ประตูแห่งชีวิต
“ฉันทนสภาพแบบนี้ไม่ไหวแล้ว อยู่กับแกก็มีแต่เรื่องไม่เว้นแต่ละวัน แค่ค่าน้ำค่าไฟยังไม่ปัญญาจ่าย เราสองคนไม่เหมาะสมกันหรอกนะ” หญิงสาวพร่ำด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพลางกวาดเสื้อผ้าของตัวเองลงกระเป๋า ผู้เป็นสามีจึงเข้ามายื้อแย่งแกมอ้อนวอนอีกครั้งหนึ่ง
“อย่าไปเลย เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นนะ”
“ปล่อยนะ รำคาญ แล้วฉันก็จะไม่มาเหยียบรังหนูสกปรกอีกแล้ว ฉันอาย” เด็กหญิงตัวจ้อยกอดตุ๊กตาหมีมองดูพ่อแม่โต้เถียงกัน ใบหน้าอ่อนเยาว์หัวเราะพลางเอียงคอด้วยคิดว่าผู้ใหญ่กำลังเล่นสนุก แม้กระทั่งตอนที่พ่อขว้างปารูปวันแต่งงานแสนหวานชื่น เด็กน้อยก็ปรบมือแล้ววิ่งไปเก็บมาให้
“ทำไมเธอถึงพูดแบบนี้ล่ะ เป็นแม่ประสาอะไร ไม่คิดถึงลูกบ้างเลยเหรอ ผ่านมาตั้งนานแล้ว เธอเพิ่งจะคิดได้ว่าเราไม่เหมาะกัน ความรู้สึกช้าไปหรือเปล่านังบ้า คิดไปมีคนใหม่ก็บอกมาเถอะ จะไปตายที่ไหนก็ไปเลย”
“ฉันแค่เอาแกเล่น ๆ แต่ดันท้อง ถ้ารักกันก็ปล่อยให้ฉันได้ดีเหอะ ฉันยกนังหนูให้ เอาไปเลย”
“นังหนูต้องการเธอนะ แล้วผมจะอยู่ได้ยังไง!”
เสียงประตูปิดโครม เขามองผ่านหน้าต่างก็เห็นคนรักวิ่งโผขึ้นรถเก๋งจากไป ถึงจะพบรักกันไม่นานและเผลอไผลในชั่วข้ามคืน แต่เขาก็รับผิดชอบทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ความเงียบคืบคลานเข้ามาสู่บ้านเช่ากลางเมืองใหญ่ สายลมฤดูหนาวพัดพาเศษใบไม้แห้งร่วงเกรียวกราวเต็มลาน เจ้าตัวน้อยของพ่อไม่รู้จักความเจ็บปวด แต่มือป้อม ๆ ก็แบ่งนมที่เหลือครึ่งขวดให้
เพียงมีกำลังใจจากลูกน้อย เขาก็พยายามยืนหยัดตัวเองขึ้นใหม่จากกองเหล้า แม้มีเพื่อนสมัยแก๊งค์ซิ่งมาชวนเที่ยวก็ปฎิเสธ แต่ใช้พลกำลังและความมุ่งมั่นทั้งหมด หางานทำให้พอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องสองชีวิตจงได้
“คุณวุฒิของคุณน่าสนใจมาก ถึงจะจบช้าแต่เรียนได้คะแนนสูงทีเดียว มัวแต่เที่ยวเล่นอยู่ล่ะสิ”
“ก็ไม่เชิงครับ ผมเรียกว่าเป็นประสบการณ์ชีวิต ผมเพิ่งรับปริญญาเมื่อเร็ว ๆ นี้ จึงมั่นใจว่าจะสามารถทำประโยชน์ให้ตรงตามที่บริษัทของคุณต้องการแน่นอน”
“เอ่อ... ตอนนี้ตำแหน่งงานที่ว่างเหลือแค่สำหรับวุฒิอาชีวะ ถ้าคุณสนใจ ผมให้เงินเดือนคุณได้แค่เจ็ดพัน โอทีต่างหาก ไหวมั้ย”
