกมาทำไมกัน” สการ์เล็ตพูดอย่างไม่พอใจ และยิ่งไม่พอใจขึ้นไปอีกเมื่อได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย
“ข้าเห็นว่าท่านทำงานเหนื่อยกายและเหนื่อยใจกับเจ้าชายแห่งเฮย์เดนมาทั้งวัน เลยอยากให้รีบพัก พรุ่งนี้จะได้ไม่ตื่นสาย ไม่ดีหรือครับ” คาอิลยิ้มก่อนหรี่ตาลง “ที่สำคัญข้าเหนื่อย...อยากพักแล้วล่ะ”
หากความร้อนในอารมณ์แปรเปลี่ยนเลือดในกายให้เป็นไอเดือดได้ คงจะเห็นว่ามีควันพุ่งออกมาจากหูของเจ้าหญิงองค์โตแห่งเรสทอเรียเป็นแน่แท้
“เจ้าคนเอาแต่ใจ คิดอยากบังคับให้คนอื่นทำอะไรก็ทำได้อย่างนั้นหรือ” สการ์เล็ตคำรามอย่างโกรธเคือง คาอิลมองดวงเนตรสีทับทิมซึ่งทอประกายกร้าวแล้วขยับยิ้มมุมปาก
“ข้าก็เป็นอย่างนี้แหละ ท่านจะรับได้หรือไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องใส่ใจ ดังนั้นช่วยกรุณาทำตัวให้ชินและทำตามสิ่งที่ข้าต้องการอย่างไม่กังขาเสียด้วย เข้าใจไหมครับ...ท่านเจ้าหญิง”
พ่อมดหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอันร้อนผ่าว เจ้าหญิงมองเรียวปากหยักงามซึ่งอยู่ห่างออกไปแค่ปลายนิ้วแล้วรีบหลับตาลงด้วยความตระหนก วรกายบอบบางแข็งทื่อขึ้นมาโดยพลันจึงคิดหาทางหลบไม่ออก ในใจนึกไปล่วงหน้าว่าอาจจะถูกล่วงเกินอะไรอีกแล้ว
“ข้าจะกลับแล้ว ท่านพักผ่อนให้สบายเถอะ ขอรับรองว่าคืนนี้จะไม่มีภยันตรายใดไปแผ้วพานท่านได้อย่างแน่นอน”
สิ้นคำกล่าวของคาอิล สการ์เล็ตก็ไม่รู้สึกถึงสัมผัสหรือการเคลื่อนไหวอันใดอีก นางจึงลืมตาขึ้นมอง
เบื้องหน้ามีเพียงห้วงอากาศอันว่างเปล่าและมืดสลัว ไม่มีร่างของพ่อมดหนุ่มหรือใครอยู่ในบริเวณนั้น เจ้าหญิงแห่งเรสทอเรียขมวดขนงจนม้วนมุ่น นางไม่เข้าใจในตัวพ่อมดผู้นี้เอาเสียเลย
คาอิลเป็นผู้ใช้มนตราที่โหดเหี้ยมน่ากลัวอย่างแน่นอนดังที่ได้ประสบพบเห็นมากับตา หลายคราที่คิดว่าเขาเอาแต่ใจเหมือนเด็ก ยียวนจนน่ารำคาญ ทั้งยังเห็นแก่ตัว ฉวยโอกาสและจิตทรามเป็นอย่างยิ่ง
หากนางก็ยังเห็นว่าเขาพอจะมีส่วนดีอยู่บ้าง จึงคาดว่าคาอิลอาจอ่อนโยนและมีน้ำใจมากกว่าที่คิด
ทว่าสุดท้ายแล้วพ่อมดผู้นี้ก็ยังแสดงแต่ความร้ายกาจออกมาให้เห็น หากไม่ใช่แสร้งทำให้คนอื่นเห็นว่าตนเองเลว ก็คงนิสัยเสียจนฝังรากลึกอย่างแท้จริง
*/*/*/*/*
