Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
>>>ตำนานรักลำน้ำไนล์<<< บทที่ 5 ติดต่อทีมงาน

บทที่ 5 ความเจ็บช้ำของเจ้าชายแห่งฮิตไทต์

“ไยจึงไม่ทานอะไรเสียบ้างเล่า? ธิดาแห่งไนล์ ท่านมิได้มีอะไรตกถึงท้องมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ”

เจ้าชายอิสมิลทรงจ้องมองหญิงสาวที่นั่งหลบซุกตัวเองอยู่ที่มุมกระโจมด้านหนึ่งด้วยความเป็นห่วง แม้จะอยู่ในระหว่างการเดินทางไกล ข้าวปลาอาหารที่จัดเตรียมหามาให้ก็ถือว่าดีเลิศที่สุด กลับไม่มีร่องรอยแตะต้องเลย ครั้นจะเข้าไปใกล้ๆเพื่อดูอาการ แคโรลีนก็เขยิบหนี เสี้ยวพักตร์งามซีดเซียวและเหน็ดเหนื่อย เพราะพะอืดพะอมกับกลิ่นเนื้อเสือย่างที่ลอยเข้ามาจนแทบทนไม่ไหว

“โปรดถอยออกไป เราสบายดี”

“เราไม่เชื่อ บอกมาเถิดว่าเจ็บปวดตรงไหน หากปิดบังไว้จักยิ่งเป็นผลร้าย” แคโรลีนตกใจที่จู่ๆพระองค์ก็เข้ามาอุ้ม แม้พยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ไร้ผล ทรงนำตัวเธอไปส่งให้นอนพักที่ฟูกหนานุ่มอันเป็นแท่นบรรทมชั่วคราวของทั้งเจ้าชายและแคโรลีน แต่ด้วยศักดิ์และยศฐาแห่งองค์ราชินีอียิปต์ เธอต้องดิ้นรนทุรนทุรายออกจากสภาพอัปยศอดสูและน่าละอายนี้ทันที

“อย่า! เจ้าชายอิสมิลผู้มีเมตตา ได้โปรดอย่าทำแบบนี้”

“เราจะไม่มีวันยอมปล่อยให้เจ้ากลับไปหาเรมอสอีกแล้ว จงเป็นของเราเสียเถิด”
วรองค์สูงใหญ่ตามมาทาบทับแนบสนิท พลางระดมจุมพิต ซุกไซ้ไปทั่วใบหน้างามซึ้งที่ทรงคิดถึงคะนึงหาและอดกลั้นมาตลอดทั้งวัน ด้วยเพราะความปรารถนาลุกโพลงจนหัวใจมืดบอด ทำให้ไม่ยอมรับความจริงว่านางมิได้รัก แคโรลีนจึงรวบรวมแรงเฮือกใหญ่ พลิกตัวกระ:-)กระสนหนีแต่ก็มิอาจหลุดพ้น

“ไม่ ...หยุดเถิด ได้โปรด”

ความอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าเริ่มจู่โจมให้สติเลือนราง หมดแรงจะต่อสู้ดิ้นรน ได้แต่นอนน้ำตาไหล แล้วมองเจ้าชายแห่งฮิตไทต์กระทำลวนลาม ลบหลู่บนเรือนร่างของราชินีแห่งอียิปต์ต่อไป

“อยากได้นักก็เอาไป แต่จำไว้ว่าเราจักมิมีวันมอบสิ่งที่ท่านต้องการให้เด็ดขาด เจ้าชายผู้มีเกียรติ” คำพูดนี้ช่วยหยุดให้พระองค์ชะงักนิ่งไปชั่วครู่ดั่งถูกสายฟ้าฟาด ความลังเลเริ่มบังเกิดแต่ชายหนุ่มก็สะบัดพระพักตร์ไล่มันออกไป ทรงสาบานแล้วว่า ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไรก็ต้องได้นางมาครอบครอง จะมิยอมหวั่นไหวใดๆอีกแล้ว!

“เรามั่นใจว่ารักของเรามิได้ด้อยค่า ธิดาแห่งไนล์ อย่าได้ดูถูกชายคนนี้” ดวงเนตรทอแสงร้อนแรงเปี่ยมสิเน่หายามปลดเปลื้องชุดเนื้อบางออกจากเรือนกาย แล้วต้องแปลกใจเมื่อลูบไล้นวลเนื้อแล้วพบรอยแผลผ่าตัดสีชมพูจางๆที่แผ่นหลัง

“เจ้ามีบาดแผลตั้งแต่เมื่อใด? ตอนนั้นแผ่นหลังขาวผ่องนี้มิได้มีรอยพวกนี้เสียหน่อย”

แคโรลีนได้โอกาสที่อีกฝ่ายกำลังครุ่นคิดจึงถีบตัวเองออกจากอ้อมพระกร ก่อนจะสวมใส่ชุดให้เรียบร้อยและถอยห่างออกมาจากแท่นบรรทม เธอคว้าเหยือกมาถือไว้แน่น พร้อมจะยกขึ้นฟาดเจ้าชายทันทีถ้าถูกทำมิดีมิร้ายอีก

“ตอบเรามาเดี๋ยวนี้ เจ้าเล่นตลกอะไรกันแน่? นั่นมิใช่บาดแผลใหม่ เจ้ากับนางผู้นั้นเป็นคนละคนกันรึ?!”