เงินเดือนหลักพัน ทำงานเหงื่อโซมกายกลางแจ้งและไม่ตรงตามที่เรียนจบมาทำให้อีกฝ่ายคิดหนัก เพราะค่าเช่าบ้านก็กินไปครึ่งหนึ่งแล้ว ไม่นับรวมค่าน้ำมันเดินทางกับค่ากินอยู่ น่าขำที่รัฐบาลของประเทศสารขัณฑ์มัวแต่หงุดหงิดอยู่กับเรื่องยุบไม่ยุบสภา วันดีคืนดีก็อยากจะจุดธูปให้ท่านทั้งหลายหันมองดูหน่อยว่าคนกำลังเป็นหนี้ตายตั้งแต่อยู่ในท้อง
ชายหนุ่มกำลังจะยกมือไหว้ลา แต่บริษัทแห่งนี้เพิ่งเป็นที่แรกจากหลายสิบที่บอกตกลงรับเขาเข้าทำงาน ถ้าเขาปฏิเสธ ลูกสาวที่คอยอยู่ที่บ้านจะเอาอะไรกิน
“ผมจะทำครับ”
“งั้นรอฟังผลเดือนหน้านะเจ้าหนุ่ม ไปได้แล้ว” ผู้จัดการโบกมือไล่และยกหูโทรศัพท์คุยงานต่อราวกับไม่เห็นชายหนุ่มชุดปอน ๆ ในสายตา เขามานั่งรอสัมภาษณ์งานตั้งแต่เก้าโมงตามเวลานัดแต่ได้เข้าจริงตอนบ่ายโมง สาวออฟฟิซทั้งหลายก็เดินผ่านไปมาทำเหมือนเขาไม่อยู่ในสายตา น้ำสักแก้วยังไม่ถึงคอ มาตอนนี้ความหวังรวยรินก็เบาบางลงทุกขณะ
“ขอผมเริ่มงานวันพรุ่งนี้เลยไม่ได้หรือครับ ผมพร้อมแล้ว”
“ยัง ๆ ใจเย็นก่อน ผมต้องเสนอให้เบื้องบนพิจารณาผู้สมัครอีกหลายคน ยังไม่หมดเวลานี่”
ประตูสำนักงานปิดไล่หลัง ถนนสายนี้ไม่มีตำแหน่งงานว่างสำหรับเขาเลยสักแห่ง มีคนบอกว่าต้องเดินหางานจนรองเท้าพัง เขาก็เพิ่งเข้าใจซึ้งถึงขั้วตับ เด็กจบใหม่คนอื่นอาจมีทางบ้านช่วยจุนเจือ แต่สำหรับเขา นอกจากจะถูกพ่อแม่ตัดหางปล่อยวัดเพราะเกเรแล้ว ยังมีลูกตัวน้อยผูกคอไว้หนักกว่าใคร
“อาแปะ... เอาน้ำแดงเย็น ๆ ขวดนึงแล้วก็ไข่สิบฟอง”
เขาดับเครื่องมอเตอร์ไซด์แล้วทรุดตัวนั่งพักหลบแดดร้อนแรงใต้ชายคาร้านขายของชำ อากาศอบอ้าวไร้ลมพัดเรียกเหงื่อซึมเต็มแผ่นหลัง เสียงหมาเห่ากรรโชกยิ่งพาอารมณ์เสีย เขาต้องไปสัมภาษณ์งานอีกที่ก่อนกลับ แต่ก็แวะซื้อของแถวบ้านก่อน อาแปะส่งถุงน้ำแดงเย็นชื่นใจให้พลางกดเครื่องคิดเลข
“ค่าน้ำสิบบาท ค่าไข่ห้าสิบ รวมหกสิบ”
“เฮ้ย อาแปะ ไข่ฟองจิ๋วเดียวยังกับไข่นกกะทาเนี่ยนะห้าบาท ไหนทีวีบอกว่าไข่ลูกใหญ่สุดให้ขายไม่เกินฟองละสี่บาทไง คนเดือดร้อน อาแปะก็น่าจะช่วย ๆ กันบ้าง”
“ของมันมาแพง อั๊วะก็ต้องขายแพง ค้าขายนะเว้ยไม่ใช่องค์กรการกุศล ลื้อไม่พอใจก็ไปซื้อที่อื่น ไม่ก็ฝากร้องเรียนนายกฯแทนอั๊วะด้วยว่าโชห่วยกำลังจะเจ๊ง”
“ก็อาแปะขายแพง คนถึงเดินห้างกันหมด ผมไม่เอาไข่แล้ว เอานมผงแทน”
“ไม่ได้ ๆ ค่านมนังหนูวันก่อน ลื้อก็ยังไม่จ่ายมาเลย เอาเงินมาก่อน”