ภายในอาณาเขตส่วนพระองค์ของเจ้าชายรัชทายาทซึ่งมีความกว้างเพียงห้องหนึ่งบนหอคอย สาวใช้นามฮิลดราเลียกำลังเล่าขานนิทานปรัมปราให้ผู้ใหญ่ซึ่งมีหัวใจของเด็กฟัง ระหว่างที่เขานอนเอกเขนกหนุนตักของนาง
“ได้เวลานอนแล้ว เจ้าชายน้อยของข้า” ฮิลดราเลียกล่าวหลังจากเล่ามาถึงตอนจบของนิทาน นางลูบไล้ดวงพักตร์งดงามอย่างอ่อนหวานแล้วค่อย ๆ ยกศีรษะอีกฝ่ายให้ลุกนั่ง
“สัญญาแล้วนะคะ ว่าถ้าเล่านิทานให้ฟังแล้วจะยอมดื่มยาดี ๆ “
ผู้ดูแลองค์รัชทายาทหยิบขวดแก้วสีทึมทึบใบเล็กที่ซ่อนเอาไว้ในกระโปรงออกมายื่นส่งให้เจ้าชายอัลเบิร์ก เขามองของในมือนางแล้วเบะปากจนฮิลดราเลียย่นคิ้วและทำสายตาดุ
“จะผิดสัญญาหรือคะ ถ้าผิดสัญญาข้าจะไม่ทำเรื่องอะไรสนุก ๆ กับท่านอีกแล้วนะคะ”
“ถ้าข้าเป็นคนดื่มของในขวดใบนั้น แล้วจะมาทำเรื่องสนุกกับข้าแทนได้ไหมล่ะ”
เสียงทุ้มเอ่ยอย่างนุ่มนวลหากแต่ทำให้ฮิลดราลียตกใจจนแทบทำขวดแก้วหลุดจากมือ นางหันขวับไปยังที่มาของเสียงซึ่งอยู่ในเงามืดของผ้าม่านริมระเบียง ร่างสูงในชุดคลุมสีดำก้าวย่างอย่างช้า ๆ เข้ามาหาสาวใช้ และหยิบขวดแก้วในมือไประหว่างที่นางมัวแต่ตกตะลึง
“พี่ชาย มาเล่นกับข้าอีกหรือ”
อัลเบิร์กร้องอย่างดีใจและทำท่าจะโผเข้าใส่คาอิล แต่พ่อมดหนุ่มกลับกางมือไปตรงหน้าเจ้าชายทำให้เขาชะงักกึกทันทีก่อนจะถูกยันจนหงายหลัง
“เจ้ากำลังง่วง...รีบไปนอนเสียเถอะเด็กดี”
คาอิลยกยิ้มอย่างพอใจที่เห็นว่าอัลเบิร์กค่อย ๆ หรี่ตาลงอย่างง่วงงุนและอ้าโอษฐ์หาว เขาเดินโงนเงนกลับไปที่เตียงอย่างว่าง่ายแล้วมุดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มก่อนจะหลับลงในเวลาเพียงชั่วอึดใจ เมื่อเห็นว่าเจ้าชายบรรทมสนิทแล้วพ่อมดหนุ่มแว่นจึงหันไปส่งยิ้มให้กับผู้ดูแลองค์รัชทายาทพร้อมกับเปิดฝาขวดยา
“ข้าจะดื่มแล้วนะ”
คาอิลกรอกของเหลวในขวดแก้วเข้าปากรวดเดียวหมดแล้วโยนขวดยาทิ้งไปอีกทาง เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากก่อนกล่าว
“เอาละ ตัวเกะกะก็ไม่มีแล้ว คราวนี้เรามาเล่นสนุกกันดีกว่า”
โดยไม่ทันคาดคิด ฮิลดราเลียซึ่งมัวแต่ตะลึงงันทำอะไรไม่ถูกก็โดนรวบร่างเข้าไปประกบปาก ของเหลวบางอย่างที่น่าจะถูกอีกฝ่ายกลืนไปแล้วกลับไหลลงสู่ลำคอของนาง เมื่อนึกได้ว่าตนกำลังกลืนอะไรสาวใช้ผมดำถึงกับเบิกตากว้างแล้วรีบผลักไสพ่อมดหนุ่มออกไป
“ไม่จริง! ข้าดื่มมันไปแล้ว”