ร่างบางหอบหายใจหนัก ปวดหัวและทรมานจากอาการวิงเวียน เจ้าชายหนุ่มฝากฝังร่องรอยจุมพิตเป็นสีแดงระเรื่อไปทั่วเนินอก และผ้าผ่อนของทั้งสองฝ่ายก็หลุดรุ่ยมิน่ามอง เธอปาดน้ำตาทิ้งแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมาสบสายตาจ้องมองกับอีกฝ่ายด้วยความคับแค้นใจ

“ใช่! เมื่อทรงรู้แล้วก็โปรดอย่าทำหยาบหยามกับเราเช่นนี้อีก! จักต้องให้เราทำร้ายจิตใจท่านไปถึงเมื่อไหร่? จักต้องให้เราตะโกนใส่ข้างหูของท่านอีกกี่ครั้งว่า เราไม่เคยรักท่าน ไม่เคยเลยเพียงเศษเสี้ยว! คนที่อยู่ในหัวใจของเรามีเพียงองค์เรมอส... เรมอสผู้เดียวเท่านั้น! ฮือ”  

เพียงสิ้นคำ เสียงร้องไห้ก็ระเบิดออกมาด้วยความอัดอั้น แคโรลีนเหวี่ยงเหยือกน้ำทิ้งและทรุดตัวลงสะอื้นไห้ หมดแรงจะทรงตัวยืนได้ไหวอีก ก่อนจะพร่ำเรียกหาเพียงแต่ชื่อของชายคนนั้น แคโรลีนยอมรับแล้วว่ามิอาจฝืนหลอกตัวเองว่าจะลืมองค์เรมอสได้ ในยามนี้ขอเพียงให้อ้อมแขนนั้นกลับมาโอบประคองกันและกันอีกครั้ง ...แค่นี้ก็พอใจแล้ว

“เรมอส... ฮือ เรมอสอยู่ที่ไหน ช่วยเราด้วย ฮึก”

“สุดท้าย... เจ้าก็มีเพียงแต่มัน มิเคยรักเรา ไยค่ำคืนริมฝั่งไนล์นั้นจึงต้องล่อลวงให้เรามีความหวัง เจ้าจักทำให้เรารู้สึกโง่ไปถึงไหน ธิดาแห่งไนล์!”

ทรงเหม่อมองข้อมือน้อยที่เริ่มเป็นรอยแดงจากเชือกมัดก็สะท้อนพระทัย อันว่ารักว่าหลงก็ดั่งเหมือนบ่วงมาร เสียงสายลมราตรีพัดผ่านก็ฟังคล้ายเสียงเสียดสีเย้ยดวงใจ แค่อยากให้นางรักก็ต้องบังคับข่มขืนจิตใจ ช่างน่าสมเพชสิ้นดี

“มีคนบุกรุก มีคนบุกรุก! ป้องกันค่ายกับกระโจมของเจ้าชายเร็วเข้า!”

เสียงตีเกราะเคาะไม้ดังระรัว เหล่าทหารต่างคว้าอาวุธและวิ่งตะโกนโหวกเหวกวุ่นวาย แสงจากดวงเนตรลุกจ้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงลงดาบ เสี้ยวพระพักตร์เศร้าหมองจึงแปรเปลี่ยนเป็นกร้าวกระด้างและดุดัน ไฟคบเพลิงวูบวาบทำให้แคโรลีนเริ่มหวาดกลัว แต่ก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อทรงหันกลับมามัดเธอไว้กับเสากลางกระโจมอย่างแน่นหนา ป้องกันมิให้แคโรลีนหลบหนีขณะชุลมุนวุ่นวาย

“เจ้าจงอยู่ที่นี่! ข้างนอกอันตรายนัก อย่าสร้างปัญหาแก่เรา พวกมันอาจจะเป็นโจรภูเขามาดักซุ่มปล้นสะดม” ทรงรับพระแสงดาบมาคาดสะพายแล่งไว้พร้อมทวนยาวในพระหัตถ์ พลางข่มความเจ็บที่ไหล่ซ้ายและความปวดที่หทัย แล้วก้าวเข้าสู่สมรภูมิที่แสนดุเดือด

“พวกมันเป็นใคร? มากันกี่คน?”

“ยังมิทราบแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ แต่ที่แน่ๆคือพวกมันต้องการตัวธิดาแห่งไนล์”

ความเกรี้ยวกราดฟาดใส่ปฐพีทันที เหล่าทหารติดตามต่างก็รับรู้ได้ถึงรังสีฆ่าฟันและความน่าเกรงขาม สายพระเนตรคมกริบจ้องกลุ่มคนสารเลวและเห็นตัวหัวหน้าเป็นเป้าหมายแล้ว เจ้าชายอิสมิลจึงเหนี่ยวองค์ขึ้นม้าและพุ่งเข้าโจมตีใส่กลุ่มศัตรูที่กำลังตะลุมบอนทันทีโดยมิฟังคำทัดทาน

“ธิดาแห่งไนล์... ธิดาแห่งไนล์อยู่แห่งใด? โปรดตอบกระหม่อมด้วย โปรดช่วยองค์เหนือหัวของพวกเราด้วย”

“เจ้าต้องการตัวธิดาแห่งไนล์ไปทำไม?!”