อาแปะเรียงไข่คืนที่เดิมพลางกลับไปนั่งดูโทรทัศน์โดยไม่สนใจอีก แต่ตะโกนบอกให้ลูกน้องเก็บเงินค่าน้ำจากลูกค้าแทน เขาจึงล้วงเศษเหรียญส่งให้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และนึกขึ้นได้ว่าเด็กตัวน้อยถูกขังทิ้งไว้ในบ้านคนเดียวคงจะร้อนและร้องไห้อยู่แน่นอน ดวงตากลมโตจะเฝ้ามองให้ประตูเปิดออกในตอน เย็นเสมอ บางครั้งเธอหิว แต่พ่อก็บอกว่าให้อดทน
“พ่อมาแล้วจ้า หิวไหมลูก ขอโทษที่กลับมาช้านะ พ่อยังสมัครงานไม่ได้เลย แต่ลูกพ่อเก่งที่สุดเลย”
อ้อมแขนอบอุ่นรับลูกสาวมาสวมกอด เพียงคำชมสั้น ๆ ก็เรียกรอยยิ้มกว้างน่ารักจากแม่หนู เขาเหลือบมองนาฬิกาแล้วก็ถอนใจว่าลูกต้องอดนมเกือบสิบชั่วโมง กระปุกออมสินใบเล็ก ๆ ที่ตั้งใจจะออมเป็นเงินฝากเข้าโรงเรียนดี ๆ ให้ลูกก็ต้องนำมาทุบเพื่อขอใช้กินก่อน เขาอุ้มลูกขึ้นนั่งมอเตอร์ไซด์ เจ้าตัวน้อยดูชอบใจที่พ่อพาเที่ยวรับลมเย็น ๆ ข้างนอกจึงขย่มตัวคึกคัก เขากะว่าจะรีบซื้อนมให้แต่ก็เศร้าใจที่น้ำมันกำลังจะหมด
“จะไปไหนกันจ๊ะพ่อลูกอ่อน ค่าเช่าบ้านของพี่ล่ะ สี่เดือนแล้วนะจ๊ะ”
เจ๊เดือนตะโกนทักที่หน้าถนน พูดให้ถูกคือบ้านเช่าทั้งแถบเป็นของแก คุณนายเดือนดาราก็แต่งตัวบ้าน ๆ ใส่ผ้าถุงกับเสื้อยืด กลับมีสมบัติล้นบ้าน ผิดกับเมียของเขาที่วัน ๆ ก็แต่งหน้าทำผม ซื้อกระเป๋ารองเท้าเต็มบ้าน ดาราคนไหนจามก็ยังรู้ข่าวเพราะตามซื้อนิตยสารกอสซิปทุกฉบับ อยากรู้จริงหนอว่าดาราพวกนั้นทำให้อิ่มท้องได้ไหม
“ขอไปซื้อนมให้นังหนูก่อนนะครับพี่เดือน ผมกำลังหางานทำ ขอเวลาผมอีกนิดนะครับ”
“สิ้นเดือนนี้เท่านั้นนะจ๊ะ มีคนมาถามหาบ้านเช่าหลายคนแล้ว พี่ก็ลำบากใจ” เขาก้มหน้ายอมรับก่อนจะบึ่งรถต่อ เด็กน้อยเริ่มร้องโยเยด้วยความหิวโหย ชายหนุ่มจึงเร่งความเร็วขึ้นแต่ยังไม่ทันถึงร้านขายของชำ ตำรวจจราจรก็โบกเรียกให้จอดข้างทางเสียก่อน
“สวัสดีครับ ขออนุญาตตรวจใบขับขี่ คุณไม่สวมหมวกกันน๊อก ผิดกฏจราจรนะครับ”
“โธ่ คุณตำรวจครับ ขอร้องล่ะ ผมกราบก็ได้ ผมจะไปซื้อนมให้ลูกตรงนี้เอง ผมไม่ได้ตั้งใจทำผิดนะครับ ช่วยอะลุ่มอล่วยสักครั้งเถอะ”
“ไม่ได้ ๆ ผมเป็นคนตรงไปตรงมา ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด คุณจะให้ผมทำยังไง” จ่าจับแฮนด์มอเตอร์ไซด์ไว้แน่นพลางยิ้มยิงฟันขาว เขาจึงรู้ได้ทันทีว่าค่าปรับกลางถนนมันแพง
“ผมไม่มีเงินครับ ได้โปรดเถอะ ผมมีทั้งเนื้อทั้งตัวแค่สองร้อยเป็นค่านมลูก ปล่อยผมไปเถอะครับ”