ฮิลดราเลียพึมพำพลางจับลำคอตัวเองด้วยมืออันสั่นเทา หญิงสาวตวัดสายตามองบุรุษซึ่งยืนส่งยิ้มมาให้นางอย่างน่ากลัว
“สนุกแล้วใช่ไหมล่ะ”
สาวใช้ของเจ้าชายเซถอยหลังอย่างหมดแรงเมื่อนึกถึงความเร็วในการออกฤทธิ์ของยา นางไม่มีเวลามาซักไซ้คาดคั้นชายผู้นี้แล้วว่าเพราะเหตุใด
ฮิลดราเลียมองคาอิลอย่างโกรธแค้นก่อนจะตะลีตะลานออกไปจากห้องบนหอคอย นางสาวเท้าอย่างรวดเร็วผ่านทหารยามซึ่งยืนเฝ้าตามทางเข้าออกของปราสาทโดยไม่สนใจต่อคำที่คนเหล่านั้นเอ่ยถามว่าจะไปไหน
บนถนนหนทางที่มืดและเปลี่ยวปลอดผู้คน สาวใช้ยังไม่ลืมเหลียวมองรอบกายว่ามีใครแอบตามมาบ้างหรือเปล่าแม้จะรีบมากก็ตาม นางถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่เห็นเงาของพ่อมดคาอิลซึ่งคิดว่าน่าจะตามมาเสียอีก
คฤหาสน์เก่าคร่ำหลังเล็กซึ่งซ่อนตัวอยู่ในหมู่แมกไม้และห่างไกลจากแหล่งชุมชน ฮิลดราเลียตรงดิ่งไปหยุดยืนเคาะที่หน้าประตู เพียงชั่วครู่ประตูนั้นก็เปิดออกเองโดยไม่มีเงาร่างของคนที่มาปลดกลอนประตูให้ หากสาวใช้ก็ไม่ได้มีทีท่าแปลกใจอะไร นางยังคงก้าวเท้าอย่างรวดเร็วตรงเข้าไปยังห้องที่น่าจะมีบุคคลที่ต้องการพบอยู่ในนั้น
ประตูที่เปิดออกอย่างพรวดพราดโดยไม่มีคนเคาะเรียกสีหน้าไม่พอใจจากคนที่นั่งไขว้ขาอยู่บนเก้าอี้บุนวมหนัง หากฮิลดราเลียกลับไม่ได้ใส่ใจถึงเพียงนั้น นางตรงเข้าไปทรุดคุกเข่าแล้วก้มศีรษะจนแทบจะโขกกับพื้นเพื่อขอร้องเขาอย่าง ร้อนรน
“ท่านพ่อมด กรุณาให้ยาถอนพิษแก่ข้าด้วยเถอะ”
บุรุษชุดดำซึ่งแต่งกายอย่างสง่างามราวกับท่านชายผู้สูงศักดิ์มากกว่าพ่อมดเอียงคอพลางกระตุกยิ้ม
“นึกอยากให้องค์รัชทายาทที่รักกลับมาเป็นคนปรกติแล้วหรือไง” พ่อมดเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เขาโน้มตัวไปข้างหน้าแล้วใช้มือข้างหนึ่งเชยคางหญิงสาวให้เงยขึ้น
“หรือว่าเจ้าเผลอดื่มยานั่นเข้าไปเองกันล่ะ”
ฮิดราเลียไม่ได้ตอบ หากสีหน้าและแววตาของนางก็บ่งบอกชัด
คิ้วเรียวหนากระตุกเล็กน้อยก่อนที่พ่อมดจะปล่อยมือจากคางสาวใช้ เขาลุกขึ้นเดินไปยืนอยู่ริมหน้าต่างแล้วแง้มม่านออกเพียงพอให้มองเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูคฤหาสน์อย่างชัดถนัดตา เรียวปากบางกระตุกยิ้มเหี้ยม
“ดูสิว่าเจ้าพาใครมา แม่สาวใช้คนงาม”