พระสุรเสียงคำรามตวาดก้องดั่งพยัคฆ์คำรณ น้ำเสียงกระด้างและดุดันปลุกให้สรรพชีวิตในป่ารกทึบยามราตรีแตกตื่น น้ำค้างหนาวยะเยือกพลันระเหิดจากไฟร้อนแรงในแววเนตรเดือดดาล ยามที่ขุนพลยุคุตัสแห่งแคว้นมิโนอันและเจ้าชายรัชทายาทประจัญหน้ากัน ในสนามรบก็ถือว่าทุกอย่างย่อมเท่าเทียม

“กระหม่อมคือยุคุตัสแห่งแคว้นมิโนอัน ติดตามขบวนของท่านมาตั้งแต่เขาซีนาย กระหม่อมต้องการเชิญเสด็จธิดาแห่งไนล์ไปเยือนมิโนอันตามรับสั่งของพระชนนี ขอพระองค์ทรงมีเมตตา”

ชายร่างสูงใหญ่กว่าคนปกติทั่วไปค้อมศีรษะถวายความเคารพ เสียงห้าวหาญก้องกังวานสำแดงถึงความแข็งแกร่งได้ดี ดูได้จากศพทหารฮิตไทต์ที่นอนตายเกลื่อนกลาดอยู่แทบเท้าของมันก็มิต้องแถลงให้มากความ

“หากเราไม่อนุญาต ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์ทั้งสิ้น ไสหัวกลับไปซะ”
“ถ้าเช่นนั้น กระหม่อมต้องเสียมารยาทแล้ว”

ขุนพลยุคุตัสมีทหารในสังกัดกว่าหมื่น แต่ในภารกิจนี้ เขาคัดเฉพาะตัวกลั่นฝีมือฉกรรจ์มาเพียงแค่ 30 นายขึ้นควบหลังม้า เป็นกองล่อหลอกให้อีกฝ่ายสับสนเข้าโจมตี แน่นอนว่าแผนนี้ใช้ได้ผลเมื่อจอมคนแห่งฮิตไทต์โผนเข้ามาพร้อมทวนในพระหัตถ์

ยุคุตัสหัวเราะร่า พลางสั่งให้ทหารนายกองของตนโอบล้อมดั่งปิดประตูตีแมว แต่เจ้าชายไม่ใช่แมว ทรงเป็นเสือ

รองขุนพลถลาเข้ามาอาสาสู้ศึก ทวนต่อทวนดวลสะท้านลั่นค่าย มันหมายจะจับเป็นเจ้าชายแห่งอาณาจักรใหญ่เพื่อถวายเป็นบรรณาการแด่อียิปต์ ทวนของรองขุนพลมือฉมังตวัดเรียกพระโลหิตออกมาได้จริง แต่คมพระแสงทวนที่รวดเร็วกว่ากวักเรียกวิญญาณมันหลุดออกมาจากร่าง ทวนเหล็กด้ามนั้นสลักติดคาซากศพ พระองค์จึงดึงพระแสงดาบที่สะพายหลังเพียงเสี้ยววินาที ทหารม้าแห่งมิโนอันอีก 2 นายก็ด่าวดิ้นจมธรณีไปตามกัน

เจ้ายุคุตัสที่กำลังควบม้าบุกตะลุยเข้าไปในค่ายก็ชักม้ากลับมาช่วยลูกน้องด้วยความโกรธ ชายหนุ่มเองก็เร่งม้าห้อตะบึงเข้าห่ำหั่นโดยมิกลัวเกรง แต่ฉับพลัน สายตาของขุนพลใหญ่ก็เห็นแสงสีทองเป็นประกายล้อแสงไฟอยู่อีกทาง มันจึงดึงสายบังเหียนเพื่อเบนทิศทางกลับกะทันหันจนกระดูกม้าลั่นสะท้าน แต่ไฟในอกของเจ้าชายอิสมิลแทบระเบิดกว่านัก เพราะแคโรลีนกำลังเดินสะเปะสะปะหลงเข้ามากลางสมรภูมิโดยไม่รู้เรื่อง ดวงตาสีฟ้าใสจึงเบิกกว้างและทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นม้าสองตัววิ่งควบไล่กันมาสุดฝีเท้า มือที่ถูกมัดอยู่นั้นทำให้เธอขยับตัวไม่สะดวก และคิดไม่ถึงว่าอุตส่าห์ดิ้นรนจนเชือกหลุดจากเสากลางกระโจมได้แล้ว แต่คงต้องมาสิ้นชื่ออยู่ที่ป่าสนอันห่างไกลเช่นนี้

“กรี๊ด”

มาเรียสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เหงื่อไหลโซมกายทั้งๆที่ลมจากแม่น้ำไนล์พัดโชยเย็นชื่นใจ ทรวงอกหอบหายใจสะท้อนขึ้นลงด้วยความหวาดหวั่น มาเรียนึกเป็นห่วงน้องจับใจ และนอนกระสับกระส่ายยิ่งนัก แม้พยายามฝืนข่มตาอย่างไรก็มิยอมหลับ เตียงบรรทมหรูหรานี้ดีเกินไปสำหรับองค์ราชินีกำมะลออย่างเธอ มาเรียจึงลุกขึ้นนั่งกอดเข่าตัวเองสักพักก็ร้องไห้ออกมา ภาพความฝันนั้นช่างเหมือนจริงราวกับได้อยู่ ณ ที่แห่งนั้นด้วย

“หวังว่าฉันคงจะแค่คิดมากจนฝันเป็นตุเป็นตะไปเอง แคโรลีนเอ๋ยแคโรลีน อย่าทำให้ฉันใจสั่นแบบนี้สิ”

“เป็นอะไรหรือไม่? เราบอกเจ้าแล้วว่าให้คอยอยู่ในกระโจม ไยจึงไม่เคยเชื่อฟัง!”