“ผมก็มีลูกมีเมียต้องเลี้ยงเหมือนกันครับ เงินเดือนตำรวจมันไม่พอส่งให้พ่อแม่ที่ต่างจังหวัด ทำไมคุณไม่ฝากลูกให้ที่บ้านเลี้ยงล่ะ มีเด็กแล้วหากินไม่สะดวก ส่งเงินให้ก็เหลือเฟือ”
“ผมไม่อยากทิ้งลูกครับ เห็นแก่เด็กตาดำ ๆ สงสารมันเถอะ”
“ไม่ได้ ๆ ไม่เสียค่าปรับก็ต้องยึดรถ ตามไปเคลียร์ที่โรงพักก็แล้วกัน” จู่ ๆ รถสปอร์ตคันหรูก็โฉบเข้ามาจอดไม่ไกล ตราสติ๊กเกอร์สารพัดแปะอยู่ที่หน้า
กระจกเหมือนยันต์กันผี ด้านในแขวนชุดสีกากีประดับยศโอ่อ่า ชายหนุ่มจึงชี้นิ้วถามจ่าโดยพลัน
“อ้าว! แล้วทำไมรถคันนั้นจอดหน้าป้ายรถเมล์ จ่าไม่ไปจับบ้างล่ะ ผมต้องใช้รถคันนี้หากินนะครับ ถ้าจ่ายึดไปแล้วผมจะทำยังไง ถ้าจ่าจะจับก็ต้องจับทุกคัน ด้วย”
“ก็อยากจับ แต่เขาเป็นเด็กนาย ทำใจเหอะครับ”
สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องอุ้มลูกเดินริมถนนไปซื้อนม จะสงสารก็สงสารเด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรด้วยต้องมาลำบากกับพ่อ เขาน้ำตาไหล ไม่รู้จะทำเช่นใดให้ลูกสาวมีความสุข ซ้ำร้ายเงินที่มีก็ซื้อนมผงเป็นกล่องสุดท้ายแล้ว บิลค่าใช้จ่ายนับสิบประดังประเดเข้ามาในตู้จดหมายช่วงตกต่ำ เมื่อนั่งเงียบ ๆ ดูลูกสาวหลับปุ๋ยคาขวดนม แววตาอ่อนโรยจึงตัดสินใจบางอย่าง
“พ่อขอโทษนะลูก”
ในวันต่อมา เด็กน้อยในชุดกระโปรงสวยยืนร้องไห้อยู่ที่หน้าสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า ในมืออุ้มตุ๊กตาตัวโปรดและขวดนม เธอตอบคำถามได้เพียงว่าผู้ปกครองพาขึ้นรถเมล์มาส่งที่นี่ แต่บอกชื่อจริงของตัวเองไม่ได้ ชีวิตอันแสนสุขจึงเริ่มเรียนรู้คำว่าทุกข์เป็นครั้งแรก แต่ไม่ยอมหยุดมองบานประตูเลยสักครั้ง
ประตูเปิดออกอีกครั้ง เสียงหัวเราะร่วนของชายหัวล้านก็แว่วออกมา เครื่องประดับเพชรพลอยบนตัวบ่งบอกฐานะมีอันจะกิน แสงสีของบรรยากาศในสถานบริการวูบวาบยั่วกามารมณ์ ชายหญิงตระกองกอดรัดเป็นคู่ตามโต๊ะเหล้าในมุมมืด และดูท่าว่าจะไม่สนใจนักร้องกับตลกบนเวทีเท่าไหร่ เขาทำงานเป็นผู้จัดการทั่วไปของคาเฟ่ ชื่อตำแหน่งฟังดูดี แต่หน้าที่คือเหมางานตั้งแต่ภารโรงยันเด็กรับรถ
“แล้วแวะมาหาติ๋มบ่อย ๆ นะคะป๋า”
“ฮ่าๆ แล้วป๋าจะมาใหม่ วันนี้หนูน่ารักมาก อยากได้ค่าเรียนพิเศษก็บอกได้เลยนะติ๋มจ๋า”
มือเหี่ยวย่นลูบคลำเรือนร่างอวบอัดไม่หยุด เมื่อพอใจจึงหยิบเงินยับ ๆ ฟ่อนใหญ่ยัดใส่ร่องอก และให้ทิปเขาที่เปิดประตูรถให้ หญิงสาวจึงกราบที่อกเสี่ยชูชาติงาม ๆ แล้วหอมแก้มอำลา เมื่อรถปุโรทั่งเคลื่อนจากไป ติ๋มก็คว้าบุหรี่ขึ้นมาสูบทันที