ราวกับมีสายฟ้าแล่นปราดผ่านม่านอากาศยามที่พ่อมดหนุ่มแว่นเอื้อมมือไปสัมผัสประตูจนทำให้มือของเขาถึงกับเกิดอาการชา คาอิลยกมือซึ่งกำลังสั่นระริกเพราะถูกอาคมกั้นเขตแดนขึ้นมองพลางมุ่นคิ้ว
ดูเหมือนมนตราที่ใช้กับเจ้าหญิงจะทำให้เขาต้องสูญเสียพลังเวทมนตร์ไปกว่าที่คิดเอาไว้มาก มิเช่นนั้นด้วยอาคมระดับนี้คงไม่ระคายมือเขา
เมื่อเป็นเช่นนี้หากต้องลงมือต่อกรกับเจ้าของเขตแดนนี่อาจจะตึงมือเสียแล้ว
เรียวปากหยักงามพลันกระตุกยิ้มเมื่อคิดว่าเรื่องแค่นี้ไม่ทำให้เขากลัวจนหดหัวถอยกลับไปได้หรอก
บุรุษที่ยืนอยู่หลังม่านภายในคฤหาสน์เองก็คิดเช่นกัน เขาหัวเราะกับตัวเองอย่างชอบใจ หากแต่ในสายตาสาวใช้กลับเห็นเป็นเสียงหัวเราะที่น่ากลัวและสยดสยองอย่างยิ่ง
“ไม่คิดว่าจะมาเจอกันในที่แบบนี้ ข้าก็อยากพบเจ้าอยู่หรอกนะ แต่นายจ้างของข้าคงไม่ชอบใจนักที่ใครจะมาเจอตัวข้าในเวลานี้”
จอม เวทในชุดดำหมุนตัวอย่างรวดเร็วราวกับพายุ พริบตาเดียวก็มายืนอยู่ตรงหน้าฮิลดราเลียและใช้มือเพียงข้างเดียวกำรอบลำคอบอบบางก่อนจะยกขึ้นจนร่างของหญิงสาวลอยขึ้นเหนือพื้น
เขาจ้องมองใบหน้าหวานบิดเบี้ยวด้วยความทรมานเพราะขาดอากาศหายใจแล้วยิ้มออกมา
“เอาเป็นว่าฝากบอกเจ้านั่นหน่อยก็แล้วกัน ว่าข้าไม่มียาถอนพิษให้เจ้าหรือใครทั้งนั้น ถ้าอยากช่วยใครล่ะก็ ให้หาทางเอาเองเถอะ”
เปลวไฟก่อตัวขึ้นจากมวลอากาศอันว่างแปล่า มันหมุนวนอย่างรุนแรงรอบตัวพ่อมดและสาวใช้ก่อนจะแผ่พุ่งออกไปรอบด้าน แรงอัดอากาศทำลายคฤหาสน์จนพินาศทั้งหลังภายในพริบตา หากคาอิลไม่ได้สร้างเกราะป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อนอย่างทันท่วงทีก็อาจได้รับบาดเจ็บจนสาหัสไปแล้ว
ดวงหน้าขาวคมใต้ผ้าคลุมสีดำเงยขึ้นมองเงาร่างหนึ่งซึ่งกำลังพุ่งตรงเข้ามา เขาใช้เวทมนตร์รับร่างนั้นและพยุงไว้ในอ้อมแขนเมื่อเห็นว่าเป็นสาวใช้ของเจ้าชายซึ่งสลบสไลไม่ได้สติ ครั้นพอเงยขึ้นมองอีกครั้งก็เห็นอีกเงาร่างหนึ่งกำลังนั่งไขว้ขาอยู่บนอากาศท่ามกลางเพลิงกาฬอันร้อนแรงพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะแผ่วต่ำก่อนที่จะหายไป
ดวงตาสีน้ำเงินซึ่งเคยฉายแววขี้เล่นอารมณ์ดีบัดนี้กลับหรี่ลงอย่างเคร่งเครียดพร้อมกับพึมพำคำหนึ่งออกมา
“ดีรอส...”
จากคุณ |
:
AMA-chun
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ก.พ. 55 02:15:50
|
|
|
|