เสียงตวาดดุลั่นป่าทำให้แคโรลีนยอมเชื่อว่าตัวเองยังไม่ตาย เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่ากำลังซุกกอดอยู่ในอ้อมพระอุระแน่น หญิงสาวจึงผลักพระองค์ออก เจ้าชายอิสมิลทรงคว้าตัวเธอไว้ได้ในจังหวะเดียวกันกับที่พุ่งดาบออกไปแทงใส่ม้าของยุคุตัสจนเตลิดกระเจิง แต่แผลที่ได้รับจากรองขุนพลเริ่มปริแตกและแผลเก่ากำลังอักเสบ สีพระพักตร์จึงซีดเผือดด้วยรู้ตัวดีว่ามิอาจต่อกรกับพลทหารผู้แข็งแกร่งแห่งมิโนอันได้ไหว มันกำลังเปลี่ยนม้าและใกล้จะเปิดฉากอีกครั้งแล้ว

“เราต้องการกลับอียิปต์ เสียงที่เรียกก็อาจจะเป็นพวกนายทหารที่เรมอสส่งมาช่วยก็ได้ เราก็มิคิดจะงอมืองอเท้าเช่นกัน”

แคโรลีนสะบัดเสียงใส่ด้วยความโมโห ในตอนนี้เจ้าชายหนุ่มบาดเจ็บเกินกว่าจะประมือได้อีก พระหัตถ์ข้างหนึ่งจับบังเหียนไว้มั่น ส่วนท่อนพระกรที่อ่อนแรงก็ฝืนโอบกอดแคโรลีนไว้มิให้พลัดตกขณะเร่งม้าวิ่งสุดฝีเท้า ฝุ่นคละคลุ้งตลบ วุ่นวายนัก

“สั่งการลงไป ถอนตัวตามแผน”

ท่านแม่ทัพคนสนิทน้อมรับคำสั่ง รีบใช้ความมืดพรางตัวให้ทหารจำนวนหยิบมือ ล่อลวงให้มิโนอันหลงกลติดตามไป ส่วนพระองค์กับทหารอารักขาที่เหลือก็ถอยไปตั้งหลักยังทิศตรงข้าม ในช่วงรุ่งสางที่กว่าจะสงบเรียบร้อยและหลุดพ้นจากการติดตาม เจ้าชายผู้บาดเจ็บหนักจึงได้เอนกายพักผ่อน
เหล่าทหารต่างเร่งจุดฟืนไฟต้มน้ำต้มยารวมทั้งวิ่งหาสมุนไพรป่ามาถวาย หญิงสาวมองดูการปฐมพยาบาลเจ้าชายอิสมิลอยู่ห่างๆ เมื่อเห็นผ้าพันแผลเปื้อนเลือดพับแล้วพับเล่าก็เบือนหน้าหนี แต่แล้วท่านแม่ทัพก็หมอบคลานเข้ามาคำนับแทบพระบาทพร้อมด้วยล่วมยาชุดใหญ่

“ธิดาแห่งไนล์... ขอทรงช่วยกระหม่อมทำแผลให้เจ้าชายด้วยเถิด ทหารเดนตายเยี่ยงกระหม่อมมิบังอาจ”

“ทรงเป็นเจ้านายของพวกท่านก็สมควรให้ท่านทำถวายให้ก็ถูกต้องแล้ว เรามิใช่หมอ รักษาใครไม่เป็นหรอกนะ” แคโรลีนมองไปทางคนบาดเจ็บที่ร้องครางด้วยความเจ็บปวดแล้วก็อดเห็นใจไม่ได้ ชุดผ้าลินินสีขาวของเธอก็มีรอยเปื้อนคราบโลหิตเป็นทาง พระองค์คงจะบอบช้ำไม่น้อย

“ได้โปรดเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยอมรับผิดทุกอย่างแล้ว ขออย่าได้ถือโทษโกรธเคืองฝ่าบาทเลย ช่วยพระองค์ด้วย ที่ทรงบาดเจ็บครานี้ก็เพื่อช่วยธิดาแห่งไนล์นะพ่ะย่ะค่ะ พวกมันต้องการลักพาตัวท่าน”

“เอ๋?... กะก็ได้ เราจะทำเท่าที่ทำได้นะ”

แคโรลีนเดินเข้าไปหาโดยที่บรรดาองครักษ์หลีกทางให้ ก่อนจะรับผ้าชุบน้ำอุ่นมาแตะแต้มเช็ดคราบเลือดออกให้แผ่วเบา ท่อนพระพาหาข้างซ้ายปรากฎรอยดาบลึกเป็นทางยาว และเธอเพิ่งจะสังเกตเห็นแผลประหลาดที่ทรงสะดุ้งร้องผิดวิสัยชายชาตินักรบ แม้แคโรลีนจะพยายามเบามือเพียงใดก็ยังมีเสียงลอดออกมาจากไรพระทนต์

“นี่เป็นแผลอะไรหรือเพคะ?”

“จำไม่ได้รึ?... คราที่เราดักขบวนของเจ้าที่ชายแดนบาบิโลเนีย เสียง
กัมปนาทปริศนาก็ดังสนั่นขึ้น เราก็พลันรู้สึกเจ็บปวดเจียนตาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นอาวุธอะไร โอย โปรดช่วยรักษาเราด้วย มีเพียงท่านเท่านั้นที่ทำได้ เทพธิดา...”