“ทำเป็นอ้างว่าติดงานด่วน อีแก่ที่บ้านโทรจิกไปกินนมนอนล่ะสิไม่ว่า ทั้งเหี่ยวทั้งเหม็น มองอะไรยะ อ๊าย อีนี่ ไปอ้วกที่อื่นไป๊”
ริมฝีปากแต้มสีแดงอิ่มงามด่ากราดใส่เพื่อนสาวประเภทสองที่เมามายจนอาเจียน ใบหน้าของติ๋มดูแก่กว่าวัยแต่ก็สดสวยเมื่อมีเครื่องสำอางตลาดนัดช่วยกลบเกลื่อนรอยทรุดโทรม เขามองติ๋มเงียบ ๆ แต่ไม่พูดอะไร และนึกสังเวชที่เท้าเล็ก ๆ นั้นต้องทรงตัวอยู่บนรองเท้าส้นสูง คล้ายกับว่าต้องการให้ชูตนสูงส่งจากพื้นดินสกปรกมากเพียงใดก็ยิ่งดี
“เอ้า! พวกเรา เถ้าแก่ซื้อตำปลาร้าเลี้ยง รีบมากิน แล้วอย่าลืมแปรงฟันก่อนรับแขกนะยะ”
“วันนี้มีออเดอร์ เต้นโชว์นมเรียกลูกค้าหน่อยนะ ใครกล้าถอด เฮียจะเพิ่มตังส์ให้”
สาวสวยทุกนางส่งเสียงเฮลั่น แม่ค้าขายไก่ย่างส้มตำรถเข็นเห็นสภาพผีเสื้อราตรีแต่ละคนก็แอบบ่นให้เขาได้ยินว่า ถ้ามีลูก:-)แบบนี้ จะไม่ส่งให้มันเรียนหนังสือ ติ๋มถลาเข้าไปร่วมวงอย่างสนุกสนาน นาฬิกาบอกเวลาตีสองแล้ว แต่สถานเริงรมย์แห่งนี้ก็ยังมีนักร้องใส่ชุดวับแวมผลัดเปลี่ยนขึ้นไปสร้างความบันเทิงไม่หยุด พลันหัวใจของพ่อก็คิดถึงลูกสาวตัวน้อยขึ้นจนปวดปร่า
“ติ๋มอายุเท่าไหร่แล้วเหรอ? คุณยังดูเด็กอยู่เลยนะ”
เขาถามขึ้นขณะเข้าไปเก็บกวาดห้องแต่งตัวในวันถัดมา หญิงสาวจึงส่งยิ้มคิกคักให้ เมื่อสวมวิกผมสีชมพู เธอก็เหมือนหลุดออกมาจากโลกแฟนตาซีท่ามกลางกลิ่นเหม็นอับ
“คิดจะจีบหนู ใช้มุกนี้มันเก่าไปแล้วลุง รูดซิปที่หลังให้ติ๋มหน่อยสิ”
เขามองกระโปรงสีลูกกวาดสั้นจู๋อวดเรียวขาแล้วถอนใจ ถุงน่องตาข่ายเข้ากันกับสายรัดเอวเป็นอย่างดี เพียงแค่ก้มเล็กน้อย เนินอกขาวผ่องก็กระตุ้นทุกสายตา
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นกับคุณติ๋มหรอกครับ เพียงแต่ชื่อคุณเหมือนลูกสาวของผม”
“ฮึๆ ลูกสาวลุงคงน่ารักมาก มีพ่อใจดีแถมทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบนี้ หนูล่ะอิจฉาจริง ๆ รู้แล้วอย่าไปบอกใครนะ หนูเพิ่งเต็มสิบสี่”
“อ้าว! แล้วพ่อแม่ยอมให้ติ๋มมาทำเรื่องแบบนี้ได้ยังไง ที่นี่มันไม่เหมาะกับเด็กนะครับ” ติ๋มยักไหล่พลางสบสายตาเขาผ่านกระจกเงาเบื้องหน้า ประตูเปิดเข้าออกไม่หยุด เสียงหัวเราะพูดคุยของเพื่อนร่วมงานคนอื่นยังดังลั่นห้อง แต่เขาไม่สนใจ