“ปืน? ท่านถูกพี่สตีฟยิงจริงรึ? เราทำไม่ได้เพคะ มันเกินกำลังของเรา บาดแผลนี้ต้องผ่าตัดนำหัวกระสุนปืนออก ...ระเราทำไม่ได้”

“กระสุนคืออะไร? อุ๊บ... เราไม่เข้าใจ ได้โปรดเถิด อย่าทอดทิ้งเรา”

ทรงคว้ามือขาวผ่องมากุมที่พระอุระด้านซ้ายไว้แน่น พระสติกำลังหลุดลอย แต่ขอฝากความหวังไว้ที่สาวน้อยผมทองตัวเล็กๆที่ผู้คนทั่วหล้าต่างยกย่องให้เป็นธิดาเทพคนนี้ด้วยความเต็มใจ แต่แคโรลีนลำบากใจนัก เธอไม่ใช่หมอ ไม่มีความรู้จะรักษา ลำพังความทุกข์ร้อนของตนเองก็ยังล้นอยู่เต็มอก ช่างน่าสมเพชเหลือเกิน

............................................

แสงตะวันยามคล้อยบ่ายสาดแสงเข้ามาภายในกระโจมหนังสัตว์หลังใหญ่ ชายผู้สูงศักดิ์จึงลืมพระเนตรขึ้นช้าๆ แต่ขยับองค์ไม่ได้มากเพราะยังคงรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว ทรงกุมแผลที่บ่าและข่มความเจ็บพลางจะก้าวลงจากแท่นบรรทม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่ามีใครกำลังฟุบหลับอยู่ที่ปลายสุดของเตียง พระองค์จึงล้มตัวลงนอนต่อเพื่อขอแอบมองนางต่อไปเรื่อยๆ

ชั่วประเดี๋ยว แคโรลีนก็งัวเงียตื่น แล้วเหลียวมองไปทางปากทางออกก็พบว่ามีเวรยามเฝ้าหนาแน่นเต็มไปหมด เธอหาโอกาสหลบหนีไปไม่ได้เลย ร่างบางจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นไปดูอาการของอีกฝ่ายที่เธอเฝ้าเช็ดเนื้อตัวให้ อย่างน้อยทำได้เพียงเท่านี้ก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว

“ดีจริง ไข้ลดลงแล้ว ยาของท่านแม่ทัพได้ผลจริงๆด้วย เลือดก็หยุดไหลเสียที” พลันพระหัตถ์หยาบกร้านก็พุ่งเข้ามาคว้าข้อมือน้อยที่กำลังวัดไข้ให้พระองค์ไปจุมพิตแผ่วเบา แคโรลีนแตกตื่นไปชั่ววูบแต่ก็สะบัดมือตัว
เองออกอย่างแรง แม้จะอิดโรยและอ่อนแรงแต่สีพระพักตร์กลับแช่มชื่นสุขล้ำยิ่งนัก

“ต่อไปเจ้าต้องมาดูแลเราเช่นนี้ทุกวันนะ”

“ไม่ได้หรอกเพคะ เราต้องกลับอียิปต์ เมื่อท่านกลับถึงฮิตไทต์แล้วก็ขอให้หมอหลวงรักษาเถิด”

“อยู่นิ่งๆแบบนี้สักประเดี๋ยวได้หรือไม่? ได้โปรดเถิดนะ ขอเพียงมีเจ้าอยู่ใกล้ๆก็ไม่ต้องการสิ่งใดแล้ว”

“ปล่อยเราเดี๋ยวนี้เพคะ ท่านเสียมารยาทต่อเราครั้งแล้วครั้งเล่า หยามเกียรติองค์ราชินีแห่งเรมอสกันเกินไปแล้ว!”

“ไยจึงต้องเอ่ยชื่อของมันขึ้นมาด้วย!” แคโรลีนตัวสั่นเมื่อดวงเนตรคมกร้าวฉายแววเดือดดาลจ้องมา พระสุรเสียงทุ้มต่ำน่ากลัวกว่าที่เคย เธอเบือนหน้าหนีจูบลงโทษที่แสนเร่าร้อนแฝงความทรมาน ความโกรธชั่ววูบทำให้พระองค์ลืมสิ้นความสงสาร ดวงตาสีฟ้าต้องหลั่งรินน้ำตาอีกครา เซ่นความโหดร้ายทารุณ

“ฮือ... นี่คือความรักของท่านใช่หรือไม่? เลวสิ้นดี”

“เราขอโทษ ...เรารักเจ้าจึงได้ใจร้อน ขออภัยด้วยเถิด เจ้าก็อย่าได้เคือง...”

“เรามิอยากได้ยินคำเพ้อเจ้ออะไรจากปากของท่านอีกแล้วเพคะ พระองค์แค่หลงและอยากครอบครองเท่านั้นเอง ท่านต้องเห็นเราตายไปต่อหน้าก่อนใช่หรือไม่จึงจะสาแก่ใจท่าน!”

คำกล่าวของนางพุ่งแทงกลางหัวใจของเจ้าชายหนุ่มให้แตกละเอียด ไมตรีแห่งรักแท้ที่ทรงมอบให้ด้วยดวงหทัยอันบริสุทธิ์ถูกนางเหยียบย่ำจนไม่มีชิ้นดี ความหวังริบหรี่เหมือนดั่งจุดคบไฟที่เปียกชื้นกลางพายุ แม้แต่ฟ้าดินก็ยังมิยอมเห็นใจในรักนี้เลย

“คนเห็นแก่ตัวเช่นท่านกำลังจะสร้างหายนะ ก่อสงครามแห่งสองอาณาจักร ผู้คนต้องบาดเจ็บล้มตาย ไร้ความสงบสุข บ้านแตกสาแหรกขาดอีกเพียงใดเพราะความละโมบมักมากของท่าน เจ้าชายอิสมิลผู้ชาญฉลาด!”

ทรงคลายอ้อมกอดออก พลางถอยห่างออกจากแคโรลีน คำกล่าวหาของนางเริ่มสั่นคลอนและมึนงงในหทัย แต่ที่สำคัญคือมันเจ็บ ดวงเนตรสับสนปะทะกับดวงตาสีฟ้าแน่วแน่ แต่แล้วแคโรลีนก็เกิดอาการพะอืดพะอมและคว้ากระโถนมาโก่งคออาเจียนแทบไม่ทัน

“เจ้าเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนไยจึงไม่ยอมบอก”

“อุ๊บ... แค่ก เราสบายดีเพคะ โปรดถอยออกไปเถิด” แคโรลีนผลักชายหนุ่มที่ถลาเข้ามาประคองด้วยความเป็นห่วงออกไป ทรงน้อยพระทัยขึ้นมาเล็กน้อยพลางจะหันไปเรียกคนสนิทให้เข้ามาช่วยดูอาการ แต่ทว่าความคิดที่พระองค์กลัวและกดทับไว้ให้ลึกที่สุดก็ผุดขึ้นมา

“ธิดาแห่งไนล์... เจ้ากำลังตั้งครรภ์บุตรของฟาโรห์อยู่ใช่หรือไม่?” ทรงแน่พระทัยแล้วเพราะเห็นไหล่บางไหวแรง แต่ก็ต้องการคำยืนยันที่แน่ชัดจากปาก

“ตั้งแต่มาอยู่กับเรา เจ้าก็แทบไม่แตะต้องอาหาร หน้าตาซีดเซียว ซ้ำยังอาเจียนเป็นลมบ่อยครั้ง ตอบเรามาเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นเราจักให้เจ้ากินยาขับเด็ก พิสูจน์ให้รู้เรื่อง!”

“เลว! เลวที่สุด เราไม่แปลกใจอีกแล้วว่าทำไมผู้คนจึงตราหน้าฮิตไทต์เป็นแผ่นดินสีเลือด” ความเข้มแข็งและจิตวิญญาณของผู้เป็นมารดาปลุกให้แคโรลีนเกรี้ยวกราด ลุกขึ้นมาปกป้องลูกน้อยในท้อง ต่อให้ต้องถวายชีวิตหรือม้วยมลายลงตรงหน้า ผู้เป็นแม่ก็จะไม่ยอมให้คนผู้นี้ทำร้ายลูกเด็ดขาด!

“ตอบเรามาสิ เจ้ากำลังจะมีทายาทให้เจ้าเรมอสใช่หรือไม่?!” พระหัตถ์หนาบีบข้อมือเล็กๆจนแทบป่นแหลก ความเจ็บกายที่มีก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวความเจ็บใจ ทรงผิดหวังเซซังซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากจะต้องเสียนางให้แก่มันแล้ว ตอนนี้ก็ยังเพิ่มหน่อเนื้อเชื้อสายขึ้นมาตอกย้ำความเจ็บปวดเหยียบย่ำจมใต้ธรณีเข้าไปอีก

‘ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ข้าก็คงไม่มีวาสนาต่อเจ้าแล้วกระมัง’

........................................

แม่ทัพใหญ่แห่งฮิตไทต์เดินวนเวียนไปมาอยู่หน้ากระโจม มิกล้าสอดรู้เข้าไปด้านในแม้จะได้ยินเสียงข้าวของแตกโครมคราม แต่แล้วนกพิราบสื่อสารก็มาถึง สีหน้ากระอักกระอ่วนของชายวัยกลางคนจึงสดชื่นขึ้นทันควัน แล้วจัดแจงตรงดิ่งเข้าไปในกระโจมหนังสัตว์ทันที ก่อนจะโน้มเศียรให้ต่ำที่สุดแล้วเอ่ยรายงาน

“กราบทูลเจ้าชาย องค์เหนือหัวติดต่อมาว่าจะเสด็จมาที่นี่ด้วยพระองค์เองพ่ะย่ะค่ะ คาดว่าเย็นนี้ก็จะถึง”

“เรารู้แล้ว ออกไป”

ทรงโบกพระหัตถ์ไล่ ท่านแม่ทัพจึงได้เห็นสภาพภายใน ราชินีอียิปต์ตัวน้อยที่เขากระทำล่อลวงกำลังนั่งซุกตัวอยู่ที่ด้านหนึ่งเงียบๆ แต่สีพระพักตร์นั้นสงบนิ่งและเยือกเย็นยิ่งนัก ดวงเนตรสีฟ้าคมกริบทอดมองนิ่งคล้ายไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใด ถ้วยยาชามพระกระยาหารหรือเครื่องใช้ต่างหกระเนนระนาด แม่ทัพใหญ่นิ่งอึ้งไปชั่ววูบแล้วต้องสะดุ้ง พยายามกลั้นเสียงอุทาน ก่อนจะรีบถอยออกไป

“จะลุกไปไหน กลับมานั่งเดี๋ยวนี้”

แคโรลีนชะงักและถอยกลับมาตามเดิมหลังจากที่คิดจะตามท่านแม่ทัพออกไปด้วย เมื่อทราบว่ากษัตริย์ฮิตไทต์ผู้มักมากและเหี้ยมโหดกำลังจะมาก็ทำให้แคโรลีนร้อนรนยิ่งนัก เธอยินดีเดิมพันทั้งชีวิตเพื่อปกป้องลูก ไม่ว่าอย่างไรเลือดเนื้อนี้ก็จักต้องปลอดภัย แคโรลีนก็พยายามสู้ด้วยการจ้องตากลับแล้วทอดถอนหายใจ

“เป็นคนป่วยแต่ก็ยังมีเรี่ยวแรงทำลายข้าวของได้อยู่แบบนี้ ท่านคงหายดีแล้วกระมัง เราอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกสักครู่”

“เราไม่อนุญาต!”