“แล้วจะให้ติ๋มไปอยู่ตรงไหนล่ะ ลุงถึงคิดว่าเหมาะ พ่อทิ้งติ๋มไว้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เฮงซวยมั้ยล่ะลุง”
“ละแล้วตอนนั้นติ๋มสบายดีมั้ย? ติ๋มได้เรียนหนังสือไหม? ติ๋มไม่ได้เงินจาก เอ่อ...” เหมือนมีอะไรบางอย่างฟาดเข้าใบหน้าแล้วมาจุกที่ลำคอ เขาพยายามจ้องมองดวงตากลมโตคู่นั้น มองให้ทะลุเครื่องสำอางหนาเตอะ หยดน้ำใส ๆ ก็เอ่อล้นเต็มขอบตาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ฮ่าๆ ลุงสงสารติ๋มเหรอ? โอย ไม่ต้อง ๆ หรอก ตอนนั้นติ๋มสนุกจะตาย มีเพื่อนเล่นเยอะแยะ ครูบอกว่าถ้าเป็นเด็กดี พ่อจะมารับ แต่ติ๋มมันโง่ ขี้เกียจเรียนเอง รุ่นพี่ก็เลยชวนปีนรั้วหนี”
“ละแล้วติ๋มไปอยู่ที่ไหนล่ะ?” หัวใจของเขาแหลกสลายเมื่อหญิงสาวเปิดรอยเข็มฉีดยาที่แขนทั้งสองข้างให้ดู ริมฝีปากหยักงามก็ยกเฉียงขึ้นอย่างไม่ใคร่สนใจอีกฝ่าย
“นอนข้างถนนไงล่ะลุง คอยขายตัวแลกเงินแล้วก็ส่งยาตามประสาเด็กเร่ร่อน อยู่ตามแก๊งค์สนุกจะตาย แต่ผัวติ๋มชอบเมาแล้วซ้อม เพื่อนมันเลยชวนติ๋มหนีมาทำงานที่นี่เพราะเงินดี ได้แต่งตัวสวย ๆ ทุกวัน จะมีงานไหนสบายแบบนี้อีกล่ะลุง นอนแก้ผ้าก็ได้ตังส์”
“แหม! อีติ๋ม หล่อนเพิ่งไปทำแท้งมาหมดตัวก็บอกลุงเค้าไปสิยะ ทำเป็นปากเก่งอีเด็กบ้านแตก” บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่กรี๊ดกร๊าดกันเกรียวกราว ติ๋มจึงถลาเข้าไปตบตีนัวเนีย แต่ร่างของเขาหมดเรี่ยวแรงและไร้วิญญาณ สองขาก้าวเชื่องช้าออกไปจากความวุ่นวายเบื้องหลังเงียบ ๆ แล้วปิดประตูนั่งร่ำไห้ เขาพยายามหายใจเพื่อมีชีวิตอยู่และตะเกียกตะกายไปจากภาพนี้ให้ไกลที่สุด
ประตูสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าเปิดออกช้า ๆ มันส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดปลุกให้เด็กทั้งหลายตื่นขึ้นแล้วร้องให้อุ้มทันที แววตาเศร้าสร้อยระคนเปี่ยมความหวังของแต่ละคนพยายามเรียกให้ผู้ใหญ่หันมา เด็กหญิงตัวน้อยผู้เคยสดใสร่าเริงบัดนี้หงอยเหงาลงอย่างน่าใจหาย เธอเลิกมองประตูนานแล้วและนั่งเล่นคนเดียวเงียบ ๆ จวบจนเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น รอยยิ้มไร้เดียงสาจึงปรากฎอีกครั้ง
“พ่อมาแล้วจ้า ขอโทษที่มาช้านะลูก กลับบ้านเรากันเถอะ” ....................
จากคุณ |
:
natthakarn64
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ก.พ. 55 11:33:41
|
|
|
|