“ท่านไม่มีสิทธิในตัวเรา ไม่มีสิทธิ โปรดพึงสังวรณ์ไว้ด้วยเพคะ”

เธอตะโกนใส่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือแล้วรีบก้าวเดินออกไปก่อนจะไม่มีโอกาสอีก แคโรลีนปาดน้ำตาแห่งความอ่อนแอทิ้ง แต่ก็ถูกทหารองครักษ์หน้ากระโจมขวางทางไว้ หอกเหล็กแหลมคมกางกั้นอิสรภาพมิให้ล่องลอยกลับคืนสู่อียิปต์ แคโรลีนกำลังจะหมดหนทาง แต่แล้วรับสั่งจากนายเหนือหัวแห่งฮิตไทต์ก็ช่วย
ให้เธอออกไป

“ปล่อยให้นางเดินเล่นสักพัก แล้วจงติดตามกลับมาส่งอย่างปลอดภัย”

แคโรลีนรีบเดินจ้ำออกจากกระโจมหรูหรางามสง่าแห่งองค์รัชทายาททันทีโดยมิคิดเหลียวหลัง แล้วทำทีเป็นเดินวนเล่นไปรอบๆค่าย อาศัยช่วงที่คนติดตามเผลอ รีบหลบเข้าป่าสนด้านหลัง ก่อนจะกำหนดทิศทางด้านใต้กลับสู่อียิปต์ตามลำพัง แต่แคโรลีนเดินยังไม่ทันพ้นยอดเสาธง พระหัตถ์หนาก็เข้ามาคว้าเอวบางอย่างเกรี้ยวกราด แล้วลากนางกลับสู่ค่ายฮิตไทต์ทันที

มีเงาตะคุ่มๆร่างหนึ่งแอบอยู่หลังต้นสนใหญ่ เขาเป็นจารชนที่เจ้าชายอิสมิลส่งเข้าไปในราชสำนักอียิปต์นานแล้ว ชายหนุ่มร่างกำยำนามกาซิมหมอบกราบนิ่งด้วยสีหน้ากังวลใจ การทำหน้าที่เป็นองครักษ์ปกป้องธิดาแห่งไนล์เป็นสิ่งที่กาซิมเต็มใจทำด้วยความซื่อสัตย์ภักดี องค์เรมอสเองก็ทรงเชื่อพระทัยในฝีมือโดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาเป็นนกสองหัว เป็นบ่าวสองนาย เพราะการรับใช้ราชบัลลังก์ฮิตไทต์ก็เป็นเรื่องที่ข้าราชบริพารคนนี้มิอาจพรากหน้าที่ไปได้เช่นกัน

“กระหม่อมขออภัยพ่ะย่ะค่ะ”

.................................................

“เจ้าจักต้องหนีไปจากเราให้ได้ใช่หรือไม่? รังเกียจที่จะอยู่กับเรามากถึงเพียงนี้เชียวหรือ? ขยะแขยงคนละโมบมักมากเช่นเรานักหรือไรกัน?!”

ทรงเหวี่ยงร่างบางทิ้งลงบนฟูกบรรทมด้วยแรงทั้งรักทั้งโกรธ พระสุรเสียงตวาดก้องจนทหารยามหน้าค่ายก็ยังอดเหลียวหลังและสงสารพระนางน้อยมิได้ สีพระพักตร์หงุดหงิดแต่แคโรลีนก็บึ้งตึงไม่แพ้กัน ถ้ากาซิมไม่คอยแอบติดตามแคโรลีนก็คงจะเตลิดไปไกลลิบแล้ว ในป่าสนยามโพล้เพล้มีสัตว์ร้ายมากมาย ซึ่งเด็กน้อยอ่อนต่อโลกจะรับรู้บ้างหรือไม่ว่ามันอันตรายเพียงใด

“หากทรงคิดเช่นนั้นก็หมดประโยชน์จะพูดกันอีก อีกไม่นานกษัตริย์ฮิตไทต์ก็เสด็จมาถึงแล้ว ต่อให้ต้องเจอกับสิ่งใดในป่ารกร้าง เราก็ต้องหลบหนีเคราะห์กรรมจากราชศัตรูตัวฉกาจเช่นพวกท่าน”

“เสด็จพ่อทรงเป็นกังวลที่เราบาดเจ็บจึงได้มารับด้วยองค์เอง ดีเสียอีกที่จักได้เดินทางสู่ฮัตตูซ่าห์อย่างสะดวกสบาย ใช้เสลี่ยงคานหามมารับเราทั้งสอง เจ้าก็มิต้องทนทรมานบนหลังม้าหลังอูฐอีก”

“เจ้าชายแห่งฮิตไทต์จงฟัง! ในเมื่อท่านได้ล่วงรู้แล้วว่าราชินีผู้นี้กำลังมีรัชทายาทแห่งอียิปต์ ตามประวัติศาสตร์แล้วก็จักต้องฆ่าเพื่อบั่นทอนความมั่นคงของอีกฝ่ายทันที”

แคโรลีนผุดลุกขึ้นแล้วกระแทกใส่อีกฝ่ายจนมึนงงทันที เธอพยายามจะใช้แรงอันน้อยนิดฝ่าหนีออกไปอีกครั้งแต่พระองค์ก็คว้านางกอดไว้ในอ้อมพระอุระ ทรงตกใจกับสิ่งที่เธอเอ่ยออกมามันช่างรุนแรงและคาดไม่ถึง

“เราไม่เคยคิดฆ่าเจ้า ไม่เคยแม้แต่น้อย โอรสแห่งฟาโรห์จักต้องกล้าหาญองอาจ หากเป็นธิดาก็จักต้องงามสง่าน่ารักเช่นเจ้า เรามั่นใจว่าจะรักเด็กคนนี้ได้ไม่ต่างจากลูกของพวกเรา”

“ไม่! ท่านอาจจะไม่ฆ่า แต่เสด็จพ่อของท่านเล่า? กษัตริย์เมืองศัตรูย่อมยินดีที่ได้ราชินีอียิปต์พร้อมบุตรในครรภ์มาต่อรองกับเรมอส ท่านรับรองได้หรือไม่ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น แน่ใจหรือว่าเรากับลูกจะไม่ถูกใช้เป็นเครื่องมือและจุดจบสุดท้ายก็ต้องตาย เรายอมให้ท่านทำร้ายเรมอสกับลุกไม่ได้!” แคโรลีนร่ำไห้พลางตะโกนใส่พระพักตร์

“แต่เจ้าต้องอยู่กับเรา”

อ้อมพระกรกอดรัดแน่นขึ้นแต่แคโรลีนก็ต่อต้านด้วยการทุบพระวรกาย พลางร่ำไห้ระบายความอัดอั้นในโชคชะตาที่เลือกเดินไม่ได้ ความกลัดกลุ้มรุ่มร้อนสุมในพระทัยเพราะรู้ดีว่าจะเป็นจริงตามคำของนาง พระองค์มิได้ลักพาตัวนางเพื่อให้มาตาย สุดท้ายแคโรลีนจึงเป็นลมหมดสติไปในอ้อมอกด้วยความจงใจของอีกฝ่าย

ร่างปวกเปียกดูเล็กจ้อยและบอบบางเมื่อทอดตัวอยู่บนฟูกบรรทมกว้างใหญ่ ผิวนวลเนียนที่เคยงดงามเปล่งปลั่ง มาบัดนี้ซีดเซียวจากอาการไข้กายใจ ทรงเหม่อมองเนิ่นนาน และขอมองให้ความทรงจำนี้ฝังตรึงยาวนาน ก่อนจะประทับจุมพิตไปทั่ววงพักตร์อย่างอ่อนโยน ซับน้ำตาให้แล้วจึงกระชับผ้าห่มแด่นาง

“ลาก่อน ธิดาแห่งไนล์”

....................................................

แคโรลีนลืมตาตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นไม่นานก็ไม่พบผู้ใดอยู่เลย กระโจมรัชทายาทที่เคยอึกทึกวุ่นวายด้วยข้าทาสกลับว่างเปล่าคล้ายสบโอกาสอันหาได้ยากยิ่ง สาวน้อยจึงรีบตะเกียกตะกายลงมาจากแท่นบรรทมโดยไม่ลืมระแวดระไว เมื่อแอบมองจากหลังม่านกระโจมหนังสัตว์ก็แว่วยินเสียงตะโกนสั่งการของเจ้าชายจากอีกทางหนึ่ง แต่แคโรลีนก็ต้องกลั้นลมหายใจประหนึ่งหินศิลาเมื่อมีเวรยามหน้าตาดุดันถือดาบเข้ามาใกล้

เมื่อแคโรลีนสบช่อง รอยยิ้มโล่งอกที่สุดในรอบหลายวันจึงปรากฎเมื่อเธอพาตัวเองออกมาพ้นแนวค่ายฮิตไทต์ได้สำเร็จ ขาเล็กๆที่แทบจะหักได้ในสายพระเนตรชายหนุ่มรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปสุดกำลังที่มี แล้วหลบหลีกเข้าสู่ป่าสนรกทึบ แต่แคโรลีนก็กัดฟันเดินต่อไปให้เร็วที่สุด หารู้ไม่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในดวงเนตรจนหมดสิ้น

“กาซิม... จงจำเอาไว้ หากนางได้รับอันตรายแม้แต่ปลายเล็บ เจ้าก็ไม่ต้องกลับมาให้เราเห็นหน้าอีก จงพาธิดาแห่งไนล์กลับคืนสู่ที่ที่นางต้องการ”

“ตะแต่...ทรงปล่อยให้ธิดาแห่งไนล์กลับอียิปต์ แล้วเจ้าชายเล่า?”

“อย่าสอดรู้! เราตัดสินใจแล้วก็มิคิดเปลี่ยนใจอีก รีบตามไปคุ้มครองแทนเรา”

กาซิมก้มเศียรคำนับถวายเจ้าชายอิสมิล ทรงหันหลังให้ เขาจึงมิได้เห็นพระพักตร์และแววเนตรปวดร้าว ทรงมองส่งนางผู้เป็นดวงใจให้ลาจากไปก่อนที่ขบวนเสด็จของกษัตริย์ฮิตไทต์จะมาถึง ในที่สุดพระองค์ก็ยอมรับความจริงและไม่คิดฝืนหัวใจอีกฝ่ายแล้ว พระหัตถ์กุมอกด้านซ้ายไว้โดยที่โลหิตหลั่งชโลมออกมาอีกครั้ง คล้ายประกาศให้รักนี้จบสิ้นลงพร้อมกับเลือดที่เสียไป ปล่อยให้แคโรลีนไปตามทางที่หัวใจต้องการ...

‘แต่ไยข้ากลับรู้สึกติดใจถึงนางอีกคน แม่หญิงตัวร้ายที่พบกันครานั้น นางชื่ออะไรหนอ?’

จากคุณ : natthakarn64
เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 12:08:28




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com